Love you to Himalayas
Namaste Annapurna Base Camp
เนปาล...นานมาแล้ว
.
เรื่องเล่าบทสุดท้ายของการเดินทางสู่หิมาลัย
การเดินทางที่แสนเหนื่อยและคุ้มค่าที่สุดในชีวิต
.
----------------------------------------------------
.
หลังจากออกจาก Poon Hill เราก็ที่จะเริ่มเข้าสู่เขตตีนเขาของหิมาลัย ทางเดินเริ่มมีหลากหลายระดับ และท้าทายความอดทนของร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ ปอดและหัวใจของเราทำงานอย่างหนักหน่วง ช่วงเวลาที่เสียงของลมหายใจดังชัดมาก เมื่อเริ่มเข้าใกล้เทือกเขาหิมาลัย ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวเนปาล ที่เชื่อว่ายอดมัจฉาปูชเรเป็นที่ประทับของพระแม่อุมาเทวี เทพสตรีในศาสนาฮินดูที่ชาวเนปาลให้ความนับถืออย่างมาก ดังนั้นการเดินทางเข้าเขตศักดิ์สิทธิ์นี้นั้น ทำให้อาหารหลักในแต่ละมื้อของเราจะมีเพียงแค่ผักพื้นบ้าน เนื้อสัตว์จะมีเพียงปลาและไข่เท่านั้น จะไม่สามารถนำเนื้อสัตว์ใหญ่เข้าเขตนี้ได้ พวกเราที่พกมาม่าหรือโจ๊กคัพรสไก่มาด้วยก็ต้องระบายเสบียงกันให้หมดก่อน และข้อห้ามเด็ดขาดที่หัวหน้าไกด์บอกกับเราคือ ระหว่างทางเดินห้ามทิ้งขยะลงพื้นเรี่ยราด ห้ามถ่มน้ำลายลงตามพื้นดิน เหล่าผู้ชายทั้งหลายต้องทำธุระเป็นที่ในห้องน้ำเท่านั้น เพราะเชื่อว่าจะทำให้การเดินทางไม่ราบรื่น เมื่อเราทุกคนรับรู้อย่างนั้น แน่นอนเราปฏิบัติตามตามคำบอกของบักตะ เราเคารพธรรมชาติ ความสวยงามขนาดนี้ไม่ควรแปดเปื้อนจากเศษขยะของผู้มาเยือนอย่างเรา
.
เราต้องใช้เวลาเดินอีก 3 วันที่เราจะถึง Base Camp มาถึงจุดที่ร่างกายเริ่มออกอาการงอแง ไม่เคยคิดว่าแค่การก้าวขาไปข้างหน้ามันจะยากเย็นได้ขนาดนี้ ช่วงวัดใจที่แท้จริงมาถึงแล้ว เหนื่อยจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง ใจที่ว่าแข็งก็ยังกลายเป็นความลังเลว่าจะพอแล้วหรือไปต่อเพราะลิมิตของร่างกายมันฟ้อง เท้าที่ก้าวไปพร้อมกับความคิดที่ตีกันในหัวตัวเองไม่หยุด ถ้าขาดเพื่อนกับไกด์ที่คอยเชียร์ให้กำลังใจเรื่อยๆ ไม่แน่เราอาจถอดใจจากหิมาลัยไปแล้วก็ได้ ระหว่างทางเราก็จะได้เจอเพื่อนร่วมทางกลุ่มอื่นๆ และนักเดินทางที่กลับลงมาจากหิมาลัย เราเดินมาเจอกับชาวต่างชาติที่กำลังเดินกลับ เดาว่าหน้าตาเราคงจะเหยเกและดูจะขาดใจเอามากๆ จนผู้หญิงที่กำลังจะเดินผ่านเราไปหยุดแล้วเอามือสองข้างจับที่บ่าของเราแล้วพูดเป็นกำลังใจสั้นๆ ว่า “Slow and Steady” และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะชื้นใจขึ้นมาหน่อย แต่สุดแล้วเราสองคนเป็นขาประจำเดินรั้งท้ายสุดอยู่ดี เรามาถึงที่หมายก็ใกล้หมดวันเต็มแก่ แน่ละเราจะถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายตลอด ยิ่งตกดึกอากาศยิ่งเบาบางและเย็นจัด อาหารเย็นที่ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมกันตากันอย่างคึกครื้นเวลานี้ค่อนข้างเงียบ เราแทบกินอะไรไม่ลงเลย เพราะความล้าที่สะสม เราต้องอาศัยมาม่ารสต้มยำกุ้ง (ไกด์บอกว่าพกขึ้นมาได้) ประโลมชีวิตให้ได้มีรสชาติบ้างหน่อย
เมื่อจบมื้อเย็นทุกคนแจกจ่ายยาแก้ปวดให้กันแล้วต่างแยกย้ายไปนอน ไม่มีเวลามาจอแจสนุกสนานเหมือนวันแรกๆ เพราะต้องนอนเอาแรงกลับมาให้เยอะที่สุด สำหรับวันรุ่งขึ้น
.
