กรณีศึกษา Wikipedia มีรายได้จากอะไร /โดย ลงทุนแมน
ทุกวันนี้ ถ้าเราจะค้นหาความหมายของคำบางคำ ค้นหาเรื่องราวหรือประวัติของคนสำคัญบางคนในโลกอินเทอร์เน็ต “วิกิพีเดีย” ก็คงเป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่หลายคนต้องนึกถึง
วิกิพีเดีย ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร ?
ที่สำคัญคือ มีโมเดลหารายได้อย่างไร ในเมื่อเราสามารถเปิดเข้าไปอ่านได้ฟรี
ลงทุนแมนจะพาทุกคนไปหาคำตอบด้วยกัน
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
วิกิพีเดีย เป็นสารานุกรมเสรีออนไลน์ คือเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลความรู้ ที่เปิดให้ผู้มีความรู้ ได้เข้ามาแชร์หลากหลายเรื่องราวในทุกสาขาวิชาบนเว็บไซต์
วิกิพีเดีย ก่อตั้งโดยนักธุรกิจชาวอเมริกันสองคนที่ชื่อว่า คุณจิมมี เวลส์ และแลร์รี แซงเจอร์ ในปี 2001 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
แต่เดิมนั้นทั้งคู่ได้ทำโครงการสารานุกรมเสรีออนไลน์ภาษาอังกฤษ ที่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านได้ฟรี โดยมีชื่อว่า “นูพีเดีย” (Nupedia)
ซึ่งคนที่มาเขียนบทความหรือคอนเทนต์ลงในนูพีเดีย ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ที่ถูกคัดเลือกให้มาเขียน และคอนเทนต์ต่าง ๆ จะได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น
ต่อมาเมื่อทั้งคู่ได้ก่อตั้งวิกิพีเดียขึ้น และเริ่มเปิดโอกาสให้ใครก็ได้สามารถเข้ามาเขียนบทความได้บนสารานุกรมออนไลน์แห่งนี้ ไม่จำกัดเฉพาะแค่นักเขียนกลุ่มเดิมที่ต้องได้รับการคัดเลือกเท่านั้น โดยให้เขียนโดยการใช้แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้
ส่วนทางเจ้าของเว็บไซต์วิกิพีเดีย มีหน้าที่เพียงบริหารจัดการเว็บไซต์และเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น และเปิดให้คนทั่วโลก สามารถเข้ามาอ่านเนื้อหาบนวิกิพีเดีย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
โดยในปัจจุบัน วิกิพีเดีย เป็นเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิวิกิมีเดีย (Wikimedia Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
มูลนิธิดังกล่าวยังเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ฟรีอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น
- Wikibooks แหล่งรวบรวมคู่มือ หนังสือตำราหลากหลายประเภท
- Wikiversity แหล่งความรู้ คอร์สเรียนต่าง ๆ
- Wikimedia Commons แหล่งรวบรวมรูปภาพและวิดีโอที่หลากหลาย
- Wikivoyage แหล่งข้อมูลที่เป็นเสมือนคู่มือการเดินทาง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว
ซึ่งเว็บไซต์ต่าง ๆ ดังกล่าวที่ว่ามานั้น ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มวิสัยทัศน์ของมูลนิธิที่ต้องการสร้างฐานข้อมูล และแบ่งปันองค์ความรู้ที่ทุกคนในโลกสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้วิกิพีเดีย ได้กลายเป็นแหล่งความรู้ในโลกออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
แล้วปัจจุบัน ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจของวิกิพีเดีย มีอะไรบ้าง ?
- มีบทความต่าง ๆ ในรูปแบบภาษาอังกฤษ รวมกันกว่า 6.3 ล้านเรื่อง
- จำนวนคำที่อยู่บนเว็บไซต์วิกิพีเดีย รวมแล้วมากกว่า 3,500 ล้านคำ
- จำนวนของบทความที่เข้ามาอยู่บนวิกิพีเดียเฉลี่ยต่อวัน ประมาณ 1,500 บทความ
- จำนวนครั้งที่เว็บไซต์ถูกเข้าชม 263 ล้านครั้งต่อเดือน
- เป็นเว็บไซต์ที่มีคนเข้าใช้งาน สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก
- วิกิพีเดียรองรับภาษาได้ถึง 323 ภาษา
หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อวิกิพีเดีย เปิดให้คนอื่นเข้ามาอ่านข้อมูลต่าง ๆ ได้ฟรี ขณะที่ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการดูแลเว็บไซต์ เซิร์ฟเวอร์ รวมทั้งค่าจ้างพนักงานอีกกว่า 450 คน ในปัจจุบัน แล้ววิกิพีเดีย มีวิธีหารายได้อย่างไร ?
