ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
同時也有101部Youtube影片,追蹤數超過3萬的網紅Pixel Start,也在其Youtube影片中提到,Showcase of All Revolver Weapons, Reload Animations and Sounds 1975-2021 Gun Fight 1975 outlaw 1976 Sewer Sam 1983 High Noon 1984 Gun.Smoke 1985 War ...
control 2007 在 可貓all cat Facebook 的最佳解答
疫情嚴重,注意健康,加油
2019-2020相關資料文獻整理
#新型冠狀病毒和黑種草油的科學研究
2019-nCoV & Nigella Sativa Science
Researches
#林博士聲明: 2020.01.28
1.本文為本人整理編寫的原創文獻醫學文稿,重要內容均注明原文出處(或網路連結)若有疏漏,敬請指正。
(一)#抗病毒作用-正義單鏈RNA病毒
Antiviral effect-positive and single stranded RNA virus
- 2019新型冠狀病毒(Novelcoronavirus),世界衛生組織命名縮寫為2019-nCoV、武漢肺炎(Wuhanpneumonia)等。2019新型冠狀病毒與2003年4月在亞洲爆發SARS,SARS-CoV都是正義單鏈RNA病毒(positivesinglestrandedRNAvirus),這類病毒還包括人類的C型肝炎病毒(HepacivirusC)。
黑種草油(子)迄今並無抗冠狀病毒的研究。但臨床研究顯示黑種草油可以抗C型肝炎病毒(30名C肝病患),降低體內病毒載量。
埃及30名患有C型肝炎病毒(HCV)感染患者,未經甲型干擾素(α-Interferon)治療,每天餐後食用黑種草油,每日3次,連續服用3個月後,可顯著改善HCV病毒載量(380808.7±610937vs147028.2±475225.6,P=0.001)和提高體內總抗氧化能力TAC(1.35±0.5vs1.612±0.56, P=0.001),與下列實驗室參數得到改善:總氮蛋白、白蛋白、紅血球細胞數、血小板計數和下肢水腫等臨床狀況指數。
1.Barakat, EmanMahmoud Fathy, Lamia Mohamed El Wakeel, and RadwaSamir Hagag. "Effects of Nigella sativa on outcome of hepatitis C in Egypt." World journal of gastroenterology: WJG 19.16 (2013): 2529.
2.Oyero, OlufunmilayoG., et al. "Selective inhibition of hepatitis c virus replication by Alpha-zam, a Nigella sativa seed formulation." African journal of traditional, complementary and alternative medicines 13.6 (2016): 144-148.
(二) #免疫調節-提高巨噬細胞和樹突狀細胞作用.
*Immunomodulatory effects
- 研究顯示:黑種草油或其活性成分百里醌(TQ,Thymoquinone)可以調節免疫力(Th1和Th2),提高巨噬細胞(macrophage)和樹突狀細胞(dendriti)作用,顯示出有效的抗發炎作用。
黑種草油可增加吞噬活性(吞噬率56.83±6.37%)和吞噬指數(5.18±0.39),巨噬細胞分泌IL-12(最高水平在66.33±2.11μM)和TLR4的表達。數據通過單因子變異數分析(One-wayANOVA)進行統計學檢驗,顯著性為95%。
1.Akrom, Akrom, and MustofaMustofa. "Black cumin seed oil increases phagocytic activity and secretion of IL-12 by macrophages." Biomedical Research 28.12 (2017): 5241-5246.
2.Finlay, Trisha M., et al. "Thymoquinone-induced Neu4 sialidase activates NFκB in macrophage cells and pro-inflammatory cytokines in vivo." Glycoconjugate journal 27.6 (2010): 583-600.
3.Salem, Mohamed Labib. "Immunomodulatory and therapeutic properties of the Nigella sativa L. seed." International immunopharmacology 5.13-14 (2005): 1749-1770.
(三) #善肺部發炎症狀和損傷
Improve lung inflammation and injury
- 動物研究顯示:黑種草和其提取物或百里醌(TQ)對氣管反應和肺部炎症有預防作用,黑種草油可顯著降低因高氧吸入引起的肺損傷。
●黑種草的百里醌(TQ,thymoquinone)治療致敏組動物,可顯著善其肺部病理變化,降低其IL-4水平(p<0.05至p<0.001),增加其IFN-γ水平(p<0.001)。
●黑種草治療可抑制炎症性肺反應,顯著降低(p<0.05)支氣管周炎性細胞浸潤、肺泡中隔浸潤、肺泡水腫 肺泡滲出液、肺泡巨噬細胞和間質纖維化,肉芽腫和壞死形成。
●在組織病理學和免疫化學評估中,高氧+ 黑種草組的肺損傷嚴重程度明顯降低(P <.05),GSH-Px(穀胱甘肽氧化物酶)和SOD(超氧化物歧化酶)水平得到顯著保留MDA(血清脂質過氧化物)和MPO(骨髓過氧化酶)水平顯著低(P <.05)。
1.Boskabady,MohammadHossein,etal."TheeffectofNigellasativaextractontrachealresponsivenessandlunginflammationinovalbumin-sensitizedguineapigs."Clinics66.5(2011):879-887.
2.Keyhanmanesh,Rana,etal."Effectofthymoquinoneonthelungpathologyandcytokinelevelsofovalbumin-sensitizedguineapigs."Pharmacologicalreports62.5(2010):910-916.
3.Kanter,Mehmet."EffectsofNigellasativaseedextractonamelioratinglungtissuedamageinratsafterexperimentalpulmonaryaspirations."Actahistochemica111.5(2009):393-403.
4.Tayman,Cuneyt,etal."ProtectiveeffectsofNigellasativaoilinhyperoxia-inducedlunginjury."ArchivosdeBronconeumología(EnglishEdition)49.1(2013):15-21.