The Mountain Sound
.
เราตื่นกันแต่เช้าตรู่ เดินออกมาจากห้องแล้วสิ่งแรกที่ปะทะสายตาคือหิมาลัยที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เราทุกคนมีสีหน้าเดียวกันคือสองตาวาวเป็นประกาย ใกล้แล้ว ใกล้มากๆ อีกอึดใจเดียวจะถึงแล้ว วันนี้คือวันสุดท้ายที่เราจะถึง Base Camp เราเดินผ่านลำธารเล็กๆ ข้ามเนินเขา และเลียบแม่น้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขา วิวสองข้างทางกลายเป็นหินผา ทุ่งหญ้าสีเหลือง เราแทบไม่เห็นความเขียวขจีเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้วคงเพราะด้วยอุณหภูมิที่ลดลงต่ำของอากาศบริเวณตีนเขา ความซับซ้อน และชันของแต่ละเนิน บวกกับอากาศที่เย็นทำให้เราเดินช้าลงยิ่งกว่าเดิม จนทิ้งท้ายจากคนอื่นๆ เหลือแค่เรากับเป็ปและบอลลี่กันแค่สามคน หมอกเริ่มลอยต่ำจนแทบไม่เห็นข้างทางและทางข้างหน้าเท่าไหร่แล้ว บอลลี่กำชับให้เรารีบทำเวลาเพราะสภาพอากาศดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ เราอาจจะเจอกับพายุหิมะได้ เราเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ปลายทางเพราะหมอกที่หนาขึ้นเรื่อยๆ จมูกเริ่มแสบจนต้องหายใจทางปากช่วย ขอบตาและหน้าชาไปด้วยความเย็น พอเดินไปได้สักพักเราก็รู้สึกเหมือนหยดน้ำเล็กๆ ตกลงมาบนหน้า ฝนโปรยปรายลงมาแล้ว เราพยายามรีบเดินเท่าที่เท้าจะก้าวไหว ตอนนี้ละอองฝนเปลี่ยนไปเป็นก้อนน้ำแข็งจิ๋วๆ นิ่มๆ เราหันไปถามบอลลี่ด้วยความตื่นเต้นว่านี่คือหิมะใช่ไหม บอลลี่ยิ้มและบอกว่าไม่ใช่ นี่คือลูกเห็บจิ๋วๆ ถ้าเป็นหิมะมันจะลอยพลิ้วอยู่ในอากาศ พร้อมกับทำมือประกอบให้เราดู ว่าอย่างนั้นแล้วเราก็เดินกันต่อ อากาศเริ่มดูท่าจะแย่ลงสองข้างทางเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน หมอกทึบจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า เราเปิดเพลง Your Bone ฟังซ้ำๆๆ พยายามให้มีสมาธิอยู่กับลมหายใจมากที่สุด และอย่างที่บอกเวลานั้นทำนองและเนื้อหาของ Of Monster and Men เป็นอะไรที่เข้ากับบรรยากาศที่สุดแล้ว ทำนองของกลองเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเสียงหัวใจของเราในตอนนั้น
.
in the spring we made a boat
out of feathers, out of bones.
we set fire to our homes,
walking barefoot in the snow.
.
และแล้วเกร็ดน้ำแข็งสีขาวเล็กๆ ก็ปลิวลงมาผ่านหน้าเราไป เรายืนมือออกมาเกร็ดหิมะค่อยๆ ร่วงลงบนมือเราอย่างช้าๆ เหมือนกับภาพสโลว์ในฉากหนัง เราตะโกนถามบอลลี่ทันที ว่าใช่ไหม ใช่รึยัง บอลลิ่ยิ้มให้เหมือนเดิมแล้วพยักหน้า เราหันไปมองหน้าเป็ปแล้วตื่นเต้นกันสองคน แต่สิ่งที่เป็ปตื่นเต้นไม่ใช่แค่หิมะ แต่เป็นป้ายไม้ที่ตั้งอยู่กลางหิมะเขียนว่า "Namaste Annapurna Base Camp Warmly Welcome to all internal & External Visitors" เป็นการดีใจที่สุดแต่ไม่มีเสียง ฮ่าๆ ถึงแล้ววววว เรามาถึงแล้วในที่สุดดดด เราขอบอลลี่หยุดถ่ายรูปสักพักกับหิมะแรกของวัน และถ่ายรูปคู่กับป้าย ไม่นานหิมะก็ดูท่าจะตกหนักขึ้น เราเลยต้องรีบเดินเข้าเบสแคมป์ เราเห็นเหล่าลูกหาบของกลุ่มเรายืนโบกมือให้อยู่หน้าที่พัก เราเดินผ่านซุ้มโค้งที่ประดับด้วยใบไม้แห้งๆ กับธงมนต์ เหมือนเป็นประตูชัยของการเดินทางครั้งนี้ ยิ้มออกได้ในที่สุดเมื่อก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย พร้อมเสียงปรบมือของลูกหาบและไกด์ที่ยืนรอ เราหันไปขอบคุณบอลลี่ และเข้าไปพักที่โถงกลาง ที่เป็นเหมือนห้องกินข้าว บนนี้ไม่มีเครื่องให้ความอบอุ่นเพราะอุณหภูมิที่ติดลบของที่นี่ทำให้การจุดไฟจะยิ่งทำให้อากาศบางลงกว่าเดิม แม้ตัวจะเย็นเฉียบแต่หัวใจเรากลับอุ่นไปด้วยไฟจุดเล็กๆ
.
