"ทำไม คนบางคนถึงป่วยจากโรคโควิด รุนแรงกว่าคนอื่น ? คำตอบอาจจะอยู่ที่ #ระดับน้ำตาลในเลือด ครับ"
หนึ่งในปริศนาเกี่ยวกับโรคโควิด 19 มาอย่างยาวนานตั้งแต่เริ่มการระบาด คือ ทำไมคนบางคนติดเชื้อไวรัส แล้วไม่มีอาการอะไรหรือมีเพียงเล็กน้อย ขณะที่บางคนติดเชื้อแล้วกลับป่วยรุนแรงมาก ?
งานวิจัยล่าสุด จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะทำให้เราได้คำตอบนั้น ผ่านการใช้เทคโนโลยี machine learning
ดร. Emmanuelle Logette, และคณะวิจัยในโครงการ the Blue Brain Project ที่สถาบัน École Polytechnique Fédérale de Lausanne (หรือ EPFL) ในกรุงเจนีวา ได้อาศัยฐานข้อมูล CORD-19 มาวิเคราะห์ และพบว่า "ระดับน้ำตาลในเลือด" (blood glucose level) จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อระดับความรุนแรงของโรคโควิด-19 !
งานวิจัยนี้ ชื่อว่า "A Machine-Generated View of the Role of Blood Glucose Levels in the Severity of COVID-19" ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Public Health ฉบับวันที่ 28 July 2021 (ดู https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fpubh.2021.695139/full?utm_source=fweb&utm_medium=nblog&utm_campaign=ba-sci-fpubh-covid-19-elevated-blood-glucose-blue-brain) ซึ่งพวกเขาได้ใช้เทคโนโลยี machine learning มาวิเคราะห์ข้อมูลที่ดึงมาจากบทความวิจัยในฐานข้อมูลเปิด (open access) แล้วทำให้ค้นพบบทบาทสำคัญของ "ระดับน้ำตาลที่สูงขึ้น" ในเส้นเลือด ที่มีต่อความรุนแรงของโรค Covid-19
1. ปกติ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ผู้สูงอายุ นั้นจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยหนักจากโรคโควิด .. แต่คนที่อายุน้อย หลายคนก็พบว่า ต้องเข้าโรงพยาบาลจากโรคนี้เช่นกัน
- มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ที่ทราบกันว่า มีผลต่อระดับความรุนแรงของโรคโควิด ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
- แต่ผลการวิจัยใหม่นี้ ทำให้เห็นว่า ระดับกลูโคสที่สูงขึ้นในเลือด ก็มีผลต่อคนที่ "ไม่ได้เป็น" โรคเบาหวานด้วย
2. คณะนักวิจัยของโครงการ the Blue Brain Project และพัฒนาแบบสำรอง machine learning ที่ขุดข้อมูลจากบทความวิจัยกว่า 240,000 ฉบับ ในฐานข้อมูล CORD-19 (เป็นฐานข้อมูลที่สนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา , มูลนิธิ Chan Zuckerberg Initiative, Microsoft Research และกลุ่มอื่นๆ เพื่อเป็นฮับ hub งานวิจัยเกี่ยวกับโควิด-19)
- ผลการวิเคราะห์ของคณะผู้วิจัย ทำให้พบว่า แนวโน้มที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ ในบทความวิชาการที่ผ่านมาเกี่ยวกับอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด ก็คือ ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดที่สูงขึ้น
- โดยจากข้อมูลกว่า 400,000 ค่า ที่วิเคราะห์ คำว่า "glucose น้ำตาลกลูโคส" ปรากฏขึ้นถึง 6,326 ครั้ง ทำให้คณะผู้วิจัยค้นหาต่อไป ถึงบทบาทหน้าที่ของกลูโคส ที่มีต่ออาการป่วยของโรค ไปจนถึงกลไกทางชีวเคมีในระดับที่ลึกที่สุด
3. เรื่องหลักๆ ที่พวกเขาค้นพบ ได้แก่
- ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น ไปทำให้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันแรกๆ ของปอดเราแย่ลง ทำให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโรคโควิด
- ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความผิดปกติในการควบคุมระดับการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะ cytokine storm (การเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็วของสารไซโตไคน์) และภาวะ acute respiratory distress syndrome (อาการอักเสบเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ หรือ ARDS )
- อาการป่วยต่างๆ ที่ตามมาของโรคโควิด-19 ได้แก่ hyperinflammation (การอักเสบขั้นรุนแรง) และ pro-coagulation (การแข็งตัวของเลือด) ก็เกิดขึ้นตามมาจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเช่นกัน
- ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น นั้น ทำงานร่วมกันกับกลไกของการหยุดการทำงานของ ACE 2 receptor ด้วยเชื้อไวรัสโควิช ไปเพิ่มระดับความรุนแรงของโรค ให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว และเกิดลิ่มเลือดอุดตัน (thrombotic)
4. การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแล้วไปทำให้กลไกแรกๆ ในการต่อสู้กับไวรัสของปอด แย่ลงนั้น เป็นการค้นพบที่สำคัญมาก และได้รับความสนใจน้อยกว่าที่ควร ในฐานข้อมูล CORD-19
- คณะผู้วิจัยระบุว่า การมีระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นในเลือดแล้วไปช่วยให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อเชื้อไวรัส ในการเคลือบโปรตีนหนามของมันแล้วผ่านทะลุเข้าระบบภูมิคุ้มกันของปอดได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยทราบชัดกันมาก่อน
- ก่อนหน้านี้ การรักษาโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องมีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วย แต่ถ้าสมมติฐานจากงานวิจัยนี้เป็นเรื่องถูกต้อง ต่อไป การจัดการระดับน้ำตาลก็จะกลายเป็นกลยุทธ์หลักอีกอย่าง ในการควบคุมระดับอาการของโรค
- จากรายงานที่ว่า ผู้ป่วยโรค covid-19 ที่อยู่ในห้องไอซียูกว่า 80% นั้น มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง คณะผู้วิจัยจึงเสนอให้เพิ่มการควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วย เพื่อให้มีอาการที่ดีขึ้นด้วย
5. ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งในการช่วยรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงสูง ก็คือใช้ยา metformin เมทฟอร์มิน ที่ได้รับการรับรองจาก FDA แล้วให้ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลได้
- นอกจากจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยา metformin ยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบด้วย จากการที่ไปลดระดับของโปรตีน C-reactive protein ลง
- ยา metformin ยังช่วยในเรื่องการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันการตัวของหลอดเลือด และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
ทิ้งท้ายว่า นอกจากกันใช้วิธีวิเคราะห์ด้วย AI แบบ machine learning อันนี้ จากฐานข้อมูลงานวิจัยขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังต้องมีการศึกษาวิจัยในคลินิกอีก เพื่อพิสูจน์ยืนยันว่า ระดับน้ำตาลกลูโคสที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นปัจจัยพื้นฐาน ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค covid-19 ขึ้นจริง
ภาพและข้อมูลจาก https://blog.frontiersin.org/2021/07/28/severe-covid-19-elevated-blood-glucose-blue-brain/
frontiers in public health 在 小小人物做小事 - 高松傑Jacky Facebook 的最佳解答
My recent article😎😎😎
https://m.orangenews.hk/details?recommendId=138868
Opinion|The Police is duty-bound to enforce the law resolutely
HK Current
2020.10.06 11:05
By Athena Kung
According to the statement made by the US Department of State on 3rd of October 2020 (local time), the arrests made by the Hong Kong Police on 1st of October 2020 were criticized by the Department as malicious ones. It has been alleged by the US Department of State that the Hong Kong Police merely enforces the law for the aim of achieving political goals, which amounts to serious violation of Hong Kong's rule of law and thus strongly attack individual's human rights as well as Hong Kong people's freedom of expression, procession and assembly. The Central Government was commented by the US Department of State as being given up the undertaking of "One country, Two systems" completely. Obviously, such allegations against both the Central Government and HKSAR made by US Government were very serious. To examine whether such comments were fair ones, we have to carefully consider if the allegations really have any valid legal basis or foundation.
