รู้จัก เคไลฟี ผู้เป็นประธานสโมสรปารีส และ beIN /โดย ลงทุนแมน
พอพูดชื่อ “นาสเซอร์ อัล เคไลฟี” หลายคนอาจสงสัยว่าเขาคือใคร ?
แต่คนที่เคยดูฟุตบอลน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง
เพราะเขาเป็นประธานสโมสรฟุตบอล ประธานสโมสร ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (Paris Saint-Germain) ที่ล่าสุดเพิ่งกลายเป็นบ้านหลังใหม่ของ ลิโอเนล เมสซิ
แต่กว่าจะมาเป็นวันนี้ของ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี
ชีวิตของเขานั้นไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เด็ก
และยังเคยเล่นเทนนิสเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
จนได้เป็นนักเทนนิสทีมชาติอีกด้วย
แล้ว อัล เคไลฟี ทำอย่างไร จนก้าวมาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในวงการกีฬา
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
นาสเซอร์ อัล เคไลฟี (Nasser Al-Khelaifi) เป็นชาวกาตาร์
เกิดในปี 1973 อัล เคไลฟี เกิดในครอบครัวที่ทำประมงหาเลี้ยงชีพเป็นหลัก
แม้จะไม่ได้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ อัล เคไลฟี ก็มุ่งมั่นเล่าเรียน จนจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์จาก Qatar University และปริญญาโทด้านพาณิชย์นาวีจาก University of Piraeus
อีกจุดเด่นของ อัล เคไลฟี นอกเหนือจากการศึกษาคือ การเล่นกีฬา โดยเฉพาะเทนนิส ซึ่งกลายเป็นจุดสำคัญของความสำเร็จในชีวิตเขา ในเวลาต่อมา
อัล เคไลฟี เคยได้ดีในการเล่นเทนนิส ถึงขนาดก้าวไปเป็นนักเทนนิสระดับอาชีพ และเป็นตัวแทนทีมชาติกาตาร์ ลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ Davis Cup ซึ่งเป็นการแข่งขันรายการใหญ่ในระดับนานาชาติ
พออายุเริ่มมากขึ้น เขาก็เลิกเล่นในสนาม และมาดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์เทนนิสกาตาร์ในช่วงปี 2008-2011
นอกจากนั้น เขายังได้รับเลือกเป็น รองประธานสหพันธ์เทนนิสเอเชีย (Asian Tennis Federation) แห่งเอเชียตะวันตกอีกด้วย
ด้วยความสนใจ และประสบการณ์ที่คลุกคลีในวงการกีฬาของเขา
ทำให้ อัล เคไลฟี สามารถนำมันมาต่อยอดในการทำธุรกิจด้วยในเวลาต่อมา
จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญของเขาเกิดขึ้นในปี 2011 เมื่อเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานของ Qatar Sports Investments หรือ QSi ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมกีฬาและนันทนาการ ทั้งในประเทศการ์ตาและต่างประเทศ
โดย QSi นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Qatar Investment Authority ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกาตาร์ ที่ปัจจุบัน มีทรัพย์สินภายใต้กองทุนมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท
ในปีเดียวกับที่ อัล เคไลฟี เข้ามาบริหาร QSi ทางกองทุนก็เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นของ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (Paris Saint-Germain) สโมสรฟุตบอลอาชีพชั้นนำในฝรั่งเศส
ในเวลานั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง คือ Colony Capital, Morgan Stanley และ Butler Capital Partners ซึ่งทั้ง 3 บริษัทนั้นเป็นบริษัทจัดการลงทุน โดย 2 รายแรกนั้นเป็นของสหรัฐอเมริกา ส่วนรายหลังนั้นเป็นของฝรั่งเศส
โดยบริษัทจัดการลงทุนกลุ่มดังกล่าว ประกาศที่จะขายสโมสรให้แก่นักลงทุนที่สนใจ เพื่อเข้ามาช่วยทำให้ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง เป็นสโมสรฟุตบอลชั้นนำ
และก็เป็น QSi ที่ได้เข้ามาซื้อหุ้นต่อจากนักลงทุนกลุ่มเดิม โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 4,300 ล้านบาท
ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่ที่ อัล เคไลฟี เข้ามาบริหารปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ทำให้สโมสรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากขึ้น ทั้งในและนอกสนาม