troubled spirits on my chest where they laid to rest.
the birds all left my tall friend as your body hit the sand.
million stars up in the sky formed a tigers eye
that looked down on my face, out of time and out of place.
so hold on, hold on to what we are,
hold on to your heart.
.
บรรยากาศของอาหารเย็นเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทุกคนตื่นเต้นกับการพิชิต ABC ได้สำเร็จ และที่สำคัญสมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ปลาทูต้มหวานที่ส่งตรงมาจากบ้านเพื่อนเราที่ชุมพรกลายเป็นอาหารแสนอร่อยและหรูหราที่สุดบนหิมาลัย เราแบ่งปลาทูแพ็คที่เหลือให้กับไกด์ ลูกหาบ เจ้าของเบสแคมป์ และกลุ่มพี่ๆ คนไทยโต๊ะข้างๆ ที่ออกเดินทางมาพร้อมๆ กันกับกลุ่มของเรา เราแลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม คงเป็นเพราะประสบการณ์ร่วมของการเดินทางครั้งนี้ แต่ละคนออกคุยอย่างออกรสกันสนุกสนานเพราะเหมือนเพิ่งรอดตายมาได้สดๆ ร้อนๆ เมื่อพอหอมปากหอมคอกันแล้ว พวกเราก็ต่างบอกลาและแยกย้ายกันเข้าห้องนอน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญที่ต้องตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น
.
Love You To Himalayas
.
หมดพายุจากเมื่อวานแล้วหลงเหลือแต่กองหิมะสีขาวโพลน ที่ตอนนี้ปกคลุมไปทั่วทุกที่ ยอดเขาที่เราหมายใจเอาไว้อยู่เบื้องหน้าเราแล้ว แม้จะเช้าแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นแสงสว่างจากพระอาทิตย์ เพราะเมฆหนาสีเทา ภาพบรรยากาศเลยเหมือนถูกย้อมด้วยสีฟ้าหม่นๆ เราซึบซับภาพตรงหน้าไว้นานเท่าที่ร่างกายจะทนความหนาวได้ ใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันในขณะนั้นอย่างตั้งใจ เพราะไม่มีสักนาทีเลยที่อยากจะละสายตาไปเลย หิมาลัยอยู่ตรงนั้น หิมาลัยอันทรงสง่า แม้จะผ่านกาลเวลาเนิ่นนานปีแล้วปีเล่าก็ยังคงงดงามตลอดมาและตลอดไปเท่าอายุขัยของโลกใบนี้
.
เราใช้เวลาเสพสมกับรางวัลตรงหน้าของเราอยู่นาน เรากลับเข้ามาที่ห้องโถง นั่งลงและเขียนโปสการ์ดที่ติดขึ้นมาด้วย ใบนึงถึงตัวเองและที่เหลือถึงเพื่อนสนิท เมื่อเขียนเสร็จเราถามกับเจ้าของเบสแคมป์ว่าจะรบกวนส่งโปสการ์ดนี้ให้เราได้ไหม เพราะเราอยากได้ตราแสตมป์ของ ABC เค้ามองหน้าเราแล้วอมยิ้มเล็กๆ พร้อมกับขอโปสการ์ดไปและแสตมป์ตรา ABC ลงวันที่ 12 April 2018 ลงไป ดีใจมากกกกก ขอบคุณเค้าแล้วยิ้มไม่หยุดเลย (หลังจากนั้นอีกสามอาทิตย์โปสการ์ดก็ถึงมือทุกคน) เราทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตา คุยเล่นกันตามประสา และแน่นอนมื้อนั้นเป็นอาหารเช้าที่วิวสวยที่สุดในชีวิต ถึงช่วงสายๆ เราเตรียมตัวและเตรียมใจกันบอกลาหิมาลัย เพื่อจะเดินกลับแล้ว ยากที่จะบอกลาเหมือนกัน เหมือนยังใช้เวลาไม่พอ เสพยังไม่เต็มอิ่ม แต่เราคิดว่านั่นเองที่ทำให้หิมาลัยงดงามตรึงอยู่ในหัวใจเราจนถึงทุกวันนี้
.
