ช่วงนี้มีข่าวเรื่องนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ทุจริตเงิน 9 แสนจึงต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี ผมเลยค้นคว้าในเรื่องฝ่ายบริหารของเกาหลีใต้มาให้อ่านกันนะครับ
ฝ่ายบริหาร ของประเทศเกาหลีใต้
โครงสร้างฝ่ายบริหารของประเทศเกาหลีใต้ประกอบด้วย
ประธานาธิบดี (President)
นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเป็นต้นมา อาจถือได้ว่าเกาหลีใต้ยึดการปกครองแบบ ประชาธิปไตยในระบบ ประธานาธิบดี (Presidential system) มาโดยตลอด ยกเว้นในช่วงสั้นๆระหว่างเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1960 – กรกฎาคม 1961 ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบรัฐสภา (Parliamentary system) เท่านั้น ประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐ และเป็นตัวแทนของรัฐในการติดต่อสัมพันธ์กับ ต่างประเทศ ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในกรณีที่ประธานาธิบดีเสียชีวิตหรือไม่สามารถปฏิบัติราชการบริหารประเทศได้ นายกรัฐมนตรี หรือสมาชิกในคณะมนตรีแห่งรัฐ (State Council) จะทำหน้าที่แทนจนกว่าจะมีการเลือกตั้งบุคคลคนใหม่ดำรงตำแหน่งแทน
ประธานาธิบดีจะอยู่ในตำแหน่งเพียงหนึ่งวาระเป็นเวลา 5 ปี โดยได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน สาเหตุที่มีการกำหนดวาระของการดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียวนี้เป็นผลมาจากประสบการณ์ในอดีต ทั้งนี้เพราะในระหว่างทศวรรษที่ 1950 – 1970 แห่งคริสต์ศักราชที่ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประธานาธิบดีอยู่ในอำนาจได้หลายวาระจนทำให้สาธารณรัฐเกาหลีกลายเป็นรัฐเผด็จการไป
อำนาจและหน้าที่ของประธานาธิบดีเป็นไปตามข้อกำหนด 7 ประการ ดังนี้
1. ประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและเป็นตัวแทนของประเทศทั้งในระบบ
แห่งรัฐและในความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ประธานาธิบดีเป็นผู้ให้การต้อนรับทูตานุทูตต่างประเทศ มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญเกียรติยศ รวมทั้งเป็นผู้นำในด้านพิธีกรรมและให้อภัยโทษ หน้าที่สำคัญของประธานาธิบดีคือการปกป้องอธิปไตยของชาติให้ธำรงค์ความเป็นเอกราช ศักดิ์ศรีของชาติ และดินแดน อีกทั้งทำหน้าที่สำคัญในการรวมชาติ(กับเกาหลีเหนือ) ด้วยสันติวิธีเพื่อให้บังเกิดความสงบสุขบนคาบสมุทรเกาหลี
2.ในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีจะทำหน้าที่ในการบังคับใช้
กฎหมายที่ได้ผ่านรัฐสภาแล้ว ในขณะเดียวกัน ออกพระราชกำหนด และข้อกำหนดอื่นๆเพื่อให้มีการกระทำตามกฎหมาย ประธานาธิบดีมีอำนาจเต็มในการเป็นผู้นำคณะกรรมการแห่งรัฐ และกำกับดูแลองค์กรที่ปรึกษาและหน่วยงานระดับสูง ประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าหน่วยราชการและหน่วยงานการเมืองระดับสูง
3. ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด มีอำนาจหน้าที่ใน
การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับกองทัพ รวมทั้งมีอำนาจในการประกาศสงคราม
4.ภายใต้ระบบประธานาธิบดีของเกาหลีในปัจจุบัน ประธานาธิบดีจะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองมีอำนาจในการแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในพรรค และให้คำปรึกษาหารือกับพรรคในการเลือกสรรและแต่งตั้งผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งระดับสูงในฝ่ายบริหาร
5.ประธานาธิบดีเป็นหัวหน้ากำหนดนโยบายและเป็นผู้นำในการเสนอร่างกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจงกฎหมายที่เสนอเข้าสู่รัฐสภาด้วยตนเอง หรืออาจชี้แจงเป็นข้อเขียนก็ได้ ประธานาธิบดีไม่สามารถยุบสภาได้ อนึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐสภาสามารถยื่นข้อกล่าวหา (impeach) เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีได้
6.ประธานาธิบดีมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการกับภาวะวิกฤต เช่น เกิดความยุ่งเหยิงและการจลาจลภายในประเทศ การคุกคามจากภายนอกประเทศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ วิกฤตการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยประธานาธิบดีสามารถออกพระราชกำหนด หรือ ประกาศภาวะฉุกเฉินให้เป็นผลตามกฎหมายได้เพื่อแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวจะสามารถกระทำได้ก็ต่อเมื่อไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเปิดประชุมสภาผู้แทน นอกจากนั้นการใช้อำนาจดังกล่าวต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงของชาติหรือความสงบเรียบร้อยของสังคม จากนั้น ประธานาธิบดีต้องแจ้งแก่รัฐสภาเพื่อความเห็นชอบ หากประธานาธิบดีดำเนินการดังกล่าว คำสั่งเหล่านั้นจะไม่เป็นผลตามกฎหมาย
