關於 bank แปลว่า ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

เนเธอร์แลนด์ ประเทศเล็ก ๆ แต่พัฒนาถึงขีดสุด / โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงเนเธอร์แลนด์ หลายคนคงนึกถึง กังหันลมและดอกทิวลิป
แต่เรื่องที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ เนเธอร์แลนด์ ยังเป็นประเทศที่สร้างนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่หลายอย่างของโลก มาตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา

นวัตกรรมเด่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากประเทศแห่งนี้ มีอะไรบ้าง
และทำไมประเทศเล็ก ๆ อย่างเนเธอร์แลนด์ ถึงสร้างนวัตกรรมระดับโลกได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปฝั่งตะวันตก
ซึ่งคำว่า “เนเธอร์” นั้น แปลว่า “ต่ำ”
เนเธอร์แลนด์ จึงแปลได้ตรง ๆ ว่า แผ่นดินที่ต่ำ
โดยสาเหตุที่ได้ชื่อแบบนี้ก็เพราะว่า พื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของประเทศนั้น อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

ข้อมูลจาก World Bank ในปี 2019 ระบุว่า
เนเธอร์แลนด์ มี GDP เท่ากับ 28 ล้านล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก
และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรเท่ากับ 1.6 ล้านบาทต่อปี สูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก
ขณะที่มีพื้นที่ประเทศ 41,865 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าพื้นที่ประเทศไทย 12 เท่า

แม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่เนเธอร์แลนด์กลับเป็นประเทศที่สามารถสร้างสิ่งที่สำคัญ ๆ ให้แก่โลก อย่างที่เราอาจไม่รู้มาก่อนว่า เกิดจากประเทศแห่งนี้

หนึ่งในรากฐานที่สำคัญในการพัฒนานวัตกรรมของเนเธอร์แลนด์
มาจากการให้ความสำคัญกับเรื่อง “การศึกษา”

ในช่วงศตวรรษที่ 16 ดินแดนเนเธอร์แลนด์ยังถูกปกครองโดยราชสำนักสเปนซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แตกต่างจากชาวดัตช์ส่วนใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งล้วนเป็นพ่อค้าที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์

ด้วยความที่เนเธอร์แลนด์เป็นเมืองท่าที่สำคัญ เหล่าพ่อค้าจึงถูกขูดรีดภาษีจากสเปนจำนวนมาก
เมื่อทนไม่ไหว ท้ายที่สุดชาวดัตช์จึงรวมตัวกันขับไล่ผู้ปกครองชาวสเปน
จนสามารถก่อตั้งสาธารณรัฐดัตช์ที่เป็นอิสระได้สำเร็จ
และมีผู้ปกครองคนแรกคือ วิลเลิมแห่งออเรนจ์

แต่สิ่งที่เหล่าพ่อค้าชาวดัตช์เรียกร้องจากผู้ปกครองหลังแยกตัวออกจากสเปน
ไม่ใช่การยกเลิกภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ แต่กลับเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างองค์ความรู้..

Leiden University มหาวิทยาลัยแห่งแรกของเนเธอร์แลนด์จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1575
โดยเป็นจุดเริ่มต้นขององค์ความรู้ต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ พฤกษศาสตร์ และเกษตรกรรม

ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ได้กลายมาเป็น มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเรื่องนวัตกรรมและการสร้างผลงานวิจัยระดับแถวหน้าของยุโรป

แล้วนวัตกรรมสำคัญ ๆ ที่ถูกคิดค้นโดยชาวดัตซ์ มีอะไรบ้าง
เรามาเริ่มต้นด้วยเรื่องนวัตกรรมทางด้านการเงิน การลงทุนกันก่อน..