โดยเฉพาะในเรื่องการตลาดและการโปรโมตสโมสร ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนออกมาจากสถิติยอดขายเสื้อฟุตบอลของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา
ในปี 2011 เคยขายเสื้อฟุตบอลได้เพียงราว ๆ 250,000 ตัว
ในปี 2019 สโมสรขายเสื้อได้กว่า 1,000,000 ตัว
เขายังถือเป็นส่วนสำคัญในการพยายามเซ็นสัญญานักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกหลายคน ให้มาเล่นให้สโมสรอีกด้วย โดยล่าสุดก็คือ ลิโอเนล เมสซิ อดีตกองหน้าชื่อดังจากบาร์เซโลนา
สำหรับหลายคนที่อาจจะไม่ได้ติดตามโลกฟุตบอล ก็อาจจะยังมีคำถามว่า สโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง แห่งนี้มีความน่าสนใจอย่างไร
ลองมาดูสถิติที่น่าสนใจ ของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่ อัล เคไลฟี เป็นผู้บริหาร
- เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งในฤดูกาล 2019-2020 มีรายได้ประมาณ 21,000 ล้านบาท
- เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก จากการจัดอันดับของ Forbes โดยมีมูลค่ากว่า 84,000 ล้านบาท
- เป็นสโมสรฟุตบอลที่ทำสถิติซื้อผู้เล่นแพงที่สุดในโลก คือ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล จากบาร์เซโลนา ด้วยมูลค่าประมาณ 8,700 ล้านบาท ในปี 2017
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ไม่เพียงแต่บริหารสโมสรฟุตบอลเท่านั้น อัล เคไลฟี ยังเป็นประธาน และซีอีโอของ beIN Media Group
โดย beIN Media Group คือ ช่องรายการบันเทิงและกีฬาทางโทรทัศน์ ที่ออกอากาศในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และเอเชีย จำนวนทั้งหมด 43 ประเทศ
beIN Media Group ยังเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลรายการสำคัญ ๆ ในปัจจุบัน อย่างเช่น ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฟุตบอลโลก 2022 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024
เป้าหมายของ อัล เคไลฟี คือ ต้องการที่จะสร้าง beIN Media Group ให้กลายเป็นสื่อที่ดังในด้านบันเทิงและกีฬาระดับโลก
และแน่นอนว่า อีกเป้าหมายสำคัญของเขา
ก็คือสร้างปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
จากเรื่องราวชีวิตของ อัล เคไลฟี จะเห็นว่า
แม้ว่า อัล เคไลฟี ไม่ได้เกิดมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง
แต่เขาสามารถเอาจุดเด่น ความสนใจ และประสบการณ์ในด้านกีฬา
มาต่อยอดในการบริหารธุรกิจสื่อ บริหารทีมฟุตบอล ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างดี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.beinmediagroup.com/
-https://www.forbes.com/teams/paris-saint-germain/?sh=79bf9d4f51f4
-https://en.wikipedia.org/wiki/Nasser_Al-Khelaifi
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Saint-Germain_F.C._ownership_and_finances
-https://en.wikipedia.org/wiki/Qatar_Sports_Investments
-https://en.calameo.com/read/005694409c40bbd67d588
-https://en.wikipedia.org/wiki/Al_Jazeera_Media_Network
-https://www.beinsports.com/th/%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%81-1/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/nasser-al-khelaifi-named-as-most-influentia-6/1468678
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Saint-Germain_F.C.
-https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_broadcasting_rights
-https://www.premierleague.com/news/2184867
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過361萬的網紅Dan Lok,也在其Youtube影片中提到,What Does Success Really Mean? And Do You Have To Start A Business To Be Successful? Here’s Why Success Can Have Many Forms. Want To Unlock Your Full ...