According to both the Hong Kong Bill of Rights Ordinance, Cap. 383, Laws of Hong Kong (hereinafter referred to as "the BORO“) and and the International Covenant on Civil and Political Rights (hereinafter referred to as the "ICCPR "), the freedoms of expression, procession and assembly were not absolute, and might be subject to restrictions as prescribed by law. Article 16 and 17 of the BORO relates to the freedom of opinion and expression and right of peaceful assembly which can be enjoyed by Hong Kong people:
"Article 16
Freedom of opinion and expression
(1) Everyone shall have the right to hold opinions without interference.
(2) Everyone shall have the right to freedom of expression; this right shall include freedom to seek, receive and impart information and ideas of all kinds, regardless of frontiers, either orally, in writing or in print, in the form of art, or through any other media of his choice.
(3) The exercise of the rights provided for in paragraph (2) of this article carries with it special duties and responsibilities. It may therefore be subject to certain restrictions, but these shall only be such as are provided by law and are necessary—
(a) for respect of the rights or reputations of others; or
(b) for the protection of national security or of public order (ordre public), or of public health or morals.
[cf. ICCPR Art. 19]
Article 17
Right of peaceful assembly
The right of peaceful assembly shall be recognized. No restrictions may be placed on the exercise of this right other than those imposed in conformity with the law and which are necessary in a democratic society in the interests of national security or public safety, public order (ordre public), the protection of public health or morals or the protection of the rights and freedoms of others.
[cf. ICCPR Art. 21]"
Thus, freedom of expression, procession and assembly in Hong Kong are not absolute. On the other hand, such rights are subject to restrictions as prescribed by law in the interests of public order, public safety and the interests of others, and so on.
Besides, Section 10(a) to (e) of the Police Force Ordinance, Cap 232, Laws of Hong Kong has clearly stated inter alia that:
"10. The duties of the police force shall be to take lawful measures for—
(a) preserving the public peace;
(b) preventing and detecting crimes and offences;
(c) preventing injury to life and property;
(d) apprehending all persons whom it is lawful to apprehend and for whose apprehension sufficient grounds exists;
(e) regulating processions and assemblies in public places or places of public resort;
…………"
What has really occurred in Hong Kong in various districts on 1st of October 2020?
(1) At around 1400 hours, a group of people gathered and yelled along Great George Street in Causeway Bay, which might have constituted offences related to unauthorised assemblies under the Public Order Ordinance, Cap 245, Laws of Hong Kong and offences related to prohibited group gatherings under the Prevention and Control of Disease (Prohibition on Group Gathering) Regulation, Cap 599G, Laws of Hong Kong. Even though the Police had given multiple warnings at the scene and raised the blue flag requesting participants to leave the scene, at around 1500 hours, a large group of protesters still remained at the same place. Some of them even commenced to chant the slogan “Liberate Hong Kong, Revolution of Our Times” over and over again. Thus, they were suspected of inciting or abetting others to commit acts of secession, which might constitute relevant offences under the HKSAR National Security Law. Afterwards, some protesters even spilled onto the road and breached public peace.
(2) At around 1500 hours, 2 men in the vicinity of Tin Ma Court in Wong Tai Sin hurled some petrol bombs and large objects at Lung Cheung Road. Having attended the scene, the police noticed that traces of the road being charred, as well as fences and traffic cones left on it. After investigation, the Police found that even though a large amount of vehicles were travelling along the road at the time of the incident, fortunately, no vehicle was hit by the petrol bombs and objects successfully. In any event, the rioters’ such heinous acts had severely endangered road users and breached public peace.
(3) The Police intercepted a man at Stewart Road in Wanchai at about 1600 hours and found him in possession of a foldable sharp knife which was at the same size of a business card. The 23-year-old man was subsequently arrested on suspicion of possession of an offensive weapon, as there stood a strong likelihood that he might intend to use the said item to injure members of the public or police officers.