ขาเดินกลับเป็นอะไรที่ทรหดมาก วันขาลงจาก ABC เราต้องรวบระยะทางของขามา 2 วันให้เหลือวันเดียว แทบตายแบบตายของจริง เริ่มด้วยอากาศหนาวสุดๆ พอกลับลงมาก็เจอกับอากาศร้อน และพลาดไม่ได้เลยคือตามมาด้วยฝน และเพราะทางลาดลงทำให้หัวเข่าเราเริ่มเจ็บแปลบ จากที่เดินช้ามากๆ อยู่แล้วคราวนี้ยิ่งไปกันใหญ่ รั้งท้ายห่างจากคนอื่นๆ ไกลขึ้นเรื่อยๆ เราเดินทำเวลากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฟ้าค่อยๆ มืดลงจนพวกเราที่รั้งท้ายเริ่มกังวล ทั้งไม่แน่ใจว่าระยะทางอีกไกลแค่ไหนและไหนจะทางลาดชันลื่นๆ อีก ในที่สุดความมืดครอบคลุมจนเรามองไม่เห็นอะไรอีกเลย มีเพียงแค่ไฟฉายดวงเดียวของบอลลี่เท่านั้นที่นำทางเรา ตอนนั้นมีแค่เสียงลมหายใจและฝนที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด เราก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวเพื่อไปให้ถึงบ้านพักเร็วที่สุด เราเดินกันไปอย่างไม่รู้เวลาร่ำเวลา จนมีเงาลางๆ ข้างหน้าเราเห็นเหมือนมีคนกำลังเดินสวนมา พวกเราต่างคิดในใจกันว่าคงจะเป็นชาวบ้าน จนเมื่อใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วฝั่งนั้นทักมาว่า นมัสเต เราเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน ปรับสายตาให้โฟกัส แล้วก็ร้องดีใจออกมาว่า พี่ตี๋!!! พี่ตี๋คือพี่แก๊งลูกหาบของกลุ่มเราเอง เค้าเดินมารับพวกเราเพราะเริ่มกังวลว่ายังมาไม่ถึงสักที ดีใจจนน้ำตาไหลเลย พี่ตี๋คุยกับบอลลี่แล้วบอกว่าอีกประมาณ 15 นาทีก็จะถึงจะบ้านพักแล้ว เป็นเวลาเกือบสามทุ่มที่เรามาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย บักตะที่รอพวกเราอยู่พาไปยังห้องพักและพาไปกินข้าว แต่พวกเราเหนื่อยและล้ากันเกินกว่าจะกินอะไรลง เลยขอแค่น้ำขิงผสมน้ำผึ้ง แล้วเข้านอนเลย
.
ในตอนเช้าเราเลยปรึกษากันในกลุ่มว่าอาจจะเดินกลับอย่างที่เดินขามาไม่ไหว เพราะนอกจากเราสองคนกันเอง คนอื่นๆ เองก็เริ่มล้าและเจ็บหัวเข่าตามๆ กันแล้ว พวกเราเลยคุยกับบักตะถึงว่าจุดไหนที่รถเข้าถึง ที่ใกล้มากที่สุด เราจะไปที่นั่นและนั่งรถยิงยาวเข้าไปที่โพคาราเลย ข่าวดีคือเดินเพียง 1 วันเท่านั้น เท่ากับว่าเย็นนี้เราไปถึงหมู่บ้านที่ว่า และเช้าวันถัดไปก็เดินต่ออีกนิดนึงไปขึ้นรถกลับ เรี่ยวแรงเริ่มกลับมาฮึดอีกครั้งพอรู้ว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว เรามาถึงหมู่บ้านที่จะเป็นที่พักคืนสุดท้ายของการเดินประมาณเกือบ 4 โมง ตอนนี้ทุกคนดูจะสดใสที่จะได้รู้ว่าจะมีรถมารับในวันพรุ่งนี้รวมถึงเราด้วย ที่นี่พอมีสัญญาณโทรศัพท์อยู่หน่อยทุกคนเลยรีบแยกยัายกันไปโทรหาที่บ้าน เพราะขาดการติดต่อไปหลายวัน จากนั้นทุกคนก็มานั่งรวมตัวกันที่ห้องเดียว แล้วคุยเกี่ยวกับทริปนี้ จำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไรบ้าง แต่จำได้ว่าหัวเราะกันท้องแข็ง คุยกันไป เราเริ่มได้ยินเสียงจากด้านนอกดังเข้ามาสู้เสียงในห้องเรา พวกเราเปิดประตูออกไป เหล่าไกด์และลูกหาบของเราและกลุ่มอื่นกำลังนั่งลอมวงร้องเพลงสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน เราฉุกคิดขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ 14 เมษา วันขึ้นปีใหม่ของชาวเนปาล ทุกคนร้องเพลง ปรบมือเป็นจังหวะแล้วออกมาเต้นกันอย่างมีความสุข พวกเราเองก็ไปร่วมวงด้วยอยู่สักพักนึงพร้อมกับอวยพรสวัสดีปีใหม่กับผู้นำทางของเรา เป็นบรรยากาศที่เรียบง่าย อบอุ่น และน่ารักจนเราอดไม่ได้ที่จะยิ้มและอบอุ่นหัวใจตามไปด้วย
.