คำตอบคือ “การรับเงินบริจาค” ทั้งจากคนทั่วไป รวมถึงบริษัทต่าง ๆ
โดยที่ประมาณ 93% ของรายได้ทั้งหมดของวิกิพีเดียในปีที่ผ่านมานั้น มาจากเงินบริจาค โดยมีทั้งผู้ที่บริจาคในนามบุคคล และบริจาคในนามองค์กร
ส่วนอีก 7% นั้นเป็นรายได้อื่น ๆ เช่น ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของมูลนิธิ
รายได้และกำไรของมูลนิธิวิกิมีเดีย
ปี 2018 รายได้ 3,300 ล้านบาท กำไร 704 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 3,904 ล้านบาท กำไร 992 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 4,064 ล้านบาท กำไร 495 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ในปี 2020 เรื่องที่ผู้คนเข้ามาค้นหาข้อมูลมากที่สุดบนวิกิพีเดีย เราคิดว่าเรื่องอะไร ?
คำตอบก็คือ เรื่องการระบาดของโควิด 19 ที่กำลังสร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลกนั่นเอง
โดยเรื่องเกี่ยวกับโควิด 19 มียอดเข้ามาอ่านมากกว่า 83 ล้านครั้ง ทิ้งห่างอันดับ 2 ซึ่งเป็นเรื่องของดอนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมียอดคนเข้ามาอ่านทั้งหมดประมาณ 55 ล้านครั้ง ในปีที่ผ่านมา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Wikimedia_Foundation
-https://en.wikipedia.org/wiki/Wikipedia
-https://www.bbc.com/news/technology-32412121
-https://www.feedough.com/how-does-wikipedia-make-money-wikipedia-business-model/
-https://expandedramblings.com/index.php/wikipedia-statistics/
-https://gizmodo.com/2020s-most-popular-wikipedia-pages-pandemics-politics-1845956930
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過13萬的網紅dekchaihuafoo,也在其Youtube影片中提到,อย่าลืมมาสนับสนุนดาโกต้าด้วยนะ!!! http://patreon.com/dekchaihuafoo อยากโดเนท กดนี่เลย https://streamlabs.com/dekchaihuafoo https://tipme.in.th/dekc...
บทความ business 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
"ฉีดวัคซีนยี่ห้อหนึ่ง แล้วฉีดอีกยี่ห้อหนึ่ง ได้หรือไม่? ... ผมว่าได้ ครับ"
มีคำถามที่ยังสงสัยกันอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ก็คือว่า ถ้าเราฉีดวัคซีนยี่ห้อหนึ่งแล้ว จะไปฉีดวัคซีนยี่ห้ออื่นได้ไหม ?