forbes 2022 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的精選貼文
*** น้ำท่วมใหญ่ยุโรป 9 ชาติอ่วม ***
ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2021 มีฝนตกอย่างหนักใน 9 ประเทศยุโรปตะวันตกและยุโรปกลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 192 คน หลายฝ่ายเชื่อสาเหตุจาก “โลกร้อน”
วันที่ 12–15 กค. 2021 เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ซึ่งบางพื้นที่นั้นมีฝนตกถึง 271.5 มิลลิเมตรใน 48 ชั่วโมง (ปริมาณฝนพอๆ กับน้ำท่วมใหญ่ในไทยเมื่อปี 2011) และมีรายงานว่า สำหรับบางพื้นที่นี่อาจเป็นฝนตกหนักที่สุดในรอบ 1,000 ปี ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันจากแม่น้ำหลายสายเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมอาคารบ้านเรือน
ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ เยอรมนี คือมีคนตายจำนวน 159 คน นับเป็นภัยธรรมชาติที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบเกือบ 60 ปี น้ำเข้าท่วมจนถนนกลายเป็นคลอง ยานพาหนะถูกพัดไปกับน้ำ บ้านเรือนพังถล่ม แผ่นดินทรุดตัว และเกิดโคลนถล่มในบางพื้นที่ การคมนาคมสัญจรระหว่างเมืองถูกตัดขาด บางคนต้องใช้วิธีถ่อเรือ และบางคนต้องขึ้นไปรอความช่วยเหลือบนหลังคาตึก
มีรายงานบุคคลติดต่อไม่ได้กว่า 1,300 คน เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์ขาดหาย และบ้านเรือนกว่า 200,000 หลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้หลังระบบส่งไฟฟ้าทางตะวันตกของเยอรมนีขัดข้อง และระบุว่ายังไม่สามารถซ่อมแซมได้จนกว่าจะมีการเก็บกวาดถนนแล้ว
รัฐบาลเยอรมันส่งเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และบรรเทาสาธารณภัยกว่า 15,000 คนเข้าปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย จนถึงขณะนี้ยังมีการเฝ้าระวังว่าเขื่อนบางแห่งอาจแตกได้ พร้อมกับระบุว่าจะกันงบประมาณไว้ 300 ล้านยูโรเพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัย และอีกหลายพันล้านยูโรเพื่อซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล เดินทางลงพื้นที่รัฐไรน์แลนด์เมื่อวันที่ 18 ก.ค. พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ว่า “มันน่ากลัวมาก แทบจำหาคำศัพท์ในภาษาเยอรมันมาอธิบายการทำลายล้างที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เลย” ด้วยขนาดของอุทกภัยดังกล่าว อาจมีผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีในเดือน ก.ย. 2022
ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรองลงมา คือ เบลเยียม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 31 คน และยังมีผู้สูญหายหรือติดต่อไม่ได้อีก 163 คน ส่วนบ้านเรือนอีก 37,000 หลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ บางพื้นที่ยังมีรายงานว่าเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด จนถึงขณะนี้มีการอพยพผู้คนออกจากที่อยู่อาศัยแล้วหลายหมื่นคน
เชื่อว่าอุทกภัยครั้งนี้อาจมีผลกระทบระยะยาวทำให้เกิดการกัดเซาะดิน และทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เพาะปลูกยากขึ้น นอกจากนี้พืชผลการเกษตรได้รับความเสียหายมาก
ด้านประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก สวิสเซอร์แลนด์มีรายงานทรัพย์สินเสียหาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนประเทศอิตาลีและออสเตรีย มีผู้เสียชีวิตอีกประเทศละ 1 คน
หลายฝ่ายยืนยันว่าโลกร้อนเป็นสาเหตุหลักของวิกฤตรอบนี้ หลังจากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นแล้ว 1.2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าแม้แนวโน้มจะเป็นอย่างนั้น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะโทษว่าโลกร้อนเป็นสาเหตุ แมร์เคิลยังระบุว่า รัฐบาลชาติต่างๆ จะต้องพยายามร่วมมือกันลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนให้ดีขึ้นและเร็วขึ้น เหตุอุทกภัยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังอียูประกาศกรอบลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็น “ศูนย์สุทธิ” ภายในปี 2050
::: อ้างอิง :::
- reuters (ดอต) com/world/europe/bavaria-hit-by-floods-german-death-toll-climbs-156-2021-07-18/
- bbc (ดอต) com/news/world-europe-57880729
- bbc (ดอต) com/news/world-europe-57858829
- apnews (ดอต) com/article/europe-business-government-and-politics-environment-and-nature-7a513d2dc9f03a673dc7be8297a1e0bf