รู้ไหมว่า ชาวดัตช์เป็นชนชาติแรก ๆ ที่ได้คิดค้นนวัตกรรม "หุ้น" ขึ้นมา
โดยตลาดหุ้นที่ดำเนินกิจการมายาวนานที่สุดในโลก คือตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัม
ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์มาตั้งแต่ปี 1601 หรือ 420 ปีที่แล้ว

1 ปีหลังจากจัดตั้งตลาดหุ้น รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้มีการจัดตั้งบริษัท The Dutch East India Company หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า VOC (ซึ่งมาจากชื่อบริษัทในภาษาด้ตช์ Vereenigde Oostindische Compagnie) เพื่อทำธุรกิจค้าขายกับต่างประเทศ

VOC ยังถือเป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกของโลกอีกด้วย บริษัทนี้ผูกขาดการค้ากับเอเชียเป็นเวลาเกือบสองศตวรรษ และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลต่อการค้าของโลกในยุคต่อมา

ไม่เพียงเท่านั้น การระดมทุนของ VOC เพื่อเข้าตลาดหุ้นในปี 1602 ยังเป็นการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อประชาชน หรือที่เรียกว่า Initial Public Offering หรือ IPO เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์โลกการเงินอีกด้วย

ชาวดัตซ์ยังเป็นชนชาติแรกที่ริเริ่มแนวคิด การวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค หรือ การใช้กราฟเพื่อคาดการณ์ราคาหลักทรัพย์ ในปี 1688
และเป็นชนชาติแรกที่ริเริ่มการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1774

พูดง่าย ๆ ว่า ความยิ่งใหญ่ของตลาดการเงิน การลงทุน และตลาดหุ้นในวันนี้
มีจุดเริ่มต้นมาจากเนเธอร์แลนด์นั่นเอง..

ต่อมา คือการสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับภาคเกษตรกรรม

การที่มีพื้นที่กว่า 1 ใน 3 อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ทำให้ชาวดัตช์มีความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำและการชลประทานมาอย่างยาวนาน ซึ่งต่อยอดมาเป็นเกษตรกรรมล้ำสมัยในปัจจุบัน

รู้ไหมว่าเนเธอร์แลนด์ ชาติที่มีพื้นที่เพียง 41,865 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าประเทศไทย 12 เท่า แต่กลับสามารถส่งออกสินค้าเกษตรโดยมีมูลค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา

โดยในปี 2019
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของเนเธอร์แลนด์นั้นมีมูลค่ากว่า 3.5 ล้านล้านบาท

ทุกวันนี้ 1 ใน 3 ของการส่งออกพริก มะเขือเทศ และแตงกวาทั่วโลกนั้น ล้วนมาจากเนเธอร์แลนด์ และยังเป็นประเทศที่ส่งออกดอกไม้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
โดยมีมูลค่ามากกว่า 138,000 ล้านบาท

ทั้งรัฐบาล สถาบันการศึกษา และบริษัทในภาคเอกชน ต่างร่วมกันทำวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านการเกษตรและอาหาร
โดยใช้ทรัพยากรและปัจจัยการผลิตให้น้อยที่สุด

เกษตรกรชาวดัตช์ นำแนวคิดเรื่อง การทำเกษตรด้วยความแม่นยำสูง (Precision Farming)
ที่มีการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยวิเคราะห์ค่าเคมีของดิน ปริมาณน้ำ สารอาหาร สำหรับใช้ในการเจริญเติบโตของพืชอย่างละเอียด

นอกจากนวัตกรรมทางด้านการเงินและด้านเกษตรกรรมแล้ว
เนเธอร์แลนด์ยังคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ด้านนวัตกรรมอีกหลายอย่าง
ที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนบนโลกใบนี้ตั้งแต่อดีตเรื่อยมา
ไม่ว่าจะเป็น

- กล้องไมโครสโคป ถูกผลิตโดย Hans และ Zacharias Jansen 2 พ่อลูกชาวดัตช์ ในปี 1590

- เทปคาสเซตต์ ถูกพัฒนาขึ้นโดย Philips ผู้ผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติดัตช์ ในปี 1960

- สัญญาณ Bluetooth มีผู้ร่วมพัฒนาเป็นวิศวกรชาวดัตช์ที่ชื่อว่า Jaap Haartsen ในปี 1990

