โพสต์นี้ว่าด้วยเรื่องของ "น้ำหนักร่างกาย"
ที่ผมต้องมาพูดประเด็นนี้ เรื่องจากตอนนี้การป้องกันโรคดูจะเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กับการรักษาโรคไปแล้ว ณ ตอนนี้ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อต่างๆ
.
และหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้อาการต่างๆแย่ลงได้ นั่นก็คือ "ภาวะน้ำหนักเกิน" (overweight) นั่นเองครับ เพราะน้ำหนักที่เกินในระยะเวลานานๆจะทำให้ร่างกายมีปัญหาของเรื่องความดันโลหิตสูง เบาหวาน metabolic syndrome และอะไรตามอีกมากมาย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของอัตราการเสียชีวิตอย่างเห็นได้ชัด
.
น้ำหนักที่เกิน (overweight) นี้ ขอใช้นิยามเดียวกับคนทั่วไป คือ ไม่ได้มีสัดส่วนของกล้ามเนื้อที่มากกว่าปกติ เช่น คนเล่นกล้าม ที่น้ำหนักอาจจะเกินเกณฑ์มาตรฐานได้ โดยที่ทั้งๆที่สัดส่วนของร่างกายดูปกติ เพราะบางครั้งการวัดน้ำหนักตามเกณฑ์ BMI อาจจะทำให้เราพลาดในส่วนนี้ไปได้ แต่รายละเอียดตรงนี้อาจจะไม่จุดประสงค์ที่จะพูดกันในวันนี้ครับ
.
ผมอยากจะขอพูดเรื่องสิ่งที่เรียกว่า "ความอ้วน" เป็นหลักมากกว่า โดยไม่ได้พูดเรื่องน้ำหนักที่เกินเกณฑ์ตามประโยคข้างต้น เอาแบบให้เห็นภาพคือ เราอ้วน เราใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้ทั้งๆที่เราใส่ได้ น้ำหนักเราขึ้นมาหลายสิบกิโลกรัมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งๆที่เราไม่ได้อยู่ในวัยที่เจริญเติบโตของร่างกายใดๆ หรือใครที่กำลังคิดถึงรูปร่างของเราเมื่อสักช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอะไรประมาณนั้นครับ
.
ผมขอยกเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือที่มีชื่อว่า "The Obesity Code" ของ Dr.Jason Fung ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจ โดยขอสรุปใจความเนื้อหาไว้ดังนี้ครับ
.
หลายๆคนอาจจะเข้าใจว่า "ความอ้วน" มาจาก แคลอรี่ที่กินเข้าไป > แคลอรี่ที่ใช้ออกมา เช่น เราจะคิดว่า เพราะเรากินมาก แต่ออกกำลังกายน้อย นั่นทำให้เราอ้วน ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะจริงๆแล้วร่างกายมีการปรับระดับอัตราการเผาผลาญให้มากขึ้นหรือลดลงได้ตามพลังงานที่ร่างกายได้รับเข้ามา
.
Total Energy Expenditure ตัวย่อ TEE แปลว่า พลังงานที่ร่างกายได้เผาผลาญไปในวันนั้นๆ จะมาจาก 3 ส่วน คือ 70% มาจาก Basal metabolic rate ซึ่งร่างกายจะปรับขึ้นลงโดยอัตโนมัติ 10% มาจาก Thermic Effect of food ซึ่งก็คือพลังงานที่ต้องใช้ในการย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป โดยโปรตีนจะใช้พลังงานมากที่สุด และ อย่างสุดท้าย 20% เป็น Physical Activity ของเรานั่นเอง นั่งดูทีวี เดินไปทำงาน เดินไปซื้อกาแฟ พลังงานที่ใช้จะอยู่ในส่วนนี้ ซึ่งถ้าสมมติว่าคนๆหนึ่งใช้พลังงานต่อวันคือ 2,000 Kcal เท่ากับ พลังงานที่เกิดจากกิจกรรมนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 300-400 Kcal เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะเรามีผลวิจัยมากมายที่ชี้ว่า ถ้าเรากินมากขึ้น พลังงานจะถูกเผามากขึ้นจาก (BMR + TEF ที่มากขึ้น)
.