ตามหลักแล้ว สามารถทำได้ครับ ... โดยคำแนะนำพื้นฐานคือ ให้ฉีดวัคซีนยี่ห้อแรก ให้ครบโดสของมันก่อน (เช่น ฉีดซิโนแวค ให้ครบ 2 เข็ม และรอจนภูมิคุ้มกันขึ้น) รอสักช่วงเวลาหนึ่ง (อย่างน้อย 1 เดือน)
แล้วค่อยฉีดวัคซีนยี่ห้อใหม่ ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างโปรตีนของไวรัสเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (เช่นไปฉีดวัคซีนไวรัสเวคเตอร์ อย่างยี่ห้อ astrazeneca หรือวัคซีน mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์และ modena ) ซึ่งอาจทำให้ร่างกายมีลักษณะของภูมิคุ้มกันที่หลากหลายขึ้น
วิธีที่ฉีดวัคซีนไปตัวนึงแล้วพยายาม boost เพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนอีกตัวหนึ่งนี้ เรียกกันว่า heterologous prime-boost
ซึ่งในกรณีของโรคโควิด-19 นั้น มีคนกำลังทำวิจัยกันค่อนข้างมากทีเดียว จากปัญหาของวัคซีนที่มีให้ฉีดในแต่ละประเทศนั้น อาจเกิดการขาดแคลน หรือเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ขึ้น (อย่างเช่นกรณีของวัคซีน astrazeneca ที่ถูกระงับการใช้ ในผู้ที่มีอายุน้อย ในกลุ่มประเทศยุโรป ) ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนยี่ห้อในการฉีดเข็มที่ 2 และอาจกังวลกับเรื่องความปลอดภัย
ตัวอย่างเช่น บทความวิจัยล่าสุด ที่พิมพ์ในวารสารวิจัย Lancet เรื่อง "Heterologous prime-boost COVID-19 vaccination: initial reactogenicity data" นี้ (https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(21)01115-6/fulltext) ที่พบผลข้างเคียงตามมาในระยะสั้นบ้าง (เช่นมีโอกาสเป็นไข้ตัวร้อนปวดเมื่อยเพิ่มขึ้น) แต่ก็ไม่มากนัก
ขอยกข่าวงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำในประเทศสเปน ซึ่งท่านอาจารย์หมอ มานพ (ศ. นพ. มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) ได้กรุณาเขียนบทความไว้ด้านล่างนี้
(จาก https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10160940371128448&id=609703447 ... ขออภัยที่ไม่สามารถแชร์บทความมาได้โดยตรง)
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนยี่ห้อที่ 2 ต่างออกไปจากยี่ห้อแรก ก็สามารถให้ผลการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี และมีผลข้างเคียงน้อย
---------
(บทความ อาจารย์หมอ มานพ) ตอบข้อสงสัยหลายคนครับว่า "วัคซีนเข็มแรกกับเข็มสองฉีดต่างชนิดกันได้"
Carlos III Health Institute ของสเปน เจ้าของการศึกษา CombivacS study เพิ่งแถลงข่าวผลการศึกษา randomized heterologous prime-boost ของวัคซีนต่างชนิดกัน โดยอาสาสมัครอายุน้อยกว่า 60 ปีถูกแบ่งกลุ่ม กลุ่มแรก 442 คนได้รับวัคซีน AstraZeneca เข็มแรก แล้วตามด้วย Pfizer vaccine เข็มที่สองใน 8 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มควบคุม 221 คนที่ได้ AstraZeneca เข็มแรกเข็มเดียว แล้วทำการวัด antibody หลังฉีดเข็มที่สอง 14 วัน
ผลการศึกษาพบว่า ระดับ antibody สูงขึ้นหลังฉีด Pfizer vaccine เข็มสองถึง 30-40 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้วัคซีน เมื่อทำ neutralization test พบว่าพลาสม่ามีระดับ neutralizing antibody สูงขึ้นราว 7 เท่า เทียบกับอีกการศึกษาหนึ่งที่ฉีด AstraZeneca vaccine 2 เข็มพบว่าระดับ neutralizing antibody เพิ่มขึ้นราว 3 เท่า โดยผลข้างเคียงของ heterologous prime-boost พบน้อยและไม่รุนแรง
สเปนเป็นประเทศหนึ่งที่ประกาศงดใช้ AstraZeneca vaccine ในประชาชนอายุน้อยกว่า 60 ปีหลังมีรายงาน VITT ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ได้รับวัคซีนนี้ไปแล้วเข็มแรก ต้องหาทางเลือกที่เหมาะสมว่าควรทำอย่างไร เป็นสาเหตุที่ทำให้การศึกษานี้ทำได้เร็วมาก และคำตอบออกมาเป็นข่าวดี คือฉีดสลับได้ ปลอดภัย และกระตุ้นภูมิได้ดีมากด้วย
CombivacS >> https://studies.epidemixs.org/en/proyecto/covid-study-vaccine-dose/
-----------
ภาพและข้อมูล จาก https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/spanish-study-finds-astrazeneca-vaccine-followed-by-pfizer-dose-is-safe-2021-05-18/
บทความ business 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
วันก่อนมีน้องผู้ชายคนหนึ่งถามผมว่า “ตอนทำเพจในช่วงแรก พี่สร้างฐานผู้ติดตามแรกยังไง มีไปโพสต์ตามกลุ่มต่างๆ ไหม ?”