- brusselstimes (ดอต) com/news/business/177734/heavy-rainfall-and-flash-floods-another-catastrophe-for-farmers/
- forbes (ดอต) com/sites/graisondangor/2021/07/17/the-european-floods-in-photos-search-and-rescue-continues-as-overwhelming-extent-of-damage-becomes-clearer/?sh=2f06ae294150
forbes 2022 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
รู้จัก Austin Russell มหาเศรษฐี ที่อายุน้อยสุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
มหาเศรษฐี หรือ Billionaire คือคำที่ใช้เรียก ผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ขึ้นไป
จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยนิตยสาร Forbes ในปี 2020
ทั่วโลกมีมหาเศรษฐีระดับ Billionaire อยู่ 2,095 ราย
และในบรรดา Billionaire เหล่านั้น
บุคคลอายุน้อยสุด ที่สร้างฐานะความร่ำรวยด้วยมือตัวเอง
มีชื่อว่า “Austin Russell” ซึ่งตอนนี้ มีอายุเพียง 25 ปี เท่านั้น
เขาคนนี้ ก่อตั้งบริษัทตอนอายุ 17 ปี
และตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่
แล้วชายหนุ่มคนนี้ทำธุรกิจอะไร
ทำไมถึงก้าวขึ้นมาเป็น Billionaire อายุน้อยสุดในโลกได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คุณ Austin Russell เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน
เกิดในปี ค.ศ. 1995 ปัจจุบันมีอายุ 25 ปี
นิสัยในวัยเด็กของเขาคือ ชอบเรียนรู้ และทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- อายุ 2 ปี เขาท่องจำตารางธาตุได้ทั้งหมด
- อายุ 11 ปี เขาดัดแปลงเครื่องเล่นเกม Nintendo DS ให้เป็นโทรศัพท์มือถือ เพราะพ่อแม่ไม่ซื้อให้
- อายุ 13 ปี ยื่นจดสิทธิบัตร เครื่องรดน้ำต้นไม้อัจฉริยะ ที่ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติได้
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น คุณ Russell ก็เริ่มศึกษาเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม
เช่น การทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ
ซึ่งเขาเปิดเผยว่า ค้นหาข้อมูลความรู้ส่วนใหญ่มาจากเว็บไซต์ Wikipedia และ YouTube
จนกระทั่งอายุ 15 ปี เขาได้ไปช่วยงานวิจัยที่สถาบัน Beckman Laser Institute ของมหาวิทยาลัย California ซึ่งทำให้เขารู้จักกับเทคโนโลยี Light Detection and Ranging หรือชื่อย่อว่า “LiDAR”
LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ประยุกต์ใช้แสงเลเซอร์ในการวัดระยะทางของวัตถุโดยรอบ และสะท้อนกลับมาเพื่อประมวลผลเป็นแผนที่สามมิติได้
ซึ่งคุณ Russell มองว่า LiDAR จะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และจะเป็นเทคโนโลยีสำคัญ ที่จะเป็นองค์ประกอบของ “รถยนต์ไร้คนขับ”
เพราะรถยนต์ไร้คนขับจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก็ต้องอาศัยเทคโนโลยี LiDAR มาช่วยในการตรวจจับวัตถุบนท้องถนนขณะรถเคลื่อนตัว
ในปี 2012 คุณ Russell ในวัย 17 ปี ซึ่งยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา
ได้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทชื่อว่า “Luminar Technologies”
เพื่อพัฒนาอุปกรณ์เซนเซอร์จากเทคโนโลยี LiDAR สำหรับติดตั้งในรถยนต์ไร้คนขับ
และถึงแม้ต่อมา เขาได้เข้าเรียนต่อที่ Stanford University
แต่เรียนไปแค่ 6 เดือน ไอเดียธุรกิจเซนเซอร์ของเขา ก็ได้รับเงินทุน 3 ล้านบาท จากโครงการของคุณ Peter Thiel อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และนักลงทุนชื่อดัง
ทำให้ คุณ Russell ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำธุรกิจอย่างจริงจัง
โดยเขาคิดว่า หากรอให้เรียนจบอีก 4 ปี แล้วค่อยมาเริ่มธุรกิจ
ก็อาจจะก้าวตามผู้ผลิตเซนเซอร์รายอื่นในตลาดไม่ทัน
แล้วในปัจจุบัน สิ่งที่คุณ Russell คิดไว้ ก็กลายเป็นจริง
เพราะรถยนต์ไร้คนขับ กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่หลายบริษัทกำลังเร่งพัฒนาออกมาตีตลาด
และชิ้นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ คงหนีไม่พ้น “ระบบเซนเซอร์”
ซึ่งที่ผ่านมา Luminar ได้มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพของเซนเซอร์ ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
โดยบริษัทระบุว่า อุปกรณ์ของพวกเขา สามารถรับภาพได้ชัดกว่า 50 เท่า และไกลกว่า 10 เท่า ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ก่อนเกิดจริง 7 วินาที รวมทั้งมีต้นทุนผลิตที่ถูกกว่าด้วย
