又一個駁唔到
前瑞典首相Carl Bildt打完歐盟再打美國個Man of the Year幾巴,
"Expectations were very high when Joe Biden came in - probably too high, they were unrealistic. His 'America is back' suggested a golden age in our relations. But it didn't happen and there's been a shift in a fairly short period of time. The complete lack of consultations over the withdrawal has left a scar."
(响完全無通知之下咁樣撤軍,個關系會留底好大條疤痕。响拜登上任嘅時候(班友)期望太高喇,成班可能high到超現實。佢嗰所謂"America is Back"係指以前大家關系最好嘅黃金時代,但根本無出現到囉,極其量只係好短暫嘅調節。)
"There was a time when the US talked about upholding the global order. But that is not the language now coming out of the White House."
(曾幾何時美國係會話自己維護國際秩序,依家白宮無資格講呢句嘢囉。)
#國際級駁唔到糸列
報導:
《BBC》How Europe's relationship with Joe Biden turned sour
https://www.bbc.co.uk/news/world-europe-58416848
***************************************
📢月頭乞食:文字、時間與心血有價
🥣乞兒兜(月頭課金係最抵):
https://www.patreon.com/goodbyehkhellouk
最近更新:
八屆Paralympics,從游泳到單車十七面金牌打破英國紀錄
https://bit.ly/3zGwaGl
英國首相用邏輯抽擊
https://bit.ly/2WPuPiq
英國電視監管機構Ofcom,再一次守住言論自由
https://bit.ly/3zD6b2x
Podcast:近代阿富汗與塔利班點黎
https://bit.ly/3jAElyF
***************************************
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過878的網紅時事英文 Podcast by ssyingwen,也在其Youtube影片中提到,週六,美國 Tennessee 州中部發生致命洪水,造成至少 18 人死亡,多人下落不明。破紀錄的降雨量讓水位迅速上漲,當地居民措手不及。最年輕的罹難者為一對僅 7 個月大的雙胞胎嬰兒,不敵洪水的威力,從父親的懷抱中被沖走。 📝 訂閱講義 & 朗讀稿 (只要 $88 /月):https://...
「bbc podcast global news」的推薦目錄:
- 關於bbc podcast global news 在 Goodbye HK, Hello UK Facebook 的最佳貼文
- 關於bbc podcast global news 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於bbc podcast global news 在 Scholarship for Vietnamese students Facebook 的最讚貼文
- 關於bbc podcast global news 在 時事英文 Podcast by ssyingwen Youtube 的最佳解答
- 關於bbc podcast global news 在 #問BBC global news podcasts - 語言板 | Dcard 的評價
- 關於bbc podcast global news 在 BBC World Service - YouTube 的評價
- 關於bbc podcast global news 在 Global News Podcast - BBC World Service - Facebook 的評價
- 關於bbc podcast global news 在 BBC Global News CEO Jim Egan: 'We're pleased with the ... 的評價
bbc podcast global news 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
มหากาพย์ Carlos ซีอีโอมุดกล่อง เครื่องดนตรี เพื่อหนีออกนอกญี่ปุ่น /โดย ลงทุนแมน
“Carlos Ghosn” อดีต CEO และประธานบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกอย่าง Renault-Nissan-Mitsubishi ถือเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ถูกจดจำในฐานะฮีโรของอุตสาหกรรมยานยนต์ จากความสามารถในการพลิกบริษัทที่ขาดทุน ให้กลับมาทำกำไรได้ในเวลาไม่นาน
แต่เขาคนเดียวกันนี้ กลับทำให้หลายคนทั่วโลกต้องช็อกถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรก เขาโดนทางการญี่ปุ่นจับกุมแบบกะทันหัน
ครั้งที่สอง เขาหลบหนีจากญี่ปุ่นไปปรากฏตัวที่เลบานอน ทั้งที่ถูกคุมตัวอยู่
Ghosn หนีออกจากประเทศญี่ปุ่นไปได้อย่างไร
แล้วเรื่องราวของเขาส่งผลอย่างไรต่อกลุ่มบริษัท Renault-Nissan-Mitsubishi ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
“Carlos Ghosn” เป็นชาวเลบานอน ที่เกิดในประเทศบราซิล เมื่อปี ค.ศ. 1954
(ใครที่อยากทราบว่าทำไม คนเลบานอน อยู่ในบราซิล มากกว่าประเทศตัวเอง ลงทุนแมนเคยเขียนไว้ ลองอ่านได้ที่ลิงก์นี้ https://www.longtunman.com/30813)
ก่อนที่ในเวลาต่อมา เขาจะกลับมาเรียนหนังสือที่ประเทศเลบานอน
และก็เข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยและเริ่มทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส
นั่นจึงทำให้ Ghosn ถือ 3 สัญชาติ และมีพาสปอร์ต 3 เล่ม ทั้งเลบานอน บราซิล และฝรั่งเศส
Ghosn เริ่มงานแรกที่ Michelin จนได้ขึ้นมาเป็นระดับผู้บริหาร ก่อนจะถูกชวนไปทำงานที่ Renault แบรนด์รถยนต์ฝรั่งเศส ต่อด้วย Nissan ที่ประเทศญี่ปุ่น จากการที่ Renault เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Nissan
Ghosn ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักพลิกฟื้นกิจการ จากที่ขาดทุนจนเกือบล้มละลาย
ให้กลับมามีกำไรได้ในเวลาไม่นาน ด้วยการลดต้นทุน จนได้รับฉายาว่า “Le Cost Killer”
ปี ค.ศ. 1985 เริ่มงาน CEO ที่ Michelin สำนักงานบราซิล ทำให้กลับมามีกำไรได้ภายใน 2 ปี
ปี ค.ศ. 1996 เริ่มงาน CEO ที่ Renault ประเทศฝรั่งเศส ทำให้กลับมามีกำไรได้ภายใน 1 ปี
ปี ค.ศ. 1999 เริ่มงาน CEO ที่ Nissan ประเทศญี่ปุ่น ทำให้กลับมามีกำไรได้ภายใน 1 ปี
นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ผลักดันให้เกิดกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi
ปี ค.ศ. 1999 Renault เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 43.4% ใน Nissan และ Nissan ถือหุ้น 15% ใน Renault
ปี ค.ศ. 2016 Nissan เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 34% ใน Mitsubishi
โดยในปี ค.ศ. 2016 ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของทั้งกลุ่ม Renault-Nissan-Mitsubishi รวมกันอยู่ที่ 9.96 ล้านคัน อยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก
แต่ในเวลาเพียงปีเดียว ภายใต้การนำของ Ghosn กลุ่ม Renault-Nissan-Mitsubishi สามารถมียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.61 ล้านคัน ไต่อันดับขึ้นมาเป็นที่ 2 ของโลกได้ในปี ค.ศ. 2017
แซงหน้า Toyota และเป็นรองเพียงกลุ่ม Volkswagen เท่านั้น..
