#展覽故事:【政治巨輪中的藝術家:波提切利】
政治成就藝術,還是摧毀藝術?
畫家桑德羅‧波提切利生於文藝復興時期的佛羅倫斯,那時的藝術家希望復興柏拉圖思想,讓藝術更真實地呈現人與世界,繪畫題材亦開始出現愈來愈多古希臘和古羅馬神話元素,波提切利最著名的作品《維納斯的誕生》,便是在那個時代背景中誕生。
文藝復興時期,幾乎所有著名畫家都會有一些富商家族作為贊助人,支持他們的藝術創作。而波提切利的贊助人便是著名的美第奇家族。
美第奇家族有多喜歡這位年輕的畫家?
曾經有一名富商向波提切利訂購一幅畫送給美第奇家族。波提切利把自己本人也畫進了畫中,作為「簽名」。在當時而言,這是一種相當特別的「簽名」方式,如果不是知道美第奇家族很喜歡波提切利,委託人是不會冒險,接受這種特別的「簽名」方式吧。這幅畫便是日後非常著名的《三王朝聖》。
好景不常。1480 年代末,佛羅倫斯陷入經濟危機,統治者羅倫佐逝世後,美第其家族遭驅逐。統治權轉交給薩佛納羅拉,他是一位極端宗教主義修士,大力反對文藝復興思想,視一切奢侈為不道德,追求極度清貧的思想。
而一直繪畫人文主義的波提切利,居然轉為支持薩佛納羅拉,成為一個激進的宗教主義者。出於宗教觀念,他甚至燒毀自己的作品;在「虛榮之火」儀式中,他把多幅畫作丟進「虛榮的篝火」中焚毁。立場不堅定的他名譽受損,一下子身敗名裂。
薩佛納羅拉的苛政最終激發市民的反對熱潮,他於 1498 年被推翻,後被處死。波提切利的生活變得非常潦倒,只能靠接濟渡日。生命中最後十年,他幾乎甚麼也沒有畫過。這位曾經輝煌一時的畫家,最後在孤單和貧困中離世,只留給世界的只有畫作和無盡的唏噓。
政治成就了這位藝術家,也摧毀了這位藝術家,不過最重要的當然還是他自己的取態。
身處時代的巨輪中,或許我們也將要面臨選擇。你的選擇又會是怎樣?
香港藝術館現正聯同烏菲茲美術館,展出波提切利和其他同期大師的作品,包括四十二幅真跡。有興趣一睹文藝復興藝術風貌的話,就不要錯過了。
Image from @hkmoa
Text by Storyteller Team @everyone.is.storyteller
Cover image: Alessandro Filipepi, known as Sandro Botticelli (Florence, 1445 – 1510)|Portrait of a Young Woman (Simonetta Vespucci)(details)|ca. 1480 – 1485|Tempera on panel|61.3 x 40.5 cm|Florence, Gallerie degli Uffizi, Galleria Palatina|© Photographic Department, The Uffizi Galleries - By permission of the Ministry for Cultural Heritage and Activities and Tourism of Italy
〖波提切利與他的非凡時空──烏菲茲美術館珍藏展〗
日期: 2020年10月23 – 2021年3月10日
地點:香港藝術館 2 樓專題廳
#展覽故事 #波提切利 #香港藝術館 #沒有你的故事也是你的故事
📚 成為 Reading Club 會員,支持 StoryTeller 繼續創作美好的故事:
https://bit.ly/2MNRcPK
📻 收聽 StoryTeller Radio :https://store.story-teller.com.hk/pages/podcast
📖 預購 Ztorybook Issue 01 : https://bit.ly/3j9RLzv
👉🏻Tag us at IG @everyone.is.storyteller to be featured
📮投稿你的故事/藝術作品:https://bit.ly/2FwN6G3
📍到訪繪本故事書房 Cabinet of Stories:中環士丹頓街15號1樓 @cabinet.of.stories
→Follow @ztorybook.official 留意最新動向
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「galleria palatina」的推薦目錄:
- 關於galleria palatina 在 StoryTeller 說故事 Facebook 的最佳解答
- 關於galleria palatina 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的最佳解答
- 關於galleria palatina 在 悪魔天使的旅行人生Devilangel Travel Life Facebook 的最佳解答
- 關於galleria palatina 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文
- 關於galleria palatina 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於galleria palatina 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
galleria palatina 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的最佳解答
Florence เมืองหลวงแห่งศิลปะของโลก
--------------------------
แจกข้อมูลเมืองฟลอเร้นซ์แบบละเอียดสุด ๆ หาข้อมูลรอวันกลับไปเที่ยวได้เลย
--------------------------
หนึ่งในเมืองที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยทางศิลปะมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมืองที่อบอวลไปด้วยกิ่นอายของศิลปิน เมืองที่ทุกซอกทุกมุมล้วนแล้วแต่มี design
--------------------------