(四) #解呼吸道發炎症狀
Relief the symptoms of respiratory tract infection
- 多篇人體臨床研究:黑種草油可顯著緩解咽喉炎或扁桃腺炎的咽喉腫痛,補充黑種草油可改善哮喘和肺功能。黑種草的精油成分可抑制氣管收縮和增加黏膜纖毛的清除率。
●186位急性咽喉炎測試者,每天3次連續7天服用黑種草油和珠草萃取物,可完全緩解他們的咽喉腫痛,減少對止痛藥的需要。
●抗效喘和擴張氣管
80名哮喘患者的隨機,雙盲,安慰劑對照試驗,每天食用黑種草油兩次,連續4週,NSO組的平均哮喘控制測試得分顯著提高了21.1(標準差= 2.6)和19.6(標準差= 3.7)(p = 0.044),血液中的嗜酸性粒細胞減少了-50 (-155至-1)對15(-60至87)個細胞/μL(p = 0.013)。
29例哮喘成年患者隨機分為對照組和研究組,研究組給予每天口服黑種草提取
物,研究3個月後顯著改善哮喘症狀的頻率/週,胸部喘息和肺功能測試(PFTs)
值顯著改善(P <0.05到P <0.001),與對照組相比有顯著差異(P <0.01到P <0.001)。
在15例哮喘患者,黑種草萃取物對哮喘的氣道(airways)具有相對強效的抗喘效果(支氣管擴張)。
●天然氣管擴張劑,抑制氣管收縮和增加黏膜纖毛的清除2010年歐洲藥用植物和天然產品研究雜誌《Planta Medica》研究:黑種草的精油活性成分-百里醌(TQ) 、黑種草酮(Nigellone)是優於哮喘的吸入性氣管擴張藥fluticasone(屬類固醇類),賦予哮喘和過敏症患者帶來希望。
2008年歐洲藥用植物和天然產品研究雜誌《Planta Medica》研究表明:黑種草油的精油成分黑種草酮(Nigellone)和百里醌(TQ)可用於治療不同的呼吸系統疾病,可緩解氣管的痙攣和增加黏膜纖毛的清除率。
1.Dirjomuljono, M., et al. "Symptomatic treatment of acute tonsillo-pharyngitis patients with a combination of Nigella sativa and Phyllanthus niruriextract." International journal of clinical pharmacology and therapeutics 46.6 (2008): 295-306.
2.Koshak, Abdulrahman, et al. "Nigella sativa supplementation improves asthma control and biomarkers: A randomized, double‐blind, placebo‐controlled trial." PhytotherapyResearch 31.3 (2017): 403-409.
3.Boskabady, Mohammad Hossein, et al. "The possible prophylactic effect of Nigella sativa seed extract in asthmatic patients." Fundamental & clinical pharmacology 21.5 (2007): 559-566.
4.Boskabady, M. H., N. Mohsenpoor, and L. Takaloo. "Antiasthmaticeffect of Nigella sativa in airways of asthmatic patients." Phytomedicine 17.10 (2010): 707-713.
5.Keyhanmanesh, Rana, et al. "The effect of thymoquinone, the main constituent of Nigella sativa on tracheal responsiveness and white blood cell count in lung lavage of sensitized guinea pigs." Planta medica 76.03 (2010): 218-222.
6.Wienkötter, N., et al. "The effect of nigelloneand thymoquinone on inhibiting trachea contraction and mucociliaryclearance." Planta medica 74.02 (2008): 105-108.
#薑黃文獻研究
●#薑黃的薑黃素抑制所有C型肝炎病毒基因型進入人肝細胞
Colpitts, Che C., et al. "Turmeric curcumin inhibits entry of all hepatitis C virusgenotypes into human liver cells." Gut 63.7 (2014): 1137-1149
●#薑黃素在病毒性急性呼吸窘迫綜合症的老鼠模中,調節發炎症反應並抑制隨後的纖維化
Avasarala, Sreedevi, et al. "Curcumin modulates the inflammatory response and inhibits subsequent fibrosis in a mouse model of viral-induced acute respiratory distress syndrome." PloSone 8.2 (2013).
●#薑黃素通過減輕肺損傷和調節巨噬細胞細胞因子產生來減輕嚴重的流感性肺炎
Han, Shuguang, et al. "Curcumin ameliorates severe influenza pneumonia via attenuating lung injury and regulating macrophage cytokines production." Clinical and Experimental. Pharmacology and Physiology 45.1 (2018): 84-93.
#蜂蜜文獻研究
●2014年一項基於前瞻性隊列研究:以蜂蜜做保守療,35%的慢性C型肝炎病毒患者可持續清除C肝炎病毒
KOTB, MAGD A., and AHMED K. ABDALLA. "Sustained Hepatitis C Virus Clearance was Achieved by Honey Based Conservative Management in 35% of Chronic Hepatitis C Virus Patients: A Prospective Cohort Study." Interferon 8: 10.
●蜂蜜與健康:近期臨床研究述評-蜂蜜具抗發炎免疫調節活性、減少咳嗽、發燒和減輕哮喘相關症狀
Samarghandian, Saeed, TaherehFarkhondeh, and FariborzSamini. "Honey and health: A review of recent clinical research." Pharmacognosy research 9.2 (2017): 121.)
#食用建議
#黑種草油5ml + #蜂蜜10ml +#薑黃粉(#或薑黃素)適量
❗每日2次❗
#黑種草油、#蜂蜜和薑黃
都有抗單股RNA病毒、抗發炎、減少肺部發炎症狀,調節免疫力和增加抵抗力的效果,非常適合這個季節做為每日保健的補充劑。
control 2007 在 江魔的魔界(Kong Keen Yung 江健勇) Facebook 的最佳貼文
這是前些日子爆出已經被加拿大法院接理對藏傳佛教噶舉派法王的訟訴。(加拿大法院鏈接在此:https://www.bccourts.ca/jdb-txt/sc/21/09/2021BCSC0939cor1.htm?fbclid=IwAR2FLZlzmUIGTBaTuKPVchEqqngcE3Qy6G_C0TWNWVKa2ksbIYkVJVMQ8f8)
這位法王的桃色事件,我是幾年前才聽到。但,藏傳佛教的高層有這些性醜聞,我已經聽了幾十年。我以前的一位前女友也被一些堪布藉故上她的家摟抱過,也有一些活佛跟她表白。(這不只是她,其他地方我也聽過不少)
這是一個藏傳佛教裡面系統式的問題。
很多時候發生這種事情,信徒和教主往往都是說女方得不到寵而報仇,或者說她們也精神病,或者說她們撒謊。
我不排除有這種可能性,但,多過一位,甚至多位出來指證的時候,我是傾向於相信『沒有那麼巧這麼多有精神病的女人要撒謊來報仇』。
大寶法王的桃色事件,最先吹哨的是一位台灣的在家信徒,第二位是香港的女出家人,現在加拿大又多一位公開舉報上法庭。
對大寶法王信徒來說,這一次的比較麻煩,因為是有孩子的。(關於有孩子的,我早在法王的桃色事件曝光時,就有聽聞)
如果法庭勒令要驗證DNA,這對法王和他的信徒來說,會很尷尬和矛盾,因為做或不做,都死。
你若問我,我覺得『人數是有力量的』,同時我也覺得之後有更多的人站出來,是不出奇的。
我也藉此呼籲各方佛教徒,如果你們真的愛佛教,先別說批判,但如鴕鳥般不討論這些爭議,你是間接害了佛教。
(下面是我從加拿大法院鏈接拷貝下來的內容,當中有很多細節。)