การกินน้อยเพื่อลดน้ำหนัก (Caloric restriction) อาจจะได้ผลในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์สุดท้าย ร่างกายจะปรับ BMR ให้ลดต่ำลงจากพลังงานที่เข้ามาน้อย เพราะร่างกายจะเข้าสู่โหมด starvation คือต้องสงวนพลังงานเอาไว้ใช้
.
ลองคิดภาพตามนะครับ ถ้าจริงๆแล้ว ร่างกายเราต้องใช้พลังงาน 2,000 kcal ต่อวัน แล้วเราทานวันละ 1,500 kcal ต่อวัน จนสุดท้ายร่างกายปรับ TEE มาเหลือ 1,500 kcal ต่อวัน นั่นแปลว่า Calories in - Calories out = 0 นั่นคือทางตันของน้ำหนักที่ลดแล้วใช่ไหมครับ ??? อันนี้คือจุดเริ่มต้นของ Yoyo effect ที่เราพยายามหลีกเลี่ยงนั่นเอง เพราะถ้าเรากินแค่วันละ 1,000 kcal ต่อวัน เราไม่สามารถทำได้ในระยะยาว เพราะร่างกายจะทรุดโทรมอย่างมาก จนสุดท้ายเราจะกลับมากินอย่างมากมาย และน้ำหนักจะขึ้นพรวดพราด และสิ่งที่เร็วร้ายที่สุดคือ การกู้ metabolic rate ให้กลับมาเท่าเดิม นั้นต้องใช้เวลานานมากครับ และนั่นถืงเป็นสาเหตุว่า ทำไมเวลาเกิน Yoyo effect แล้ว น้ำหนักถึงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมักกลับขึ้นเกินน้ำหนักเดิมที่ก่อนตั้งใจลดน้ำหนักเสียอีก
.
จากบทสรุปด้านบน อาจจะบอกได้จริงๆแล้ว ความอ้วน ไม่ได้มาจาก แคลอรี่ แล้ว ความอ้วน มาจากอะไร???
.
เมื่อเราเริ่มต้นหาจุดกำเนิดของความอ้วนที่เกิดขึ้นทั่วโลก เราจะพบว่าความอ้วนของมนุษย์พึ่งมาเกินในช่วงหลังราวๆสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ก่อนหน้านี้ประวัติศาสตร์ของความอ้วนมีอยู่เพียงกลุ่มเฉพาะ ไม่ได้เป็นโรคระบาดเหมือนในปัจจุบัน โดยความอ้วนที่เกิดแบบชุกที่สุดจะเกิดในชาติตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อเราไปสังเกตว่าสิ่งใดที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงนี้ เราจะพบว่า "อาหาร" คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด โดยอาหารที่ว่าก็คือ "บรรดาอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต + แป้ง" หรือ Fast food นั่นเอง ที่คนอเมริกันบริโภคกันอย่างมหาศาล แล้วตอนนี้เราจะเหมารวมว่า "แป้งหรือคาร์โบไฮเดรต" เป็นผู้ร้ายได้หรือไม่
.
ในขณะเดียวกันถ้าเราไปดูประเทศอย่างจีน หรือ ญี่ปุ่น ที่เรียกกว่ากินข้าวกันเป็นกระสอบในช่วงเวลาเดียวกัน ภาวะโรคอ้วนกลับไม่พบอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นผู้ต้องสงสัยที่เรากำลังหมายหัวอาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว แสดงว่าต้องมีอะไรที่อยู่ในแป้งที่เรากำลังสงสัยอยู่
.
นั่นคือที่มาของคาร์โบไฮเดรตที่มีคำว่า unprocessed กับ processed นั่นเองครับ สิ่งที่คนอเมริกันกินประจำคือ processed carb หรือพวกบรรดาขนมปังเบอร์เกอร์ ขนมเค๊ก ในขณะที่คนเอเชียทาน ข้าวเจ้า หรือ unprocessed carb ความแตกต่างของการขัดสีแป้ง ทำให้พวกบรรดาใยอาหารต่างๆนั้นสูญหายไประหว่างการผลิตซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่สุดของเรื่องราว เพราะเมื่ออาหารที่ไม่มีกากใยย่อมดูดซึมได้ง่ายและเราจะทานได้มากกว่าปกติเพราะอิ่มยาก ในขณะที่อาหารที่มีกากใยทุกอย่างจะเกิดขึ้นในทางตรงกันข้าม ในคิดภาพ ระหว่างทานข้าวกล้อง กับ ขนมปัง ดูครับ จะเห็นได้ชัด
.