ด้วยผลงานที่โดดเด่นมาโดยตลอด Ghosn จึงถูกยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นฮีโรแห่งวงการยานยนต์
จนกระทั่งปีถัดมา
ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2018 ทันทีที่เครื่องบินส่วนตัวที่เขาโดยสารมา ลงจอดที่สนามบินฮาเนดะประเทศญี่ปุ่น Ghosn โดนเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแบบไม่ทันตั้งตัว ในข้อหา รายงานรายได้น้อยกว่าความจริง และใช้เงินของบริษัทไปกับเรื่องส่วนตัว
หลังจากนั้น 3 วัน บริษัทก็มีมติปลดเขาออกจากการเป็นประธาน Nissan ทันที
ก่อนที่เขาจะถูกให้ออกจากตำแหน่งใน Mitsubishi และ Renault ในเวลาต่อมา
หลังจากถูกตั้งข้อหา
Ghosn ก็ถูกนำตัวไปที่สถานกักกันโตเกียวและถูกสอบสวน
จนกระทั่งในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2019 หลังจากพยายามขอประกันตัวมา 3 ครั้ง
ศาลก็อนุญาตให้ประกันตัว และให้กลับไปถูกคุมตัวที่บ้านพัก เพื่อรอการพิจารณาคดีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี ค.ศ. 2020 แต่ในระหว่างนั้น Ghosn ก็ยังต้องถูกเรียกไปสอบสวนอยู่เป็นระยะ
ซึ่ง Ghosn มีเงื่อนไขที่ต้องทำตามหลายข้อ อย่างเช่น ต้องอาศัยอยู่ที่โตเกียว
ต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดนอกที่พัก ห้ามใช้อินเทอร์เน็ต รวมถึงห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อและได้ช็อกคนทั่วทั้งโลกก็เกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม ปี ค.ศ. 2020
Ghosn ที่ควรจะถูกคุมขังอยู่ที่บ้านพักในโตเกียว กลับปรากฏตัวในงานเลี้ยงปีใหม่ที่ “ประเทศเลบานอน”
ทั้งที่มีกล้องวงจรปิดติดรอบบ้าน
ทั้งที่คนญี่ปุ่นทั้งประเทศจำหน้าเขาได้
ทั้งที่พาสปอร์ตทั้ง 3 เล่มอยู่กับทนายความชาวญี่ปุ่นของเขา
Ghosn หนีออกจากญี่ปุ่นไปตอนไหนและเขาทำได้อย่างไร ?
แผนการหลบหนีทั้งหมดนี้ มาจากคำให้การของผู้วางแผนช่วย Ghosn หลบหนี ที่ถูกจับกุม
รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของ Ghosn กับทาง BBC เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในภารกิจหลบหนีของ Ghosn ได้แก่
“Carole” เป็นภรรยาของ Ghosn
“Ali” เป็นนามแฝงของนักธุรกิจชาวเลบานอน ที่รู้จักกับภรรยาของ Ghosn
“Michael Taylor” เป็นอดีตกองกำลังพิเศษของกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่เป็นเพื่อนกับ Ali
ภรรยาของ Ghosn พยายามหาทางช่วยสามี
Ali จึงแนะนำให้ได้เจอกับ Taylor เพื่อวางแผนช่วย Ghosn หลบหนี
Taylor พบว่ากล้องวงจรปิดที่บ้าน Ghosn ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูตลอดเวลา
แต่จะถูกบันทึกไว้เพื่อตรวจสอบเพียงสัปดาห์ละครั้ง ทำให้มีช่องโหว่ในการหลบหนี
Taylor จึงเตรียมทีมที่พาหลบหนีอีก 2 คน คือ
Peter Taylor ลูกชายของ Michael Taylor
และชายชาวเลบานอนอีกคนที่ชื่อว่า George Zayek
ทั้ง 3 คนเดินทางถึงสนามบินคันไซ เมืองโอซากะ ในคืนวันที่ 29 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2019
หลังจากนั้นก็ได้เช็กอินที่โรงแรมใกล้สนามบินและติดต่อนัดหมาย Ghosn ทางโทรศัพท์
วันรุ่งขึ้น Taylor ผู้พ่อและ Zayek นั่งรถไฟชิงกันเซ็งไปโตเกียวเพื่อเจอกับ Ghosn ที่ห้องหนึ่งในโรงแรมแถวที่พักของ Ghosn ซึ่งเขาเดินจากที่พักมาใช้บริการร้านอาหารของโรงแรมแห่งนี้เป็นประจำอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่มีอะไรผิดสังเกต
หลังจากนั้น Ghosn ก็ได้เปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อปิดบังใบหน้า
ต่อมา Taylor กับ Zayek ก็ได้พาเขาขึ้นรถไฟชิงกันเซ็งกลับไปที่โอซากะ
เพื่อไปสมทบกับ Taylor คนลูกที่รออยู่
แผนการต่อไปก็คือ ให้ Ghosn ซ่อนตัวใน “กล่องใส่เครื่องดนตรี” ที่มีลูกล้อติดอยู่
ซึ่ง Ghosn จะเข้าไปอยู่ในกล่อง แทนที่ลำโพงขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน
และเหตุผลที่เลือกสนามบินคันไซก็เพราะ Taylor พบจุดอ่อนว่า ที่เทอร์มินัลไม่มีเครื่องสแกนขนาดใหญ่พอสำหรับกล่องเครื่องดนตรี ทำให้กล่องที่ Ghosn ซ่อนอยู่ไม่ต้องถูกสแกน
ส่วนเครื่องบินที่ใช้ Taylor เฟ้นหาบริษัทที่ให้บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
ที่สามารถให้ความร่วมมือปกปิดข้อมูลการบินได้ จนมาเจอบริษัทของตุรกีที่ชื่อว่า MNG
Taylor และทีมปลอมเป็นนักดนตรี โดยเข็นกล่องใส่ Ghosn ผ่านด่านตรวจโดยไม่ถูกสแกนตามแผน