วันรุ่งขึ้นเราขึ้นรถกลับมาพักที่โพคาราหนึ่งคืน และกลับมายังกาฐมาณฑุอีกหนึ่งคืนก่อนบินกลับบ้านในวันถัดมา จู่ๆ เวลาก็ผ่านไปไวอย่างน่าเหลือเชื่อ เราพูดกับตัวเองในวันนั้นว่าโชคดีจริงๆ สำหรับการตัดสินใจออกเดินทางในครั้งนี้ แม้จะเหนื่อยที่สุดในชีวิต แต่มันก็คุ้มค่าที่สุดในชีวิตเช่นกัน เราทิ้งความคิดถึงเอาไว้ที่นั่น เราเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดกลับมา
.
การเดินทางที่ดีคือการเดินทางที่ทำให้กาลเวลาได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ทริปนี้เป็นทริปที่เรายังคิดถึงอยู่เนืองๆ คุยกี่ครั้งกี่ทีก็ไม่เบื่อ บอกทุกคนที่มีโอกาสให้ได้ลองไป ลองไปเห็นด้วยตา ไปค้นพบหิมาลัยของตัวเอง
.
จากวันนั้นเราค้นพบหิมาลัยของเราแล้ว งดงาม เรียบง่าย
และไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร ย่อมมีความงามซ่อนอยู่ ณ ที่ใดสักแห่งเสมอ
.
Love you to Himalayas,
Mars
.
#ABOVETHEMARS
#NEPAL
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過80萬的網紅果籽,也在其Youtube影片中提到,|尼泊爾登山-合輯—10天登4,130米ABC大本營 睇喜瑪拉雅山脈絕景 記者194公里大暴走輕咗幾磅? 尼泊爾每年吸引超過20萬登山者朝聖,一睹珠穆朗瑪峯(Everest)及安納布爾納峯(Annapurna)的風采。世界上最高的10座山峯,當中有八座位於尼泊爾境內,海拔平均超過8,000米。記...
abc poon hill 在 Facebook 的最佳解答
Love you to Himalayas
part 2
เนปาล...นานมาแล้ว
.
ตลอดระยะเวลา 12 วัน นี่เป็นการเดินทางที่ยากและเหนื่อยที่สุดในชีวิต พอหมดวันเรี่ยวแรงและกำลังทั้งหมดแทบไม่มีเหลือ แต่หัวใจกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวากว่าเดิม เราจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองชัดที่สุด ลมหายใจถี่ หอบ และความคิดที่ไหลเวียนเข้ามาในทุก ๆ ย่างก้าวที่เราเดินไปข้างหน้า เราได้เรียนรู้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้มากมายนัก ระยะทางอันแสนไกล แลกมาเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดเป็นช่วงเวลาในชีวิตที่กล้าพูดออกมาได้ว่านี่เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เราใช้มันได้ช่างคุ้มค่าเสียเหลือเกิน
.
Day 2 - 3 – We sleep until the sun goes down
.
หลังจากออกตัวเดินวันแรกมาได้ก็พอจะรับรู้ชะตากรรมที่เหลือแล้วว่าระยะทาง ทางเดินและสภาพอากาศที่จะเจอต่อจากนี้ ช่างใจร้าย ทรหดอะไรอย่างนี้ เราต้องปรับตัวให้ทันตลอดเวลา หากพูดให้เห็นภาพง่ายๆ ให้คิดตามกันได้ก็คือ ในหนึ่งวันเราจะเจออากาศที่ร้อนจัดในแบบที่ไม่กี่นาทีก็เปลี่ยนผิวเป็นคนละสีไปเลย ผลัดกับฝนตกที่บางทีนานหลายชั่วโมงพร้อมกับอากาศที่เย็นลงจนทำให้มือเย็นแข็ง และแสบจมูกไปหมด ภายใต้เสื้อกันฝน ตัวของพวกเราชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะความเหนื่อยจากการเดิน สรุปว่าเปียกทั้งด้านนอกและด้านใน ฮ่าๆ เป็นอย่างนี้ทุกวัน อากาศสลับสับเปลี่ยนเป็นว่าเล่น นั่นก็เป็นเพียงบางส่วนที่ทำให้เรางอแง แต่เพราะความสวยงามระหว่างทางของป่าที่เราเดินผ่านช่วยเป็นเหมือนกำลังใจต่อใจให้เดินไปข้างหน้าได้ ต้นไม้ใหญ่สองข้างทางมีเฟิร์นและมอสเล็ก ๆ เกาะพันรอบลำต้นจนเขียวชอุ่มตาไปหมด เมื่อยิ่งเดินขึ้นสูงก็จะเห็นต้นกุหลาบพันปีขึ้นแซมตามยอดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ กุหลาบพันปีเป็นเหมือนต้นไม้ประจำชาติของคนเนปาล ดอกสีแดงสดใสสะดุดตากำลังเบ่งบานเต็มที่เลยเพราะเข้าเดือนเมษาที่เป็นฤดูกาลออกดอกพอดี จนบางช่วงตามข้างตามที่เราเดินผ่านจะถูกโรยไปด้วยกลีบของดอกกุหลาบ เราได้หยุดพักกันเล็กน้อยเพื่อชมวิวและคลายล้า เลยได้เห็นตามต้นไม้ ก้อนหินว่าหากสังเกตุให้ดีๆ ที่นี่คือบ้านของเต่าทองเล็กๆ มากมาย น่ารักมาก ทุกตัวลายดำแดง จนเวลาเดินผ่านแถวนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะไม่อยากไปเหยียบโดนน้องเข้า
.
