กรณีศึกษา ทำไมคนญี่ปุ่น ชอบถือเงินสด มากกว่าลงทุนในหุ้น /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1878 หรือเมื่อ 143 ปีที่แล้ว และมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากกว่า 2,000 บริษัท ในปัจจุบัน
และรู้หรือไม่ว่า ต้นปี 2021 มูลค่าของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นสูงกว่า 190 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
หลายคนอาจคิดว่า คนญี่ปุ่นคงชอบลงทุนในหุ้น มากกว่าสินทรัพย์อื่น
แต่ความจริงแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้น..
แล้วคนญี่ปุ่นเมื่อมีเงินแล้ว พวกเขาเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เราลองมาเทียบกันดูก่อนว่า ส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นชอบถือครองสินทรัพย์อะไร และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ในปี 2018 ครัวเรือนญี่ปุ่น ถือครองสินทรัพย์มูลค่ารวมกันกว่า 558 ล้านล้านบาท
โดยจำนวนนี้ ถ้าแบ่งตามสัดส่วนจะเป็น
- เงินสดและบัญชีเงินฝาก 52%
- ประกันและบำนาญ 28%
- หุ้นและกองทุนรวม 15%
- อื่น ๆ 5%
ที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบกับคนยุโรปและคนอเมริกัน ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ต่อมูลค่าสินทรัพย์ถือครอง เท่ากับ 28% และ 31% ตามลำดับ
จึงแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยสนใจการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมมากนัก และยังชอบถือครองเงินสด ด้วยการฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากอีกด้วย
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในญี่ปุ่นนั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาต่อเนื่องหลายปี แม้กระทั่งในปัจจุบันก็อยู่ที่ประมาณ 0%
คำถามสำคัญก็คือ ทำไมคนญี่ปุ่น ยังเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารจำนวนมาก แทนที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ?
เหตุผลที่อธิบายเรื่องนี้ สามารถสรุปออกมาได้ 3 ประเด็น คือ
1. ประสบการณ์ที่เลวร้ายจากเหตุการณ์ฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ญี่ปุ่นก็เริ่มเข้าสู่ระยะของการฟื้นฟูประเทศ ช่วงหลังจากนั้นเป็นต้นมา เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
ในช่วงปี 1961-1971 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยกว่า 9% ต่อปี และเติบโตมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนถึงในช่วงทศวรรษ 1980
ในตอนนั้น ผลกำไรของบริษัทในญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และธนาคารหลายแห่งมีการปล่อยกู้ให้แก่บริษัทจำนวนมาก
การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ทั้งบริษัทและผู้คนในญี่ปุ่นต่างร่ำรวย จนเกิดการเข้าไปเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์
ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดัชนี Nikkei ที่สะท้อนตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จนเกือบแตะ 40,000 จุด ในปี 1989 จากระดับประมาณ 8,000 จุดในปี 1982
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.5% ในปี 1989 มาอยู่ที่ 6% ในปี 1990 เพื่อเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม ไม่ให้เกิดการกู้ไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ
จนสุดท้าย เมื่อแรงเก็งกำไรเริ่มอ่อนลง ก็ถึงคราวฟองสบู่ลูกใหญ่ระเบิดออก
ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ และราคาอสังหาริมทรัพย์ ก็เริ่มปรับตัวลดลง และลดลงเรื่อย ๆ จนหลายคนเจ็บตัวอย่างหนักจากการลงทุน
วิกฤติฟองสบู่ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากนั้นมาหลายสิบปีแทบจะหยุดอยู่กับที่ และเป็นแบบนี้มาแล้วราว 3 ทศวรรษ
ซึ่งนี่เองเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก รู้สึกขยาดกับการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้น รวมทั้งยังปลูกฝังความคิดนี้มายังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อ ๆ มา จนถึงตอนนี้
2. ภาวะเงินเฟ้อฝืด
ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ส่งผลโดยตรงต่อภาคครัวเรือน
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของคนญี่ปุ่นนั้นลดลง จากการที่หลายคนต้องตกงาน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในช่วงปี 1990-2020
ญี่ปุ่นประสบกับภาวะเงินฝืด (เงินเฟ้อติดลบ) ทั้งหมด 14 ปี
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะเงินฝืด นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะลดลง
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ชาวญี่ปุ่นจึงเกิดแรงจูงใจในการถือเงินสด มากกว่าที่จะนำเงินออกไปใช้จ่าย หรือชะลอการใช้จ่ายออกไปก่อน เพราะพวกเขาเชื่อว่า ในอนาคตเงินจำนวนเท่าเดิมนั้นจะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากกว่าในปัจจุบัน และนำเอาเงินไปฝากกับธนาคารไว้ก่อนนั่นเอง
3. ความรู้ ความเข้าใจด้านการเงิน ของคนญี่ปุ่น