- สัญญาณ Wi-Fi ถูกพัฒนาและใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1998 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์

เนเธอร์แลนด์ก่อตั้งประเทศจากผู้คนที่เลือกใฝ่หาความรู้ มีความพยายามต่อสู้กับทั้งธรรมชาติและผู้รุกราน แต่ความสำเร็จต่าง ๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างภาครัฐบาล ภาคการศึกษา สถาบันวิจัย และภาคเอกชน ซึ่งล้วนให้ความสำคัญกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน

ในวันนี้ เนเธอร์แลนด์มีมหาวิทยาลัย Wageningen University & Research
เป็นมหาวิทยาลัยด้านเกษตรกรรมอันดับ 1 ของโลก ที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งบริษัทเทคโนโลยีด้านเกษตรกรรมชั้นนำมากมาย

มีบริษัท Philips ที่ได้ต่อยอดจากบริษัทเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์กลายมาเป็นบริษัทเครื่องมือแพทย์ชั้นนำของโลก

และบริษัท ASML บริษัทผลิตเครื่องจักรที่ใช้สำหรับการพิมพ์ลายลงบนชิป
ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมชิปทั่วโลก

ความมุ่งมั่นและทุ่มเททางด้านนวัตกรรมของเนเธอร์แลนด์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานทำให้ ประเทศเล็ก ๆแห่งนี้ กลายมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก

หากย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 16
คงต้องขอบคุณเหล่าพ่อค้าชาวดัตช์ ถึงแม้จะถูกขูดรีดภาษีมานาน แต่กลับเลือกไม่ขอยกเลิกภาษีจากผู้ปกครอง แล้วเลือกขอสร้างมหาวิทยาลัยเพื่อต่อยอดองค์ความรู้

พ่อค้าเหล่านี้อาจมองการณ์ไกลมาถึง 400 ปีข้างหน้า
ว่าการลงทุนที่ดีที่สุด คงจะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจาก “การลงทุนในความรู้”..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.stock2morrow.com/article-detail.php?id=2175&read_meta=%7B%22label%22%3A%22articlepage_number1%22%2C%22group%22%3A%22NA%22%7D
-https://en.wikipedia.org/wiki/Netherlands
-https://investinholland.com/news/10-inventions-didnt-know-dutch/
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Dutch_inventions_and_innovations
-https://humboldt.global/top-agricultural-exporters/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Euronext_Amsterdam
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=NL
-Measuring-Innovation-in-Education-Netherlands.pdf (oecd.org)

"งานวิจัยล่าสุดบอกว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อาจจะช้าลงเมื่ออากาศร้อนขึ้น"

มีงานวิจัยใหม่มาจากนักวิจัยของมหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน บอกว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น เซนซิทีฟเป็นอย่างมากกับอุณหภูมิสูง โดยเชื้อนี้จะแพร่กระจายได้เร็วที่สุดที่อุณหภูมิ 8.72 องศาเซลเซียส ดังนั้น ประเทศที่อยู่ในเขตหนาวเย็น จึงควรที่จะใช้มาตรการควบคุมโรคนี้ให้เข้มงวดที่สุดที่จะทำได้

1. นักวิจัยได้ศึกษาว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ มีการแพร่กระจายแปรเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างตามฤดูกาลและอุณหภูมิ และพบว่า “อุณหภูมิสามารถเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจายของโรค COVID-19 ได้อย่างมีนัยสำคัญ" และ "และน่าจะมีอุณหภูมิ ค่าที่ดีที่สุด ที่เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายได้"

2. นักวิจัยกลุ่มนี้ได้นำข้อมูลของรายงานการติดโรคจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทั่วโลก ทุกเคส ระหว่างวันที่ 20 มกราคมจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แล้วนำไปคำนวณแบบจำลองกับข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาอย่างเป็นทางการ ตั้งของเมืองต่างๆในประเทศจีน และเมืองหลวงอื่น ๆ ของแต่ละประเทศที่มีการติดเชื้อ