(4) At around 1500 hours, the Police set up a roadblock along a section of the Tuen Mun Road near Summit Terrace in Tsuen Wan to intercept suspicious vehicles, and found extendable sticks, a helmet, face masks and a large amount of promotional leaflets inside a private car with an expired vehicle licence. Some of the leaflets contained slogans suspected of calling for “Hong Kong independence” written on them. The 35-year-old male driver of the car was arrested on suspicion of various offences including “Possession of Instrument Fit for Unlawful Purpose”, “Driving an Unlicenced Vehicle” and “Driving Without Third Party Insurance”.
(5) At around 1630 hours, the Police stopped and searched a man in the vicinity of Tonnochy Road and Lockhart Road in Causeway Bay, and found items including a cutter, a spanner, plastic straps and a pair of gloves in his backpack. The 20-year-old man was subsequently arrested on suspicion of possession of offensive weapons.
(6) After nightfall, protesters continued to gather in different districts. To ensure public safety, the Police have enforced the law resolutely according to the situations arising in different districts. At 2200 hours, not less than 86 persons have been arrested in multiple districts. Among them, 74 persons including four District Councillors were arrested on suspicion of taking part in unauthorised assemblies in Causeway Bay, while the rest were arrested on suspicion of committing offences including possession of offensive weapon, failing to produce proof of identity, possession of forged identity card, disorderly conduct in a public place and driving an unlicenced vehicle. Besides, 20 persons were given fixed penalty notices for suspectedly breaching the Prevention and Control of Disease (Prohibition on Group Gathering) Regulation.
Actually, the Police is duty-bound to enforce the law resolutely. On the facts, all arrests taken place on 1st of October 2020 were absolutely lawful and necessary to maintain law and order in the society and protect the life and property of all Hong Kong residents. Undoubtedly, the US officials have all along been adopting "double standards" in expressing utterly irresponsible remarks on law enforcement actions in the HKSAR. Everyone is equal before the law. So long as there is evidence supporting that someone has violated the law, no matter what his or her status or background is, he or she must face the legal consequence. Being a law enforcement agency, the Police must take action whenever they come across any unlawful acts in strict accordance with the laws in force. All cases must be handled in a fair, just and impartial manner by the Police in accordance with the law, which is the only and real reason as to why the Police arrested the 86 odd people on 1st of October 2020. To conclude, all criticizms made by the US towards the Hong Kong Police, HKSAR Government and Central Government were all unfair without any legal or concrete support at all.
It appears that the US government has always been refusing to accept the truth that the HKSAR is an inalienable part of the People's Republic of China (hereinafter referred to as "the PRC") and a local administrative region which enjoys a high degree of autonomy, as contrary to absolute autonomy, and comes directly under the Central People's Government. Hong Kong affairs are internal matters of the PRC. The system in Hong Kong is not "Two countries, Two systems". Hong Kong will never be an independent country with a pro-American government formed by the Opposition Camp in Hong Kong. Any foreign governments like the US must at once stop scaremongering and interfering in any form in Hong Kong's affairs. The "Colour Revolution" promoted by the US in Hong Kong should be terminated in no time.
The author is Barrister-at-law.
The views don't necessarily reflect those of Orange News.
責編: CK Li
frontiers in public health 在 Frontiers in Public Health - Scimago Journal & Country Rank 的相關結果
Frontiers in Public Health is a multidisciplinary open-access journal which publishes rigorously peer-reviewed research and is at the forefront of ... ... <看更多>
frontiers in public health 在 Frontiers in Public Health - ICI Journals Master List 的相關結果
Frontiers in Public Health is a multidisciplinary open-access journal which publishes rigorously peer-reviewed research and is at the forefront of ... ... <看更多>
frontiers in public health 在 Frontiers in Public Health 最新影響指數- 實時趨勢預測& 期刊 ... 的相關結果
Frontiers in Public Health2021-2022最新影響指數是3.018。查看更多期刊影響力排名、趨勢分析、實時預測! ... <看更多>