ในหนึ่งวันเราจะแวะพักระหว่างทางกันประมาน 5-6 รอบ ถ้าอยู่ในตัวหมู่บ้านก็จะไปออกันอยู่ที่ร้านขายของชำนี่แหละ น้ำมะม่วงและน้ำแอปเปิลตราชาบา คือน้ำที่อร่อย ชื่นใจที่สุดในชีวิตตอนนั้นเลย ขนมที่อร่อยที่สุดคือพริงเกิลส์ (Pringles) รสดั้งเดิมกระป๋องสีแดง แสนแพงกว่าปกติทั่วไปมาก แต่ก็ยอมซื้อ เพราะนี่คือกำลังใจที่หอมหวานที่สุด ระหว่างทางเราจะเจอกับชาวบ้านพื้นถิ่น และเหล่านักเดินทางทั้งหลายที่มุ่งหน้าไป ABC เหมือนกัน คำกล่าวทักติดปากที่จะได้ยิน ได้พูดกันตลอดทางคือ นมัสเต บวกกับรอยยิ้มเป็นทุกครั้งไป เรามาถึงบ้านที่พักเมื่อหมดวันพอดี พร้อมกับเรี่ยวแรงที่แทบไม่มีเหลือ ล้าไปแทบทั้งตัว เรากินอาหารเย็นกันพร้อมหน้า พูดคุยไม่นานก็แยกไปนอนเพราะความเพลีย ความเหนื่อยจัดนี้ทำให้เรานอนหลับสนิททุกวันตั้งแต่ออกเดินเทรคกิ้ง เราพักกัน 1 คืนที่หมูบ้าน Tikhe Dhunga และออกเดินแต่เช้าตรู่ในวันถัดมา เพื่อไปให้ถึง Poon Hill ระยะทางเริ่มเป็นเขาชัน สลับกับทางราบ ป่าอันอุดมสมบูรณ์ถูกเก็บรักษาเอาไว้โดยชาวบ้านที่นี่ ป่าที่หนา ไอชื้นจากต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเป็นเหมือนอุโมงค์ทำให้ช่วงที่เดินเส้นนี้ไม่ร้อนมากเท่าไหร่นัก เราผ่านหมู่บ้าน Ulleri เพื่อพักกินข้าวกลางวันที่ Pratap Guest House พวกเราควักมาม่าออกมาสองห่อ เพื่อแชร์เป็นจานกลาง เดินมาเข้าวันที่สามก็เริ่มจะคิดถึงรสชาติเผ็ดๆ ที่คุ้นเคย เลยโหวตเอาออกมากินกันสักหน่อย จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นคุยกันเรื่องอะไรบ้าง แต่จำได้แค่ว่าบรรยากาศดี อร่อย มีแต่เสียงหัวเราะ น้ำขิงผสมน้ำผึ้งของบักต้าช่วยให้เราสดชื่นและร่างกายอุ่นขึ้นทุกครั้ง อ๋อ จำได้ว่าที่ร้านเปิดเพลง Love will keep alive ของวง The Eagle ด้วย เพลงโปรดเลย
.