3. ผลการวิเคราะห์บอกว่า จำนวนของเคสเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ 8.72 องศาเซลเซียส แล้วจำนวนของเคสก็ลดลงหลังจากนั้น .. แปลว่า อุณหภูมิที่เชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายได้ดีที่สุดคือที่ 8.72 องศาเซลเซียส

4. งานวิจัยยังบอกว่า "เชื้อไวรัสนี้เซนซิทีฟสูงกับอุณหภูมิที่สูง" ซึ่งนั่นอาจป้องกันไม่ให้มันแพร่กระจายไปในประเทศต่างๆ ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า ขณะที่ทำให้มันแพร่กระจายได้ดีในประเทศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า

5. งานวิจัยยังบอกด้วยว่า ผลของอุณหภูมิต่ำที่มีผลต่อการแพร่ระบาดของโรคนั้น อาจจะมีบทบาทสำคัญต่อสาเหตุที่ทำไมเชื้อไวรัสถึงได้ระบาดอย่างหนักหนักในเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของประเทศจีน

6. ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ อย่างเช่น Hassan Zaraket ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อแห่ง the American University of Beirut บอกว่า มันเป็นไปได้ที่ภูมิอากาศที่ร้อนและชื้น จะทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสมีความเสถียรน้อยลง และแพร่กระจายได้น้อยลงด้วย คล้ายๆ กับเชื้อไวรัสที่ก่อโรคอื่นๆ ... ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นประโยชน์กับการควบคุมโรคในพื้นที่ ที่ยังไม่ค่อยมีการแพร่ระบาดของโรคไปอย่างกว้างขวาง

7. รายงานวิจัยของอีกกลุ่มนึง ซึ่งนำโดย Marc Lipsitch นักระบาดวิทยาจากสถาบัน Harvard’s T.H. Chan School of Public Health พบว่าเชื้อโคโรนาไวรัสตัวนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ในสภาพความชื้นที่ค่อนข้างกว้าง คือตั้งแต่มณฑลที่หนาวเย็นและแห้งแล้งของประเทศจีน ไปจนถึงพื้นที่ที่ร้อนชื้นอย่างประเทศสิงคโปร์ ... ดังนั้น เพียงแค่อุณหภูมิและความชื้นที่เพิ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ ถึงไม่จำเป็นที่จะลดเคสของโรคลงได้ ถ้าปราศจากการเข้าไปควบคุมป้องกันโรคอย่างเต็มที่

สรุป คือ แม้ว่าเราจะเริ่มมีความหวังขึ้นมาได้ว่า อากาศที่อบอุ่นและร้อนมากขึ้น จะช่วยให้การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ชะลอตัวลง แต่ก็อย่าประมาท และเรายังต้องพึ่งพามาตรการการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นต่อไป

ข้อมูลและภาพประกอบจาก https://www.scmp.com/news/china/science/article/3074131/coronavirus-highly-sensitive-high-temperatures-dont-bank-summer

จุดยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐในโลกอิสลาม ประวัติของอิสราเอลและปาเลสไตน์
กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ภูมิภาคตะวันออกกลาง ดินแดนที่อยู่แถว ๆ ระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นทางเสือผ่านของมหาอำนาจทางการทหารมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์และเจริญรุ่งเรืองเป็นหนึ่งในอู่อารยธรรมของโลก ยังคงฝุ่นตลบจากผลพวงแห่งสงครามอยู่ก็จำต้องช็อคแดกกันอีกครั้งหนึ่งเมื่อชาวยิวซึ่งอยู่ในดินแดนที่เรียกว่าปาเลสไตน์ได้ประกาศเอกราชก่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา
ถอยกลับไปที่สงครามโลกครั้งที่สองมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซีเยอรมัน จำได้มั้ย ?
นั่นแหละ เมื่อสงครามเลิกก็เลยมีชาวยิวเป็นจำนวนมากที่รอดชีวิตมาได้ตัดสินใจเดินทางออกจากยุโรปเพราะกรูอยู่ไม่ได้แล้วโว้ย หลอน! กลับมายังปาเลสไตน์ เหตุที่หวยมาตกที่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะเค้าหลับตาจิ้มกันหรอกนะ แต่เป็นเพราะชาวยิว มีความเชื่อว่าดินแดนปาเลสไตน์เป็นดินแดนพันธสัญญาที่ตามพระคัมภีร์พระเจ้าได้มอบให้ชนเผ่าอิสราเอล และดินแดนแห่งนี้ชาวยิวมีสิทธิชอบธรรมที่จะอาศัยอยู่
อันที่จริง ชาวยิวก็ทยอย ๆ กลับไปซื้อไปจับจองที่ทางในปาเลสไตน์กันมาก่อนหน้านั้นนานแล้วล่ะ แต่การย้ายครั้งใหญ่ที่มากันเยอะ ๆ ในสไตล์การอพยพหรือ exodus เนี่ย มันเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ปัญหาน่ะ มันอยู่ที่ว่า ดินแดนปาเลสไตน์เนี่ย มันไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าเฟ้ย มันมีคนอยู่ แล้วก็อยู่กันมานมนาน คนที่อยู่ตรงนั้นก็คือชาวปาเลสติเนี่ยน ซึ่งเป็นอาหรับ
ตะวันออกกลางก็เป็นอาหรับกันเกือบทั้งนั้น ยกเว้นอิหร่าน ซึ่งเป็นชาวเปอร์เซีย เรื่องชนเผ่าต่าง ๆ เอาไว้เล่าวันหลังละกันนะอีทีนี้พอชาวยิวแห่กันมา ประเทศอาหรับรอบ ๆ ก็น็อยดิ่ ว่าเฮ้ย อยู่ ๆ พวกเอ็งจะยกกันมาแล้วประกาศตั้งประเทศตรงที่ ๆ มีพวกข้าอยู่ ๆ แล้วมันจะดีเหรอฟระ ??ไม่ด๊าาาายยยย!!!
เยี่ยงนี้แหละครับคุณผู้อ่านที่รัก สงครามจึงปะทุขึ้นมา โดยชาติอาหรับรอบข้าง นำโดย อียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน เลบานอน และอิรัก ก็เปิดฉากโจมตีประเทศอิสราเอลในสงครามที่เรียกว่า “สงครามอาหรับ - อิสราเอล” ในปี 1948 หรือปี พ.ศ. 2491 หรือราว ๆ หกสิบกว่าปีที่แล้ว