ด้วยเหตุนี้ Luminar จึงประสบความสำเร็จในการเจรจาเป็นพันธมิตรกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก เช่น Volvo, Toyota, Daimler รวมไปถึง Intel ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก เพื่อนำเซนเซอร์ LiDAR ไปใช้พัฒนาและผลิตรถยนต์ไร้คนขับในอนาคต
อย่างไรก็ตาม Elon Musk CEO ของ Tesla กลับไม่ชื่นชอบเทคโนโลยี LiDAR สักเท่าไร
เพราะมองว่ายังแพงเกินไป และเลือกใช้กล้องกับเรดาร์ ในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ Tesla แทน
แล้วธุรกิจเซนเซอร์ สร้างความร่ำรวยให้คุณ Austin Russell มากแค่ไหน?
ผลประกอบการของบริษัท Luminar Technologies
ปี 2019 รายได้ 380 ล้านบาท ขาดทุน 2,800 ล้านบาท
ซึ่งตรงนี้ต้องบอกก่อนว่า ในขณะนี้ หลาย ๆ บริษัท กำลังอยู่ในช่วงวิจัยพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ
จึงทำให้ Luminar ยังไม่มีคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ ๆ เข้ามามากนัก
แต่มีการคาดการณ์ว่า บริษัทน่าจะทำกำไรได้ในช่วงปี 2022 เมื่อลูกค้าอย่าง Volvo เริ่มผลิตรถยนต์ไร้คนขับด้วยเซนเซอร์ LiDAR
รวมทั้งยังคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีรายได้ราว 39,000 ล้านบาท ในปี 2026 เมื่อได้รับยอดคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว
บริษัทจึงได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา
โดยที่บริษัทไม่ได้เข้าตลาดด้วยวิธีการ IPO หรือเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก
แต่เลือกใช้วิธีแบบ SPAC (Special Purpose Acquisition Company) คือ ให้บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นอยู่แล้วมาซื้อกิจการไป แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อหุ้นเป็น Luminar แทน
ซึ่งกระบวนการเข้าตลาดแบบ SPAC จะมีกระบวนการที่รวดเร็วกว่า
โดยบริษัท SPAC ที่มาควบรวมกิจการของ Luminar ไป มีชื่อว่า Gores Metropoulos
ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ คุณ Peter Thiel และบริษัท Volvo
และล่าสุด บริษัท Luminar Technologies มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 263,000 ล้านบาท
ซึ่งเรื่องนี้ ส่งผลให้ทรัพย์สินส่วนตัวของคุณ Austin Russell ในวัย 25 ปี มีมูลค่าอยู่ที่ 84,000 ล้านบาท
ถือเป็นมหาเศรษฐี หรือ Billionaire ที่สร้างกิจการด้วยตัวเอง ที่อายุน้อยสุดในโลก
และต่อไปในอนาคต ก็น่าสนใจว่า
หากรถยนต์ไร้คนขับ ได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้น
ก็น่าจะทำให้ระบบเซนเซอร์ของ Luminar ยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งอาจทำให้คุณ Russell ไม่ใช่แค่ Billionaire ที่มีอายุน้อยเพียงอย่างเดียว
แต่มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก ก็เป็นได้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในอดีตมีบุคคลที่เป็น Billionaire ได้เร็วกว่าคุณ Russell
นั่นก็คือ Mark Zuckerberg ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook นั่นเอง
โดยเขาเป็น Billionaire ได้ตั้งแต่ตอนอายุเพียง 23 ปี เท่านั้น
ซึ่งปัจจุบัน Mark Zuckerberg ในวัย 36 ปี ก็กลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับ 5 ของโลก
โดยมีทรัพย์สินมูลค่า 94,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,800,000 ล้านบาท..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.entrepreneur.com/article/361130
-https://www.cnbc.com/2018/07/09/thiel-fellow-austin-russell-founded-self-driving-car-tech-co-luminar.html
-https://www.forbes.com/profile/austin-russell/?sh=4ed369b16aa8
-https://finance.yahoo.com/news/worlds-youngest-self-made-billionaire-133000495.html
-https://finance.yahoo.com/quote/LAZR/
forbes 2022 在 Dan Lok Youtube 的精選貼文
What Does Success Really Mean? And Do You Have To Start A Business To Be Successful? Here’s Why Success Can Have Many Forms. Want To Unlock Your Full Potential In All Areas Of Life? Get Your Free Unlock It Book Here: https://businesstobesuccessful.danlok.link
Do you often see people on social media who go on crazy holidays and own expensive cars? Maybe that’s why you want to be an entrepreneur too? The question is, do you really have to start a business to be successful? Discover how Dan Lok defines success and why it can have many different forms. What’s your definition of success? Comment below.