จากนั้น กล่องที่มีร่างของ Ghosn ก็ถูกนำไปไว้ที่ห้องเก็บของบนเครื่องบิน ซึ่งมีประตูเชื่อมมายังห้องโดยสารได้
เมื่อเครื่องบินบินขึ้นจากสนามบินคันไซ Ghosn ออกจากกล่องมารวมกับทุกคนที่ห้องโดยสาร
แผนการของพวกเขาจากนี้เหลือเพียงไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ตุรกี และเดินทางเข้าเลบานอน
โดยในการเดินทาง Ghosn ใช้พาสปอร์ตฝรั่งเศสเล่มที่ 2 ซึ่งเป็นคนละเล่มกับที่ทนายยึดไว้
แต่ยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงมีพาสปอร์ตเล่มนี้
ซึ่งทางญี่ปุ่นแถลงว่าไม่มีบันทึกการเดินทางออกนอกประเทศของ Ghosn
แต่ทางเลบานอนชี้แจงว่าเขาเข้าเลบานอนอย่างถูกกฎหมายและได้เข้าพบประธานาธิบดีเลบานอนทันที
เมื่อเดินทางไปถึง ซึ่งชาวเลบานอน ต่างก็ยังมองว่าเขาคือฮีโร
Ghosn ถูกตำรวจสากลออกหมายแดง ขณะที่ทางเลบานอนไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับญี่ปุ่น
ทำให้โอกาสที่ Ghosn จะถูกส่งกลับญี่ปุ่นในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนแทบจะไม่มี
การหลบหนีของ Ghosn มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือราว 434 ล้านบาท แลกมากับการได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เลบานอน
ถ้าอ่านจนถึงตรงนี้ แล้วคิดว่าทุกอย่างจะจบลงแบบเรียบร้อย มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น
เพราะบุคคลที่เกี่ยวข้องในการหลบหนีครั้งนี้ ถูกจับกุมกันหลายคนเลยทีเดียว
ผู้บริหารบริษัทเครื่องบินเจ็ต MNG ของตุรกี และนักบิน 2 คนถูกจับกุม
คู่พ่อลูก Taylor โดนออกหมายจับเมื่อปลายเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2021 ก่อนจะถูกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากสหรัฐอเมริกาไปญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม และทั้งคู่ก็รับสารภาพและถูกตัดสินโทษเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดย Taylor คนพ่อถูกตัดสินจำคุก 2 ปี และลูกชายถูกจำคุก 20 เดือน
ส่วน Zayek เพื่อนร่วมทีมอีกคนยังลอยนวล
เมื่อ Taylor คนพ่อถูกถามว่าทำไมถึงยอมช่วย Ghosn
Taylor บอกว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวของ Ghosn จากภรรยา และไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม เขามองว่าญี่ปุ่นทำกับ Ghosn เหมือนเป็นตัวประกัน ที่ต้องถูกบีบบังคับให้ยอมรับสารภาพ เหมือนกับสมัยที่เขาทำงานเป็นกองกำลังพิเศษ ที่เคยถูกกล่าวหาและบีบคั้นให้สารภาพทั้งที่ไม่มีความผิด
ซึ่งเหตุผลของ Taylor ก็ตรงกับสาเหตุที่ Ghosn ตัดสินใจหลบหนี
หลังจาก Ghosn เดินทางถึงเลบานอนไม่กี่วัน เขาเลือกแถลงข่าวโจมตี Nissan และกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น
โดยเขามองว่าถูกรัฐบาลญี่ปุ่นใส่ร้าย เพราะกลัวว่า Renault ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Nissan จะยึดกิจการ Nissan ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางญี่ปุ่นกลัวว่าบริษัทต่างชาติจะฮุบกิจการของประเทศตัวเองไป
ซึ่ง Ghosn บอกว่าเขาทำทุกอย่างโดยบริษัทรับรู้ มีเอกสารที่เซ็นโดยกรรมการบริษัททั้งหมด ถ้าผิดจริงก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
นอกจากนี้ ในระหว่างที่ถูกคุมตัว เขาถูกสอบปากคำแบบไม่มีทนาย และจะใช้เวลาสอบสวน 10-20 วัน ต่อ 1 ข้อหา แต่หลังจากนั้นไม่นานก็จะถูกตั้งข้อหาใหม่ทีละข้อหา และเข้าสู่การสอบปากคำอีก 10-20 วัน เป็นแบบนี้วนไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการดำเนินการทางศาลหรือดำเนินคดีต่อ
Ghosn จึงมองว่าทางการญี่ปุ่นใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อควบคุมตัวเขาไว้ แต่ไม่ดำเนินคดีอะไร และนี่ก็ทำให้ Taylor มองว่า Ghosn ถูกปฏิบัติเหมือนตัวประกันมากกว่า
และถ้าพิจารณาข้อมูลที่ว่า ศาลญี่ปุ่นมีอัตราการตัดสินว่าผู้ต้องสงสัยมีความผิดจริงสูงถึง 99.4% สูงกว่าของประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งก็ตีความได้ 2 แบบว่า การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย มีการสืบสวนที่ถูกต้องแม่นยำ หรือเกิดจากการสอบปากคำที่กดดันให้ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพ
Ghosn จึงบอกว่า เขามีทางเลือกแค่ 2 ทาง ระหว่างจะยอมตายอยู่ที่ญี่ปุ่น