หลังจากได้อิ่มท้องหายเหนื่อยแล้วก็เดินกันต่อ ประมาณสี่โมงนิดๆ เราก็มาถึงที่หมู่บ้าน Ghorepani จุดพักที่ใกล้ Poon Hill ที่สุด ที่เราจะเดินขึ้นในเช้ามืดวันรุ่นขึ้น ที่พักที่เราได้คือวิวหลักสิบล้านเลย จำได้ว่ารักบักต้ามากกก เพราะห้องที่พวกเราได้แต่ละห้องคือมองผ่านหน้าต่างออกไปก็เห็นแนวเทือกเขาเป็นวิวแบบพาโนราม่าเลย ไล่ตั้งแต่ Annapurna I, Annapurna South, Hiunchuli และ Machhapuchhre หรือมัจฉาปูชเร ตระการตาจนไม่อยากจะหันมองไปทางอื่นเลย เราเก็บของที่ห้องพัก ยืนชมวิวกันที่ระเบียงโรงแรมกันพักใหญ่ และลงมารอดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่จุดชมวิว เมฆค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านไป ให้เราได้เห็นยอดเขา สีขาวของหิมะค่อย ๆ ถูกฉาบด้วยสีทองของแสงสุดท้ายจากพระอาทิตย์ได้อย่างนุ่มนวลที่สุด ไม่กล้ากระพริบตาเลย สวยจับหัวใจจนหาที่ติไม่ได้ เหมือนเวลาหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วเราแทบจะลืมหายใจ ของจริงนั้นสวยกว่าในรูปมากเหลือเกิน อากาศเริ่มเย็นลงพร้อมไออุ่นที่ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไป พวกเรานั่งมองจนแสงสุดท้ายลับหายไป ฟ้ามืดลงเป็นสีน้ำเงินเข้ม มองเห็นเงาของเทือกเขาเป็นลางๆ เราเดินกลับโรงแรมเพื่อทานอาหารเย็นกัน จำได้ว่าทุกคนจับหัวใจแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สวยมาก สวยมากจริงๆ เหมือนอยู่ใกล้สวรรค์ยังไงอย่างงั้นเลย ใช่ หัวใจเรายังเต้นตุบๆ อยู่เลยขนาดที่ยังเขียนถึงการเดินทางนี้อยู่ ไม่เคยลืมภาพนั้น ทุกอย่างชัดเจนมาก ๆ หิมาลัย ใกล้เข้ามาครึ่งทางแล้ว
.
I heard them calling in the distance,
so I packed my things and ran
far away from all the trouble,
I had caused with my two hands
alone we travelled on with nothing
but a shadow we fled far away,
hold your horses now
(we sleep until the sun goes down)
through the woods we ran
(deep into the mountain sound)
.
Mountain Sound ของ Of Monster and Men
เพลย์ลิสต์ที่เราเปิดฟังตลอดเส้นทางที่เดิน เป็นเพลงทำให้เราฮึบกับความเหนื่อยและก้าวไปข้างหน้าทีละน้อย
————————————————————————
Day 4 – The Yellow Light
.
เช้าวันที่ 4 เป็นวันที่ตื่นเช้าที่สุดในทริปนี้เลย เราลุกตั้งแต่ตีสามกว่าๆ ลูกหาบมาเอากระเป๋าออกไปก่อน เหลือไว้ให้แค่ Day Pack และของที่จำเป็น เรามีเวลาเตรียมตัวให้หายงัวเงียได้แค่ไม่ถึง 20 นาที ก็ต้องเริ่มเดินขึ้น Poon Hill กันเลย ทั้งหยกและอีฟ เราสองคนปรับตัวกับความสูงที่กะทันหัน และเช้ามืดที่อากาศยังเบาบางมากๆ ไม่ทัน หยกหายใจแทบไม่ออก เดินนานๆ ติดกันไม่ได้ อีฟถึงกับอาเจียนและหายใจไม่ทันเหมือนกัน เราสองคนรั้งท้าย ให้เพื่อนๆ ที่ไหวเดินขึ้นไปก่อน เพื่อที่จะได้ทันแสงแรกกระทบเทือกเขาทั้งสี่ สำหรับเราสองคนทำใจแล้วว่าคงไม่ทันแน่นอน ค่อยก้าวๆ และปรับการหายใจกับจังหวะเต้นของหัวใจให้คงที่ที่สุด เมื่อเราไปถึงพระอาทิตย์ก็โผล่พ้นฟ้าไปแล้ว ถึงจะแอบเสียดายแต่แค่นี้ก็คุ้มค่ามากแล้ว ที่ได้มาถึง โชคดีที่อาการเราสองคนไม่หนักหนาไปกว่าเดิมจนถึงกับเดินขึ้นมาไม่ได้เลย เทือกเขาทั้ง 4 ยอดเรียงรายโอบล้อมเราเอาไว้ ยอดสีขาวบริสุทธิ์ สะอาดตา มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าโล่งๆ ผืนใหญ่ตัดกัน รอบๆ ที่ชมวิวเต็มไปด้วยธงมนต์หลากสีประดับประดาเต็มต้นไม้บริเวณนั้น และยังมีร้านกาแฟ ชาร้อนๆ ขายให้อุ่นท้องกันอยู่ไม่ไกลด้วย เราถ่ายรูปรวมชาวคณะเดินทาง นั่งเล่นกันอยู่แถวนั้นพักใหญ่ ให้สมกับระยะทางที่เดินขึ้นมา ใช้เวลานั่งมองภาพตรงหน้าเก็บไว้ในความทรงจำให้นานที่สุด เมื่อเสพสมกับวิวตรงหน้าจนเต็มตาเต็มใจแล้ว เราก็เดินกลับลงมาที่พักเพื่อทานอาหารเช้าด้วยกัน หลังจากนั้นก็เตรียมตัวเดินกันต่อไปยังหมู่บ้านถัดไป ที่จะเริ่มเข้าสู่เขตของเทือกเขาหิมาลัย ตามความเชื่อของชาวเนปาลหิมาลัยคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ยอดมัจฉาปูชเรเป็นเหมือนที่ประทับของพระแม่อุมาเทวี เทพที่ชาวเนปาลนับถืออย่างมาก ดังนั้นระยะทางตั้งแต่วันที่ 4 ของพวกเราเป็นต้นไปจะไม่สามารถนำเนื้อสัตว์ใหญ่เข้าเขตนี้ได้ จะมีเพียงปลาและไข่เท่านั้น และข้อห้ามเด็ดขาดที่ไกด์บอกกับเราคือ ไม่ทิ้งขยะลงระหว่างทาง ห้ามถมน้ำลายลงตามพื้นดิน ผู้ชายต้องทำธุระเป็นที่ในห้องน้ำเท่านั้น เรารับรู้และเคารพธรรมชาติและความเชื่อของชาวเนปาลเป็นอย่างดี เราเดินต่อกันด้วยหัวใจที่เต้นเหมือนกับจังหว้ะของกลอง สายตาจับจ้องไปยังหิมาลัย ในขณะที่เราค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ทีละนิด
.