หลายคนคงแปลกใจถ้าบอกว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ขาดความรู้ด้านการเงิน
ซึ่งเรื่องนี้ มีผลการสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นนั้นมีความรู้ด้านการเงินน้อยกว่าประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี
การขาดความรู้ความเข้าใจทางด้านการเงิน ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก กลัวการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และชอบในการเก็บเงินออมด้วยการฝากธนาคารที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ โรงเรียนในญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องการลงทุนเท่าที่ควร โดยศาสตราจารย์ Nobuyoshi Yamori ที่สอนสาขาวิชาเศรษฐกิจและธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยโกเบ ระบุว่า
“โรงเรียนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ใช้เวลาสอนเรื่องการเงินการลงทุนให้นักเรียนน้อยมาก ขณะที่ครูที่มาสอนวิชาดังกล่าวก็ไม่ได้รับการฝึกอบรม หรือมีความรู้ ความเข้าใจ ในด้านการเงินการลงทุนที่ดีมากนัก”
จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นจำนวนมากขาดความรู้ด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้เมื่อทำงานมีรายได้แล้ว พวกเขาเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคาร มากกว่านำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นจำนวนมากตัดสินใจถือเงินสด หรือฝากเงินไว้กับธนาคารอย่างมากและไม่ค่อยชอบการลงทุนในหุ้นมากนัก ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่าปัจจุบัน เงินเยนของญี่ปุ่น เป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ซื้อขายบิตคอยน์มากที่สุดอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่เงินดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเราอาจบอกได้ว่า แม้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก จะไม่ชอบสินทรัพย์เสี่ยงสูง และนิยมฝากเงินไว้ในธนาคาร
แต่ในทางกลับกันก็มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ที่หันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง อย่างบิตคอยน์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.stat.go.jp/english/data/handbook/pdf/2020all.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tokyo_Stock_Exchange
-https://www.statista.com/statistics/710680/global-stock-markets-by-country/
-https://tradingeconomics.com/japan/deposit-interest-rate
-https://en.wikipedia.org/wiki/Demographics_of_Japan
-https://data.worldbank.org/country/JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lost_Decades
-https://www.statista.com/statistics/270095/inflation-rate-in-japan/
-https://www.fsa.go.jp/frtc/kenkyu/event/20150305/s3_2.pdf
-https://www.investopedia.com/tech/top-fiat-currencies-used-trade-bitcoin/
-https://globalriskinsights.com/2021/06/japans-cryptocurrency-market-set-to-bloom-or-wither/
同時也有22部Youtube影片,追蹤數超過5,140的網紅寶博士,也在其Youtube影片中提到,【來賓:高培勛 投資顧問】錄音時間2020.06.11 ⭐後疫情時代的債務破產危機⭐ https://medium.com/@peihsunkao/54e6eee0e3a9 📍《原則:生活和工作》作者:瑞.達利歐 https://www.books.com.tw/products/0010782...
bitcoin wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
รู้จักเหรียญ Stablecoin เหรียญคงที่ ที่อาจไม่คงที่ /โดย ลงทุนแมน
แม้ว่าปัจจุบันคริปโทเคอร์เรนซีเริ่มถูกยอมรับ จากเหล่านักลงทุนและบริษัทเอกชน
แต่มีหลายคนกังวลว่าสกุลเงินเหล่านี้ยังคงไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตจริงมากนัก
สาเหตุสำคัญก็เพราะราคาของมันผันผวนรุนแรงเกินไป ถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่ดี
ยกตัวอย่างเช่น บิตคอยน์ ต้นปีมีราคาที่ 8.8 แสนบาท แต่เคยขึ้นสูงสุดไปถึง 2.1 ล้านบาท
และลงมาต่ำสุดระหว่างปีที่ 9.5 แสนบาท
เห็นได้ว่า ขนาดคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 ยังมีราคาผันผวนมากขนาดนี้
คริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ ก็จะมีความผันผวนที่สูงไม่แพ้กัน
และด้วยสาเหตุหลักนี้เอง จึงทำให้ Stablecoin เกิดขึ้นมา ซึ่งคนที่สร้างเหรียญประเภทนี้ ต้องการให้มันเป็นเหรียญที่มีมูลค่าค่อนข้างคงที่ โดยส่วนใหญ่แล้วจะอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น USDT ที่คนสร้างอยากให้มีราคาเทียบเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐอยู่เสมอ
ด้วยราคาที่ไม่ค่อยผันผวน จึงเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนสาย Conservative ใช้ในแพลตฟอร์ม DeFi หรือเรียกกันว่าการฟาร์ม นอกจากนั้น Stablecoin ยังถือเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่นิยมถือไว้เพื่อพักเงิน ในช่วงที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีกำลังปรับฐานหรืออยู่ในช่วงขาลง
แต่การถือ Stablecoin นั้นปลอดภัยมากขนาดไหน ?