Table of Contents
INTRODUCTION
BACKGROUND
ANALYSIS
A. The Spousal Support Claim in this Case
B. The Test to Amend Pleadings
C. Pleadings in Family Law Cases
D. The Legal Concept of a Marriage-Like Relationship
E. Is There a Reasonable Claim of a Marriage-Like Relationship?
F. Delay / Prejudice
CONCLUSION
INTRODUCTION
[1] The claimant applies to amend her notice of family claim to seek spousal support. At issue is whether the claimant’s allegations give rise to a reasonable claim she lived with the respondent in a marriage-like relationship, so as to give rise to a potential entitlement to spousal support under the Family Law Act, S.B.C. 2011, c. 25 (“FLA”).
[2] The facts alleged by the claimant do not fit within a traditional concept of marriage. The claimant does not allege that she and the respondent ever lived together. Indeed, she has only met the respondent in person four times: twice very briefly in a public setting; a third time in private, when she alleges the respondent sexually assaulted her; and a fourth and final occasion, when she informed the respondent she was pregnant with his child.
[3] The claimant’s case is that what began as a non-consensual sexual encounter evolved into a loving and affectionate relationship. That relationship occurred almost entirely over private text messages. The parties rarely spoke on the telephone, and never saw one another during the relationship, even over video. The claimant says they could not be together because the respondent is forbidden by his station and religious beliefs from intimate relationships or marriage. Nonetheless, she alleges, they formed a marriage-like relationship that lasted from January 2018 to January 2019.
[4] The respondent denies any romantic relationship with the claimant. While he acknowledges providing emotional and financial support to the claimant, he says it was for the benefit of the child the claimant told him was his daughter.
[5] The claimant’s proposed amendment raises a novel question: can a secret relationship that began on-line and never moved into the physical world be like a marriage? In my view, that question should be answered by a trial judge after hearing all of the evidence. The alleged facts give rise to a reasonable claim the claimant lived with the respondent in a marriage-like relationship. Accordingly, I grant the claimant leave to amend her notice of family claim.
BACKGROUND
[6] It should be emphasized that this is an application to amend pleadings only. The allegations by the claimant are presumed to be true for the purposes of this application. Those allegations have not been tested in a court of law.
[7] The respondent, Ogyen Trinley Dorje, is a high lama of the Karma Kagyu School of Tibetan Buddhism. He has been recognized and enthroned as His Holiness, the 17th Gyalwang Karmapa. Without meaning any disrespect, I will refer to him as Mr. Dorje in these reasons for judgment.
[8] Mr. Dorje leads a monastic and nomadic lifestyle. His true home is Tibet, but he currently resides in India. He receives followers from around the world at the Gyuto Monetary in India. He also travels the world teaching Tibetan Buddhist Dharma and hosting pujas, ceremonies at which Buddhists express their gratitude and devotion to the Buddha.
[9] The claimant, Vikki Hui Xin Han, is a former nun of Tibetan Buddhism. Ms. Han first encountered Mr. Dorje briefly at a large puja in 2014. The experience of the puja convinced Ms. Han she wanted to become a Buddhist nun. She met briefly with Mr. Dorje, in accordance with Kagyu traditions, to obtain his approval to become a nun.
[10] In October 2016, Ms. Han began a three-year, three-month meditation retreat at a monastery in New York State. Her objective was to learn the practices and teachings of the Kagyu Lineage. Mr. Dorje was present at the retreat twice during the time Ms. Han was at the monastery.
[11] Ms. Han alleges that on October 14, 2017, Mr. Dorje sexually assaulted her in her room at the monastery. She alleges that she became pregnant from the assault.
[12] After she learned that she was pregnant, Ms. Han requested a private audience with Mr. Dorje. In November 2017, in the presence of his bodyguards, Ms. Han informed Mr. Dorje she was pregnant with his child. Mr. Dorje initially denied responsibility; however, he provided Ms. Han with his email address and a cellphone number, and, according to Ms. Han, said he would “prepare some money” for her.
[13] Ms. Han abandoned her plan to become a nun, left the retreat and returned to Canada. She never saw Mr. Dorje again.
[14] After Ms. Han returned to Canada, she and Mr. Dorje began a regular communication over an instant messaging app called Line. They also exchanged emails and occasionally spoke on the telephone.
[15] The parties appear to have expressed care and affection for one another in these communications. I say “appear to” because it is difficult to fully understand the meaning and intentions of another person from brief text messages, especially those originally written in a different language. The parties wrote in a private shorthand, sharing jokes, emojis, cartoon portraits and “hugs” or “kisses”. Ms. Han was the more expressive of the two, writing more frequently and in longer messages. Mr. Dorje generally participated in response to questions or prompting from Ms. Han, sometimes in single word messages.
[16] Ms. Han deposes that she believed Mr. Dorje was in love with her and that, by January 2018, she and Mr. Dorje were living in a “conjugal relationship”.
[17] During their communications, Ms. Han expressed concern that her child would be “illegitimate”. She appears to have asked Mr. Dorje to marry her, and he appears to have responded that he was “not ready”.
[18] Throughout 2018, Mr. Dorje transferred funds in various denominations to Ms. Han through various third parties. Ms. Han deposes that these funds were:
a) $50,000 CDN to deliver the child and for postpartum care she was to receive at a facility in Seattle;
b) $300,000 CDN for the first year of the child’s life;
c) $20,000 USD for a wedding ring, because Ms. Han wrote “Even if we cannot get married, you must buy me a wedding ring”;
d) $400,000 USD to purchase a home for the mother and child.
[19] On June 19, 2018, Ms. Han gave birth to a daughter in Richmond, B.C.
[20] On September 17, 2018, Mr. Dorje wrote, ”Taking care of her and you are my duty for life”.