แต่ความแตกต่างที่มากที่สุดต่อ แป้ง 2 ชนิดนี้คือ ผลลัพธ์ของการกระตุ้นฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) นั่นเอง โดย processed carbohydrate จะทำให้อินซูลินหลั่งอย่างมากมาย เนื่องจากอินซูลินมีหน้าที่เก็บ กลูโคส (Glucose) หน่วยที่เล็กที่สุดของแป้งหลังจากผ่านการย่อยในระบบทางเดินอาหารเมื่อเข้าไปสู่ในกระแสเลือด โดยอินซูลินจะทำการเก็บกลูโคสไปไว้ในเซลล์เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดลง โดยที่ในขณะที่อินซูลินกำลังทำงาน สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ร่างกายจะปิดระบบการเผาผลาญพลังงานด้วยไขมันในทันที ร่างกายจะใช้โหมด energy storage แทน อินซูลินที่หลั่งกำลังบอกเราเรากำลังเอาอาหารเข้าไปสะสมนั่นเองครับ ซึ่งอาหารที่เป็น unprocessed carbohydrate จะเกิดในลักษณะที่ใกล้เคียงกันแต่ความชันของกราฟการหลั่งอินซูลินนั้นจะต่ำกว่าและชันน้อยกว่ามาก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในร่างกายเลยไม่เหมือนกัน
.
เราพอจะมองเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า จริงๆแล้วผู้ต้องสงสัยจริงคือใคร ณ ตอนนี้ มันไม่ใช่ แป้ง ไม่ใช่ข้าว แต่มันคือ "น้ำตาล" (sugar) นั่นเอง เพราะน้ำตาลทำให้อินซูลินหลั่งอย่างรวดเร็ว อธิบายให้เห็นภาพว่า ถ้าเรากินน้ำอัดลม 3 กระป๋อง (600 kcal) กับ การทานข้าวกล้อง 600 kcal เช่นเดียวกัน ตัวเลขพลังงานเท่ากัน แต่ความอ้วนที่เกิดขึ้นไม่เท่ากันแน่นอน
.
ทีนี้เราอาจจะบอกว่า ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะแป้งอะไรก็ตามก็ต้องย่อยเป็นกลูโคสอยู่ดี แล้วมันจะแตกต่างกันได้อย่างไร เราอธิบายได้ด้วยเรื่องของกราฟการหลั่งอินซูลินด้านต้นนั่นเองครับ ยิ่งร่างกายหยุดหลั่งอินซูลินได้เร็วเท่าไรคือกลับมาแตะเลข 0 ร่างกายเราก็จะเปลี่ยนโหมดพลังงานจากการเก็บ (storage) ไปเป็นการใช้นั่นเองครับ ซึ่งจริงๆโทษของคาร์โบไฮเดรต เราอาจจะโทษน้ำตาลไม่ได้ แต่เราต้องไปโทษที่ ระบบการขัดสีหรือปรุงแต่งอาหาร (process) มากกว่าครับ อะไรก็ตามที่มีรูปร่างแตกต่างจากธรรมชาติมากเท่าไร นั่นแปลว่ายิ่งผ่านการแปรรูปมามากเท่านั้น ในอีกนัยยะคือยิ่งทำให้อินซูลินหลั่งมากขึ้นนั่นเอง
.
ทวนอีกครั้งนะครับ คร่าวๆ
อินซูลิน (Insulin) หลั่งมาก ทำให้ ร่างกายอยู่ในสภาวะสะสมพลังงาน เปลี่ยน glucose ให้กลายเป็น triglyceride (fat) ลดการเผาผลาญไขมัน (lipolysis)
อินซูลิน ไม่หลั่ง ทำให้ ร่างกายอยู่ในสภาวะการใช้พลังงาน เกิดการเผาผลาญไขมัน (lipolysis) เกิดการสร้างกลูโคสใหม่จากไขมัน (gluconeogenesis)
.