แล้ว Stablecoin มีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
เปิดบัญชีผ่าน Radars Point ที่ > https://bit.ly/3EEOz9C
╚═══════════╝
เมื่อพูดถึง Stablecoin มือใหม่ส่วนใหญ่คงจะนึกถึงเพียงแค่ USDT และ USDC เท่านั้น
และอาจคิดว่าสกุลแต่ละเหรียญ ไม่มีความแตกต่างกัน เป็นเพียงแค่คริปโทเคอร์เรนซีที่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐเพียงอย่างเดียว
แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว มีคริปโทเคอร์เรนซีอีกถึง 200 สกุล ที่เป็น Stablecoin เช่นเดียวกัน
และแต่ละสกุลยังมีประเภทและรายละเอียดที่แตกต่างกันด้วย
เริ่มจากสกุลเงินที่ทุกคนคุ้นเคยก่อนเลยคือ USDT
Stablecoin แบบนี้ ถูกเรียกว่า Fiat Backed Stablecoin
หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่ผูกกับเงินตราประเทศต่าง ๆ แบบ 1:1
ตามหลักการ คริปโทเคอร์เรนซีประเภทนี้จะถูกผลิตขึ้น เมื่อเรานำเงิน Fiat อย่างเงินบาทหรือดอลลาร์สหรัฐ ไปล็อกกับตัวกลางที่ทำหน้าที่ผลิตคริปโทเคอร์เรนซีนั้น ๆ ออกมา
เช่น เรานำเงินดอลลาร์สหรัฐไปล็อกไว้กับบริษัท Tether เพื่อสร้าง USDT
หรือหากไปล็อกกับบริษัท Centre ก็จะได้เป็น USDC ออกมานั่นเอง
แม้ว่า Stablecoin นี้จะได้รับความนิยมมากสุด เมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ
แต่มีข้อน่ากังวลอย่างหนึ่งคือ บริษัทที่สร้างเหรียญพวกนี้ขึ้นมา มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
เพราะต้องไม่ลืมว่า หากบริษัทนำเงินที่ควรจะเก็บกลับไปใช้ทำอย่างอื่น เช่น ปล่อยกู้ต่อ หรือซื้อตราสารหนี้เอกชน นั่นก็ถือว่า Stablecoin ไม่ได้ผูกกับเงินตราประเทศต่าง ๆ แบบ 1:1 แล้ว
อย่าง USDT ที่ออกโดย Tether ก็มีความกังวลด้านความโปร่งใสเกี่ยวกับเงินที่นำมาสำรอง เพราะ
จากข้อมูลที่เปิดเผย ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2021 สินทรัพย์ที่หนุน USDT ประกอบไปด้วย
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 84.9%
สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 4.0%
หุ้นกู้, กองทุน และโลหะมีค่า 7.3%
การลงทุนอื่น ๆ 3.8%
จะเห็นได้ว่าสัดส่วน 15% นั้น ไม่ใช่เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ซึ่งก็อาจแปลได้ว่าบริษัทนำเงินที่หนุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้นเพื่อหาผลตอบแทนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ปัจจุบัน Stablecoin กลุ่มนี้ยังไม่เคยเจอปัญหาการขาดความเชื่อมั่นมาก่อน จึงยังสามารถครองใจนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดได้อยู่
แต่บางคนที่อ่านถึงตรงนี้ คงเอะใจว่า ทำไมคริปโทเคอร์เรนซีพวกนี้ยังอิงกับดอลลาร์สหรัฐอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกตัวเองบอกว่าสร้างคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหลายขึ้นมา เพื่อไม่ต้องพึ่งเงิน Fiat ที่ควบคุมโดยรัฐบาล
นั่นจึงเป็นที่มาของ Stablecoin ประเภทที่สองคือ Crypto Backed Stablecoin
หรือ Stablecoin ที่ค้ำด้วยคริปโทเคอร์เรนซี
คือเดิมทีเราต้องนำเงิน Fiat ไปล็อก เพื่อให้ได้ Stablecoin ออกมา
แต่ด้วย Stablecoin ประเภทนี้สามารถทำได้ด้วยการเอาคริปโทเคอร์เรนซีทั่วไป เช่น BTC, ETH ไปวางค้ำประกัน เพื่อแลกเหรียญแทนได้เลย ไม่จำเป็นต้องพึ่งเงิน Fiat อีกต่อไป
เรียกได้ว่าเป็น Stablecoin ของโลกคริปโทเคอร์เรนซีอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ราคาของคริปโทเคอร์เรนซีแต่ละสกุลนั้นมีความผันผวนค่อนข้างสูง
นั่นทำให้เกิดข้อเสียคือ การวางเงินค้ำประกันจำเป็นต้องใช้จำนวนเงินที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินที่จะได้รับ
ตัวอย่างเช่น หากเราอยากได้ Dai ที่เป็น Stablecoin มูลค่ารวม 100 ดอลลาร์สหรัฐ จากโปรเจกต์ MakerDAO เราจะต้องนำคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ มาวางค้ำประกันที่ 150 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่ใช่วางค้ำประกันที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากัน
ข้อเสียอีกอย่างที่ตามมา จากการใช้คริปโทเคอร์เรนซีวางค้ำประกัน คือ การโดนยึดเงินค้ำประกัน
หากมูลค่าเหรียญที่วางค้ำประกันนั้นต่ำกว่ามูลค่า Stablecoin ที่แลกมา หรือเกณฑ์ที่ระบบกำหนด
ซึ่งถ้าเราไม่อยากโดนยึดเงินค้ำประกัน จะต้องวางเงินค้ำประกันเพิ่มหรืออาจคืนเงินบางส่วนแทนก็ได้
จากข้อมูลนี้จะสังเกตได้ว่า Stablecoin ทุกเหรียญประเภทนี้ถูกค้ำด้วยคริปโทเคอร์เรนซีจริง ส่งผลให้มีความโปร่งใส แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องการวางเงินค้ำประกันที่สูงเกินไป