Florence หรือที่ชาวอิตาเลี่ยนเรียกกันว่า Firenze นั้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่าง Tuscany แคว้นที่ว่ากันว่าสวยที่สุดทางตอนกลางของประเทศ Italy ด้วยภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์ใจ เนินเล็ก ๆ ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ยามตกกระทบกับแสงสาดส่องจากดวงะวัน ประกอบกับฉากหลังเป็นสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่า ทำให้ที่แคว้นนี้มีเมืองเล็ก ๆ ที่น่าท่องเที่ยวตั้งอยู่อย่างมากมาย และแน่นอนว่าเป้นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากจะมาสัมผัสซักครั้งหนึ่งในชีวิต
--------------------------
และในแคว้นที่สวยงามนี้ Florence ถือเป็นเมืองที่ใหญ่และมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากที่สุด เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของแคว้น จะไปไหนมาไหนก็ักจะต้องมาเริ่มต้นกันที่นี่ จะหาที่พักก็ง่าย เหมาะจะใช้เป็นที่มั่นในการออกเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ต่าง ๆ ในประเทศ
--------------------------
เมืองที่สวยงามแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มตั้งแต่ราว 100 ปีก่อนคริสตกาล ที่เริ่มก่อตั้งชุมชนเล็ก ๆ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Flume Arno ก่อนที่จะโดนปกครองโดยชาวโรมันเป็นเวลายาวนาน กว่าพันปี เหมือนกันเมืองส่วนใหญ่ของอิตาลี Florence ถือเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะการขายผ้าและการธนาคาร ที่ถือเป็นธุรกิจหลักของสมัยนั้น และในช่วยศตวรรษที่ 15 Florence มีความเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด เป็นเมืองศูนย์กลางของการฟื้นฟูศิลปะแบบ Renaissance มีศิลปินมากมายกำเนิด หรือทำงานที่นี่ มีระบบอุปถัมภ์ศิลปินที่ดีเยี่ยม ศิลปินได้รับการยกย่องอย่างสูงและถือเป็นชนชั้นที่มีบทบาทอย่างมากกับการพัฒนาเมือง ทั้งทางด้านศิลปะ วิทยาการ การเมืองและสังคม โดยศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ได้แก่ กาลิเลโอ และมิเคลันเจโล ที่โด่งดังไปทั่วโลก เรียกได้ว่าใคร ๆ ก็ต้องรู้จักทั้งสองคนนี้แม้จะไม่ได้ชื่นชอบงานศิลปะหรือประวัติศาสตร์เป็นพิเศษก็ตาม
หลังจาก คริสตศตวรรษ ที่ 16 จักรวรรดิ์ฮังการีและออสเตรียก็ได้เข้ายึดครอง Florence ก่อนที่จะรวมตัวกับแคว้นอื่น ๆ ประกาศตัวเป็นประเทศ Italy ในปี 1860 และดำรงบทบาทเป็นเมืองสำคัญของประเทศเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
--------------------------
การเดินทางมา Florence
--------------------------
เนื่องจากเป็นเมืองหลสงของแคว้น รวมทั้งยังเป็นเมืองหลักที่ตั้งอยู่กลางประเทศด้วย ทำให้การเดินทางมาที่นี่สะดวกสบายอย่างมาก จะขึ้นเหนือหรือลงใต้ก็อยู่บริเวณศูนย์กลางพอดิบพอดี
--------------------------
โดยรถไฟ
--------------------------
มีรถไฟวิ่งมาจากเมืองใหญ่หลาย ๆ เมืองทั้ง Milan Venice Rome รวมถึงรถไฟระหว่างประเทศสำหรับเดินทางไป Swiss อีกด้วย โดยสถานีหลักของเมืองคือสถานี Firenze S.M.N ( Santa Maria Novella ) โดยเส้นทางสายหลักที่ผ่านก็คือเส้นทางสาย Rome - Milan โดยค่าโดยสารไปยังเมืองต่าง ๆ เป้นดังนี้
Rome 17.25 ยูโร ใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง
Milan 29.59 ยูโร ใช้เวลา 2-3.5 ชั่วโมง
Venice 24 ยูโร ใช้เวลา 4.5 ชั่วโมง
Bologna 10.50 ยูโร ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง
Pisa 5.80 ยูโร ใช้เวลา 45 นาที
Lucca 5.10 ยูโร ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง
เราสามารถฝากกระเป๋าเดินทางเอาไว้ที่สถานีได้โดยจุดฝากอยู่ที Platform 16 ราคา 5 ชั่วโมง 5 ยูโร ชั่วโมงต่อ ๆ ไป คิดชั่วโมงละ 0.7 ยูโร
--------------------------
การเดินทางใน Florence
--------------------------
เนื่องจากขนาดเมืองที่ไม่ใหญ่โตนัก ทำให้เราสามารถเดินเที่ยวได้เกือบรอบตัวเมืองเก่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถแต่อย่างใด ยกเว้นเพียงบางสถานีที่อยู่นอกเมืองเท่านั้นที่จำเป็นต้องใช้รถบัส เช่นจุดชมวิวนอกเมือง โดยมีรถบัสให้บริการ ป้ายที่ขึ้นสะดวกที่สุดจะอยู่หน้าสถานีรถไฟหลักเลย ค่าโดยสารเที่ยวละ 1.20 ยูโรหาซื้อตั๋วได้ตามร้านค้าปลีกทั่วไป หากจ่ายบนรถจะคิดค่าตั๋ว 2 ยูโร หรือซื้อตั๋วเหมาจ่าย 1/3/7 วัน ราคา 5/12/18 ยูโร
--------------------------
ที่ท่องเที่ยว
--------------------------
--------------------------
บริเวณ PIAZZA DEL DUOMO
--------------------------
ย่านนี้จะเป็นเหมือนศูนย์กลางของเมือง มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าร้านอาหารก็เยอะแยะมากมาย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในเมืองอย่าง Duomo ตั้งอยู่ ถ้าหากอยากจะหาที่พักล่ะก็ ย่านนี้น่าสนใจเป็นที่สุดเพราะจะไปไหนมาไหน หรือหาของกินก็ง่ายแสนง่าย
--------------------------
DUOMO ( Santa Maria del Fiore )
--------------------------
เวลาทำการ
โบสถ์ จันทร์ พุธ ศุกร์ 10.00 - 17.00 พฤหัสเปิดถึง 16.00 เสาร์เปิดถึง16.45 อาทิตย์ 13.30 -16.45
ขึ้นโดม จันทร์ ถึง ศุกร์ 8.30 - 18.00 เสาร์ 8.30 - 17.00
ขึ้น Campanile 8.30 - 18.50
ค่าเข้าชม รวมทุกสถานที่ 10 ยูโร โดยต้องไปซื้อตั๋ว ณ จุดขายก่อนที่จะมาต่อคิวแสดงตั๋วเพื่อเข้าชม ส่วน Duomo เข้าชมฟรี
หนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่และสวยมากที่สุดในโลกก็คือ Duomo ประจำ Florenc ที่ตั้งอยู่ที่ PIAZZA DEL DUOMO นั่นเอง มหาวิหารแห่งนี้มีชื่อเต็มว่า Santa Maria del Fiore ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1296 ก่อนจะตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อความสวยงามเมื่อราว 200 ปีก่อน จุดเด่นที่สุดของมหาวิหารแห่งนี้คงไม่พ้น ยอดโดมที่มีขนาดใหญ่มาก สร้างขึ้นในปี 1420 ถึง 1436 ออกแบบโดย Fillippo di Ser Brunelleschi ผู้ที่ถือว่าเป็นบิดาของสถาปัตยกรรมแนว Renaissance และเป็นผู้คิดค้นพบทฤษฎี Perspective อีกด้วย ซึ่งการค้นพบนี้เองทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในศิลปะทุกแขนง เรียกได้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดศิลปะยุคใหม่เลยก็ว่าได้
แต่เดิมโดมแห่งนี้มีการหยุดสร้างอยู่พักหนึ่งเนื่องจากไม่สามารถหาช่างที่จะมาออกแบบการรับน้ำหนักของโดมขนาดใหญ่แบบนี้ได้ จน Brunelleschi อาสาเข้ามาแก้ปัญหา จึงได้เกิดสถาปัตยกรรมที่ล้ำเลิศทั้งความงดงามและทรงคุณค่าในด้านเทคนิคนี้ขึ้นมาได้
Brunelleschi ออกแบบโดมเป็นลักษณะครึ่งวงกลมคล้ายกับของโรมัน แต่เปลี่ยนจากวงกลมมนเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม และใช้คานรองรับน้ำหนักของโดมโดยตัวค่นวิ่งไปบรรจบที่ยอดโดม สามารถมองเห็นจากภายนอกโดมได้ด้วย
เมื่อสร้างเสร็จ โดมแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะสถาปัตยกรรมที่ก้าวล้ำนำสมัย และเป็นความภาคภูมิในของชาวเมืองเป็นอย่างมาก จึงได้มีการออกกฎไม่ให้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นใดที่สูงกว่ายอดโดมนี้อย่างเด็ดขาด และได้มีการฝังศพของ Brunelleschi อยู่ที่โดมแห่งนี้ด้วย ปัจจุบัน โดมนี้เปิดให้เข้าชม และสามารถขึ้นบันได 436 ขั้นขึ้นไปชมความงดงามของเมืองได้อีกด้วย