[21] Ms. Han’s expectation was that the parties would live together in the future. She says they planned to live together. Those plans evolved over time. Initially they involved purchasing a property in Toronto, so that Mr. Dorje could visit when he was in New York. They also discussed purchasing property in Calgary or renting a home in Vancouver for that purpose. Ms. Han eventually purchased a condominium in Richmond using funds provided by Mr. Dorje.
[22] Ms. Han deposes that the parties made plans for Mr. Dorje to visit her and meet the child in Richmond. In October 2018, however, Mr. Dorje wrote that he needed to “disappear” to Europe. He wrote:
I will definitely find a way to meet her
And you
Remember to take care of yourself if something happens
[23] The final plan the parties discussed, according to Ms. Han, was that Mr. Dorje would sponsor Ms. Han and the child to immigrate to the United States and live at the Kagyu retreat centre in New York State.
[24] In January 2019, Ms. Han lost contact with Mr. Dorje.
[25] Ms. Han commenced this family law case on July 17, 2019, seeking child support, a declaration of parentage and a parentage test. She did not seek spousal support.
[26] Ms. Han first proposed a claim for spousal support in October 2020 after a change in her counsel. Following an exchange of correspondence concerning an application for leave to amend the notice of family claim, Ms. Han’s counsel wrote that Ms. Han would not be advancing a spousal support claim. On March 16, 2020, counsel reversed course, and advised that Ms. Han had instructed him to proceed with the application.
[27] When this application came on before me, the trial was set to commence on June 7, 2021. The parties were still in the process of discoveries and obtaining translations for hundreds of pages of documents in Chinese characters.
[28] At a trial management conference on May 6, 2021, noting the parties were not ready to proceed, Madam Justice Walkem adjourned the trial to April 11, 2022.
ANALYSIS
A. The Spousal Support Claim in this Case
[29] To claim spousal support in this case, Ms. Han must plead that she lived with Mr. Dorje in a marriage-like relationship. This is because only “spouses” are entitled to spousal support, and s. 3 of the Family Law Act defines a spouse as a person who is married or has lived with another person in a marriage-like relationship:
3 (1) A person is a spouse for the purposes of this Act if the person
(a) is married to another person, or
(b) has lived with another person in a marriage-like relationship, and
(i) has done so for a continuous period of at least 2 years, or
(ii) except in Parts 5 [Property Division] and 6 [Pension Division], has a child with the other person.
[30] Because she alleges she has a child with Mr. Dorje, Ms. Han need not allege that the relationship endured for a continuous period of two years to claim spousal support; but she must allege that she lived in a marriage-like relationship with him at some point in time. Accordingly, she must amend the notice of family claim.
B. The Test to Amend Pleadings
[31] Given that the notice of trial has been served, Ms. Han requires leave of the court to amend the notice of family claim: Supreme Court Family Rule 8-1(1)(b)(i).
[32] A person seeking to amend a notice of family claim must show that there is a reasonable cause of action. This is a low threshold. What the applicant needs to establish is that, if the facts pleaded are proven at trial, they would support a reasonable claim. The applicant’s allegations of fact are assumed to be true for the purposes of this analysis. Cantelon v. Wall, 2015 BCSC 813, at para. 7-8.
[33] The applicant’s delay, the reasons for the delay, and the prejudice to the responding party are also relevant factors. The ultimate consideration is whether it would be just and convenient to allow the amendment. Cantelon, at para. 6, citing Teal Cedar Products Ltd. v. Dale Intermediaries Ltd. et al (1986), 19 B.C.L.R. (3d) 282.
C. Pleadings in Family Law Cases
[34] Supreme Court Family Rules 3-1(1) and 4-1(1) require that a claim to spousal support be pleaded in a notice of family claim in Form F3. Section 2 of Form F3, “Spousal relationship history”, requires a spousal support claimant to check the boxes that apply to them, according to whether they are or have been married or are or have been in a marriage-like relationship. Where a claimant alleges a marriage-like relationship, Form F3 requires that they provide the date on which they began to live together with the respondent in a marriage-like relationship and, where applicable, the date on which they separated. Form F3 does not require a statement of the factual basis for the claim of spousal support.
[35] In this case, Ms. Han seeks to amend the notice of family claim to allege that she and Mr. Dorje began to live in a marriage-like relationship in or around January 2018, and separated in or around January 2019.
[36] An allegation that a person lived with a claimant in a marriage-like relationship is a conclusion of law, not an allegation of fact. Unlike the rules governing pleadings in civil actions, however, the Supreme Court Family Rules do not expressly require family law claimants to plead the material facts in support of conclusions of law.
[37] In other words, there is no express requirement in the Supreme Court Family Rules that Ms. Han plead the facts on which she relies for the allegation she and Mr. Dorje lived in a marriage-like relationship.
[38] Rule 4-6 authorizes a party to demand particulars, and then apply to the court for an order for further and better particulars, of a matter stated in a pleading. However, unless and until she is granted leave and files the proposed amended notice of family claim, Ms. Han’s allegation of a marriage-like relationship is not a matter stated in a pleading.
[39] Ms. Han filed an affidavit in support of her application to amend the notice of family claim. Normally, evidence would not be required or admissible on an application to amend a pleading. However, in the unusual circumstances of this case, the parties agreed I may look to Ms. Han’s affidavit and exhibits for the facts she pleads in support of the allegation of a marriage-like relationship.
[40] Because this is an application to amend - and Ms. Han’s allegations of fact are presumed to be true - I have not considered Mr. Dorje’s responding affidavit.
[41] Relying on affidavit evidence for an application to amend pleadings is less than ideal. It tends to merge and confuse the material facts with the evidence that would be relied on to prove those facts. In a number of places in her affidavit, for example, Ms. Han describes her feelings, impressions and understandings. A person’s hopes and intentions are not normally material facts unless they are mutual or reasonably held. The facts on which Ms. Han alleges she and Mr. Dorje formed a marriage-like relationship are more important for the present purposes than her belief they entered into a conjugal union.
[42] Somewhat unusually, in this case, almost all of the parties’ relevant communications were in writing. This makes it somewhat easier to separate the facts from the evidence; however, as stated above, it is difficult to understand the intentions and actions of a person from brief text messages.
[43] In my view, it would be a good practice for applicants who seek to amend their pleadings in family law cases to provide opposing counsel and the court with a schedule of the material facts on which they rely for the proposed amendment.