ผลลัพธ์ของการทำให้อินซูลินหลั่งมากและหลั่งอยู่ตลอดระยะเวลาเป็นเวลานานๆ คืออะไรครับ นั่นคือ ภาวะการดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) นั่นเอง และภาวะการดื้ออินซูลินคือจุดเริ่มต้นของปัญหาอีกทั้งปวงที่จะตามมา
.
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過46萬的網紅Kia Zaab,也在其Youtube影片中提到,Vlog นี้พาไปกินอะไรแบบไทยๆ ถ้าจะเรียกให้เก๋ๆ คือ Fast Food แบบไทยๆ แต่ประโยชน์จากสารอาหารล้นเหลือ นั่นก็คือ “ข้าวแกง” นั่นเองจ้า ข้าวแกงน่าจะเป็นอาหาร...
「fast food คือ」的推薦目錄:
- 關於fast food คือ 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的最讚貼文
- 關於fast food คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於fast food คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於fast food คือ 在 Kia Zaab Youtube 的最佳貼文
- 關於fast food คือ 在 missPimpaka Youtube 的最佳貼文
- 關於fast food คือ 在 Paolo Hospital Samutprakarn - อาหาร Fast Food ... - Facebook 的評價
- 關於fast food คือ 在 อาหารอะไรที่มีไขมันทรานส์ อันตรายของมันคืออะไร [by Mahidol] 的評價
fast food คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
Automat เครื่องกดอาหาร “อัตโนมือ” ที่เป็นต้นกำเนิด McDonald’s /โดย ลงทุนแมน
ปัจจุบัน เราสามารถพบเห็นตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้เรา
ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ตู้กดสินค้าของเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เราสามารถเลือกกดอาหาร
และเครื่องดื่มได้ตามใจนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากในเวลานี้
แต่รู้หรือไม่ว่า เมื่อ 100 ปีก่อน เคยมีตู้กดสินค้าที่มีลักษณะที่คล้าย ๆ กัน
และมีอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกถึง 400 รายการด้วยกัน
เครื่องนี้มีชื่อว่า “Automat”
Automat ถือเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยในยุคนั้นและเครื่องดังกล่าว
ยังส่งผลกระทบมาจนถึงอุตสาหกรรมอาหารในยุคของเราอีกด้วย
และมันมีความสำคัญต่อวงการอาหารขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Automat เป็นตู้ขายอาหารที่จะถูกติดตั้งไว้กับกำแพง มีลักษณะคล้ายกับช่องตู้ไปรษณีย์
เครื่องนี้จะมีตู้หลายช่อง และแต่ละช่องจะมีอาหารแตกต่างกัน ซึ่งต่างจากตู้กดสินค้าสมัยปัจจุบัน ที่จะมีช่องรับสินค้าอาหารเพียงช่องเดียว
Automat มีเมนูให้เลือกตั้งแต่อาหารโฮมเมดแบบร้อนและเย็น ของหวาน ไปจนถึงเครื่องดื่ม
ยกตัวอย่างเมนูก็เช่น สเต๊ก, มักกะโรนี, สลัด และพาย ซึ่งมีให้เลือกถึง 400 รายการเลยทีเดียว
สำหรับวิธีการใช้งาน เพียงแค่เราหยอดเหรียญเข้าไปในช่องอาหารที่เราสนใจ
เราก็สามารถรอรับอาหารที่เพิ่งปรุงมาเสร็จ พร้อมกับเครื่องดื่ม ได้ทันที
สิ่งที่ Automat เสนอคุณค่าให้แก่ลูกค้า นอกจากเรื่องความล้ำสมัยในยุคนั้นแล้ว
ยังมีเรื่องของความหลากหลาย ความรวดเร็ว และราคาที่ถูกอีกด้วย
ด้วยความที่มีอาหารและเครื่องดื่มถึง 400 รายการ
ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มเด็กไปจนถึงวัยสูงอายุ
ทำให้ใครหลายคนเลือกมาใช้บริการ
อีกอย่าง ลูกค้าไม่ต้องสั่งออร์เดอร์กับพนักงาน
ความล่าช้าและความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก็ลดน้อยลง
พนักงานรับออร์เดอร์ก็ไม่ต้องมี ถือว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายเช่นกัน
Automat ปรากฏให้เห็นครั้งแรกบนโลกในปี 1895 หรือราว 126 ปีก่อน ณ กรุงเบอร์ลิน
และด้วยความที่ Automat ให้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับคนในยุคนั้น