แต่ว่า การที่จะทำสงครามถล่มยิว โดยที่มีชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นอาหรับอยู่ในดินแดนนั้นเป็นจำนวนมากเนี่ย มันก็น่าเป็นห่วงคนปาเลสไตน์ว่าจะโดนลูกหลงเป็นอันตรายได้นะครับ ดังนั้น เหล่าพี่เบิ้มอาหรับทั้งหลายเค้าก็เลยบอกน้องปาเลสฯ ว่าพวกนายอ่ะ อพยพออกมาก่อนนะ เดี๋ยวเฮียจะถล่มมันก่อน ถล่มเสร็จแล้วพอบ้านว่าง พวกนายค่อยกลับบ้าน คงออกแนวคล้าย ๆ เราอพยพหนีน้ำท่วมกันเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วมาล่ะมั้ง
ชาวปาเลสไตน์ 7 แสนกว่าคนครับคุณผู้ชม ก็ได้อพยพออกมาตั้งหลักรออยู่ที่ประเทศจอร์แดน 7 แสนกว่าคนครับแล้วเหล่าพี่เบิ้มอาหรับก็รวมตัวกันสหบาทารัฐอิสราเอลแบบประเภทที่ว่า มรึงไม่น่ารอดอ่ะ
แต่ด้วยเหตุผลกลใดเราก็ไม่กล้าฟันธงอ่ะนะครับ ผลปรากฎว่าเอาไม่ลงครับพี่น้อง
จากที่กะจะถล่มอิสราเอลให้ราพนาสูร สุดท้ายผลกลายเป็นว่า อียิปต์ ยึดเอาพื้นที่ส่วนที่เค้าเรียกกันว่าฉนวนกาซ่าไว้ได้ จอร์แดน ยึดส่วนที่เรียกว่า West Bank ไม่ใช่ธนาคารทางทิศตะวันตกนะครับ แต่หมายความว่า ดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คำว่า Bank แปลว่า ริมฝั่งแม่น้ำครับ
ส่วนรัฐอิสราเอล สถาปนาพื้นที่ที่เหลือไปจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นประเทศอิสราเอล
แล้วชาวเราทั้งหลายก็เปิดการเจรจาเซ็นสัญญาสงบศึกกันเสร็จสรรพครับ เย้!! ในที่สุดเราก็มีสันติภาพซักที!!
เอิ่ม แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่าครับพี่น้อง ??ไอ้ 7 แสนกว่าคนที่อพยพออกมาแล้วน่ะครับคือ เก้อนะครับ กลับไม่ได้นะครับ จะกลับยังไงอ่ะ ? ซวยล่ะสิครับพี่น้อง
เจ็ดแสนกว่าคนนี้ก็ติดอยู่ในค่ายผู้อพยพในประเทศจอร์แดน ไม่หนุกนะครับ หนีน้ำท่วมแค่เดือนเดียวยังจะแย่อยู่แล้ว นี่แม่ง ไม่มีกำหนดกลับอ่ะครับ แถมบ้านเรือนที่ดินไร่นาก็โดนยึดไปหมดอ่ะ
จนกระทั่งถึงปี 1964 ครับ คิดดูดิ่ จากปี 1949 ที่เกิดการเซ็นสัญญาสงบศึกจนถึงปี 1964 สิบห้าปีนะครับพี่น้อง ชาวปาเลสไตน์ที่ต้องตกเป็นผู้อพยพถาวรก็เลยเหลืออด บอกว่าเฮ้ย พึ่งพาใครไม่ได้แล้วว่ะ ต้องช่วยตัวเอง จึงตัดสินใจตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมา เรียกว่า PLO หรือ องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ ขึ้นมา ซึ่งก็เป็นองค์กรทางการเมืองและมีกองกำลังติดอาวุธด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อต่อสู้ให้ชาวปาเลสไตน์ได้กลับเข้าไปอยู่ในดินแดนดั้งเดิมของตน
การต่อสู้ก็เป็นไปอย่างหลากหลาย ก็มีการโจมตีอิสราเอลทั้งในและนอกประเทศ มีการยึดสถานทูต จี้เครื่องบิน วางระเบิด โอ้ย สารพัดจะทำ ทั้งหมดก็ด้วยความสนับสนุนจากพวกพี่เบิ้มทั้งหลายนี่แหละ เพราะการโจมตีก็มีฐานที่มั่นมาจากทั้งฉนวนกาซ่าซึ่งเป็นดินแดนในควบคุมของอียิปต์และเวสต์แบ๊งค์ของจอร์แดนนี่ยังไปไม่ถึงเฮสบอลเลาะห์เลยว่ะ เหนื่อยนะเนี่ย
เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ เฮสบอลเลาะห์กำลังจะมา