ในส่วนอื่น ๆ ของโบสถ์นั้นก่อสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสามสี ซึ่งนำมาจากสามเมือง มีหอระฆัง Campanile ที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้ เช่นเดียวกับตัวโดม โดยมีบันได 414 ขั้น
ส่วนภายในมหาวิหารนั้นประดับประดาด้วยภาพเขียนจากศิลปินชื่อดังหลายชิ้น ที่เด่นถือภายในส่วนของโดมเป็นภาพเขียน "Last Judgment" ผลงานของ Vasari และ Zucarri การเข้าชมไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องแต่งตัวสุภาพ ทางที่ดีงดใส่เสื้อแขนกุดหรือกางเกงที่สั้นมาก ๆ จะดีกว่า
ในบริเวณนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ Museo dell’ Opera del Duomo ที่เก็บรวบรวมงานศิลปะหลายอย่างให้ได้ชมกัน โดยเฉพาะผลงานของ มิเคลลันเจโล
--------------------------
บริเวณ PIAZZA DELLA SIGNORIA
--------------------------
อีกจัตุรัสหนึ่งที่เชื่อมต่อมาจาก PIAZZA DEL DUOMO ไม่ไกลนัก ที่นี่ก็มีความคึกคักไม่แพ้กันเลย ที่น่าสนใจที่สุดก็คือบริเวณลานกว้างจะมีปฎิมากรรมสวย ๆ ตั้งอยู่หลายชิ้นด้วยกัน เราสามารถชมความงามและถ่ายรูปได้โดยไม่เสียเงินซักยูโรเดียว และไฮไลท์ก็คือ รุปสลักเดวิด ที่จำลองมาแทนของจริงที่เก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว และบริเวณ Loggia del Lanzi ที่อดีตเคยเป็นเวทีพิธีการทางราชการต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ดัดแปลงให้เป็นที่จัดแสดงงานปฎิมากรรมเอกหลายชิ้น และที่สำคัญคือ ชมฟรีเช่นกัน
--------------------------
Galleria degli Uffizi
--------------------------
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.15 -18.05
ค่าเข้าชม 6.5 ยูโร
หรือเรียกกันว่าหอศิลป์ Uffizi เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของ Palazzo delgi Uffizi
โดยพิพิธภัณฑ์มีประวัติเริ่มก่อสร้างในปี 1560 เพื่อเป็นสำนักงานของผู้พิพากษาในเมือง Florence และใช้ชื่อว่า Uffizi ( ความหมายเดียวกับ Office ในภาษาอังกฤษ ) การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 1581 โดยภายในตัวอาคารมีการวางผังให้มีทางเดินแคบ ๆ ทอดยาวไปที่แม่น้ำ Arno เพื่อเปิดภูมิทัศน์ไปสู่แม่น้ำ การประดับตกแต่งจะเน้นความมีมิติของตัวสถาปัตยกรรม โดยการใช้บัวเป็นตัวเชื่อมความต่อเนื่องและเล่นกับมิติของสายตา
หลังจากใช้เป็นสำนักงานของผู้พิพากษาและใช้เป้นที่เก็บเอกสารมาเป็นเวลานาน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นหอศิลป์ที่ใช้จัดแสดงศิลปะของตระกูลเมดิซี เก็บรวบรวมผลงานศิลปะของตระกูลไว้กว่า 3,000 ชิ้น จนภายหลังตระกูลเมดิซี ได้ยกสมบัติทั้งหมดให้กับผู้ครองเมือง โดยมีข้อแม้ว่าจะไม่โยกย้ายงานทั้งหมดออกนอกเมือง Florence อย่างเด็ดขาด
นั่นเป็นต้นกำเนิดของพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ โดยเปิดให้เข้าชมเป็นกลุ่ม โดยต้องยื่นคำร้องมาก่อนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ก่อนจะเปิดให้เข้าชมทั่วไปในปี 1765 และมีงานศิลปะเข้ามาจัดแสดงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่มีที่จัดแสดงเพียงพอ ทางเมืองจึงได้ตัดสินใจขยายพื้นที่พิพิธภัณฑ์จาก 6,000 ตารางเมจรเป็น 13,000 ตารางเมตรในปัจจุบัน ทำให้สามาถจัดแสดงผลงานที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้หลายร้อยปีโดยไม่เคยนำออกมาแสดงได้เพิ่มขึ้นโดยผลงานชิ้นสำคัญที่เป้นที่รู้จักก็ได้แก่ The birth of Venus ผลงานของ Sandro Botticelli ภาพวาดที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักดี
และแน่นอนว่าดังขนาดนี้ต้องมีคนเข้าคิวมากมาย ฉะนั้นขอแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าจาก internet ที่ http://www.uffizi.com
--------------------------
Palazzo Vecchio
--------------------------
เวลาทำการ วันศุกร์ -พุธ 9:00–23:00 วันพฤหัสบดี 9:00–14:00
ค่าเข้าชม 10 ยูโร
แปลเป็นภาษาไทยแบบตรงตัวก็คือวังเก่านั่นเอง ปัจจุบันเป็นที่ว่าการเมือง Florence ตั้งอยู่ในบริเวณ PIAZZA DELLA SIGNORIA ใกล้ ๆ กับรูปจำลองเดวิด
แต่เดิมที่นี่เรียกว่า Palazzo della Signoria แต่มีการเปลี่ยนในภายหลังไปอีกหลายชื่อ ทั้ง Palazzo del Popolo , Palazzo del Priori เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในช่วงนั้น ๆ จนมาใช้ชื่อในปัจจุบันในที่สุด
อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Arnolfo di Cambio ในระหว่างปี 1298 ถึง 1314 โดยจุดสำคัญที่ทำให้มีชื่อเสียงคือวิวจากหอคอยที่สูง 94 เมตร Torre d’Arnolfo สามารถมองเห็นวิวโดยรอบเมืองได้สุดสายตา และนอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งภายในที่สวยงามอีกด้วย
--------------------------
Piazza San Marco
--------------------------
จัตุรัสที่อยู่บริเวณตอนเหนือของเมือง บริเวณมหาวิทยาลัยของเมือง ถึงแม้จะดูไกลจากแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ไปบ้าง แต่ก็มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่าง Galleria dell’ Accademia ที่เป็นที่เก็บรูปปั้นเดวิดอยู่
--------------------------
Galleria dell’ Accademia
--------------------------
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.15 -18.50
ค่าเข้าชม 10 ยูโร
พิพิธภัณฑ์ชื่อดังของเมือง Florence ตั้งอยู่บริเวณทางใต้ของ Piazza San Marco แต่เดิมเป็นโรงเรียนสอนศิลปะที่มีอายุยาวนานมาก จนมาเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ถ้าเห็นคนต่อแถวด้วยคิวมหาศาลแล้วล่ะก็เดาเอาไว้ได้เลยว่าเป็นคิวเพื่อเข้าชม Galleria dell’ Accademia นั่นเอง ความสำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือเป็นที่เก็บรักษางานปั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติอย่าง รูปปั้นเดวิด ( Michelangelo’s David ) ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของ มิเคลลันเจโลนั่นเอง
เดวิดเป็นรูปปั้นของชายหนุ่มเปลือยกายรูปร่างกำยำ มีกล้ามเนื้อที่ดูสมสัดส่วนน่าเกรงขาม มีขนาดสูงราว 160 นิ้ว หรือสองเท่ากว่า ๆ ของขนาดคนปกติ ที่แกะสลักจากหินอ่อน โดยมิเคลลันเจโลในวัย 29 ปี แต่กว่าจะแกะแล้วเสร็จเขาก็อายุ 33 เสียแล้ว เพราะใช้เวลาในการแกันานถึง 4ปีทีเดียว
รูปปั้นเดวิดนี้แต่ก่อนเคยตั้งอยู่กลางแจ้งที่ Piazza della Signoria แต่เนื่องจากต้องตากแดดตากฝน จึงกลัวว่าจะได้รับความเสียหาย จึงได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในปี 1873 และทำรุปปั้นจำลองเอาไว้ที่จัตุรัสแทน
ส่วนงานอื่น ๆ ในพิพิธภัณฑ์นั้นก็เป็นงานปฎิมากรรมที่มีความสวยงามมากเช่นกัน ทั้งงานของมิเคลลันเจโลเองและงานของศิลปินคนอื่น ๆ
หากจะเข้าชมแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงคิว เพราะบางครั้งอาจต้องรอคิวถึงกว่า 2 ชั่วโมง โดยสามารถซื้อออนไลน์ได้หลายเวป ข้อเสียคือจะเสียค่าบริการจองค่อนข้างแพง