จึงทำให้หลายบริษัทนำไอเดียนี้ไปประยุกต์ใช้ต่อกันอย่างแพร่หลาย
ในปี 1902 คุณโจเซฟ ฮอร์น และคุณแฟรงก์ ฮาร์ท สองเจ้าของร้านอาหาร Horn & Hardart
ได้นำ Automat มาใช้ที่ร้านอาหารของตัวเอง
ซึ่งก็นับเป็นครั้งแรกที่มีคนนำมาใช้ในสหรัฐอเมริกาและก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
เครื่อง Automat ได้กลายมาเป็นที่นิยมสำหรับชาวอเมริกันโดยทันที
จนในปี 1950 Horn & Hardart ได้ขยายกิจการจนมีสาขามากถึง 100 แห่ง ในนิวยอร์ก
โดยร้านแห่งนี้มีผู้คนเข้ามารับประทานอาหารมากกว่า 800,000 คนต่อวัน และมีการบริโภคกาแฟถึง 90 ล้านแก้วต่อปี ส่งผลให้เวลานั้น Horn & Hardart กลายเป็นเชนร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสิ่งที่ Automat ทำจะดูคล้ายกับระบบอัตโนมัติ
ก็ต้องบอกว่าเบื้องหลังของเครื่องนี้คือ “อัตโนมือ” หรือการทำงานด้วยมนุษย์ 100%
โดยอัตโนมือที่ว่านี้ประกอบไปด้วยพ่อครัวแม่ครัวที่ทำอาหารตามลูกค้าเลือก
และพนักงานที่นำอาหารไปเสิร์ฟลงบนเครื่อง Automat
ไปจนถึงพนักงานทำความสะอาดที่คอยล้างจาน
ด้วยราคาอาหารที่ถูกมากและกระบวนการทั้งหมดมาจากมนุษย์ จึงทำให้ทางร้านต้องไปกดค่าแรงงานพนักงาน จนนำไปสู่เหตุการณ์ประท้วงการใช้แรงงานที่ไม่เป็นธรรม
แต่ก็ใช่ว่า Automat จะมีแต่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว
ด้วยไอเดียของ Automat ที่นำเสนอความรวดเร็วและราคาถูกนี้เอง
ทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่เรียกว่า “Fast Food”
โดยผู้ที่คิดค้นนวัตกรรมการบริการอาหาร Fast Food ได้เป็นคนแรก
คือ สองพี่น้อง McDonald's นั่นเอง
สิ่งที่ทำให้ Fast Food แตกต่างกับ Automat ก็คือรูปแบบอาหาร
Automat นำเสนออาหารที่เหมาะกับการนั่งทานในร้านอาหาร
แต่ Fast Food กลับนำเสนออาหารที่สามารถรับประทานที่ไหนก็ได้
ซึ่งในปี 1960 ช่วงเวลานั้นเอง ชาวอเมริกันเริ่มมีอัตราการใช้รถยนต์สูงขึ้น
จึงทำให้เกิดกระแสการรับประทานอาหารนอกร้านอาหารมากขึ้น
ก่อให้เกิดเป็นบริการไดร์ฟทรูในที่สุด
และแน่นอนว่า Fast Food ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคในเวลานั้นได้มากกว่า
นอกจากนี้ Fast Food ยังปรับปรุงกระบวนการทำอาหารใหม่
โดยเริ่มจากลดเมนูอาหารให้น้อยลง เหลือเพียงไม่กี่เมนู
หลังจากนั้นก็เป็นการวางแผนผังพื้นที่ห้องครัวใหม่ ให้แต่ละส่วนทำงานได้สะดวกขึ้น
เช่น พื้นที่วางขนมปังต้องใกล้กับพื้นที่ทอดเนื้อ, พื้นที่ทอดเนื้อต้องใกล้กับพื้นที่วางผัก
ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ นี้เอง ที่ช่วยให้การทำงานไหลลื่นมากขึ้น
ต่อมาก็เป็นการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน
และกำหนดให้พนักงานแต่ละคนรับผิดชอบเป็นส่วน
ในขณะที่แต่ละเมนูอย่างเบอร์เกอร์ใส่มะเขือเทศกี่ชิ้น
ต้องใส่ซอสในปริมาณเท่าใด ก็ได้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว
ด้วยกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้นี่เอง
ส่งผลให้ระยะเวลาในการทำอาหารรวดเร็วขึ้น
คุณภาพอาหารมีมาตรฐาน
และที่สำคัญ ขั้นตอนเหล่านี้ได้ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ McDonald’s และ Burger King จึงเข้ามาแทนที่
และกลายเป็นเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ขึ้นมาแทน Horn & Hardart
ที่ได้ปิดตัวลงในปี 1991
แม้ว่าสุดท้ายแล้ว Automat จะหายไป
แต่สิ่งที่ Automat ฝากไว้ก็คือ “ก้าวสำคัญ”
ที่ได้ทำให้เกิดวิวัฒนาการทางวงการอาหาร ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
จนนำไปสู่ธุรกิจ Fast Food ที่วันนี้ มีมูลค่าระดับ 20 ล้านล้านบาท
และสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนนับล้าน นั่นเอง..