หรือหนีออกมา ซึ่งเขาไม่ได้หนีกระบวนการยุติธรรม แต่หนีจากความไม่ยุติธรรม
ในส่วนของทางการญี่ปุ่นก็ชี้แจงว่าทาง Nissan เป็นคนส่งเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่เอง ซึ่ง Ghosn ทำผิดกฎหมายทางการเงินของญี่ปุ่นจริง และโทษที่ Ghosn จะได้รับสูงสุดอาจเป็นจำคุก 15 ปี
แล้วผลกระทบต่อกลุ่มบริษัท Renault-Nissan-Mitsubishi หลังจาก Ghosn ถูกจับ
ช่วงสิ้นปี ค.ศ. 2018 และออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท เป็นอย่างไร ?
ปี ค.ศ. 2016 ยอดขาย 9.96 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 4 ของโลก
ปี ค.ศ. 2017 ยอดขาย 10.61 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
ปี ค.ศ. 2018 ยอดขาย 10.76 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
ปี ค.ศ. 2019 ยอดขาย 10.16 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
ปี ค.ศ. 2020 ยอดขาย 7.96 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
จะเห็นได้ว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี ค.ศ. 2019 ลดลงและต่อเนื่องมาถึงปี ค.ศ. 2020 ที่แม้ว่าทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์จะมียอดขายลดลงจากผลกระทบของโควิด 19 แต่ยอดขายของ Renault-Nissan-Mitsubishi กลับลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นใน 10 อันดับแรก
ด้านกำไรจากการดำเนินงานในปี ค.ศ. 2019 บริษัท Renault กำไรลดลง 26.3% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานของ Nissan พลิกเป็นขาดทุนทันที
จนถึงตอนนี้ เรื่องราวคดีความของ Ghosn ยังคงเป็นปริศนา
ที่ต่างฝ่ายต่างพูดในมุมที่ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง
แต่เรื่องราวการหลบหนีออกนอกญี่ปุ่นของ Ghosn
ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องจริง ที่บ้าบิ่น ไม่แพ้ในภาพยนตร์..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-03-29/carlos-ghosn-s-downfall-at-nissan-and-the-aftermath-quicktake
-https://www.bbc.com/news/business-57760993
-https://www.theguardian.com/business/2021/jul/14/ex-nissan-boss-carlos-ghosn-talks-of-daring-escape-from-japan
-https://www.vanityfair.com/news/2020/07/how-carlos-ghosn-escaped-japan
-https://edition.cnn.com/2020/01/08/business/carlos-ghosn-press-conference/index.html
-https://asia.nikkei.com/Business/Nissan-s-Ghosn-crisis/Ghosn-said-to-flee-Japan-hidden-in-musical-instrument-case
-https://english.kyodonews.net/news/2020/01/9223a70dd17b-toyota-ranks-2nd-in-2019-global-auto-sales-overtakes-nissan-renault.html
-https://www.carexpert.com.au/car-news/who-won-the-global-sales-race-in-2020
bbc podcast global news 在 Scholarship for Vietnamese students Facebook 的最讚貼文
[English Club HEC] JOURNEY TO 8.5 IELTS OVERALL - KINH NGHIỆM CÁ NHÂN
Đây là kinh nghiệm được đúc kết từ bạn Bùi Trà My trong hành trình cố gắng đạt được 8.5 IELTS. Cả nhà đọc học hỏi nè.
Cả nhà join English Club HEC để update các bài kinh nghiệm bổ ích nhất nhé 😃
______________
Chào mọi người, em/mình/chị xin phép được xưng “mình” trong bài đăng này để thuận tiện hơn ạ. Mình đang học lớp 12 và kì thi IELTS (computer-delivered) ngày 21/11/2020 mình có đạt kết quả 8.5 overall (L:9, R:9, W:7.5, S:7.5), mình biết là tuy writing và speaking của mình cũng chưa phải ở ngưỡng tốt lắm nhưng mà mình sẽ chia sẻ một số kinh nghiệm/trải nghiệm của cá nhân trong quá trình học và ôn luyện IELTS ạ.
Trước khi đi vào chi tiết về cách ôn từng dạng thì có nói qua một chút về bản thân, mình học chuyên Anh của THPT Chuyên Ngoại ngữ nên cũng ở trong môi trường đào tạo tốt & có cơ hội tiếp xúc với tiếng anh nhiều. Nhưng mọi người cũng biết dù thế nào thì quan trọng nhất vẫn là nền tảng tốt về ngữ pháp, phát âm đã, sau đó là tích lũy từ vựng. Thế nên trước khi bắt đầu học các dạng IELTS hay luyện đề thì hãy đảm bảo rằng bạn đã "xây móng nhà" đủ chắc nha.