D. The Legal Concept of a Marriage-Like Relationship
[44] As Mr. Justice Myers observed in Mother 1 v. Solus Trust Company, 2019 BCSC 200, the concept of a marriage-like relationship is elastic and difficult to define. This elasticity is illustrated by the following passage from Yakiwchuk v. Oaks, 2003 SKQB 124, quoted by Myers J. at para. 133 of Mother 1:
[10] Spousal relationships are many and varied. Individuals in spousal relationships, whether they are married or not, structure their relationships differently. In some relationships there is a complete blending of finances and property - in others, spouses keep their property and finances totally separate and in still others one spouse may totally control those aspects of the relationship with the other spouse having little or no knowledge or input. For some couples, sexual relations are very important - for others, that aspect may take a back seat to companionship. Some spouses do not share the same bed. There may be a variety of reasons for this such as health or personal choice. Some people are affectionate and demonstrative. They show their feelings for their “spouse” by holding hands, touching and kissing in public. Other individuals are not demonstrative and do not engage in public displays of affection. Some “spouses” do everything together - others do nothing together. Some “spouses” vacation together and some spend their holidays apart. Some “spouses” have children - others do not. It is this variation in the way human beings structure their relationships that make the determination of when a “spousal relationship” exists difficult to determine. With married couples, the relationship is easy to establish. The marriage ceremony is a public declaration of their commitment and intent. Relationships outside marriage are much more difficult to ascertain. Rarely is there any type of “public” declaration of intent. Often people begin cohabiting with little forethought or planning. Their motivation is often nothing more than wanting to “be together”. Some individuals have chosen to enter relationships outside marriage because they did not want the legal obligations imposed by that status. Some individuals have simply given no thought as to how their relationship would operate. Often the date when the cohabitation actually began is blurred because people “ease into” situations, spending more and more time together. Agreements between people verifying when their relationship began and how it will operate often do not exist.
[45] In Mother 1, Mr. Justice Myers referred to a list of 22 factors grouped into seven categories, from Maldowich v. Penttinen, (1980), 17 R.F.L. (2d) 376 (Ont. Dist. Ct.), that have frequently been cited in this and other courts for the purpose of determining whether a relationship was marriage-like, at para. 134 of Mother 1:
1. Shelter:
(a) Did the parties live under the same roof?
(b) What were the sleeping arrangements?
(c) Did anyone else occupy or share the available accommodation?
2. Sexual and Personal Behaviour:
(a) Did the parties have sexual relations? If not, why not?
(b) Did they maintain an attitude of fidelity to each other?
(c) What were their feelings toward each other?
(d) Did they communicate on a personal level?
(e) Did they eat their meals together?
(f) What, if anything, did they do to assist each other with problems or during illness?
(g) Did they buy gifts for each other on special occasions?
3. Services:
What was the conduct and habit of the parties in relation to:
(a) preparation of meals;
(b) washing and mending clothes;
(c) shopping;
(d) household maintenance; and
(e) any other domestic services?
4. Social:
(a) Did they participate together or separately in neighbourhood and community activities?
(b) What was the relationship and conduct of each of them toward members of their respective families and how did such families behave towards the parties?
5. Societal:
What was the attitude and conduct of the community toward each of them and as a couple?
6. Support (economic):
(a) What were the financial arrangements between the parties regarding the provision of or contribution toward the necessaries of life (food, clothing, shelter, recreation, etc.)?
(b) What were the arrangements concerning the acquisition and ownership of property?
(c) Was there any special financial arrangement between them which both agreed would be determinant of their overall relationship?
7. Children:
What was the attitude and conduct of the parties concerning children?
[46] In Austin v. Goerz, 2007 BCCA 586, the Court of Appeal cautioned against a “checklist approach”; rather, a court should "holistically" examine all the relevant factors. Cases like Molodowich provide helpful indicators of the sorts of behaviour that society associates with a marital relationship, the Court of Appeal said; however, “the presence or absence of any particular factor cannot be determinative of whether a relationship is marriage-like” (para. 58).
[47] In Weber v. Leclerc, 2015 BCCA 492, the Court of Appeal again affirmed that there is no checklist of characteristics that will be found in all marriages and then concluded with respect to evidence of intentions:
[23] The parties’ intentions – particularly the expectation that the relationship will be of lengthy, indeterminate duration – may be of importance in determining whether a relationship is “marriage-like”. While the court will consider the evidence expressly describing the parties’ intentions during the relationship, it will also test that evidence by considering whether the objective evidence is consonant with those intentions.
[24] The question of whether a relationship is “marriage-like” will also typically depend on more than just their intentions. Objective evidence of the parties’ lifestyle and interactions will also provide direct guidance on the question of whether the relationship was “marriage-like”.
[48] Significantly for this case, the courts have looked to mutual intent in order to find a marriage-like relationship. See, for example, L.E. v. D.J., 2011 BCSC 671 and Buell v. Unger, 2011 BCSC 35; Davey Estate v. Gruyaert, 2005 CarswellBC 3456 at 13 and 35.
[49] In Mother 1, Myers J. concluded his analysis of the law with the following learned comment:
[143] Having canvassed the law relating to the nature of a marriage-like relationship, I will digress to point out the problematic nature of the concept. It may be apparent from the above that determining whether a marriage-like relationship exists sometimes seems like sand running through one's fingers. Simply put, a marriage-like relationship is akin to a marriage without the formality of a marriage. But as the cases mentioned above have noted, people treat their marriages differently and have different conceptions of what marriage entails.
[50] In short, the determination of whether the parties in this case lived in a marriage-like relationship is a fact-specific inquiry that a trial judge would need to make on a “holistic” basis, having regard to all of the evidence. While the trial judge may consider the various factors listed in the authorities, those factors would not be treated as a checklist and no single factor or category of factors would be treated as being decisive.
E. Is There a Reasonable Claim of a Marriage-Like Relationship?
[51] In this case, many of the Molodowich factors are missing:
a) The parties never lived under the same roof. They never slept together. They were never in the same place at the same time during the relationship. The last time they saw each other in person was in November 2017, before the relationship began.
b) The parties never had consensual sex. They did not hug, kiss or hold hands. With the exception of the alleged sexual assault, they never touched one another physically.
c) The parties expressed care and affection for one another, but they rarely shared personal information or interest in their lives outside of their direct topic of communication. They did not write about their families, their friends, their religious beliefs or their work.
d) They expressed concern and support for one another when the other felt unwell or experienced health issues, but they did not provide any care or assistance during illness or other problems.
e) They did not assist one another with domestic chores.
f) They did not share their relationship with their peers or their community. There is no allegation, for example, that Mr. Dorje told his fellow monks or any of his followers about the relationship. There is no allegation that Ms. Han told her friends or any co-workers. Indeed, there is no allegation that anyone, with the exception of Ms. Han’s mother, knew about the relationship. Although Mr. Dorje gave Ms. Han’s mother a gift, he never met the mother and he never spoke to her.
g) They did not intend to have a child together. The child was conceived as a result of a sexual assault. While Mr. Dorje expressed interest in “meeting” the child, he never followed up. He currently has no relationship with the child. There is no allegation he has sought access or parenting arrangements.