คราวนี้ พอPLO ป่วนมาก ๆ เข้า อิสราเอลก็ชักทนไม่ไหว ยื่นคำขาดกับจอร์แดนว่า เฮ้ย นี่มันจะมากไปแล้วนะเฟร้ย จะมาสปอนเซอร์ผู้ก่อการร้ายไม่เกรงใจกันซะขนาดนี้ เด๋วกรูทนไม่ไหวจะบุกเข้าไปจัดการเองถึงค่ายอพยพในบ้านมรึงแล้วนะ พับผ่าสิ!!ว่าดังนั้นแล้วก็เตรียมเสี้ยมฟุตเหล็กและปืนปากกา
จอร์แดนฟังแล้วก็สะดุ้งเฮือก --- เห็นท่าไม่ค่อยดีแถมนับวัน ๆ กลุ่มผู้อพยพปาเลสไตน์ก็แทบจะตั้งประเทศตัวเองอยู่ในจอร์แดนให้รัฐบาลปวดหัวอยู่แล้ว
อย่ากระนั้นเลย กรูเอาปืนใหญ่ยิงแม่มเลยดีกว่าอ้าว สวยสิครับพี่น้อง
ผู้อพยพทำไงล่ะครับ เผ่นสิครับพี่น้อง!! จะอยู่ให้มันยิงหาอะไรล่ะ!!แต่จะเผ่นไปไหนดี นั่นคือคำถาม กลับไปอิสราเอลก็ไม่ได้อยู่แล้ว มองซ้ายมองขวาไปเจอประเทศเลบานอนครับ
ประเทศเลบานอนเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อนและกรุงเบรุตก็มีชื่อเสียงว่าสวยงามและเจริญรุ่งเรืองได้รับสมญานามว่าปารีสแห่งตะวันออกกลางเลยทีเดียว
เลบานอนเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ ชาวคริสต์นิกายมาโรไนต์ และชาวมุสลิมนิกายซุนหนี่และชีอะห์ในจำนวนเท่า ๆ กัน
ทีนี้พอพี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์แห่กันมา ชาวคริสต์ก็บอกว่า เฮ้ย อย่ามา ไปที่อื่น ไม่เอ๊า อย่ามา บ้านกรู๊ อย่าชักศึกเข้าบ้าน แต่ชาวมุสลิมเค้าเห็นต่าง เค้าว่าเฮ้ย มุสลิมก็ต้องช่วยกันสิถึงจะถูก
ตีกันเองสิครับพี่น้อง!
กลายเป็นสงครามกลางเมืองซะหยั่งงั้น !ทีนี้ พอPLO มา อิสราเอลก็ตามมาจัดการ ชาวคริสต์ในเลบานอนก็เข้าข้างอิสราเอล ซีเรียก็เข้ามาช่วยคนมุสลิมรบ แล้วสหประชาชาติก็มา “ดูแลความสงบ” แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าลุงแซมอเมริกัน นั้นสนับสนุนอิสราเอลแบบสุดลิ่ม กองกำลังสหประชาชาติก็เลยดูไม่ค่อยเป็นกลางซักเท่าไหร่
อยู่กันไปอยู่กันมา เกิดมีระเบิดพลีชีพของกองกำลังที่บัดเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ไประเบิดกรมทหารนาวิกโยธินอเมริกันตายไปเกือบสามร้อยคน เท่านั้นแหละ ประธานาธิบดีเรแกนเรียกกลับหมดอิสราเอลอยู่ในเลบานอนจนกระทั่งปี 1983 ก็เหนื่อย ยึดประเทศทั้งประเทศนี่ไม่ได้ง่ายนะ แถมประเทศตัวเองก็ยังใหม่ ๆ อยู่ ยังมีอะไรต้องทำเยอะ ทำสงครามก็เปลืองน่าดู อย่ากระนั้นเลย ถอนกำลังออกจากเมืองหลวงแล้วถอยร่นไปทางใต้แล้วยึดพื้นที่ 15 กิโลเมตรจากชายแดนอิสราเอลดีกว่า เฝ้าชายแดนแค่ 15 กิโลเค้าเรียก แมเนจเอเบิ้ล!
คราวนี้เรามาดูว่าทางตอนใต้ของประเทศเลบานอนมีใครอยู่ ?