I. READING
Về đề thì mình chủ yếu là luyện trên Mini-ielts với ieltsonlinetest, ngoài ra mình cũng có làm mấy test của Cambridge (mình thấy từ 9-15 là ổn) và làm đủ Road to IELTS (last minute ver) của BC lúc đăng kí thi.
Với các bạn yêu đọc sách thì các bạn nên chọn đọc một vài cuốn sách bản tiếng Anh luôn nhá. Vì hồi lớp 11 mình có dự án reading portfolio trên trường phải đọc với phân tích 1 quyển sách tự chọn nên mình có cơ hội đọc sách bằng tiếng Anh lần đầu (bình thường mình đọc sách tiếng Việt thôi), cái này sẽ giúp mình luyện reading mà vẫn được thư giãn á, chủ yếu là luyện reading comprehension, ngoài ra cũng lụm lặt được vocab/expression, và rất nhiều bài học nữa - mình cho đây là giá trị cốt lõi của việc ôn luyện bằng cách đọc sách á.
Khi làm bài mình không đọc từng câu hỏi, đầu tiên mình chỉ nhìn lướt qua xem DẠNG câu hỏi thoi, nếu có bài ghép tên thì mình sẽ biết đường highlight tên, có bài match heading thì mình sẽ note nội dung chính của đoạn sang bên cạnh ấy => Sau đó mình đọc cả passage một lượt, đọc kĩ luôn => Đọc đến đâu thì lại highlight những thứ trọng yếu đến đó và note nội dung chính ra ngoài để lúc làm bài tiện rà lại => Đọc hết thì mình quay ra làm một lượt câu hỏi, vì câu hỏi sẽ follow sát theo các đoạn nên mình cũng cứ thể mà quay lại dò, đọc & làm. Lí do là vì cá nhân mình không phù hợp lắm với chiến thuật skimming & scanning rồi lọc keyword, mình thấy làm như thế dễ bị bỏ sót nhiều thông tin và có những lúc bị hiểu sai do lỡ context nữa.
Mọi người cố canh thời gian 20 phút một passage nhé, đương nhiên là sẽ có passage 3 thường khó hơn nên xê dịch tí nhưng đừng dành cho bài nào quá nhiều hay quá ít thời gian nha.
II. LISTENING
Cũng như read, lis mình chủ yếu là luyện trên Mini-ielts với ieltsonlinetest, ngoài ra mình cũng có làm mấy test của Cambridge (mình thấy từ 9-15 là ổn) và làm đủ Road to IELTS (last minute ver) của BC lúc đăng kí thi.
Mình có thói quen hay nghe podcast trên Spotify nữa, thường thì là buổi trưa lúc nghỉ ngơi. Những podcast mình hay nghe là: Stuff you should know (của iHeartRadio); Something you should know; BBC Minute, Global News Podcast, 6 Minute English, IELTS Speaking for Success. Ít nghe hơn thì có Freakonomics Radio, Serial Killers…
Mình cũng hay xem video trên youtube nữa, các kênh kiểu Ted-ed, The Infographic show, OverSimplified, Great big story… và ti tỉ các kênh khác. Cứ chọn những kênh có chủ đề bạn thích, không cần nghe rõ từng từ, nhưng nên luyện để nghe nắm được ý và để khi thi nghe đỡ mệt hơn. Hoặc thậm chí bạn cũng có thể xem các TV series trên Netflix nhé, trong quá trình ôn thi mình cày hết 12ss của The Big Bang Theory, vừa nhẹ nhàng giải trí, tạo cảm hứng mà cũng luyện phản xạ nghe tốt nữa đó.
Có nhiều người luyện theo phương pháp vừa nghe vừa take note, rồi thì tăng tốc độ lên 1.25x, cá nhân mình thì mình prefer việc luyện nghe hiểu hơn vì lúc làm bài mình chủ yếu là dựa vào critical thinking và nghe hiểu, vì khi nắm bắt được context thì dù có một vài chỗ bị miss mình vẫn có thể phán đoán có căn cứ được. Đương nhiên là nếu mọi người thấy phương pháp take note với luyện tăng tốc độ phù hợp với bản thân thì mình hoàn toàn ủng hộ áp dụng nhé!
Lúc làm bài và đi thi, mọi người cứ yên tâm là câu hỏi sẽ follow sát đoạn băng nên là đầu tiên bình tĩnh. Khi người ta cho 30s gì đấy để đọc trước thì tranh thủ đọc lướt qua một lượt câu hỏi (và câu trả lời nếu được), điều này sẽ giúp bạn mường tượng được trước là tình huống như thế nào, chủ đề gì.
Đối với các bài điền từ, nhớ gạch chân hoặc note to là mình được điền bao nhiêu từ (ví dụ one word thì ghi số 1, one word and/or a number thì ghi 1/+, nói chung mọi người cứ kí hiệu rõ ràng ra tránh thừa từ). Ngoài ra, lúc đọc lướt câu hỏi, đọc đến đâu ghi cạnh chỗ trống dạng từ cần điền, ví dụ như Npl/Ns (danh từ số nhiều/số ít), place, date, no., name, adv… => Giảm xác suất bị sai những lỗi không đáng có; đồng thời khi nghe vô hình chung bạn cũng sẽ biết mình cần hướng đến cái gì. Kiểu như nếu bạn biết câu này phải điền danh từ, thì khi nghe não sẽ có xu hướng tập trung nghe đến danh từ, rồi chú ý sau động từ (trong trường hợp danh từ đóng chức năng tân ngữ).