นั่นทำให้เกิด Stablecoin ประเภทสุดท้ายคือ Algorithmic Stablecoin
หรือ Stablecoin ที่ไม่ได้อิงมูลค่ากับสินทรัพย์ใด ๆ แต่จะควบคุมโดยอัลกอริทึม ด้วยการใช้กลไกเพิ่มและลดเหรียญตามความต้องการใช้งาน เพื่อให้ราคาคงที่
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ อย่าง UST เป็น Algorithmic Stablecoin ของ Terra Blockchain จะไม่ได้เกิดจากเงิน Fiat หรือคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ ค้ำประกัน แต่เกิดจากการนำ LUNA เหรียญที่ผันผวนเหมือนเหรียญทั่วไป มา Burn หรือทำลายลง เพื่อ Mint หรือผลิต UST ขึ้นมาแทน
ปกติแล้ว LUNA มีราคาเท่าไร UST ที่ผลิตได้ก็จะมีจำนวนเท่านั้น
เช่น หาก LUNA มีราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถผลิต UST ได้ที่ 5 เหรียญ
ซึ่งถ้า LUNA มีราคาเพิ่มขึ้นมาที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถผลิต UST ได้ที่ 10 เหรียญ
จากกลไกนี้ ทำให้ช่วยสร้างสมดุลราคาของ UST ให้ตรึงไว้ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐไว้ได้
เพราะว่าถ้า UST มีราคาเกินกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ จะมีคนมาทำอาร์บิทราจ ด้วยการ Burn เหรียญ LUNA ทิ้งเพื่อเอา UST มาเทขายในตลาด
ในทางกลับกันหาก UST ราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะมีคน Burn เหรียญ UST เพื่อเอา LUNA กลับคืนมา ซึ่งเป็นการลดจำนวนเหรียญ UST ลง ให้ราคาดีดกลับมาที่เดิม
แต่ Stablecoin กลุ่มนี้มักจะมีปัญหาด้านราคาผันผวน หากแพลตฟอร์มที่ปล่อยเหรียญมีระบบไม่แข็งแกร่งพอ และมีผู้ต้องการใช้งานเหรียญจำนวนมากพร้อม ๆ กัน
จึงเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ Stablecoin ไม่สามารถรักษาความเสถียรของมูลค่าได้ เช่น ราคา UST ก็เคยตกลงไปเหลือ 0.8 ดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีตกอย่างรุนแรง ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
หรือ IRON ที่เป็น Stablecoin ของ Iron Finance แพลตฟอร์ม DeFi เคยเจอเหตุการณ์จากราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเหลือเพียง 0.74 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้เห็นได้ว่า
การบริหารความเสี่ยงที่ดี คงไม่ใช่แค่การถือ Stablecoin เหรียญใดเหรียญหนึ่งเท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่า Stablecoin แต่ละสกุลจะมีจุดอ่อนที่แตกต่างกันไป
การกระจายการถือ Stablecoin ในหลายเหรียญ อาจเป็นทางเลือกที่สามารถลดความเสี่ยงจากการที่เหรียญใดเหรียญหนึ่งประสบปัญหาได้ เพราะเราต้องคิดไว้เสมอว่าเหรียญ Stablecoin ที่คนสร้างคาดหวังให้มันเป็นเหรียญคงที่ แต่ในช่วงเวลาพิเศษ มันก็อาจจะไม่คงที่ได้ เช่นกัน..
╔═══════════╗
เพียงเปิดและผูกบัญชีเทรดหุ้นผ่าน Radars Point และเทรดผ่าน StockRadars ได้ Point ถึง 2 ต่อ
👉🏻 ต่อที่ 1 รับทันที 88 Point! เมื่อเปิดบัญชีเทรดหุ้นผ่าน Radars Point โดยสามารถสมัครออนไลน์ได้ทันที
👉🏻 ต่อที่ 2 รับ Point คืน 7% จากค่าธรรมเนียม เมื่อเทรดผ่าน StockRadars หลังจากผูกบัญชีเรียบร้อยแล้ว
เปิดบัญชีผ่าน Radars Point ที่ > https://bit.ly/3EEOz9C
ผูกบัญชีได้ที่นี่ > https://bit.ly/3nWFJxU
ใครผูกบัญชีหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว สามารถร่วมสนุกรับต่อที่ 2 ดาวน์โหลด
แอปพลิเคชั่นเทรดผ่าน StockRadars ได้เลย! > https://bit.ly/39maZhx
ตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค. 64
#RadarsPoint #StockRadars #ลงทุนง่ายๆไม่ต้องใช้เงิน #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.coingecko.com/en/coins/iron
-https://coinmarketcap.com/currencies/terrausd/
-https://www.blockdit.com/posts/6086067564a1bf0c3559db1d
-https://cointelegraph.com/altcoins-for-beginners/stablecoins-101-what-are-crypto-stablecoins-and-how-do-they-work
-https://www.efinancethai.com/Fintech/FintechMain.aspx?release=y&name=ft_202104091432
-https://www.investopedia.com/terms/s/stablecoin.asp
-https://en.wikipedia.org/wiki/Dai_(cryptocurrency)
bitcoin wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปการล่มสลาย Mt. Gox กระดานคริปโท ที่เคยใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า 650,000 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาทในปัจจุบัน เคยโดนขโมยไปจากที่แห่งนี้ และเป็นสาเหตุทำให้กระดานคริปโทเคอร์เรนซีที่เคยใหญ่สุดในโลกต้องล่มสลาย