--------------------------
Museo di San Marco
--------------------------
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.15 - 13.20
ค่าเข้าชม 4 ยูโร
ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่บริเวณมหาวิทยาลัย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีไฮไลท์บริเวณชั้นที่ 1 บริเวณด้านบนของบันไดเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Fra Angelico ที่ชื่อ Annunciation ประดับตกแต่งอยู่ ท่ามกลางภาพเขียนในแนว Frescoes อีกจำนวนมาก
--------------------------
SANTA CROCE
--------------------------
ย่านนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์สำคัญอีกแห่งในเมือง อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Duomo
Basillica di Santa Croce
เวลาทำการ จันทร์ - เสาร์ 9.30 - 17.00 อาทิตย์ 14.00 - 17.00
ค่าเข้าชม 6 ยูโร
วัดในนิกายโรมันคาธอลิค ความสำคัญของที่นี่คือเป็นที่เก็บศพของคนดังหลาย ๆ คน ทั้ง มิเคลเอนเจโล กาลิเอโอ และคนดังอื่น ๆ อีกมากมาย จนได้รับฉายาว่า “Pantheon of the Italian Glories”
ในอดีตวัดถูกสร้างขึ้นราวปี 1294 โดยเศรษฐีผู้มั่งคั่งในเมือง Florence โดยสร้างเป็นวัดในลัทธิ franciscan และถือเป็นวัด franciscan ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ก่อนจะมีการดัดแปลงปรับปรุงหลายต่อหลายครั้ง ทั้งจากความเสียหาย และจากสถานการณ์การเมืองและศาสนาในยุคนั้น ๆ จนในครั้งหลัง ๆ ได้มีการดัดแปลงใส่ิลปะแบบ Gothic และ Neo Gothic เข้าไป และได้ยกให้เป็นสมบัติของสาธารณะในปี 1866
ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชม ส่วนหอพักของนักบวชเดิมก็เปิดเป็นโรงเรียนสอนช่างหนังและเปิดให้เข้าชมกรรมวิธีผลิตเครื่องหนังด้วย
--------------------------
THE OLTRARNO
--------------------------
ย่านริมน้ำซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างกับย่านอื่น เพราะจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ได้มีอาคารบ้านเรือนหนาแน่นเหมือนที่อื่น ๆ แต่ก็เป็นย่านที่พลาดไม่ได้เพราะมีสิ่งก่อสร้างและวิวที่สวยงามอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว
--------------------------
Ponte Vecchio
--------------------------
สะพานที่ไม่ใช่สะพานธรรมดา แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองเลยทีเดียว สะพานทีทอดผ่านแม่น้ำ Arno แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ คศ 1345 และยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ในปัจจุบัน ถือเป็นสะพานเก่าแก่แห่งเดียวที่เหลือรอดมาได้
แต่เดิมถูกสร้างเป็นสะพานไม้ 2 ชั้นและมีหลังคาคลุม บนชั้นสองจะเป็นทางเดินเชื่อมต่อกับ Palazzo Pitti เพื่อให้เหล่าเจ้านายได้เดินข้ามแม่น้ำโดยไม่โดนแดดโดนฝน และใช้ชั้นล่างเป็นแหล่งค้าขายของสด แต่แล้วก็มีการเปลี่ยนให้มาขายเพชรพลอยแทนในภายหลัง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเนื้อสัตว์ และถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งขายเครื่องประดับที่ขึ้นชื่อของประเทศอยู่
สะพานถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ในรูปแบบที่เห็นปัจจุบัน ร้านค้าต่าง ๆ ก็ยังคงมีครบเช่นเดิม จากที่สะพานสามาถมองเห็นวิวแม่น้ำและเมืองได้อย่างสวยงาม หรือจะมองตัวสะพานเองจากยอดเขาใกล้เคียงก็สวยงามไม่แพ้ใครเลย