หากใครยังไม่เคยเห็นภาพระบบการทำงานของ Automat
สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/nTqjO-dHTmE
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://allthatsinteresting.com/automat
-https://www.alliedmarketresearch.com/fast-food-market
-https://www.history.com/news/the-automat-birth-of-a-fast-food-nation
-http://menus.nypl.org/menu_pages/52560
fast food คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จัก Wendy's เชนฟาสต์ฟูด แฮมเบอร์เกอร์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ Wendy's คือเชนฟาสต์ฟูด ประเภทแฮมเบอร์เกอร์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ McDonald's และ Burger King เท่านั้น
นอกจากนี้ Wendy's ยังเคยเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย
แต่สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการไป..
แล้วเรื่องราวของ Wendy's น่าสนใจอย่างไร ?
และเชนฟาสต์ฟูดเจ้านี้ขายดีแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Wendy's คือ เชนร้านอาหารฟาสต์ฟูด ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1969 หรือเมื่อประมาณ 52 ปีที่แล้ว
โดยคุณ Dave Thomas
ซึ่งเขาได้เปิดร้านแห่งแรกขึ้นที่เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
และได้ใช้ชื่อ Wendy's พร้อมกับโลโกรูปเด็กผู้หญิงผมสีแดง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลูกสาวของเขานั่นเอง
โดยแบรนด์ Wendy's ได้สร้างชื่อจากการใช้เนื้อแฮมเบอร์เกอร์ “ทรงสี่เหลี่ยม”
เพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นชิ้นเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ ที่ยื่นออกมานอกตัวขนมปังวงกลมได้อย่างชัดเจน
และเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ของ Wendy's จะมีความพิเศษอีกอย่างคือ ในสาขาที่สหรัฐฯ และแคนาดา จะใช้เนื้อสด ที่ไม่ผ่านการแช่แข็ง เพื่อให้ลูกค้าได้ทานวัตถุดิบที่สดใหม่ และจะถูกปรุงใหม่ตามแต่ละออเดอร์
นอกจากเมนูดังอย่างแฮมเบอร์เกอร์แล้ว
Wendy's ยังมีสินค้าขึ้นชื่อเป็น สลัด และ Frosty ซึ่งเป็นขนมหวานที่มีลักษณะคล้ายไอศกรีมและมิลก์เชก
โดยหลังจากที่คุณ Dave Thomas ก่อตั้ง Wendy's ไปได้เพียง 7 ปี
เขาก็สามารถนำบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น NASDAQ ของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ
และที่น่าสนใจคือ Wendy's ถือเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดเจ้าแรก ๆ ที่เริ่มมีการนำบริการ Drive Thru เข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก และประหยัดเวลาลูกค้าที่ไม่ต้องวนหาที่จอดแล้วค่อยเดินไปต่อคิวสั่งซื้ออาหารอีกที
นอกจากนี้ Wendy's ยังเป็น “แบรนด์แรก” ที่คิดค้น “ชุดเมนูสุดคุ้ม”
ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าและจ่ายเงินเพิ่มขึ้น โดยที่ตนยังรู้สึกว่าได้รับความคุ้มค่าอยู่..