ก่อนหน้าที่ Binance จะกลายเป็น Exchange ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่สุดในโลกในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เคยมี Crypto Exchange รายหนึ่งเป็นเจ้าตลาดมาก่อน
โดยมีส่วนแบ่งปริมาณการซื้อขายสูงถึง 80% ของการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลก
Exchange นี้มีชื่อว่า “Mt. Gox” ที่ถูกก่อตั้งโดยผู้สร้างเหรียญ XRP
แต่สุดท้าย Exchange นี้ต้องปิดตัวเพราะถูกแฮกเกอร์ขโมยบิตคอยน์จากระบบไปจำนวน 650,000 เหรียญ หากคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันจะสูงถึง 960,365 ล้านบาท
การแฮกเป็นเพียงแค่ปลายทาง ของสาเหตุการล่มสลาย
แต่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาจริง ๆ คือ การบริหารจัดการที่ไม่ดีของผู้บริหาร
Mt. Gox ถือเป็นตัวอย่างที่ดีว่า หากผู้บริหารไม่ดี ละเลย และขาดประสบการณ์
สามารถส่งผลที่ร้ายแรงต่อบริษัทขนาดไหน
เรื่องราวของ Mt. Gox น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ปลายปี 2006 โปรแกรมเมอร์คนหนึ่งชื่อว่า Jed McCaleb คิดอยากสร้างเว็บไซต์สำหรับแลกเปลี่ยนการ์ดเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า Magic: The Gathering Online ขึ้นมา
หลายคนคงคุ้นชื่อของคนคนนี้ ก็ไม่ต้องแปลกใจ
เพราะว่าเขาเป็นผู้ก่อตั้ง Ripple และเหรียญ XRP ที่เจ้าตัวชอบเทขายเป็นประจำ
รวมไปถึง Stellar และเหรียญ XLM อีกด้วย
ต่อจากเหตุการณ์ข้างต้น เขาจึงไปจดโดเมนเว็บไซต์เป็นของตัวเองชื่อว่า Mt. Gox
ซึ่งย่อมาจาก Magic: The Gathering Online eXchange
แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง McCaleb คำนวณแล้วว่าไม่คุ้มกับเวลา จึงเปลี่ยนไปทำโปรเจกต์อื่นแทน
จนกระทั่งปี 2010 เขาได้รู้จักกับชุมชนบิตคอยน์ผ่านบอร์ดออนไลน์แห่งหนึ่ง
ชุมชนออนไลน์นี้ทำให้ McCaleb รับรู้ว่าระบบการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงนั้นไม่ค่อยดีนัก
เขาจึงตัดสินใจลงไปลุยธุรกิจนี้ โดยการเปลี่ยน Mt. Gox ให้กลายเป็น Crypto Exchange
แต่เวลาต่อมา McCaleb พบว่าการพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพ ต้องใช้แรงกายและเวลาอย่างมาก
ดังนั้นการส่งมอบธุรกิจให้กับคนอื่นที่พร้อม ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
เขาเลยขายธุรกิจให้แก่ Mark Karpeles โปรแกรมเมอร์ผู้คลั่งไคล้บิตคอยน์ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
โดยทั้งสองทำข้อตกลงเพิ่มด้วยว่า McCaleb จะยังคงได้รับส่วนแบ่ง 12% จากรายได้ตลอดไป
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว Karpeles ไม่รอช้าเริ่มเขียนซอฟต์แวร์เสริมให้กับเว็บไซต์ทันที
และเปิดให้ใช้บริการ Crypto Exchange อย่างเป็นทางการ
อย่างที่รู้กัน เมื่อใดที่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็เป็นปกติที่มักจะมีผู้ไม่หวังดีอยู่เสมอ
Mt. Gox โดนแฮกครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2011
ส่งผลให้เว็บไซต์ต้องออฟไลน์เป็นเวลาหลายวัน
ในเรื่องโชคร้ายก็มีโชคดีอยู่บ้าง เมื่อ Jesse Powell และ Roger Ver สองโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพจากชุมชนบิตคอยน์อาสาเข้ามาช่วยเหลือได้ทันพอดี
จึงทำให้ Mt. Gox สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้บริษัทกลายเป็นที่ชื่นชอบของชุมชนบิตคอยน์
เพราะปกติแล้วบริษัท Crypto Exchange รายอื่น ๆ หลังจากโดนแฮกแล้ว มักจะปิดตัวลงโดยทันที
แต่ Mt. Gox ที่บริหารโดย Karpeles กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม 2 อาสาสมัครแปลกใจว่าทำไม Karpeles ถึงดูนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างมาก
ขนาดที่ว่าเขายังประกาศหยุดงาน ทั้ง ๆ ที่ปัญหายังแก้ไขไม่สำเร็จ
แต่สุดท้ายทั้งสองก็ไม่ได้คิดอะไรและแยกย้ายกลับไป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา Mt. Gox ยังคงให้บริการ Crypto Exchange เรื่อยมา
จนกระทั่งปี 2013 บริษัทได้ขึ้นแท่นมาสู่อันดับ 1 ของ Crypto Exchange
ทั้งด้านมูลค่าปริมาณการซื้อขายที่สูงที่สุดในโลก ด้วยปริมาณสูงถึง 80% ของโลก
รวมถึงเป็น Crypto Exchange ที่ได้รับความเชื่อถือจากเหล่าบริษัทต่าง ๆ
ในตอนนั้นราคาบิตคอยน์ พุ่งทะยานแตะ 30,000 บาทจาก 300 บาท ภายในเวลาเพียง 1-2 ปีเท่านั้น ส่งผลให้ Karpeles กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วพริบตา
จากการเป็นทั้งผู้ถือเหรียญบิตคอยน์ และเจ้าของบริษัท Mt. Gox
แม้ว่าฐานะทางการเงินและผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตไปในทิศทางที่ดี
แต่ Karpeles ก็ยังดูไม่ให้ความสำคัญกับการบริหารบริษัทให้ดีนัก บางครั้งดูละเลยด้วยซ้ำ
เช่น Karpeles ไม่ค่อยลงทุนในซอฟต์แวร์ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของนักพัฒนา
บ่อยครั้งพนักงานเหล่านี้ ต้องเสียเวลาในการเขียนโคดขึ้นมาเองใหม่หมด
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับธุรกิจคือ Karpeles รวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่ตนเอง
ส่งผลให้การจะทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและยุ่งยากมากขึ้น
อย่างเช่น Karpeles เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโคดของเว็บไซต์ได้
แสดงว่าหากเว็บไซต์เกิดปัญหาขึ้นมา จะต้องรออนุมัติจากเขาก่อน
ซึ่งจากคำกล่าวของพนักงานบางรายบอกว่า ที่ผ่านมามีหลายครั้ง พวกเขาต้องใช้เวลานานเกือบสัปดาห์ถึงจะสามารถแก้ไขโคดที่เป็นปัญหาได้
และที่หนักหนาที่สุดคือหลายครั้งที่ระบบ Crypto Exchange มีการอัปเดต
บริษัทไม่มีการทดสอบระบบ พวกเขาปล่อยให้ใช้บริการโดยทันที
นั่นหมายความว่า ระบบอาจยังหลงเหลือข้อผิดพลาด ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อลูกค้า
การบริหารที่ย่ำแย่ของ Karpeles ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะส่งผลเลวร้ายโดยทันที
แต่ค่อย ๆ สร้างปัญหาทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด
จากการไม่สนใจเรื่องกฎระเบียบระหว่างประเทศ Mt. Gox ถูกหน่วยงานของสหรัฐอเมริกายึดเงินจำนวน 166 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐบาลในฐานะตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ
ต่อมา Mt. Gox ถูกฟ้องเป็นเงิน 2,500 ล้านบาทโดยอดีตหุ้นส่วนธุรกิจชื่อ CoinLab
ด้วยสาเหตุจากความล่าช้าของการถอนเงินจากบัญชีในระบบ
แค่ 2 เรื่องนี้ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับวงการการเงิน
ส่งผลให้ความนิยมของ Mt. Gox ค่อย ๆ ตกอันดับลงไปอยู่อันดับที่ 3
แต่อย่างที่หลายคนคงจะคาดเดาได้ไม่ยาก Karpeles ยังไม่ใส่ใจกับการแก้ปัญหานี้เลย
เขากลับหมกมุ่นในโครงการใหม่แทนที่มีชื่อว่า The Bitcoin Cafe
โครงการร้านแฮงเอาต์สุดเก๋ โดยตั้งอยู่ในอาคารเดียวกับสำนักงาน Mt. Gox
ซึ่งทุกอย่างภายในร้าน สามารถชำระด้วยบิตคอยน์
มีรายงานว่า Mt. Gox ใช้เงินจำนวนถึง 33 ล้านบาทสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งหากพิจารณาโครงการนี้แล้ว จะพบว่าแทบไม่สำคัญต่อธุรกิจหลักเลย
แต่เขาก็ยังคงทุ่มเทแรงกาย แรงใจ รวมถึงเม็ดเงินไปกับโครงการนี้
เมื่อทุกอย่างถูกสะสมจนเข้าที่ เหตุการณ์เลวร้ายก็ได้เริ่มขึ้น
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 Mt. Gox ก็มีข่าวเซอร์ไพรส์แก่ลูกค้า
อยู่ดี ๆ บริษัทสั่งระงับการถอนบิตคอยน์ทั้งหมด แต่ไม่ระงับการซื้อขายบนกระดาน
โดยให้สาเหตุว่า ระบบ Crypto Exchange มีปัญหาทางเทคนิคบางอย่าง จึงต้องระงับการถอนบิตคอยน์ไปก่อน
ผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ Mt. Gox ก็ยังคงไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานถอนเงินออกไปได้
จนทำให้เกิดการประท้วงอย่างหนักที่หน้าอาคารที่บริษัทตั้งอยู่
Mt. Gox จึงได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่น โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของบริษัท
ช่วงเวลานี้ราคาบิตคอยน์บนกระดาน Mt. Gox ลดลงเหลือ 20% เมื่อเทียบกับรายอื่น ๆ
ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ของตลาดว่า บริษัทไม่น่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับลูกค้าที่ทำการถอนได้
และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามนั้นจริง Mt. Gox ระงับการซื้อขายทั้งหมด
หลายชั่วโมงต่อมา เว็บไซต์ของ Mt. Gox ก็เป็นหน้าว่างเปล่า
และบริษัทก็ได้ยื่นขอล้มละลายในเวลาต่อมา ปล่อยให้ลูกค้าหลายรายต้องสูญเสียเงิน
โดยในภายหลังมีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่า
สาเหตุที่ Mt. Gox ปิดตัวลง ก็เพราะบริษัทโดนแฮกเกอร์ขโมยบิตคอยน์มาตลอดหลายปี ซึ่งเป็นจำนวนถึง 650,000 เหรียญ แต่บริษัทปกปิดปัญหาและไม่ยอมแก้ไข จึงนำไปสู่การล้มละลายในท้ายสุด
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ถูกตีเป็นมูลค่าความเสียหาย 15,000 ล้านบาท
ถือว่าเป็นอันดับ 3 ของเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายในโลกคริปโทเคอร์เรนซีเลยทีเดียว
ถ้าหากถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความผิดของใคร ?