.
ผมตอบไปว่า “พี่ไม่เคยไปโพสต์ตามกลุ่มเลยนะ พี่ก็แค่เขียนบทความทุกวัน โดยไม่มีวันหยุด ซึ่งก็มีคนแชร์ไม่มาก บางคนก็เอาไปแชร์กลุ่มของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่ได้ถือว่ามีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมากมายเท่าไหร่ จนวันหนึ่งคุณหนุ่ม กรรชัย เชิญไปออกรายการโหนกระแส มันก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนให้มีคนตามมาติดตามเพจประมาณ 3,000 คน จึงทำให้มีฐานผู้ติดตามแรกเข้ามา ซึ่งมันก็ทำให้ง่ายขึ้น เพราะคนก็แชร์มากขึ้น จนทำไปทำมามันก็มีบทความที่เป็นไวรัล ทำให้มีคนติดตามทะยานขึ้นเป็น 20,000 คน แล้วมันก็โตเรื่อยมาจนถึง 250,000 คน ในวันนี้”
.
พอผมพูดจบ น้องคนนั้นก็เอ้ยขึ้นมาว่า “อ่อ ถึงว่าล่ะทำไมเพจโตเร็ว เพราะพี่โชคดีได้ไปออกรายการทีวีนี่เอง อะไรๆ มันก็เลยง่ายไปหมด จะต้องทำยังไงถึงจะโชคดีแบบพี่บ้าง”
.
ถ้าถามว่า ผมโชคดีไหม ?
.
คำตอบคือ ใช่ ผมโชคดี และ “ความโชคดี” มันก็มีจริงๆ แล้วผมก็จะเล่าให้ฟัง ว่ามันมีวิธียังไง เราที่จะนำพาให้เราไปเจอกับความโชคดีได้
.
ตอนผมเริ่มทำเพจใหม่ๆ ใน Blockdit เมื่อประมาณเกือบๆ 2 ปี ที่แล้ว ตอนนั้นผมเริ่มทำกับคนรู้จักคนหนึ่ง เขาเริ่มต้นได้ดีกว่า สามารถเขียนบทความจนได้รับ “ดาว” แซงผมไปหลายดวง แถมยังสร้างรายได้ ได้มากกว่าผมอีก
.
อย่างไรก็ตาม พอทำไปเกือบ 6 เดือน เขาก็เริ่มเขียนบ้างไม่เขียนบ้าง เพราะด้วยความที่เวลาอาจจะน้อย และ รายได้จากการเขียนไม่ได้เยอะ สู้ทำงานอย่างอื่นที่ได้เงินเยอะกว่าไม่ได้
.
ส่วนตัวผมก็ยังเขียนบทความทุกวันเหมือนเดิม และได้มีโอกาสเจอกับเจ้าของเพจดังในประเทศไทย ตอนเขาเข้ามาเทรนนิ่งฝ่ายการตลาดในบริษัทที่ผมฝึกงานอยู่ ซึ่งพอพี่เขาเห็นผมเขียนบทความ เขาก็ได้สอนเทคนิคการเขียน และ ขัดเกลาลวดลายการใช้คำ การใช้ภาษาให้ผม แถมยังให้ผมไปเรียนคอร์สที่พี่เขาสอนฟรีๆ อีก จนสามารถเขียนบทความออกมาได้แหลมคมมากขึ้น
.
อยู่มาวันหนึ่ง มีลูกเพจทักมาบอกว่า บทความของผมได้ไปออกรายการทีวีช่องไทยรัฐนะ พร้อมส่งลิ้งให้ผมตามไปดู ซึ่งผมก็ลองอ่านคอมเมนต์ดู ปรากฎว่ามีคอมเมนต์บอกว่า “ทำไมค้นหาเพจสมองไหลไม่เจอ”
.
ผมก็เลยรู้ทันทีว่าตอนนั้น Blockdit เป็นแพลตฟอร์มที่เฉพาะกลุ่มมาก ยังไม่มีคนรู้จักมาพอ จึงตัดสินใขเปิดเพจบนเฟซบุ๊กอีกช่องทาง
.
