Samsung x ลงทุนแมน
สรุปเส้นทาง การก้าวเป็นผู้นำตลาด สมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ ของ Samsung
ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลายคนคงถึงกับตาลุกวาว
เมื่อได้เห็นการเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ Samsung ที่มาตามคอนเซปต์ “หน้าจอพับได้” ซึ่งก็คือ Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Samsung เป็นเจ้าตลาดสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ ที่ครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนการส่งมอบสมาร์ตโฟนรูปแบบนี้ อยู่มากถึง 88%
นอกจากนั้น Samsung ยังเป็นสมาร์ตโฟนแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว ที่วางขายสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ไปทั่วโลก
เส้นทางการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ และเจ้าตลาดสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ของ Samsung เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หลายสิบปีมาแล้ว ที่สมาร์ตโฟนแบบ “Bar Type” หรือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นรูปแบบที่เราใช้กันมาอย่างยาวนาน แทบไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย
เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะความคุ้นชินของผู้ใช้งาน และอีกเหตุผลสำคัญก็เพราะ การจะสร้างนวัตกรรมใหม่ให้น่าสนใจกว่าธรรมเนียมนิยมเดิม มันเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย
แต่.. ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีแล้ว ในปี 2019
Samsung ก็ได้เปิดตัว “Galaxy Fold” สมาร์ตโฟนที่ดึงแสงสปอตไลต์มาส่องสว่างที่นวัตกรรมสมาร์ตโฟนแบบ “หน้าจอพับได้” ที่ดูฉีกแนวไปจากกรอบเดิมที่ยึดกันมาหลายสิบปี
และด้วยจุดเด่นในเรื่องการใช้งานแบบไร้รอยต่อระหว่างการกางและพับหน้าจอ ทำให้ Galaxy Fold ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนั้น ทำให้ Samsung เดินหน้าพัฒนาและเปิดตัวสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้รุ่นต่อมาทันที นั่นคือ Galaxy Z Flip และตามมาด้วย Galaxy Z Fold2
ถามว่าทำไม Samsung ถึงก้าวมาทำสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ ?
หากสังเกตดี ๆ ช่วงที่ผ่านมา สมาร์ตโฟนที่มีขนาดหน้าจอกว้างและแท็บเล็ตกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
สาเหตุสำคัญเพราะคนใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ในการทำกิจกรรมที่ต้องการอรรถรสร่วมกับหน้าจอมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ใช้ดูวิดีโอบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ, ใช้จดโน้ต, วาดรูป, ตกแต่งรูปภาพ ไปจนถึงการใช้นำเสนองาน
นอกจากนั้น หลายคนยังต้องการความสะดวกสบายในการพกพา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการใช้งานผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ ๆ จึงทำให้ต้องพกพาหลายเครื่อง ทั้งสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต
ซึ่งนี่ถือเป็น Pain Point สำคัญของผู้ใช้งาน ที่ทาง Samsung เก็บมาพัฒนาเป็นสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ ที่ทั้งพกพาสะดวก และสามารถกางออกเพื่อขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นได้ ครบ จบ ในเครื่องเดียว
อีกเรื่องที่หลายคนน่าจะสงสัยคือ ทำไม Samsung ถึงทำสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ออกมา 2 รุ่น ?