ส่วนหนึ่งก็คงตอบได้ว่าแฮกเกอร์
แต่อีกส่วนสำคัญที่ไม่แพ้กันเลยคือ การบริหารจัดการที่ล้มเหลวของ Karpeles..
ซึ่งหากเขาวางแผนและเตรียมตัวป้องกันหลังจากโดนแฮกครั้งแรก ก็คงไม่เจอกับจุดจบเช่นนี้
นี่จึงเป็นตัวอย่างที่สำคัญว่า ทำไมผู้บริหารถึงสำคัญต่อธุรกิจมาก ๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้คนเป็นจำนวนมากอย่าง ตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เหตุการณ์ Mt. Gox ถึงแม้จะถูกแฮกไป 650,000 บิตคอยน์ แต่ถ้าเทียบกับมูลค่าในสมัยนั้นจะมีมูลค่าแค่ 15,000 ล้านบาท สำหรับเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายในโลกคริปโทเคอร์เรนซีอันดับ 1 เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้เอง โดยเกิดขึ้นกับ Poly Network เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้มีมากถึง 20,000 กว่าล้านบาท แต่โชคดีที่คราวนี้แฮกเกอร์อ้างว่าแฮกเพื่อความสนุกเท่านั้น จึงทยอยคืนเงินในภายหลังจนใกล้ครบแล้ว...
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.wired.com/2014/03/bitcoin-exchange/
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-31/-trillion-dollar-mt-gox-demise-as-told-by-a-bitcoin-insider
-https://en.wikipedia.org/wiki/Mt._Gox
-https://en.wikipedia.org/wiki/Jed_McCaleb
-https://www.in2013dollars.com/bitcoin-price
-https://cointelegraph.com/top-people-in-crypto-and-blockchain/jesse-powell
bitcoin wiki 在 寶博士 Youtube 的最佳解答
【來賓:高培勛 投資顧問】錄音時間2020.06.11
⭐後疫情時代的債務破產危機⭐ https://medium.com/@peihsunkao/54e6eee0e3a9
📍《原則:生活和工作》作者:瑞.達利歐 https://www.books.com.tw/products/0010782941?sloc=main
📍紀錄片《信任機器:區塊鏈的故事(Trust Machine: The Story of Blockchain)》 https://www.imdb.com/title/tt7407496/
📍奧果區塊 Argoblocks https://argoblocks.weebly.com/
📍法律高峰論壇 https://blockchainlegalforum.com/
📍中本聰 論文《比特幣:一種點對點的電子現金系統》 http://satoshinakamoto.me/zh-tw/bitcoin.pdf
📍拜占庭問題:分散式對等網路通信容錯問題 https://poweichen.gitbook.io/blockchain-guide-zh/distribute_system/bft
📍《放膽射月!全球最聰明大學「奇點」教我的事》 https://www.books.com.tw/products/0010686526
📍交易所 Mt. Gox https://www.blocktempo.com/bitcoin-exchagne-mtgox-hacked-japan/
📍 Peter H. Diamandis & Steven Kotler 《Abundance: The Future Is Better Than You Think》 https://en.wikipedia.org/wiki/Abundance:_The_Future_Is_Better_Than_You_Think
📍庫茲威爾 教授 https://zh.wikipedia.org/wiki/雷蒙德·库茨魏尔
📍奇點大學(Singularity University) https://su.org/
🔆複習:EP02|一場森林裡的會議決定人類金融未來!? https://player.soundon.fm/p/a15ce25e-2627-48ca-9587-d4cf5e98f3a1/episodes/0a5dc0ec-6a80-46f5-9508-809371f90307
- - - - - -- - - - - -
⭐葛如鈞(寶博士)
Facebook▶️https://www.facebook.com/dAAAb
YouTube▶️https://youtube.com/c/dAAAb
- - - - - -- - - - - -
📣訂閱SoundOn
APP▶️http://www.soundon.fm/download
Facebook⏩https://reurl.cc/1QxXzQ
官網▶️https://www.soundon.fm
Instagram▶️ https://reurl.cc/XX6Z3j
- - - - - -- - - - - -
🎵片頭:Music from https://icons8.com/music/author/savvier Fame Inc by SAVVIER
🎵片尾:Music from https://icons8.com/music/author/NORDGROOVE by NORDGROOVE
- - - - - -- - - - - -
主持:北科大互動設計系 專任助理教授 葛如鈞/寶博士
感謝:北科大創新思考與區塊鏈應用社群計畫補助|北科大互動設計系 https://ixd.ntut.edu.tw |北科大創新創業情報站 https://fb.com/ntuticorner
bitcoin wiki 在 賭Sir【杜氏數學】HermanToMath Youtube 的最讚貼文
杜氏數學 官方網站: http://www.HermanToMath.com
賭Sir 幫你急救 DSE 數學: https://HermanToMath.skx.io
----------
?️賭Sir是杜氏數學Herman To Math的始創人
?全港唯一「完爆」【DSE Core+M1+M2】、【IAL 12科Maths】、【AL Pure+Applied】、【CE Maths+A.Maths】的數學導師
?全港第一最多訂閱粉絲的數學教育YouTuber
?YouTube觀看次數超越700萬、訂閱粉絲超過50000人
?著作:《YouTuber新手到網紅》、《5**數學男人嫁得過》、《碌葛男人嫁得過》、《賭波男人嫁得過》(獲Google嚴選2018年度50大最佳書籍)
----------
賭Sir收集著數派街坊:
❤️YouTuber Go網絡課程 全港最平+獨家 報讀優惠:
?報讀初班 $600 (原價$800):https://www.youtubergo.com/payment/b-hermantomath-0600.html
?報讀初班+中班 $1500 (原價$1800):https://www.youtubergo.com/payment/bm-hermantomath-1500.html
官方網頁:https://www.youtubergo.com/
❤️無限操數王(epractice) 全港最平+獨家 優惠(可同時使用):
?50%OFF 半價優惠碼:MC83-AI93-NFW0-331E
?25%OFF 額外邀請碼:J7N9-RDRP-NFAH-OH13
官方網頁:https://www.dsemth.com/
❤️Tidebit全港最穩妥的比特幣(Bitcoin)交易所:http://bit.ly/2LIWA4J
❤️Uber免費送你$25優惠:https://www.uber.com/invite/2utyzr
----------
#反送中 ( #逃犯條例 ) 616大遊行, 民陣錄得200萬01人, 警方錄得33.8萬人, 示威人數統計相距極遠! 有網民宣稱: 警方使用毅進制計算,而非一般人所用的十進制~ 有見及此, 杜氏數學 賭Sir 決定破解這個「 #毅進制 」(Yijinecimal) 之謎!