Lời khuyên chung cho part 3 và part 4 vẫn là phải thật bình tĩnh. Part 4 hầu như là điền one word, bài nó cũng theo thứ tự trong băng nữa nên nghe đến đâu các bạn ráng hiểu đến đó + prepared trước kiểu "sắp đến chỗ của câu này rồi". Cá nhân mình không chờ cho đến khi nào nghe thấy mấy từ trong câu hỏi rồi mới tập trung, mà sẽ tập trung nghe hết luôn vì nhiều lúc, người ta sẽ không nói y như phần trước ô trống đâu, mà người ta sẽ đưa context vào, mình hiểu thì mình điền được ấy.
⇒ Note chung cho lis-read: Đây chỉ là trải nghiệm của mình thôi nhưng mà… Nếu lúc đầu instinct mạnh mà đang chọn đáp án nào thì sau đó ráng đừng lay động rồi đổi đáp án nhá trừ khi bạn có clue/proof gì chắc chắn là việc đổi mới đúng. Nhiều lúc đổi xong sai liền đó hic. Và với những câu vẫn mông lung chưa biết chọn gì, đừng có để trống mà điền hết nhé, quan trọng là đoán có căn cứ. Luyện đề rất quan trọng, các bạn có thể luyện free tại các trang trên hoặc http://bit.ly/2NuFxGg. Nhưng mà cũng nên kết hợp với các phương thức khác như đọc báo, đọc sách, nghe podcast, xem video… nha siêu hiệu quả đó.
III. WRITING
Writing thực sự mình cũng không luyện nhiều đâu ;;v;; sau khi học hết khóa ở trung tâm mình chỉ làm thêm một số đề nữa thôi. Mình thấy quan trọng vẫn là nên nắm kĩ cách triển khai ý vì lúc đi thi mình cũng không thể biết được vào đề nào, topic gì.
Vốn từ các thứ thì bạn có thể học và chắt lọc theo chủ đề. Bạn có thể học Cambridge Vocabulary for IELTS (Pauline Cullen) hoặc là Oxford Word Skills (có các level khác nhau). Về ý tưởng có thể tham khảo các idea, hình như có tài liệu “IELTS ESSAYS FROM EXAMINERS” là tập hợp của nhiều examiner nổi tiếng mỗi năm, nma lúc mình biết đến thì kiểu còn 1 tuần nữa là thi mất rồi....
Một số cách triển khai ý là:
- Nguyên nhân - hệ quả (thậm chí sau câu hệ quả có thể thêm 1 câu hệ quả nữa vì nhiều trường hợp nó cũng là 1 chuỗi)
- Đầu - thân - tình - tiền: Đây là phương pháp mình được dạy ở IPP IELTS, đại khái là tùy từng đề mà chọn, “đầu” là về knowledge, mình học thêm được những gì; “thân” là về sức khỏe cả thể chất lẫn tinh thần, có lợi hay có hại như thế nào; “tình” là các mối quan hệ, có mở rộng social circle hay không; “tiền” là tiền =)))
- Triển khai từ các perspective khác nhau (ví dụ như cùng 1 chính sách giáo dục thì từ phía học sinh sẽ có những lợi ích/tác hại gì, từ phía giáo viên&nhà trường, từ phía chính phủ như thế nào)
- Example
IV. SPEAKING
Mình vốn là đứa rất sợ speaking, chứ chưa bàn đến chuyện nói tốt hay dở, rồi cũng vì sợ nên lúc mình nói trước người khác toàn sợ idea không tốt, đang nói mà phát hiện lỗi sai cái là lại ậm ừ rồi quay lại sửa cho bằng được, timing không tốt…
Mình nhận ra là vì mình chưa tiếp xúc với speaking đủ nhiều, nên cách tốt nhất là hãy luyện phản xạ trả lời, mà phản xạ chỉ có thể luyện được khi nó thành một cái mình làm kiểu hằng ngày á. Cá nhân mình thì mình luyện nói với bạn cùng bàn, tranh thủ giờ ra chơi với cả hẹn nhau ra cà phê, circle k lúc rảnh. Lúc học thì mình luyện theo quyển đề của trung tâm, trước khi thi khoảng 1 tháng mình luyện theo bộ forecast quý của thầy Ngọc Bách, bạn mình nghe mình nói và ngược lại, xong 2 người góp ý cho nhau, như vậy mình vừa có thể trau dồi được thêm nhiều ý tưởng hay, vừa có thể lượm lặt được các từ ngữ, cách nói, grammar phù hợp, quen với nhịp độ của các part, các buổi thực hành hay thi cũng đỡ bỡ ngỡ hơn.
Đối với từ vựng thì mọi người có thể trau dồi thêm collocations theo chủ đề nhé ví dụ như bằng quyển English Collocations In Use của Cambridge, hoặc 2 quyển sách ở trên kia mình giới thiệu cũng có giới thiệu nhiều vocab hữu ích lắm.
Mình thấy là giám khảo sẽ không judge về mặt ý tưởng của bạn đâu, miễn là những câu sau của bạn phải support cho ý tưởng câu đầu, rồi có dẫn chứng relevant & thuyết phục là okay rồi. Khi luyện nói với bạn mình, mình cũng nhận ra rằng cùng 1 câu hỏi thực ra có rất nhiều hướng trả lời vì về ý kiến đâu có thể 10 người giống 10 được, không có đúng hay sai nên đừng quá lo là “ý tưởng của mình có kì không/có đúng không”, mà hãy nghĩ xem “ý tưởng của mình có thể được support bởi những cái gì”. 1 câu dẫn dắt, 1 câu idea, 1 câu triển khai ý, 1 câu ví dụ nếu có thể là okay, và nếu bạn còn idea nữa thì cũng lại triển khai như thế, nhưng tránh lan man rồi lạc đề; và nếu bạn thấy idea 2 khó triển khai thì mình nghĩ bạn có thể dừng thì mình nghĩ các bạn nên dừng ở idea 1 và ráng triển khai kỹ idea này là ổn.