[52] The only Molodowich factor of any real relevance in this case is economic support. Mr. Dorje provided the funds with which Ms. Han purchased a condominium. Mr. Dorje initially wrote that he wanted to buy a property with the money, but, he wrote, “It’s the same thing if you buy [it]”.
[53] Mr. Dorje also provided a significant amount of money for Ms. Han’s postpartum care and the child’s first year of life.
[54] This financial support may have been primarily for the benefit of the child. Even the condominium, Ms. Han wrote, was primarily for the benefit of the child.
[55] However, in my view, a trial judge may attach a broader significance to the financial support from Mr. Dorje than child support alone. A trial judge may find that the money Mr. Dorje provided to Ms. Han at her request was an expression of his commitment to her in circumstances in which he could not commit physically. The money and the gifts may be seen by the trial judge to have been a form of down payment by Mr. Dorje on a promise of continued emotional and financial support for Ms. Han, or, in Mr. Dorje’s own words, “Taking care of her and you are my duty for life” (emphasis added).
[56] On the other hand, I find it difficult to attach any particular significance to the fact that Mr. Dorje agreed to provide funds for Ms. Han to purchase a wedding ring. It appears to me that Ms. Han demanded that Mr. Dorje buy her a wedding ring, not that the ring had any mutual meaning to the parties as a marriage symbol. But it is relevant, in my view, that Mr. Dorje provided $20,000 USD to Ms. Han for something she wanted that was of no benefit to the child.
[57] Further, Ms. Han alleges that the parties intended to live together. At a minimum, a trial judge may find that the discussions about where Ms. Han and the child would live reflected a mutual intention of the parties to see one another and spend time together when they could.
[58] Mr. Dorje argues that an intention to live together at some point in the future is not sufficient to show that an existing relationship was marriage-like. He argues that the question of whether the relationship was marriage-like requires more than just intentions, citing Weber, supra.
[59] In my view, the documentary evidence referred to above provides some objective evidence in this case that the parties progressed beyond mere intentions. As stated, the parties appear to have expressed genuine care and affection for one another. They appear to have discussed marriage, trust, honesty, finances, mutual obligations and acquiring family property. These are not matters one would expect Mr. Dorje to discuss with a friend or a follower, or even with the mother of his child, without a marriage-like element of the relationship.
[60] A trial judge may find on the facts alleged by Ms. Han that the parties loved one another and would have lived together, but were unable to do so because of Mr. Dorje’s religious duties and nomadic lifestyle.
[61] The question I raised in the introduction to these reasons is whether a relationship that began on-line and never moved into the physical world can be marriage-like.
[62] Notably, the definition of a spouse in the Family Law Act does not require that the parties live together, only that they live with another person in a marriage-like relationship.
[63] In Connor Estate, 2017 BCSC 978, Mr. Justice Kent found that a couple that maintained two entirely separate households and never lived under the same roof formed a marriage-like relationship. (Connor Estate was decided under the intestacy provisions of the Wills, Estates and Succession Act, S.B.C. 2009, c. 13 ("WESA"), but courts have relied on cases decided under WESA and the FLA interchangeably for their definitions of a spouse.) Mr. Justice Kent found:
[50] The evidence is overwhelming and I find as a fact that Mr. Chambers and Ms. Connor loved and cared deeply about each other, and that they had a loving and intimate relationship for over 20 years that was far more than mere friendship or even so-called "friendship with benefits". I accept Mr. Chambers' evidence that he would have liked to share a home with Ms. Connor after the separation from his wife, but was unable to do so because of Ms. Connor's hoarding illness. The evidence amply supports, and I find as a fact, that Mr. Chambers and Ms. Connor loved each other, were faithful to each other, communicated with each other almost every day when they were not together, considered themselves to be (and presented themselves to be) "husband and wife" and were accepted by all who knew them as a couple.
[64] Connor Estate may be distinguishable from this case because Mr. Chambers and Ms. Connor were physically intimate for over 20 years, and presented themselves to the world as a married couple.
[65] Other decisions in which a marriage-like relationship has been found to exist despite the parties not living together have involved circumstances in which the couple lived under the same roof at previous points in the relationship, and the issue was whether they continued to be spouses after they took up separate residences: in Thompson v. Floyd, 2001 BCCA 78, the parties had lived together for a period of at least 11 years; in Roach v. Dutra, 2010 BCCA 264, the parties had lived together for approximately three years.
[66] However, as Mr. Justice Kent noted in Connor Estate:
[48] … [W]hile much guidance might be found in this case law, the simple fact is that no two cases are identical (and indeed they usually vary widely) and it is the assessment of evidence as a whole in this particular case which matters.
[67] Mr. Justice Kent concluded:
[53] Like human beings themselves, marriage-like relationships can come in many and various shapes. In this particular case, I have no doubt that such a relationship existed …
[68] As stated, Ms. Han’s claim is novel. It may even be weak. Almost all of the traditional factors are missing. The fact that Ms. Han and Mr. Dorje never lived under the same roof, never shared a bed and never even spent time together in person will militate against a finding they lived with one another in a marriage-like relationship. However, the traditional factors are not a mandatory check-list that confines the “elastic” concept of a marriage-like relationship. And if the COVID pandemic has taught us nothing else, it is that real relationships can form, blossom and end in virtual worlds.
[69] In my view, the merits of Ms. Han’s claim should be decided on the evidence. Subject to an overriding prejudice to Mr. Dorje, she should have leave to amend the notice of family claim. However, she should also provide meaningful particulars of the alleged marriage-like relationship.
F. Delay / Prejudice
[70] Ms. Han filed her notice of family claim on July 17, 2019. She brought this application to amend approximately one year and nine months after she filed the pleading, just over two months before the original trial date.
[71] Ms. Han’s delay was made all that more remarkable by her change in position from January 19, 2021, when she confirmed, through counsel, that she was not seeking spousal support in this case.