ถ้าลองมาดูรูปแบบการใช้งานของ Galaxy Z Fold และ Galaxy Z Flip กันดี ๆ ก็จะเห็นว่า สมาร์ตโฟน 2 รุ่นนี้ มีความโดดเด่นที่ต่างกันไป
อย่างรุ่น Galaxy Z Fold จะเน้นการใช้งานเป็นทั้งสมาร์ตโฟนและเแท็บเล็ตหน้าจอกว้างเมื่อกางออก ซึ่งตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้งานหน้าจอกว้าง ๆ ไม่ว่าจะรับชมคอนเทนต์ วาดภาพ หรือใช้ในทางธุรกิจ
ส่วนรุ่น Galaxy Z Flip จะตอบโจทย์เทรนด์แฟชั่นยุคใหม่ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชื่นชอบการพกพากระเป๋าขนาดเล็ก หรือ Micro Bag รวมไปถึงตอบโจทย์การใช้งานของสายโซเชียล เช่น สามารถถ่ายรูปในมุมมองที่หลากหลายด้วยการปรับองศาของหน้าจอขณะตั้งถ่ายรูปได้
จะเห็นว่า แม้ทั้ง 2 รุ่นจะเป็นสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้เหมือนกัน แต่ก็มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายแตกต่างกันไป ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้หลากหลายกลุ่ม
นอกจากสมาร์ตโฟนตระกูลหน้าจอพับได้ของ Samsung จะได้รับความสนใจไม่น้อยจากบรรดาผู้บริโภคกลุ่ม Early Adaptive ที่ชอบนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ซ้ำใครแล้ว การเติบโตที่น่าสนใจของตลาดสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้นี้ ก็กำลังเป็นที่น่าสนใจ
สถิติจากเว็บไซต์ Counterpoint Research คาดการณ์ว่าในปี 2021 จะมียอดส่งมอบสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ราว ๆ 9 ล้านเครื่อง ซึ่งตัวเลขนี้ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดสมาร์ตโฟน
แต่ประเด็นเรื่องจำนวนส่งมอบที่ยังน้อยอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตลาดนี้ยังถือเป็นตลาดใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่น่าสนใจของจริงก็คือ “อัตราการเติบโต”
เพราะ 9 ล้านเครื่องที่ว่านี้ เติบโตมาจากปี 2020 ถึง 3 เท่าตัว และมีการคาดการณ์กันต่อไปว่า ภายในปี 2023 ตลาดนี้จะโตขึ้นเป็น 10 เท่าของ ณ ตอนนี้
และด้วยความที่ Samsung มีการพัฒนานวัตกรรมหน้าจอพับได้มาแล้ว 3 ปี และทำการตลาดไปทั่วโลก จึงทำให้ Samsung ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดนี้ได้อย่างเหนียวแน่น
โดยส่วนแบ่งยอดส่งมอบในตลาดนี้ประมาณ 88% ถูกครองโดย Samsung เพียงแบรนด์เดียว
อาจกล่าวได้ว่าซัมซุงคือผู้สร้างตลาดสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ให้ได้รับความนิยมเป็นที่แพร่หลาย
แล้วการคิดก่อนทำก่อน และทำการตลาดไปทั่วโลก ทำให้ Samsung ได้เปรียบกว่าอย่างไร ?
คำตอบคือ มันทำให้ Samsung มีฐานลูกค้าที่กว้าง ซึ่งทำให้สามารถเก็บข้อมูลและความคิดเห็น เพื่อมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ในอนาคต ให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้นได้
อย่างเช่น ฟังก์ชันการใช้งานใหม่ ๆ ใน Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G ก็ล้วนต่อยอดพัฒนา มาจากการรับฟังฟีดแบ็กการใช้งานสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้รุ่นก่อน ๆ ของผู้ใช้งานทั่วโลก
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ Samsung มีบริษัทในเครือที่ชื่อว่า “Samsung Display” ที่ครองส่วนแบ่งยอดขายหน้าจอสมาร์ตโฟน เป็นอันดับหนึ่งของโลก ในปี 2020 และเป็นอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน
โดย Samsung Display เป็นผู้นำนวัตกรรมหน้าจอแสดงผลของโลก และยังองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในการผลิตจอภาพระดับ OLED และ AMOLED
ที่อธิบายง่าย ๆ ว่าเป็นสุดยอดแห่งจอแสดงผลของสมาร์ตโฟนในยุคนี้แล้ว
นั่นหมายความว่า ในเรื่องนวัตกรรมหน้าจอของ Samsung นั้น ถือเป็น “ของจริง” ของวงการ
จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เราจะเห็น Samsung สามารถทำสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ออกมาได้อย่างน่าสนใจ และพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงรุ่น High-end ล่าสุดอย่าง Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G
ความโดดเด่นแรกของทั้ง Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G
คือรูปแบบการใช้งานที่เรียกว่า “Flex Mode” ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับองศาได้อิสระ ไม่ได้ตายตัวอยู่แค่ 90 หรือ 180 องศาเท่านั้น ทำให้ไม่ว่าจะใช้งานถ่ายรูป รับชมคอนเทนต์ หรือทำกิจกรรมอื่นในองศาไหน ก็เลือกปรับได้อย่างยืดหยุ่นตามต้องการ
นอกจากนั้นแล้ว สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น ยังเป็นการรวมสุดยอดนวัตกรรมล้ำ ๆ และ “ครั้งแรก” ของฟังก์ชันเด็ดหลาย ๆ อย่างมาไว้รวมกัน