แล้วผมก็ทำแบบเดิมคือ เขียนบทความทุกวัน ซึ่งตอนนั้นคนรู้จักที่เริ่มเขียนเพจพร้อมกับผมเริ่มเห็นแล้วว่ามันไม่สร้างรายได้ เพราะขนาดผมเขียนมากกว่ายังไม่มีรายได้เลย เขาก็เลยหยุดเขียนไปพักใหญ่ๆ
.
ในขณะที่ผมตั้งหน้าตั้งตาเขียนทุกวัน แม้จะเริ่มทำงานประจำ กลับบ้านดึก หรือ จะเหนื่อยมากแค่ไหน ผมก็ยังเขียน เขียนทั้งที่เหงื่อยังท่วมตัวและเมื่อยขาจากการเดินทาง
.
จนเช้าวันหนึ่งขณะที่ผมยังไม่ตื่น ก็มีเสียงโทรศัพท์บน Messenger ดังขึ้น ผมเอื่อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วกดรับสาย
.
“สวัสดีครับ คุณไหล ใช่ไหมครับ (แต่ผมไม่ได้ชื่อไหลนะ) พอดีพี่อ่านบทความของน้องแล้ว พอจะช่วยมาออกรายการพูดเรื่องในบทความนี้หน่อยได้ไหมครับ”
.
ผมถามกลับไปว่า รายการไหน เวลาเท่าไหร่ ?
.
ปลายเสียงตอบกลับมาว่า “รายการโหนกระแส ทางช่อง 3 เวลา 12.15 น. ครับ (ตอนนั้นเวลา 10.30 น.)”
.
ผมตอบกลับไปทันที ทั้งทียังไม่ได้ล้างหน้าแปลงฟันว่า “ได้ครับ” แล้วรีบวิ่งไปอาบน้ำ
.
ใช่ครับ ปลายสายคือ คุณหนุ่ม กรรชัย พิธีกร ชื่อดัง
.
หลังจบรายการผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วเปิดดูเพจตัวเอง ผมถึงกับตกใจ เพราะมีคนมากดติดตามเพิ่มเป็น 3,000 คน จากที่ตอนนั้นมีคนติดตามแค่ไม่กี่ร้อย แล้วมีคนเข้ามาคอมเมนต์ในบทความนั้นมากมาย
.
แล้วผมก็ยังทำแบบเดิมคือ เขียนบทความทุกวัน จนกระทั่งมีบทความมีอยู่ 2-3 บทความ ที่เป็นไวรัล มียอดแชร์ทะลุหมื่นครั้ง จนทำให้เพจเติบโตจนมีผู้ติดตาม 70,000 คน
.
ผมก็เลยเริ่มลองเอาหนังสือมาขาย โดยไปซื้อจากหน้าร้านในราคาปก โดยได้กำไรจากส่วนลดบัตรสมาชิก 5 เปอร์เซ็นต์ และ โปรโมชั่นอื่นๆ
.
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมเขียนบทความถึงหนังสือวิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน บ่อยมาก มากจนผู้เขียนทักมา แล้วนัดเจอผม พร้อมมอบส่วนลดให้มากกว่า 6 เท่า แต่เป็นหนังสือของเขาปกเดียว
.
ทำให้ผมเริ่มมีรายได้เสริมเข้ามา แต่แค่เพียง 2 เดือน รายได้เสริมมันก็แซงรายได้จากงานประจำไปแล้ว
.
แต่ผมก็ยังทำแบบเดิมก็คือ เขียนบทความทุกวัน จนวันหนึ่งมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งทักเข้ามาซื้อหนังสือ แล้วบอกว่าเขาทำงานที่ บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จํากัด ผมก็เลยพูดคุยกับพี่คนนี้ จนพี่เขาไปตามหาเบอร์โทรของคนที่เป็นฝ่ายขายหนังสือมาให้พร้อมขอข้อเสนอพิเศษมาให้ผมเรียบร้อย
.
ทำให้ผมได้รับข้อเสนอส่วนลดค่าหนังสือที่มากพอที่จะทำให้ผมทำกำไรมากขึ้นกว่า 6 เท่า ในขณะที่ทำงานเท่าเดิม
.