การคิดค้นสินค้าและบริการใหม่ ๆ ของ Wendy's ดูเหมือนจะไปได้สวย และช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยในปัจจุบัน Wendy's มีมูลค่าบริษัทประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
และมีสาขาทั้งหมดกว่า 6,788 แห่ง ใน 31 ประเทศ
ที่น่าสนใจคือ โมเดลธุรกิจของ Wendy's จะเน้นไปที่การขายแฟรนไชส์เป็นหลัก
โดยสาขาในสหรัฐฯ กว่า 5,495 แห่ง จะเป็นรูปแบบแฟรนไชส์
และสาขาที่บริษัทลงทุนเองจะมีเพียง 357 แห่งเท่านั้น
ส่วนสาขาในต่างประเทศกว่า 936 แห่ง ล้วนเป็นรูปแบบแฟรนไชส์เช่นกัน
เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า Wendy's ที่มีจำนวนสาขามากขนาดนี้ รายได้ของบริษัทจะเป็นอย่างไร ?
ปี 2017 รายได้ 36,960 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 48,021 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 51,648 ล้านบาท
จากตัวเลขด้านบนจะเห็นว่า
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 18.2% ต่อปี
แต่ประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือ กว่า 95% ของสาขาทั้งหมดของ Wendy's จะเป็นแฟรนไชส์
ดังนั้น รายได้ของบริษัท จึงไม่ได้หมายถึง ยอดขาย ทั้งหมดที่สินค้า Wendy's ขายได้
ซึ่งถ้าหากเรารวบรวมยอดขายทั้งหมด ทั้งจากสาขาแฟรนไชส์ และสาขาที่บริษัทขายเองได้ทั้งหมด จะทำให้ในปี 2019 Wendy's ทำยอดขายไปสูงเกือบ 3 แสนล้านบาท
ถือเป็นยอดขายสูงเป็นอันดับที่ 7 ของบรรดาเชนฟาสต์ฟูดทั้งหมดในสหรัฐฯ เลยทีเดียว
ตอนนี้หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่า เชนฟาสต์ฟูดยักษ์ใหญ่ อย่าง Wendy's ทำไมถึงยังไม่เข้ามาทำตลาดในไทยเสียที
จริง ๆ แล้ว Wendy's เคยเข้ามาเปิดในประเทศไทยเมื่อเกือบ 30 ที่แล้ว
โดยผ่านการขายแฟรนไชส์ให้กับกลุ่มคนไทยที่เคยไปศึกษาในสหรัฐอเมริกาด้วยกัน
แต่ด้วยตลาดของร้านอาหารฟาสต์ฟูด ที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ท่ามกลางบริษัทรายใหญ่มากมาย สุดท้าย Wendy's ก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปในที่สุด..
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ Wendy's เชนฟาสต์ฟูดยักษ์ใหญ่ ที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ
แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์อื่น..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในปี 1995 บริษัท Wendy's เคยเข้าซื้อกิจการ Tim Hortons เชนร้านกาแฟและโดนัทชื่อดังของแคนาดา เข้ามาอยู่ภายในเครือ และในปี 2006 แบรนด์ Tim Hortons ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงได้ Spin-Off แยกบริษัท Tim Hortons ออกมา โดยมีบริษัท Wendy's เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน
ซึ่งในปี 2014 Tim Hortons ก็ได้ถูกซื้อกิจการไปอยู่ภายใต้บริษัท RBI ซึ่งเป็นเจ้าของเชนฟาสต์ฟูด อย่าง Burger King นั่นเอง..