--------------------------
Plazzale Michelangelo
--------------------------
จุดชมวิวหลักของเมือง เพราะจะสามารถเห็นตัวเมืองทั้งหมดจากภายนอกได้แบบ Panorama โดยมี Duomo เด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมือง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของรูปจำลองเดวิดอีกแห่งด้วย ( รวมแล้วรูปสลักเดวิดมีทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกัน ในเมือง Florence )
ที่นี่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงยามเย็น เนื่องจากจะเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าจากที่นี่ และถ้าอยู่ต่ออีกซักนิดก็จะเห็นภาพเมืองที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ สวยงามราวอัญมณีเลยทีเดียว
สามารถเดินทางมาได้ทั้งการเดิน โดยเดินขึ้นเขามาประมาณ 10 นาที หรือจะนั่งรถบัสมาจากสถานีรถไฟก็ได้
Palazzo Pitti
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.30 - 18.50
ค่าเข้าชม 7-25 ยูโร
ที่พำนักเก่าของตระกูลเมดิซี ตระกูลที่มีชื่อเสียงและบทบาทสำคัญอย่างมากต่อเมือง Florence โดยแต่เดิมเป็นของพ่อค้าในตระกูล Pitti ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือในปี 1550 เพราะการล้มละลายของตระกูล Pitti ในสมัยก่อน ขุนนางหรือคนระดับสูงที่อาศัยที่นี่จะใช้สะพาน Vecchio ในการเดินข้ามไปทำงานหรือว่าราชการที่บริเวณ PIAZZA DELLA SIGNORIA
ในปัจจุบันเปิดในประชาชนทั่วไปเข้าชมภายใน โดยจะเก็บรักษางานศิลปะต่าง ๆ ของตระกูล รวมไปถึงห้องและเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั้งเครื่องครัว ชุดอาหาร เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับไว้ครบถ้วน โดยห้องที่น่าชมที่สุดก็ได้แก่ Galleria Palatina & Appartamenti Reali นั่นเอง
--------------------------
ที่พักใน Florence
--------------------------
ที่นี่มีที่พักให้เลือกมากมาย เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีตั้งแต่แบบแพงมาก ๆ จนไปถึงห้องพักแบบ Dorm นอนรวม
--------------------------
B&B Dell'Olio
--------------------------
Piazza Dell' Olio 3, Duomo, 50123 ฟลอเรนซ์, อิตาลี
ราคาเริ่มต้น 4,000 บาท / ห้อง
โรงแรมที่อยู่ใกล้ Duomo มาก สะดวกสำหรับการท่องเที่ยว อยู่ใจกลางเมือง ห้องสะอาดและดูสมราคา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
--------------------------
Hostel Gallo D'oro
--------------------------
Via Cavour 104, San Marco - Santissima Annunziata, 50129 ฟลอเรนซ์, อิตาลี
ราคาเริ่มต้น 750 บาท / คนสำหรับห้องนอนรวม
Hostel ที่มีราคาถูกมาก แม้จะเป็นห้องนอนรวมแบบ Dorm แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ราคานี้รวมอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ไปด้วย เหมาะสำหรับนักเดินทางราคาประหยัดที่ต้องการที่พักราคาดี แต่ปลอดภัย ข้อเสียคืออยู่ไกลแหล่งท่องเที่ยวหลักไปบ้าง ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที
galleria palatina 在 悪魔天使的旅行人生Devilangel Travel Life Facebook 的最佳解答
[藝術是腐敗的信眾:Sandro Botticelli]
昨晚看完套劇I Medici: The Magnificent最後一季
看完內心帶激動⋯ 因為睇到另一個歷史,於是又再搜資料來看。
最顯赫的佛羅倫斯領主是Lorenzo de' Medici,
但他43歲就死了。
他和爺Cosimo di Giovanni de' Medici一樣熱愛藝術,所以生平搜集不少藝術品,更搜尋各方面才華的人。
他還做了一個藝術花園,給才華人在內做藝術。當中有後世注目的 Leonardo da Vinci & MichaelAngelo!