=> Note chung cho speaking-writing: Hãy nắm kĩ cấu trúc, trả lời đúng trọng tâm đề, đủ (không thiếu không thừa, không cụt lủn không lan man), thuyết phục là đã ăn điểm task response rồi. Ngữ pháp mọi người cần chắc nền tảng, khéo léo kết hợp sử dụng các thì thời, khi vững rồi mới cố gắng kết hợp các câu phức để tăng band. Nhưng đừng câu nào cũng câu phức, nghe rất lan man mà dễ bị sai. Nên một câu đơn rồi một câu phức xen kẽ, cũng không có nghĩa là cứ phải 1 câu này 1 câu kia nhé, mọi người linh động trong khả năng của mình thôi. Từ vựng trau dồi qua cả một quá trình, cố gắng biến nó thành active vocab để mình có thể sử dụng nó một cách chắc chắn & hiệu quả trong bài thi cũng như đời sống thay vì chỉ ghi list và học thuộc. Điểm coherence & cohesion không chỉ phụ thuộc vào linking words mà nó còn là liên kết ý nữa (các câu có relevant và support nhau không), ngoài ra còn cả việc sự dụng các đại từ this/that/such thinking…
V. FAQ:
(Nếu có câu hỏi nào chưa có trong mục này mọi người có thể comment nhé, mình sẽ giải đáp trong khả năng)
1. Nếu chưa biết bắt đầu từ đâu thì nên làm thế nào?
Mình nghĩ là cũng có thể hiểu được thôi không chỉ IELTS nói riêng mà còn là việc học ngoại ngữ nói chung. Có lẽ bạn nên nắm rõ mình đang ở band nào, mình aim band nào, band đó cần yêu cầu gì, rồi dần dần hoàn thiện để đáp ứng yêu cầu đó. Nếu các bạn mới bắt đầu tiếp xúc với tiếng anh hoặc đang ở band thấp thì điều quan trọng nhất chính là học thật chắc ngữ pháp, phát âm, từ vựng nhé, và học từ các nguồn uy tín thôi, nếu cần thì mọi người có thể inbox mình sẽ chỉ.
Và có lẽ thay vì luyện quá nhiều material khác nhau cho cùng 1 nội dung/phân môn thì bạn nên chọn lọc 1-2 đầu sách hoặc các course, website có resource phù hợp. Rồi tập trung học theo đó ôn theo đó thôi để tránh nhọc quá.
2. Có phải dùng những từ vựng “cao cấp” thì sẽ được band cao không?
Có lẽ đây là assumption của rất nhiều người nhưng mà thực sự không phải như vậy đâu mọi người ạ. Nói đúng hơn, những từ vựng ăn điểm là những từ vựng dùng chuẩn context + less common hơn 1 chút. Nhưng yếu tố tiên quyết vẫn là phải đúng context nhé mọi người, thực sự nếu mọi người tra là synonym có thể ra những từ lạ hoắc xong trông cũng sang sang đấy, nhìn còn dài ngoằng mấy âm tiết cơ nhưng mọi người cứ áp dụng bừa mà không biết mình đã dùng sai rồi, mà examiner có khi còn không cả biết từ mình dùng là gì cơ ấy… Thế là trừ điểm thôi--- Mình không bảo mọi người là cứ những từ dễ dễ an toàn mà tương nhé, quan trọng là mình muốn khuyến khích việc bạn nắm rõ rằng mình đang dùng từ gì. Chứ nhiều lúc "đao to búa lớn" không bằng một từ trông thì có vẻ hơi "lom dom" nhưng được dùng on-point đâu ạ.
3. Học từ vựng thế nào mới hiệu quả?
Về việc nhớ từ thì mình thấy điều quan trọng nhất chính là đừng học theo kiểu học thuộc, mà cần học với mindset là mình cần biến nó thành active vocab và có thể áp dụng nó linh động trong bài viết và đời sống. Mình cần hiểu đúng usage của nó và có thể recall nó thường xuyên chứ không phải chỉ khi thi cử ấy.
Và mình nghĩ đừng chỉ viết từ ra sổ không rồi học thuộc một list mà cứ lăn xả đi tra đi xem trên oxford, cambridge dictionary, mò mẫm xem nó có nhiều nét nghĩa không, có nghĩa nào hay ho thú vị không, xem qua ví dụ nữa để thấm nhuần được cách dùng, ngữ cảnh, tự đặt ví dụ cũng tốt nhưng ví dụ phải đúng nhé ạ. Tra xong trên oxford, cambridge rồi thì có thể lên ozdic để tra collocation nữa siêu hữu dụng trong IELTS.
Mọi người cũng không cần học quá quá quá nhiều từ vựng đâu, mình nghĩ là thay vì học 5000 từ random thì học theo chủ đề, mỗi chủ đề một số lượng từ nhất định để có thể áp dụng linh hoạt khi làm bài là được.
Ngoài ra thì cũng không nên ghi chép rồi học trong 1 ngày, mà cần sự lặp lại, lặp lại không phải chỉ bằng cách đọc lại mà có thể là xem lại video xung quanh chủ đề đó, tự đặt câu, tự hỏi và trả lời rồi áp thử từ vựng đó vào.