อย่างเช่น การใช้ชิปประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพสุด ๆ ในปัจจุบันอย่าง Snapdragon 888, วัสดุตัวเครื่องเป็น Armor Aluminum รวมถึงกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus™ พร้อมฟิล์มกันรอยแบบยืดชนิดใหม่ (Stretchable PET) มั่นใจได้ว่าตัวเครื่องทนทาน และกันรอยขีดข่วนได้ดี ทนทานกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80%
หน้าจอหลักของทั้ง 2 รุ่น เป็น Dynamic AMOLED 120Hz ให้ภาพคมชัด สีสด คุณภาพการแสดงผลการเคลื่อนไหวที่เรียบเนียนและลื่นไหล
ครั้งแรกที่มีนวัตกรรมกล้องซ่อนใต้จอแสดงผลด้านในเมื่อไม่ได้ใช้งาน ของ Galaxy Z Fold3 5G, ครั้งแรกที่ Galaxy Z Fold3 5G รองรับการใช้งานปากกา S Pen และครั้งแรกที่ตระกูล Z มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ IPX8 กันน้ำหกใส่ กันฝนได้สบาย
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็คือการใช้งานแบบ Multitasking ที่ทำได้ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งสำหรับ Galaxy Z Fold3 5G ที่ขนาดจอด้านในเมื่อกางออกกว้างถึง 7.6 นิ้ว ยิ่งใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เช่น เราสามารถพับจอประมาณ 145 องศา ใช้จอบนในการประชุม Video Conference ส่วนจอด้านล่าง ใช้จดโน้ตไปพร้อม ๆ กันได้ หรือเราสามารถเล่นเกม และดูวิดีโอบน YouTube ไปพร้อมกันเลยก็ทำได้สบาย ๆ
สำหรับเรื่องของราคา ทาง Samsung ต้องการให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เปรียบเสมือนมาตรฐานใหม่ของสมาร์ตโฟน จึงได้มีการปรับให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและคุ้มค่ากับฟังก์ชันการใช้งาน กว่าตระกูลหน้าจอพับได้รุ่นที่ผ่าน ๆ มา
Galaxy Z Flip3 5G มีราคาเริ่มต้นที่ 34,900 บาท
Galaxy Z Fold3 5G มีราคาเริ่มต้นที่ 57,900 บาท
และนี่ก็คือเส้นทางการก้าวมาเป็น ผู้นำตลาดสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ของ Samsung ที่เริ่มต้นจากการเอาจุดเด่นและจุดแข็งในเรื่องนวัตกรรมหน้าจอ มาสร้างเป็นความแตกต่างที่น่าสนใจไม่ซ้ำใคร
ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราต่างก็คุ้นเคยกันดีกับสมาร์ตโฟนแบบ Bar Type หรือทรงแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา ๆ ที่เราใช้กัน
ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจไม่น้อย
ที่เราได้เห็น Samsung กำลังพยายามฉีกกรอบเดิม ๆ
เพื่อกำหนดนิยามใหม่ และมาตรฐานใหม่ ให้กับวงการสมาร์ตโฟน..
สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-z-fold3-5g/buy/ หรือ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-z-flip3-5g/buy/
References
-https://www.counterpointresearch.com/foldable-smartphone-shipments-2023/
-https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/
-https://consumer.huawei.com/en/phones/mate-x2/
-https://droidsans.com/xiaomi-mi-mix-fold-official-launch/
-https://www.businesswire.com/news/home/20210325005598/en/Strategy-Analytics-Samsung-Display-Takes-Smartphone-Display-Panel-Revenue-Leadership-in-2020
-https://www.samsungdisplay.com/eng/tech/oled-display.jsp
-เอกสารประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด
conference 2023 在 Facebook 的精選貼文
ขอชวนทุกคนมาชม live สด สัมมนาออนไลน์ ARI Developer Conference โดย NIA ตอนสุดท้ายในซีรี่ส์นี้แล้วค่ะ! ทางเพจ iT24Hrs กันนะคะ พลาดไม่ได้กับเรื่องเทคโนโลยี Deep Tech + Health Tech จะมาช่วยเรารอดพ้นจาก c 0 \/ | d ได้อย่างไร
พบกันสดๆ วันพฤหัส ที่ 26 ส.ค.64 เวลา 16.00-17.30 น. ค่ะ
รับชมที่ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=542505020358752&id=100046638233938
กับวิทยากรถึง 5 ท่าน
1. คุณจักร โกศัลยวัตร , นายกสมาคมเฮลท์เทคไทย
2. ดร.ประภาศรี เบญจศิริลักษณ์ / ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ศูนย์เร่งรัดวิจัยและนวัตกรรมเอกชน เครือโรงพยาบาลพญาไทและเครือโรงพยาบาลเปาโล
3. พญ.พิชชาพร ธนาพงศธร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวิมุต
4. คุณพงษ์ชัย เพชรสังหาร, Dietz.asia
5. คุณพรชัย แสนชัยชนะ
และหากท่านใดมีคำถาม สามารถเขียนคำถามที่ช่องคอมเมนต์เพื่อถามวิทยากรกันสดๆได้เลยนะคะ (ช่วงท้ายมี Q&A ด้วยค่ะ)
รับชมที่ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=542505020358752&id=100046638233938
conference 2023 在 อ้ายจง Facebook 的最佳解答
จีนเร่งพัฒนา 5G อย่างหนัก สร้างเครือข่าย 5G ใหญ่สุดในโลก
จำนวนสถานีฐานครองสัดส่วน 70% พร้อมเดินหน้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้ 5G มากกว่า 560 ล้านราย หรือ 40% ของผู้ใช้งานมือถือจีน ภายในปี 2566
.