原來黑歷史是當時除了羅馬教廷之外,佛羅倫斯的教會有個叫道明會,有個修士Savonarola宣教成功,做了市民的精精領袖,遠大於佢統治佛羅倫斯的Medici family。
他理念是藝術令人迷失心志、遠離神⋯⋯ 等等
(劇部份:Lorenzo臨死前接見這修士,說佛羅倫斯與人民都已在你控制之下了,但請不要破壞美麗的藝術!Savonarola回應說你死後所謂美的東西都會消失,這些都是腐敗!要銷毁所有,將來說沒有人記得誰是 Leonardo da Vinci 及誰是MichaelAngelo了。
歷史上,當Lorenzo 在1492年死去後,1497年這修士就發動了名為「虛榮之火」事件,他的支持者收集並當眾焚毀了成千上萬的藝術品、書籍和化妝品。他們認為化妝品、特定的書籍和藝術品都是愛慕虛榮的象徵,會誘人犯罪。
當中信這個修士的支持者包括了Sandro!
他是達文西同學,也是Medici 兄弟的朋友,他被Lorenzo 和Giuliano賞識而幫他發展藝術!與強大的美第奇家族保持著友好也令他獲得政治上的保護,並享有有利的繪畫條件。此外也是通過這一層關係,他得以接觸到佛羅倫斯上流社會和文藝界名流,開拓了視野,接觸各方面多種的知識。
1482年他以詩人波利蒂安歌頌愛神維納斯的長詩為主題,為美第奇別墅所畫《春Primavera》受到非常大的讚賞。
1485年的《Venere e Marte愛神與維納斯 》左邊的男人據說是Giuliano Di Medici來!
1486的《維納斯的誕生The Birth of Venus》都是聲名大噪的作品。
但後來Sandro他都信了那個個修士的宣教⋯
在「虛榮之火」事件當中,他有去燒藝術品,包括自己的畫作!!
或許是因為這個原因,Sandro的後半生聲名不再,晚年貧困潦倒,只能靠救濟度日,最終於1510年去世,安葬於佛羅倫斯「全體聖徒」教堂墓地。
歷史教訓是誤信邪教🤪
話說點來,今時今日說的文藝復興時期
實在要多謝被喻為腐敗的愛藝術、發展藝術和做藝術的人,以及願意保留這樣偉大藝術的人,否則600年後的今日我們不會見證到這黃金時代。
而黃金時代都有這個Medici家族(每個顯赫家族都不會無黑暗面的)
然而,Medici傳承下來的收藏品,現在還保存在Galleria degli Uffizi及Galleria Palatina。家族使用過的Palazzo Pitti等等建築物也大多在佛羅倫斯市內完好地保留著。能夠留下這些供後人景仰的藏品和建築,都歸功於麥第奇家族最後的女性Anna Maria Luisa de'Medici。她留下的遺言:「將麥第奇家族的所有收藏品都留在佛羅倫斯,向公眾開放展出。」,使得Medici的榮華富貴直到現在......
而法國城堡Château de Chenonceau曾經的女主人Catherine de' Medici(法王亨利二世老婆)都加做了花園。
#看戲讀歷史
#讀完歷史去旅行
#文藝復興
#意大利佛羅倫斯