[72] Ms. Han gave notice of her intention to proceed with this application to Mr. Dorje on March 16, 2021. By the time the application was heard, the parties had conducted examinations for discovery without covering the issues that would arise from a claim of spousal support.
[73] Also, in April, Ms. Han produced additional documents, primarily text messages, that may be relevant to her claim of spousal support, but were undecipherable to counsel for Mr. Dorje, who does not read Mandarin.
[74] This application proceeded largely on documents selected and translated by counsel for Ms. Han. I was informed that Mandarin translations of the full materials would take 150 days.
[75] Understandably in the circumstances, Mr. Dorje argued that an amendment two months before trial would be neither just nor convenient. He argued that he would be prejudiced by an adjournment so as to allow Ms. Han to advance a late claim of spousal support.
[76] The circumstances changed on May 6, 2021, when Madam Justice Walkem adjourned the trial to July 2022 and reset it for 25 days. Madam Justice Walkem noted that most of the witnesses live internationally and require translators. She also noted that paternity may be in issue, and Mr. Dorje may amend his pleadings to raise that issue. It seems clear that, altogether apart from the potential spousal support claim, the parties were not ready to proceed to trial on June 7, 2021.
[77] In my view, any remaining prejudice to Mr. Dorje is outweighed by the importance of having all of the issues between the parties decided on their merits.
[78] Ms. Han’s delay and changes of position on spousal support may be a matter to de addressed in a future order of costs; but they are not grounds on which to deny her leave to amend the notice of family claim.
CONCLUSION
[79] Ms. Han is granted leave to amend her notice of family claim in the form attached as Appendix A to the notice of application to include a claim for spousal support.
[80] Within 21 days, or such other deadline as the parties may agree, Ms. Han must provide particulars of the marriage-like relationship alleged in the amended notice of family claim.
[81] Ms. Han is entitled to costs of this application in the cause of the spousal support claim.
“Master Elwood”
control 2007 在 Pixel Start Youtube 的最讚貼文
Showcase of All Revolver Weapons, Reload Animations and Sounds
1975-2021
Gun Fight 1975
outlaw 1976
Sewer Sam 1983
High Noon 1984
Gun.Smoke 1985
War of the Dead 1987
Wild West World 1990
Dirty Harry 1990
The Lone Ranger 1991
alone in the dark 1992.
Virtua Cop 2 1995
Powerslave 1996
Outlaws 1997
Resident Evil: Director's Cut 1997
half life 1998
metal gear solid 1998
Duke Nukem: Zero Hour 1999
Tomb Raider: Chronicles 2000
Counter-Strike 2000
Silent Hill 2 2001
Alone in the Dark: The New Nightmare 2001
serious sam the first encounter 2001
Resident Evil 0 2002
Die Hard: Vendetta 2002
medal of honor allied assault 2002
prohect o.g.i 2 covert strike 2003
XIII 2003
True Crime: Streets of LA 2003
Battlefield Vietnam 2004
Resident Evil: Outbreak 2004
Serious Sam Advance 2004
half life 2 2004
Red Dead Revolver 2004
Total Overdose 2005
Call of Duty 2 2005
Gun 2005
Call of Juarez 2005
The History Channel: Civil War - A Nation Divided 2006
Black 2006
Killzone: Liberation 2006
Tom Clancy's Rainbow Six: Vegas 2006
crossfire 2007
team fortress 2 2007
Soldier of Fortune: Payback 2007
Battlefield: Bad Company 2008
Far Cry 2 2008
The Royal Marines Commando 2008
Call of Duty: World at War 2008
fallout 3 2008
Killzone 2 2009
Call of Juarez: Bound in Blood 2009
killing floor 2009
borderlands 2 2009
call of duty modern of warfare 2 2009
Battlefield Bad Company 2 2010
fallout new vegas 2010
firearms source 2010
metro 2033 2010
Call of Duty: Black Ops 2010
Red Dead Redemption 2010
BioShock 2 2010
RAGE 2011
dead island 2011
Battlefield 3 2011
Rusty Hearts 2011
Dino D-Day 2011
Resistance 3 2011
call of duty modern of warfare 3 2011
Counter Strike Global 2012
Far Cry 3 2012
Max Payne 3 2012
black mesa 2012
Spec Ops: The Line 2012
Battlefield 4 2013
Shadow Warrior 2013
Metro: Last Light 2013
call of juarez gunslinger 2013
bioshock infinite 2013
Metro Redux 2014
destiny 2014
the evil within 2014
Alien: Isolation 2014
Far Cry 4 2014
Fallout 4 2015
Survarium 2015
Battlefield Hardline 2015
Rainbow Six Siege 2015
Dying Light 2015
ZULA 2016
Shadow Warrior 2 2016
battlefiled 1 2016
overwatch 2016
Titanfall 2 2016
ghost in the shell first assault 2006
Black Squad 2017
snirer elite 4 2017
pubg 2017
tannenberg 2017
Rising Storm 2: Vietnam 2017
Call of Duty Black Ops 4 2018
HUNT SHOWDOWN 2018
Red Dead Redemption II 2018
Ironsight 2018
Ion Fury 2018
Pathologic 2 2019
Call of Duty : Modern Warfare 2019
Metro Exodus 2019
The Outer Worlds 2019
control 2019
Zombie Army 4: Dead War 2020
The Last of Us Part 2 2020
Valorant 2020
Cyberpunk2077 2020
Enlisted 2021
Ready or Not 2021
Back 4 Blood 2021
Resident Evil Village 2021
Shadow Warrior 3 2021
Scorn 2021
👉 Don't Forget : Like 👍 , Share 💌 , Comment 💬
1975 0:08
1976 0:21
1983 0:28
1984 0:37
1985 0:46
1999 0:55
1991 01:06
1992 01:15
1995 01:25
1996 01:35
1997 01:48
1998 02:02
1999 02:10
2001 02:22
2002 02:38
2003 03:03
2004 03:28
2005 03:51
2006 04:20
2007 05:04
2008 05:36
2009 06:05
2010 06:47
2011 07:50