7.ประธานาธิบดีสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินในกรณีที่เกิดสงคราม เกิดการสู้รบ หรือเกิดเหตุการณ์วิกฤตใดๆ การประกาศภาวะฉุกเฉินนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย
องค์กรในสังกัดสำนักประธานาธิบดี (Presidential agencies)ในการปฏิบัติภาระหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายบริหารนั้น ประธานาธิบดีจะได้รับการช่วยเหลือด้านบุคลากรและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นตรงต่อตัวเขา องค์กรเหล่านี้ได้แก่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council) คณะที่ปรึกษาประชาธิปไตย และการรวมชาติโดยสันติ (Advisory Council on Democratic and Peaceful Unification)กรรมาธิการวางแผนและงบประมาณ (Planning and Budget Commission) กรรมาธิการด้านกิจการสตรี (Presidential Commission on Women’s Affairs) สภาประธานาธิบดีด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย(Presidential Council on Science and Technology) และ คณะกรรมการประธานาธิบดีด้านธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (Presidential Commission on Small and Medium Business) หัวหน้าของสภากรรมาธิการของแต่ละองค์กรจะมีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี และทำหน้าที่รับผิดชอบในการตระเตรียมนโยบายให้แก่ประธานาธิบดีในภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฉพาะขององค์กรแต่ละองค์กร
อนึ่ง นอกเหนือจากสภากรรมาธิการดังกล่าวข้างต้นนั้นแล้วยังมีอยู่อีก 2องค์กรที่ขึ้นโดยตรงต่อ ตัวประธานาธิบดี นั่นคือ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และการไต่สวน (Board of Audit and Inspection) และหน่วยงานข่าวกรองแห่งชาติ (National Intelligence Service) หัวหน้าขององค์กรทั้งสองนี้จะได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี อย่างไรก็ตามการแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดินและการไต่สวนนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและการไต่สวนมีอำนาจในการตรวจสอบบัญชีทุกประเภทของรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และองค์กรของรัฐ คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจอย่างกว้างขวางในการตรวจสอบการใช้อำนาจผิด ๆ ของข้าราชการที่มีพฤติกรรมมิชอบของเหล่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากนั้นจะต้องส่งรายงานผลการไต่สวนไปยังประธานาธิบดีและรัฐสภา
หน่วยข่าวกรองแห่งชาติมีหน้าที่ในการเก็บข่าวสารข้อมูลทางยุทธศาสตร์ทั้งภายในและภายนอกประเทศอีกทั้งต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมายของชาติ
นายกรัฐมนตรี (Prime Minister)
ในประเทศที่มีการปกครองระบบรัฐสภานั้น นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร แต่สำหรับกรณีของเกาหลีใต้ซึ่งใช้ระบบการปกครองแบบประชากรชาตินายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย อันดับที่หนึ่งที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี โดยมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลการดำเนินงานของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ในฐานะเป็นหัวหน้าเหล่าข้าราชการทั้งหมด ข้อมูลนับจนถึงเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1998 เกาหลีใต้มีกระทรวงหลัก 17 กระทรวง และหน่วยงานอิสระที่มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง (หรือเทียบเท่าทบวง) อีก 17 หน่วยงาน
นายกรัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี แต่ไม่มีกฎเกณฑ์หรือระเบียบการใดๆที่วางไว้ว่าบุคคลที่เหมาะสมที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนี้ควรจะเป็นเช่นไร ยกเว้นการเสนอการแต่งตั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
องค์กร/หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ได้แก่ สำนักงานประสานงานนโยบายของรัฐ (Office for Government Policy Coordination); กรรมาธิการการค้าเสรี (Fair Trade Commision); กระทรวงยุติธรรม (Ministry of Justice); สำนักงานสารนิเทศ (Office of Public Information); คณะกรรมการวางแผนภาวะฉุกเฉิน (Emergency Planning Committee ); และองค์การการบริหารผู้รักชาติ และทหารผ่านศึก (Patriots and Veterans Administration Agency)
นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการกำหนดนโยบายสำคัญๆของชาติ และเข้าร่วมประชุมรัฐสภา อนึ่ง นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารงานในงานแทนประธานาธิบดีเมื่อได้รับมอบหมาย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการเสนอให้ประธานาธิบดีแต่งตั้งหรือถอดถอนรัฐมนตรี หรือสมาชิกคณะมนตรีแห่งชาติ
คณะมนตรีแห่งรัฐ (State Council)
ในการตัดสินและการแก้ไขปัญหาของชาติอยู่ที่การปรึกษาหารือ อย่างรอบคอบ
จากคณะมนตรีแห่งรัฐโดยจะใช้ฉันทามติในการกำหนดนโยบาย และกิจกรรมต่างๆของประเทศ คณะมนตรีแห่งรัฐนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับ คณะรัฐมนตรี ดังเช่นของประเทศไทย คณะมนตรีแห่งรัฐนี้ปกครองด้วยสมาชิก ดังนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีราว 15-30 คน ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งเป็นประธาน และนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธาน เมื่อคณะมนตรีแห่งรัฐได้สรุปและให้ความเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ แล้ว ประธานาธิบดีจะเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้ายก่อนประกาศใช้ ปัจจุบัน (ปี ค.ศ. 2000) คณะมนตรีแห่งรัฐประกอบด้วย ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ 17 คน รวมเป็น 19 คน
การที่คณะมนตรีแห่งรัฐ ประชุมร่วมกันเพื่อไตร่ตรองนโยบายหลักของชาติ และนำเสนอให้ประธานาธิบดีเพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้าย อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คณะมนตรีแห่งรัฐเป็นเสมือนที่ปรึกษาของ ประธานาธิบดีนั่นเอง ทั้งนี้เพราะภาระหน้าที่ของคณะมนตรีแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญนั้น มิใช่เป็นองค์กรทำหน้าที่ตัดสินใจดังปรากฎในมาตรา 89 ในรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า คณะมนตรีแห่งชาติจะให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีในเรื่อง ดังต่อไปนี้
-แผนพัฒนาประเทศและนโยบายทั่วไปของกระทรวง ทบวง กรม
-การประกาศสงคราม การทำสนธิสัญญาสันติภาพ และเรื่องกิจการต่างประเทศ
-ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่างข้อเสนอกิจการต่างๆแห่งชาติ ร่างสนธิสัญญา ร่างกฎหมาย และร่างพระราชกำหนด
-ร่างงบประมาณแผ่นดิน การปิดงบประมาณ แผนการยกเลิกทรัพย์สินของรัฐ การทำพันธะสัญญาในเรื่องการเงิน การคลัง ของรัฐ
-คำสั่งประธานาธิบดีในภาวะวิกฤต ข้อปฏิบัติในวิกฤตการณ์ทางการคลัง และเศรษฐกิจของประเทศ และการประกาศใช้หรือยุติการใช้ภาวะฉุกเฉิน
-กิจการทางการทหารที่สำคัญ
-การขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยพิเศษ
-การมอบเหรียญรางวัลเกียรติยศ
-การอภัยโทษ
-การปรับโครงสร้างการบริหารงาน ของแต่ละกระทรวง
-แผนการทั่วไปเกี่ยวกับการจัดสรรอำนาจของฝ่ายบริหาร
-การประเมินและวิเคราะห์ความก้าวหน้าในนโยบายที่สำคัญของรัฐ
-การกำหนดนโยบายและความร่วมมือของแต่ละกระทรวง
-คำสั่งการยุบพรรคการเมือง
-พิจารณาคำร้องและส่งคำร้องต่อฝ่ายบริหารในเรื่องนโยบายของรัฐบาล
-แต่งตั้งอัยการสูงสุด อธิการบดีมหาวิทยาลัย เอกอัครราชทูต ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และข้าราชการ รวมทั้งผู้อำนวยการรัฐวิสาหกิจที่ได้รวมไว้ในกฎหมาย
-กิจการอื่นใดที่ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และสมาชิกของคณะมนตรีแห่งรัฐเสนอให้พิจารณา
「audit ต่างประเทศ」的推薦目錄:
audit ต่างประเทศ 在 CPA Society Thailand - 🎈เมื่อ Big-Four อาจจะไม่ใช่ความฝัน ... 的推薦與評價
แต่วันนี้โลกก็เปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้กระทั่งในต่างประเทศ ซึ่งเราพบว่ามี ... เริ่มแล้วที่ญี่ปุ่น การแยก audit กับ non-audit. ... <看更多>
audit ต่างประเทศ 在 PTT Oil and Retail Business Public Company Limited 的推薦與評價
OR ดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ... Corporate Audit. Corporate Internal Control. Internal control activities ... ... <看更多>
audit ต่างประเทศ 在 แชร์ประสบการณ์ Internal Audit ในต่างประเทศ - YouTube 的推薦與評價
แชร์ประสบการณ์ Internal Audit ใน ต่างประเทศ. 224 views · 9 months ago #big4 #บัญชี #ออดิท ...more. เป้ แนะแนวการศึกษาและอาชีพ. 59K. Subscribe. 59K ... ... <看更多>