และเมื่อผมมียอดขายหนังสือทะลุ 1,000 เล่ม ก็เดือน ก็ทำให้มีสำนักพิมพ์ต่างๆ เข้ามายื่นข้อเสนอดีๆ ให้ผมมากมาย เพื่อให้ผมขายหนังสือของเขา
.
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้เขียนหนังสือวิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน ซึ่งเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ด้วย ก็ติดต่อเข้ามาให้ผมเขียนหนังสือของตัวเองเป็นเล่มแรกของชีวิต
.
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีซีอีโอ สำนักพิมพ์ชั้นนำต่างๆ เข้ามาติดต่อให้ผมเขียนหนังสือเล่มต่อไปให้อีกมากมาย และก็ยังมีโอกาสได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือเรียกง่ายๆ ว่าคอนเนกชั่นกับบุคคลชั้นนำต่างๆ ในวงการหนังสืออีกมากมาย
.
มาถึงวันนี้ ผมมีผู้ติดตามเพจ 250,000 คน และ มีรายได้จากเพจมากกว่าตอนทำงานประจำ 5 เท่า ในขณะที่คนรู้จักที่เริ่มทำเพจพร้อมกับผมนั้นยังมีผู้ติดตามประมาณ 2,000 กว่าคน เพราะทำๆ หยุดๆ
.
ผมยอมรับว่าผมโชคดีหลายอย่างมาก.
.
- โชคดีที่ได้เจอกับพี่เจ้าของเพจดัง และได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับการเขียนจากเขา
- โชคดีที่ได้ไปออกรายการทีวีจนทำให้มีฐานผู้ติดตามแรกสำเร็จ
- โชคดีที่ผู้เขียนหนังสือวิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน เห็นสิ่งที่ผมทำแล้วให้ข้อเสนอที่ดีแถมยังให้โอกาสผมได้เขียนหนังสือเล่มแรก
- โชคดีที่บทความเป็นไวรัล จนทำให้มีผู้ติดตามทะลุหลักหมื่น
- โชคดีที่เริ่มขายหนังสือจนมีรายได้
- โชคดีที่ได้รู้จักกับพี่ที่ทำงาน บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จํากัด จนได้ข้อเสนอที่ดี ทำให้มีกำไรมากขึ้น
- โชคดีที่ได้รู้จักบุคคลชั้นนำต่างๆ ในวงการหนังสือ
.
แต่ถ้าสังเกตดีๆ คุณจะพบว่า “ความโชคดี” มันมักจะเดินตามหลัง “โอกาส” เสมอ
.
และคนที่ยอมรับ “โอกาส” เท่านั้น ที่จะได้รับ “ความโชคดี”
.
โอกาส นั้นมีอยู่มากมายเต็มไปหมด มากเสียคนหลายคนมองไม่เห็นค่าของมัน
.
- ถ้าผมไม่เริ่มอ่านหนังสือ ผมจะเขียนบทความได้ไหม
- ถ้าผมไม่ยอมรับโอกาสที่จะเริ่มเขียนบทความทุกวัน วันที่ผมเจอพี่เจ้าของเพจชื่อดัง เขาจะสอนเทคนิคการเขียนผมไหม
- ถ้าผมไม่เขียนบทความทุกวัน คุณหนุ่ม กรรชัย คงไม่เห็นบทความของผม
- ถ้าผมไม่เอาหนังสือมาขาย ผู้เขียนคงไม่เห็นบทความ จนอยากนัดเจอพูดคุยกับผมแล้วให้โอกาสอื่นๆ
- ถ้าผมไม่ลองเอาหนังสือมาขาย พี่ที่ทำงาน บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จํากัด ก็คงไม่ทักเข้ามาซื้อหนังสือจนหาข้อเสนอที่ดีมาให้
- และแน่นอนที่สุด ถ้าผมไม่เริ่มต้นทำเพจ ก็คงไม่ได้รู้จักกับบุคคลชั้นนำในวงการหนังสือ
.