ทางตอนใต้ของเลบานอนเป็นที่อยู่ของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ แต่เป็นชีอะห์ที่เรียกได้ว่าห่างไกลความเจริญ อยู่หลังเขา ไกลปืนเที่ยงนะครับ ไม่ใช่ชีอะห์ชั้นปกครองที่อยู่ในเมือง เป็นกลุ่มคนที่รัฐบาลไม่ค่อยให้ความสำคัญ ว่างั้นเถอะ พอกองทัพอิสราเอลถอยไปยึดเฉพาะตรงนั้น รัฐบาลเลบานอนก็บอกว่าเออดี ออกจากเมืองหลวงไปซะได้ จะอยู่ตรง 15 กิโลเมตรนั่นก็อยู่ไป
แต่คนที่บ้านตัวเองถูกยึดครองโดยศัตรูเค้าจะชอบมั้ยล่ะ ? ในเมื่อรัฐบาลกลางไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติก็คือการพยายามช่วยเหลือตัวเอง นี่แหละครับ ที่มาของกองกำลังที่ชื่อว่า เฮซบอลเลาะห์
เฮซบอลเลาะห์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่อยู่อาศัยทางภาคใต้ของประเทศเลบานอน ได้รับการฝึกอาวุธและสนับสนุนการปฏิบัติการจากซีเรียและอิหร่านซึ่งเป็นประเทศที่ปกครองโดยมุสลิมชีอะห์เช่นเดียวกัน หลังจากทำสงครามกองโจร ระเบิดพลีชีพ ไฮแจ๊กเครื่องบิน และยึดสถานทูตตามที่ต่าง ๆ อย่างยาวนานจนประเทศตะวันตกทั้งหลายถือว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายอย่างเต็มตัว ในที่สุด ในปี 2000 อิสราเอลก็ถอนทหารออกจากตอนใต้ของเลบานอนเรียบร้อยโรงเรียนเฮซบอลเลาะห์
ถือว่าภารกิจเกือบยี่สิบปีของเฮสบอลเลาะห์ก็สำเร็จเสร็จสิ้น เฮสบอลเลาะห์ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษของชาวเลบานอนและขณะนี้ก็เป็นที่ฮอตฮิตมากขนาดได้เข้าร่วมรัฐบาลผสมของเลบานอนด้วยอีกต่างหาก!
แม้ว่าภารกิจในส่วนของการขับไล่กองกำลังอิสราเอลออกจากประเทศได้สำเร็จลงแล้ว แต่ภารกิจในการยุบทิ้งประเทศอิสราเอลก็เป็นอีกภารกิจหนึ่งที่เฮสบอลเลาะห์ประกาศเอาไว้ ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางก็ยังคงจะดำเนินต่อไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ แต่ที่แน่ ๆ สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของอิสราเอลทั้งความช่วยเหลือทางการทหารและการเงินก็ยังจะต้องตกเป็นเป้าของการก่อการร้ายวางระเบิดแบบนี้กันต่อไป และนั่นก็คือที่มาของการออกประกาศเตือนชาวอเมริกันในประเทศไทยให้ระวังการก่อการร้ายดังกล่าว
อีตาอาทรีส ชาวเลบานอนสัญชาติสวีดิชที่โดนจับได้ทันควันแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ยังบอกเลยว่า ตำรวจไทยจับแกไปให้ตำรวจลับอิสราเอลสอบสวน
จริงไม่จริงอย่างไรก็ใช้วิจารณญาณกันเอาเองนะครับ แต่สำหรับใครที่สงสัยว่าทำไมมันต้องมาวุ่นวายทำอะไรในเมืองไทยด้วยล่ะก็ คำตอบก็ไม่น่าจะซับซ้อนมาก เพราะประเทศไทยก็เป็นแหล่งที่พักพิงพักผ่อนชั้นดีให้กับอาชญากรระหว่าประเทศอยู่แล้ว ทั้งพ่อค้าอาวุธ นักข่มขืนเด็ก พ่อค้ายาเสพย์ติด และ อื่น ๆอีกเป็นหางว่าวเลย
ประเทศเราส่งเสริมการท่องเที่ยวครับ ใครจะไปใครจะมาสะด๊วกสะดวก ยิ้มสยาม ไม่เป็นไร ปรองดอง แฮ้ปปี้ ไอเลิฟยู ทอม ๆ แวร์ยูโก ลาสท์ ไนท์