ใครอยากรู้จักคำว่า Spin-Off คืออะไร ลองอ่านต่อได้ที่บทความนี้ https://www.longtunman.com/27745
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.visualcapitalist.com/top-50-fast-food-chains-ranked/
-https://www.wendys.com/wendys-story
-https://www.britannica.com/topic/Wendys
-https://www.dispatch.com/article/20140827/news/
-http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5728
-2019 Annual Report
fast food คือ 在 Kia Zaab Youtube 的最佳貼文
Vlog นี้พาไปกินอะไรแบบไทยๆ ถ้าจะเรียกให้เก๋ๆ คือ Fast Food แบบไทยๆ แต่ประโยชน์จากสารอาหารล้นเหลือ นั่นก็คือ “ข้าวแกง” นั่นเองจ้า ข้าวแกงน่าจะเป็นอาหารแรกๆ ที่กินง่าย ไว และอร่อย เป็นอาหารที่เชื่อว่าเป็นเอกลักษณ์ Street Food ของไทยเลยนะเว้ยแก วันนี้พาไปกิน 2 ร้าน เบาๆ กรุบกริบก่อน ถือเป็น EP แรก ของซีรี่ย์นี้ ตามไปพบความบันเทิงได้เลยจ้า
ถ้าชอบ Vlog นี้ อย่าลืมกด Like กด Share ให้พี่เกี้ยด้วยนะฮะ และที่สำคัญอย่าลืมกด Subscribe แล้วตามด้วยกดกระดิ่ง..กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง นะจ๊ะ จะได้ไม่พลาดการติดตาม ??
#Streetfood #ข้าวแกง #ThaiFastfood #KiaZaab
==================================
ติดต่องาน Sponsor และงานจ้างได้ที่
Mobile : 064-226-6663
Email : info@kiazaab.com
==================================
ข้าวแกงคุณแพรว (แยกศรีวรา)
https://goo.gl/maps/RAuUmKz2MQY5UV5BA
ร้านขนมหวานดำรง (แม่บุญช่วย)
https://goo.gl/maps/Va2jJ4NosxJJDoo89
พี่ตุ่ม อาหารปักษ์ใต้ เจ้เล้งดอนเมือง
https://goo.gl/maps/vtH97BatRqEUaN179
ช่องทางการติดตาม
Youtube : https://www.youtube.com/c/KiaZaab
Facebook : https://www.facebook.com/kiazaab
Instagram : https://www.instagram.com/kiazaab
Twitter : https://twitter.com/kiazaab
Email : konmunzaab@gmail.com
♫Music by Dj Quads♫
● Soundcloud - https://soundcloud.com/aka-dj-quads
● @aka-dj-quads
● twitter.com/DjQuads
● www.youtube.com/channel/UCusFqutyfTWRqGhC8kHA5uw
● open.spotify.com/artist/2VZrdImbvB03VWApYtBRr3
● www.instagram.com/djquads
fast food คือ 在 missPimpaka Youtube 的最佳貼文
ป้าพิมรีวิวดินสอเขียนคิ้ว 4 ยี่ห้อนะคะ คือ Christien Dior, Skin Food, Mac และ Lancome ค่ะ (เรียงตามลำดับความชอบแล้วนะคะ)
"เวลาแต่งหน้า อย่าลืมยิ้มไปด้วยนะคะ และขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ ถ้าชอบก็สามารถ subscribe หรือติ ชมได้นะคะ
แต่งหน้าแบบสบายๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเพอร์เฟ็ก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไฮโซ เอาแบบที่เราชอบ แบบที่ไปกันได้กับหน้าเรา ... ป้าพิม"
ติดตามวีดิโออื่นๆได้ที่ http://www.youtube.com/misspimpaka หรือค้นหาคำว่า "ป้าพิม" ได้ที่กูเกิ้ลวิดีโอค่ะ
fast food คือ 在 อาหารอะไรที่มีไขมันทรานส์ อันตรายของมันคืออะไร [by Mahidol] 的推薦與評價
อันตรายจากไขมันทรานส์ หรือ ไขมันชนิดเลว ที่มีอยู่มากในอาหาร Fast Food เช่น มันฝรั่งทอด พิซซ่า ไก่ทอด อาหารเบอร์เกอร์รีต่าง ๆ สำหรับในตอนนี้ ... ... <看更多>
fast food คือ 在 Paolo Hospital Samutprakarn - อาหาร Fast Food ... - Facebook 的推薦與評價
หมายถึง อาหารที่ปรุงไว้แล้ว สามารถเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้ในทันที หรือใช้เวลาอันสั้นมากในการเตรียมก่อนเสิร์ฟ เพราะอาหารเหล่านี้ มักถูกเตรียมและปรุงไว้จนสำเร็จรูป ... ... <看更多>