? SUBSCRIBE TO DAN'S YOUTUBE CHANNEL NOW ?
https://www.youtube.com/danlok?sub_confirmation=1
Check out these Top Trending Playlists -
1.) Boss In The Bentley - https://www.youtube.com/playlist?list=PLEmTTOfet46OWsrbWGPnPW8mvDtjge_6-
2.) Sales Tips That Get People To Buy - https://www.youtube.com/watch?v=E6Csz_hvXzw&list=PLEmTTOfet46PvAsPpWByNgUWZ5dLJd_I4
3.) Dan Lok’s Best Secrets - https://www.youtube.com/watch?v=FZNmFJUuTRs&list=PLEmTTOfet46N3NIYsBQ9wku8UBNhtT9QQ
Dan Lok has been viewed more than 1.7+ billion times across social media for his expertise on how to achieve financial confidence. And is the author of over a dozen international bestselling books.
Dan has also been featured on FOX Business News, MSNBC, CBC, FORBES, Inc, Entrepreneur, and Business Insider.
In addition to his social media presence, Dan Lok is the founder of the Dan Lok Organization, which includes more than two dozen companies - and is a venture capitalist currently evaluating acquisitions in markets such as education, new media, and software.
Some of his companies include Closers.com, Copywriters.com, High Ticket Closers, High Income Copywriters and a dozen of other brands.
And as chairman of DRAGON 100, the world’s most exclusive advisory board, Dan Lok also seeks to provide capital to minority founders and budding entrepreneurs.
Dan Lok trains as hard in the Dojo as he negotiates in the boardroom. And thus has earned himself the name; The Asian Dragon.
If you want the no b.s. way to master your financial destiny, then learn from Dan. Subscribe to his channel now.
★☆★ CONNECT WITH DAN ON SOCIAL MEDIA ★☆★
YouTube: http://youtube.danlok.link
Dan Lok Blog: http://blog.danlok.link
Dan Lok Shop: https://shop.danlok.link
Facebook: http://facebook.danlok.link
Instagram: http://instagram.danlok.link
Linkedin: http://mylinkedin.danlok.link
Podcast: http://thedanlokshow.danlok.link
#DanLok #StartABusiness #BusinessTips
Please understand that by watching Dan’s videos or enrolling in his programs does not mean you’ll get results close to what he’s been able to do (or do anything for that matter).
He’s been in business for over 20 years and his results are not typical.
Most people who watch his videos or enroll in his programs get the “how to” but never take action with the information. Dan is only sharing what has worked for him and his students.
Your results are dependent on many factors… including but not limited to your ability to work hard, commit yourself, and do whatever it takes.
Entering any business is going to involve a level of risk as well as massive commitment and action. If you're not willing to accept that, please DO NOT WATCH DAN’S VIDEOS OR SIGN UP FOR ONE OF HIS PROGRAMS.
This video is about Do You Have To Start A Business To Be Successful?
https://youtu.be/6P7fs-sR2zA
https://youtu.be/6P7fs-sR2zA