----------
關鍵字:
#唔好搞我後面 #記你老母 #鄺俊宇 #蘋果日報 #通識堅庭
----------
相關影片:
《【逃犯條例】藍絲入嚟!不服來辯!》
https://www.youtube.com/watch?v=GduH6NLldM8
《《逃犯條例》修訂為何咁多人反對?通過香港人大Q鑊?正反理據分析》
https://www.youtube.com/watch?v=Ru4TJGPJjjc
《煮熟的娥嘴仍硬 !林鄭道歉記者會點評〈蕭若元:蕭氏新聞台〉2019-06-18》
https://www.youtube.com/watch?v=1j-PasfUhkU
----------
https://zh.m.wikipedia.org/wiki/User:WikiSuperfan/毅進制
----------
#守護神基基
----------
標籤:
逃犯條例,反送中,616大遊行,民陣,蘋果日報,蕭若元,林鄭月娥,盧偉聰,香港,警務署署長,黑警,警察,示威,抗爭,衝擊,遊行,劉馬車,立場新聞,200萬,毅進制,記你老母,唔好搞我後面,守護神基基,毅進,yijidecimal,yijinecimal,藍絲,何志光,無敵神駒,本土台,D100,仇思達,鄺俊宇,鄺神
----------
* 賭Sir是杜氏數學Herman To Math的始創人
* 全港唯一「完爆」DSE、AL、CE、IAL的數學導師
* YouTube Channel超過600萬Hit Rate、超過50000 Subscribers
* 全港第一最多訂閱粉絲的數學考試YouTuber
* 暢銷書《賭波男人嫁得過》&《碌葛男人嫁得過》&《5**數學男人嫁得過》&《YouTuber新手到網紅》作者
* 《賭波男人嫁得過》獲Google嚴選2018年度50大最佳書籍之一
----------
賭Sir考試戰績:
新制中六DSE: (2016 M2 + 2017 M1)
?數學必修 (Mathematics) 一take過 奪5**
?數學延伸M1 (Calculus and Statistics) 一take過 奪5**
?數學延伸M2 (Algebra and Calculus) 一take過 奪5**
舊制中七高考: (2011)
?純粹數學 (Pure Mathematics) 一take過 奪A
?應用數學 (Applied Mathematics) 一take過 奪A
舊制中五會考: (2009)
?數學 (Mathematics) 一take過 奪A
?附加數學 (Additional Mathematics) 一take過 奪A
國際高考International Advanced Level: (2017 + 2018)
?Core Math 1 2 一take過 奪A
?Core Math 3 4 一take過 奪A
?Further Pure Math 1 一take過 奪A
?Further Pure Math 2 一take過 奪A
?Further Pure Math 3 一take過 奪A
?Mechanics 1 一take過 奪A
?Mechanics 2 一take過 奪A
?Mechanics 3 一take過 奪A
?Statistics 1 一take過 奪A
?Statistics 2 一take過 奪A
?Statistics 3 一take過 奪A
?Decision Math 1 一take過 奪A
bitcoin wiki 在 暗網仔 2.0 Youtube 的精選貼文
今天我談論在香港用社交媒體app Tinder & TanTan的個人經驗. 由WhatsApp, WeChat, Tinder, Tantan 我與3個網上交友女孩的真人恐怖故事. 我也參考另一個香港YouTuber Rock哥對社交應用程式詐騙的視頻.
Rock哥視頻: https://www.youtube.com/watch?v=KL_-ByK4O1I&t=14s
LINK TO IG: https://www.instagram.com/dw_kid12/
Youtube為何關機1小時: https://www.youtube.com/watch?v=W5RVLpFkAKQ
Hidden Wiki: https://thehiddenwiki.org
TOR (洋蔥搜索): https://www.torproject.org/projects/t...
Subscribe: https://www.youtube.com/channel/UC8vabPSRIBpwSJEMAPCnzVQ?sub_confirmation=1