ทุกอย่างเริ่มจากโอกาสทั้งนั้น โอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โอกาสเข้าถึงความรู้ โอาสเข้าถึงหนังสือ โอกาสเข้าถึงและเขียนบทความลงโซเชียลมีเดีย โอกาสที่จะเอาของมาขายบนออนไลน์
.
ทุกคนมีโอกาสเริ่มต้นได้เสมอ อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำ
.
การเริ่มต้น ลงมือทำ อะไรสักอย่างเล็กๆ น้อยๆ เป็นครั้งแรก นั้นแหละคือ การเปิดประตูรับความโชคดีให้เข้ามาในชีวิต
.
คุณต้องผ่านด่านแรกที่มีชื่อว่า “โอกาส” ให้ได้ก่อน แล้วคุณก็จะพบ “ความโชคดี” ที่รออยู่เบื้องหลังมัน
.
โชคลาภ มันรอให้เราเข้าไปหาเสมอ แต่คนส่วนใหญ่มักรอให้ โชคลาภ เข้ามาหา โดยไม่ผ่านกระบวนการที่มีชื่อว่า "โอกาส" จึงไม่แปลกที่จะไม่ได้พบเจอหน้าตาของสิ่งที่เรียกว่า “ความโชคดี” เลย
.
แล้วก็ได้แต่ขอพลังจักรวาล ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
.
แต่เชื่อเถอะ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน โยนเงินทองลงมากองต่อหน้าคุณหรอก อย่างที่ครั้งหนึ่งแขกรับเชิญในรายการ Business Way เคยพูดเอาไว้ว่า "หากคุณไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร ถ้าคุณขอ “เงินทอง” ไม่มีทางที่พระเจ้าจะส่งเงินเป็น “ก้อน” ลงมาจากฟ้าให้กับคุณ เพราะพระเจ้ามักจะมอบโชคลาภให้กับผู้คนในรูปแบบ “โอกาส” อยู่ที่ว่าคุณพร้อมที่จะมองเห็นโอกาสนั้น แล้วเเปรเปลี่ยนมันเป็น "เงินทอง" ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง"
.
ยังมีอีกหลายคน ที่เขาไม่มีโอกาสแม้เเต่จะเข้าถึงความรู้ หนังสือ เทคโนโลยี บางคนเกิดมาหูหนวกตาบอด บางคนเกิดมาไม่มีเงินพอที่จะซื้อหนังสือ หรือ เข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่คุณใช้อ่านบทความนี้อยู่ ด้วยซ้ำ
.
ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้ได้ โปรดจงรู้ไว้เลยว่า คุณ คือ คนที่มีโอกาส จงคว้าโอกาสนั้นซะ แล้วคุณจะเจอกับความโชคดีที่รออยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
.
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ "โชคดี" ขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
บทความ business 在 dekchaihuafoo Youtube 的最讚貼文
อย่าลืมมาสนับสนุนดาโกต้าด้วยนะ!!! http://patreon.com/dekchaihuafoo
อยากโดเนท กดนี่เลย
https://streamlabs.com/dekchaihuafoo
https://tipme.in.th/dekchaihuafoo
***************************************************
ดูแล้วสนุก ทิ้งคอมเมนท์ไว้เลยครับ ผมพยายามอ่านตอบทุกอันครับ ผิดพลาดตรงไหนช่วยกันได้นะครับ
ชอบกดไลค์ ไม่ชอบก็กดแชร์ให้คนอื่นได้ไม่ชอบด้วย
ขอบคุณที่ชมครับ ฮิฮิ
รักทุกคนส์ (เติม s คือ plural นะ 55555)
➤ Contact for business inquiries/advertising
➤ ติดต่องาน/โฆษณา ได้ที่
dekchaihuafoo@gmail.com
➤ Don't forget to subscribe
➤ อย่าลืมกด subscribe เพื่อติดตามคลิปใหม่ ได้ที่
https://www.youtube.com/c/dekchaihuafoo?sub_confirmation=1
➤ Other ways to follow me
➤ ช่องทางการติดตามอื่นๆ
***************************************************
➤ Facebook : https://goo.gl/Z9iIv7
➤ Instagram: https://goo.gl/8y6Lh7
➤ Twitter : https://goo.gl/y03QiY
***************************************************
#dekchaihuafoo
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/EyDKkk5K7tU/hqdefault.jpg)