เร่งพัฒนาเทคโนโลยี 5G เป็นหนึ่งในนโยบายหลักทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน และเกี่ยวข้องกับนโยบาย Made in China การสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีจีน ไม่ใช่เป็นประเทศผู้ใช้เทคโนโลยีของประเทศอื่นอย่างสมัยก่อน
.
อย่างที่เราได้เห็นจีนพยายามผลักดันให้ Huawei และแบรนด์ Telecom “ZTE” ก้าวสู่ระดับโลก เข้าไปเป็นผู้เล่นสำคัญใน “อเมริกา” มหาอำนาจคู่แข่งสำคัญของจีน ซึ่งทั้งสองแบรนด์เคยโดนอเมริกาแบน ท่ามกลางสงครามการค้า ภายใต้ข้อหาเข้าข่ายขโมยข้อมูลจากอเมริกาส่งให้รัฐบาลจีน เพราะตอนนี้จีนเข้ามาแข่งขันเทคโนโลยีกับอเมริกาเต็มตัว
.
ผลของการเร่งพัฒนาดังกล่าว ทำให้เราได้เห็น “สถานีฐาน 5G (5G base station)” ถูกสร้างขึ้นในจีน จำนวนมากถึง 916,000 สถานี คิดเป็น 70% ของทั่วโลก ถ้าดูในแง่จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเครือข่าย 5G จีน ครองสัดส่วน 80% ของทุกประเทศรวมกัน ด้วยตัวเลข 365 ล้านอุปกรณ์ ตามการเผยข้อมูลของ Liu Liehong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน ณ การประชุมอินเตอร์เน็ตจีน (China Internet Conference) กรุงปักกิ่ง วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา
.
ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนยังเผย “แผนพัฒนา 5G ระยะ 3 ปี 2021 -2023” ตั้งเป้าผู้ใช้งาน 5G มากกว่า 560 ล้านราย ภายในปี 2566 กล่าวคือจีนตั้งเป้าเพิ่มอัตราการใช้งาน 5G ของผู้ใช้งานเครือข่ายมือถือทั้งหมดในจีน เป็น 40 % นับจากนี้
.
การที่จะมีผู้ใช้ 5G จำนวนมาก อุปกรณ์ต้องพร้อมด้วย ถ้าดูตามตัวเลขที่รายงานโดย Ecns.cn สื่อจีน “เฉพาะช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ 2564 ยอด Shipment มือถือ 5G ของจีน แตะ 128 ล้านเครื่อง”
.
จากประสบการณ์ของอ้ายจงที่เคยใช้ชีวิตในจีน ได้มีโอกาสทำวิจัยในแลปเครือข่ายไร้สายซึ่งรวมถึง 5G อ้ายจงค่อนข้างเชื่อว่า จีนน่าจะทำได้ตามแผน และต้องบอกเลยว่า ตอนนี้จีนไม่ได้ทำแค่ 5G แต่จีนซุ่มพัฒนา 6G มาหลายปี ตั้งแต่ยังไม่ได้นำ 5G ใช้เชิงพาณิชย์ในวงกว้างด้วยซ้ำ (ถ้าใครอยากอ่านเรื่อง 6G ในจีน อ่านบทความที่อ้ายจงเคยเขียนได้ที่ https://www.facebook.com/aizhongchina/posts/1754575551340667/)
.
อ้ายจงเล่าเรื่องจาก
Ecns.cn
http://www.ecns.cn/news/sci-tech/2021-07-13/detail-ihapauxv0565136.shtml
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #เทคโนโลยีจีน #5G
conference 2023 在 Nikola Jokic wins the 2023 Magic Johnson ... - YouTube 的推薦與評價
Watch as the Denver Nuggets celebrate their Game 4 win over the Los Angeles Lakers in the Western Conference Finals and punching their first ... ... <看更多>