2012 08:48
2013 09:47
2014 10:36
2015 11:18
2016 12:09
2017 13:24
2018 14:34
2019 16:35
2020 17:49
2021 19:13
control 2007 在 Herman Yeung Youtube 的最佳解答
Note download 筆記下載 : https://hermanutube.blogspot.hk/2016/01/youtube-pdf.html
------------------------------------------------------------------------------
Biology 所有 videos 的 Playlist 可看:
https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8oSnhUSkuaWV9d7FbyJDSPE
分類的 Playlist 可看:
1. Cells and Molecules of Life 細胞與生命分子… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8pimOHKxXgEB4A7BkIU_fvE
2. Genetics and Evolution遺傳與進化… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8qxXqviCcE59G2o2S-SZmLz
3A. Essential life processes in plants植物維持生命的活動… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8oaLqXiViAOyF-wt_wxD62w
3B. Essential life processes in animals動物維持生命的活動… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8petIdjLSGd9BbyfUcDdHim
3C. Reproduction, growth and development生殖、生長和發育... https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8ramUz1FlN0c8vG47a8qChA
3D. Coordination and response協調和反應… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8o6aa0bT1nTs5QbaBpJ69W7
3E. Homeostasis體內平衡… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8qIF_r_7bLzL_gbkzL3NRiZ
3F. Ecosystems 生態系… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8qHQPt5HmieWo0EjPGnmD81
4. Health and Disease健康與疾病… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8oWMLSCZvYm_HxnOCnw0ePt
5. Human Physiology: Regulation and Control人體生理學︰調節與控制… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8r0Af7WKwjPf5Ih3hk4rRpw
6. Applied Ecology應用生物學… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8rbkiK9KEPGav6_z6otcqA7
7. Microorganisms and Humans微生物與人類… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8pA3IcS8sxv5JgWHZ0Ifvrk
8. Biotechnology生物工程… https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8oNgT2rFFmtFP_PBDbCqn0N
Notes Only Version : https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8osiwrVWzQRQ9wWCLgZUYS5
Definition 背誦︰
中英對照︰ https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8pgi_VnjcUHByKdnDfPKfDh
純英版︰ https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8qhbqCN5tsVn2DeUqYFzYPV
純中版︰ https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8rAJGqx6SNLcG1WQGTFocOL
HKDSE Biology Past Paper Solution :
https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8q0icgpscQYKrWcaywLK7g2
HKCEE Biology Past Paper Solution :
https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8oE7NKu3W5odiwwws6WerB0
HKALE Biology Past Paper Solution :
https://www.youtube.com/playlist?list=PLzDe9mOi1K8qDsX40O4tczDYBPktC06fq
------------------------------------------------------------------------------
Please subscribe 請訂閱 :
https://www.youtube.com/hermanyeung?sub_confirmation=1
------------------------------------------------------------------------------
HKDSE Mathematics 數學天書 訂購表格及方法︰
https://www.sites.google.com/view/HermanYeung
------------------------------------------------------------------------------
Blogger : https://goo.gl/SBmVOO
Facebook : https://www.facebook.com/hy.page
YouTube: https://www.youtube.com/HermanYeung
------------------------------------------------------------------------------
control 2007 在 Battle Field Ver1 Youtube 的精選貼文
チャンネル登録お願いします。
→ http://u0u1.net/QWo0
★Twitter
MotorSports Battlefield ver1 (MBFv1)
@BattlefieldVer1
★ニコニコ動画
https://www.nicovideo.jp/my/top
過去にアップロードした動画を順次公開しております。
自主削除した動画が順次投稿されています。
こちらのフォローも宜しくお願いします。
タイトル:【公道最速マシン vol1】GSX-R1000 K7 K8. Exhaust sound acceleration レースで数々の戦績を残した 世界中で高評価を獲得しでセールスでも歴代最高を記録。
☆彡画像転用【Image quote】
画像転用
Monster Fairings Review: Suzuki GSX-R1000 K7 Bodywork Kit
https://ultimatemotorcycling.com/2016/12/29/monster-fairings-review-suzuki-gsx-r1000-k7-bodywork-kit/
☆彡動画クレジット【Movie Credit】
★Kiwiiyt【Movie Credit】
Dynorun with my GSXR1000 k8 with Quickshifter, Pops, Bangs 🔊 , Flames 🔥 and 🚀 Launch control
https://www.youtube.com/watch?v=b1Q3MTfGNN4&t=40s
※クリエィティブコモンズで再利用が可能な動画です。
★RoadRacing SS【Movie Credit】
GSXR 1000 K7 & Z750 2007 exhaust sound
https://www.youtube.com/watch?v=kw0b2EN5ELI
★TD 【Movie Credit】
Suzuki GSXR 1000 K8 Austin Racing
https://www.youtube.com/watch?v=wkdP_Pz6O1A
★Monzo4K【Movie Credit】
Racefit Growler Exhaust Suzuki GSXR K7 750
https://www.youtube.com/watch?v=Xq0rW8WaGfg
★DEY34 【Movie Credit】
SUZUKI GSX-R1000 (K8) - RACEFIT GROWLER-TWIN マフラー音
https://www.youtube.com/watch?v=WBezxO10Rjc
★Pg RR 【Movie Credit】
Gsx-R 1000 k8 Acceleration & Top Speed
https://www.youtube.com/watch?v=N5Jra1A5CNU
★Adam Bolton【Movie Credit】
GSXR K8 1000 Full Jap Yoshimura Race System
https://www.youtube.com/watch?v=IUAr4iDE5Yw
★claude la balle【Movie Credit】
gsxr 1000 2008 vs gsxr 1000 2010
https://www.youtube.com/watch?v=M_IDLtRz1Ms
★GamingXperience【Movie Credit】
Suzuki GSXR 1000 K8 Sound
https://www.youtube.com/watch?v=0gL-rj2UlCk
★DE すだらは 【Movie Credit】
gsxr1000 k8 アサヒナレーシング
https://www.youtube.com/watch?v=Yu0bp__kPok
●記事引用:https://bike-lineage.org/suzuki/gsx-r1000/k7.html
GSX-R1000 K7/K8 系譜
何でも遠慮なしに(特に日本車を味噌糞に言う)Motorcyle.comが
「シャーシとサスペンションとホイールベースのバランスが完璧でハンドリングが素晴らしい」
と褒めて2008年BESTモーターサイクルの第六位にするほど。
それを裏付けるようにレースでも
・世界耐久選手権優勝
・AMAスーパーバイク優勝
・JSB1000優勝
実際このK7/K8はプロジェクターリーダーの飯尾さんいわく世界中で高評価を獲得しでセールスでも歴代最高なんだとか。
・鈴鹿8耐優勝(ヨシムラ27年ぶり)
などなど輝かしい戦績を残しました。