Stay tuned for the final part,
Love you to Himalayas
.
Mars
#ABOVETHEMARS
abc poon hill 在 籽想旅行 Facebook 的最佳貼文
✈️尼泊爾|#ABC大本營
📹請即收睇> bit.ly/2Lr06Cr
.
由Poon Hill岀發,歷盡艱辛,面對滿佈冰雪嘅路段,最終成功登上ABC大本營。但呢條路線嘅景色,絕對值得一訪。
.
更多精彩影片:http://bit.ly/AppleseedSub
#喜馬拉雅山脈 #尼泊爾行山 #立即訂閱
==============
想知更多 #籽想旅行 資訊👉🏻 bit.ly/35OmrRK
==============
🍎 8折全年睇《蘋果》即慳$121!
現有日費訂戶亦可轉訂:bit.ly/33tEOZC
abc poon hill 在 果籽 Youtube 的最佳解答
|尼泊爾登山-合輯—10天登4,130米ABC大本營 睇喜瑪拉雅山脈絕景 記者194公里大暴走輕咗幾磅?
尼泊爾每年吸引超過20萬登山者朝聖,一睹珠穆朗瑪峯(Everest)及安納布爾納峯(Annapurna)的風采。世界上最高的10座山峯,當中有八座位於尼泊爾境內,海拔平均超過8,000米。記者趕及4月份登山旺季尾聲,一個人跑到尼泊爾行山,目標是海拔4,130米Annapurna Base Camp(ABC),10天的時間途經Poon Hill,每天暴走6至7小時,全長194公里。
影片:
【我是南丫島人】23歲仔獲cafe免費借位擺一人咖啡檔 $6,000租住350呎村屋:愛這裏互助關係 (果籽 Apple Daily) (https://youtu.be/XSugNPyaXFQ)
【香港蠔 足本版】流浮山白蠔收成要等三年半 天然生曬肥美金蠔日產僅50斤 即撈即食中環名人坊蜜餞金蠔 西貢六福酥炸生蠔 (果籽 Apple Daily) (https://youtu.be/Fw653R1aQ6s)
【這夜給惡人基一封信】大佬茅躉華日夜思念 回憶從8歲開始:兄弟有今生沒來世 (壹週刊 Next) (https://youtu.be/t06qjQbRIpY)
【太子餃子店】新移民唔怕蝕底自薦包餃子 粗重功夫一腳踢 老闆刮目相看邀開店:呢個女人唔係女人(飲食男女 Apple Daily) https://youtu.be/7CUTg7LXQ4M)
【娛樂人物】情願市民留家唔好出街聚餐 鄧一君兩麵舖執笠蝕200萬 (蘋果日報 Apple Daily) (https://youtu.be/e3agbTOdfoY)
果籽 :http://as.appledaily.com
籽想旅行:http://travelseed.hk
健康蘋台: http://applehealth.com.hk
動物蘋台: http://applepetform.com
#果籽 #尼泊爾 #珠穆朗瑪峯 #登山 #ABC大本營 #朝聖 #StayHome #WithMe #跟我一樣 #宅在家
abc poon hill 在 ไม่กี่บาท [Studio] Youtube 的最佳貼文
ในตอนที่2ของการเดินทางเราจะพาทุกๆคน
ขึ้นสู่ยอดเขา อันนาปุรณะ1ในเส้นทางสู่หลังคาโลก
บอกเลยว่าต้องเดินกันจริงจัง 4วัน3คืน
กว่าจะถึงปลายของเราในทริปนี้
เป็นอีกทริปที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตแล้วหละครับ
ติดต่องานรีวิว และ โฆษณา
รายละเอียดเพิ่มเติม เพจ : ไม่กี่บาท
Facebook ► https://facebook.com/maikeebaht
Instagram ► https://instagram.com/mr.konr
E-mail ► thanakonr62@gmail.com
Contact us ► Tel : 083-424-8425 (กร)
Line : mr.konr
#ไม่กี่บาท #อันนาปุรณะ #เนปาล