4. Mình soạn sample speaking trước rồi học thuộc template được không?
Mình ôn theo forecast và thực ra mình hoàn toàn có đủ thời gian để prepare câu trả lời mẫu, nhưng mà mình không làm thế. Đơn giản là tại vì thực sự bạn không thể nhớ nổi 50 đề cho 1 quý, mỗi đề part 2 + vài câu part 3 đâu á... Hơn nữa, việc học thuộc câu hỏi sẽ khiến mình khi nói mất tự nhiên, và chẳng may nếu quên từ nào một cái là gần như đơ luôn, examiner được trained để để ý những cái nhỏ nhặt đó nên it’s a big no-no nha. Thay vào đó mình nghĩ bạn nên vạch ra hướng tư duy thì hơn, như vậy cũng đỡ bỡ ngỡ khi bị hỏi những câu mà không có trong forecast hoặc là các câu hỏi examiner improvise dựa vào câu trả lời trước đó của bạn.
5. Sao mình làm bao nhiêu đề một tuần mà không thấy tiến triển gì cả?
Đừng stress bản thân quá phản tác dụng bự đó mọi người, thay vì ráng làm 2 đề một ngày nửa buổi trưa nửa buổi chiều thì cứ dành đúng 1 buổi làm 1 đề thôi r ngâm cứu thật kỹ xem đề đó mình sai chỗ nào cần khắc phục chỗ nào, đọc kĩ transcript nếu có, xem mình nghe hụt ở đâu, vì sao lại nghe sai (do mình không biết cách phát âm của từ đó hay lỡ context…). Thỉnh thoảng mọi người cũng nên thư giãn nữa chứ không nên đâm đâu ngày nào cũng làm đề dễ nản.
Cảm ơn mọi người vì đã đọc hết bài chia sẻ dài bự này ạ, hi vọng kết quả mọi người sẽ xứng đáng với nỗ lực mà mọi người bỏ ra. ^^
-------------------------------------------------
❤ Like page, tag và share cho bạn bè cả nhà nhé ❤
#HannahEd #duhoc #hocbong #sanhocbong #scholarshipforVietnamesestudents
bbc podcast global news 在 時事英文 Podcast by ssyingwen Youtube 的最佳解答
週六,美國 Tennessee 州中部發生致命洪水,造成至少 18 人死亡,多人下落不明。破紀錄的降雨量讓水位迅速上漲,當地居民措手不及。最年輕的罹難者為一對僅 7 個月大的雙胞胎嬰兒,不敵洪水的威力,從父親的懷抱中被沖走。
📝 訂閱講義 & 朗讀稿 (只要 $88 /月):https://bit.ly/ssyingwen_notes
👉 延伸閱讀:https://ssyingwen.com/ssep48
🖼️ IG 單字卡: https://bit.ly/ssyingwenIG
😴 8/29 週日休息一集,9/1 週三恢復~
———
本集 timestamps
0:00 Intro
0:51 第一遍英文朗讀
3:05 新聞 & 相關單字解說
14:36 額外單字片語
20:23 第二遍英文朗讀
———
臉書社團 (朗讀文字):https://www.facebook.com/groups/ssyingwen/posts/289936546225925/
朗讀內容參考了
The Guardian: https://www.theguardian.com/us-news/2021/aug/23/tennessee-floods-flash-flooding-death-toll-damage
Associated Press: https://apnews.com/article/floods-tennessee-c7c876734f3ddbafd61fd98989a647f1
BBC: https://www.bbc.com/news/world-us-canada-58300877
NPR: https://www.npr.org/2021/08/23/1030325945/the-floods-in-tennessee-arent-freak-accidents-theyre-a-new-reality
———
本集提到的單字片語:
Tennessee 田納西州
Landlocked state 內陸州
Tennesseans 田納西人
Nashville
Flash flood warning 突發性水災的警報
Meteorologist 氣象學家
Hurricane 颶風
Tropical system 熱帶系統
Break / shatter / smash the record 破紀錄
Torrential rain 暴雨
Flood / flooding 水災
Floodwater 洪水
Deluge 嚴重水災
Flash flood 暴洪
Survivors 倖存者
Panic attack 驚恐發作
Jet skis 水上摩托車
Boats 船
Helicopter 直升機
Wreckage 殘骸
Rhode Island 羅德島
Connecticut 康州
New York 紐約州
Climate change 氣候變遷
Global warming 全球暖化
Supercharge 增壓、超級充電
Disaster
Calamity
Catastrophe
Tragedy
Staycation
♥️ 喜歡時事英文 podcast 嗎?♥️
你可以支持我繼續錄製 podcast 👉 https://bit.ly/zeczec_ssyingwen
————
#podcast #田納西州 #洪災 #洪水 #暴雨 #學英文 #英文筆記 #英文學習 #英文 #每日英文 #托福 #雅思 #雅思英語 #雅思托福 #多益 #多益單字 #播客 #國際新聞 #英文新聞 #英文聽力 #taiwanpodcast
bbc podcast global news 在 BBC World Service - YouTube 的推薦與評價
Now you can watch your favourite radio programmes and podcasts! ... Bad Cops, Episode 3, BBC World Service podcast ... BBC News Africa 860K subscribers. ... <看更多>
bbc podcast global news 在 Global News Podcast - BBC World Service - Facebook 的推薦與評價
A special Brexit episode of Global News Podcast - listen now: https://www.bbc.co.uk/sounds/play/p07s2nd6. ... <看更多>
bbc podcast global news 在 #問BBC global news podcasts - 語言板 | Dcard 的推薦與評價
最近因為學英文所以開始聽podcast,因為是新手所以想要聽的時候有文稿跟著聽,想請教大家哪裡可以找到bbc global news podcast,的文字稿, ... ... <看更多>