ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
同時也有18部Youtube影片,追蹤數超過57萬的網紅KIM THAI,也在其Youtube影片中提到,⚡️ SHOP MY MERCH: https://shopkimthai.com ⚡️ ⚡️ SHOP MY MERCH: https://shopkimthai.com ⚡️ ⚡️ SHOP MY MERCH: https://shopkimthai.com ⚡️ ? Partnerships...
「google search network」的推薦目錄:
- 關於google search network 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於google search network 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於google search network 在 Facebook 的最佳貼文
- 關於google search network 在 KIM THAI Youtube 的最佳貼文
- 關於google search network 在 KIM THAI Youtube 的最佳貼文
- 關於google search network 在 Droidsans News Updates Youtube 的最佳貼文
google search network 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
Google Maps ธุรกิจที่สะสมข้อมูล โลกทั้งใบ ไว้ในมือ /โดย ลงทุนแมน
สมาร์ตโฟน คือสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ามาทำให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงและหนึ่งในนั้นก็คือวิธีการดูแผนที่
แอปพลิเคชันแผนที่ดิจิทัล ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ “Google Maps” ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอกเส้นทาง หรือแม้แต่ดูสภาพการจราจรเรียลไทม์
จนหลายคนอาจจินตนาการไม่ออกแล้วว่าในยุคที่แผนที่ยังเป็นกระดาษ
เราเดินทางไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยกันอย่างไร
แล้วเส้นทางการรวบรวมข้อมูลโลกทั้งใบไว้ในมือของ Google Maps มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน หรือในปี 2003 ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
คู่พี่น้องชาวเดนมาร์กที่ชื่อ Lars และ Jens Eilstrup Rasmussen กับเพื่อนชาวออสเตรเลียอีก 2 คน
ได้ร่วมกันก่อตั้งสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับแผนที่ดิจิทัล ที่มีชื่อว่า “Where 2 Technologies”
ในปีถัดมา Where 2 Technologies ได้เข้าไปนำเสนอไอเดียธุรกิจของพวกเขา
ให้กับบริษัท Search Engine ยักษ์ใหญ่ของโลก นั่นคือ Google
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Google Maps
Google ตัดสินใจซื้อกิจการ Where 2 Technologies ในปี 2004
และในปีเดียวกัน Google ยังซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 2 บริษัท
บริษัทแรกคือ Keyhole ที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านการสร้างแผนที่ 3 มิติ
โดยใช้ดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งต่อมาก็คือ Google Earth
และอีกบริษัทคือ ZipDash บริษัทที่พัฒนาระบบให้บริการข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์
หลังจากใช้เวลาพัฒนาต่อไประยะหนึ่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2005 Google ก็ได้เปิดตัว Google Maps
ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Google ที่จะให้บริการแผนที่ดิจิทัลบนเว็บไซต์ เพื่อทำให้การหาเส้นทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทำได้ง่าย สามารถค้นหาสถานที่ได้ ซูมเข้าออก และเลื่อนแผนที่ได้เอง
ที่มากกว่านั้นก็คือ Google ต้องการสะสมข้อมูลของโลกทั้งใบไว้ด้วย
แม้ในตอนนั้นจะมี MapQuest และ Yahoo! Maps ที่ให้บริการแบบนี้มาก่อนแล้ว
แต่ความนิยมของ Google Maps ก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกลายมาเป็นผู้ชนะได้
จาก 3 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปี 2007
จุดเปลี่ยนแรกก็คือ การเริ่มให้บริการ Google Street View
แม้จะเป็นฟีเชอร์ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์สูง ในเรื่องความเป็นส่วนตัวของภาพถ่าย ซึ่งในตอนหลัง Google ได้แก้ไขแล้ว แต่ Street View ก็เป็นฟีเชอร์ที่ถูกใจผู้ใช้งาน และทำให้ Google Maps ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก
Street View มีขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งาน Google Maps ได้เห็นภาพสถานที่จริงประกอบด้วย ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาสถานที่ทำได้สะดวกขึ้น
โดยภาพ Street View เหล่านี้ Google Maps จะใช้รถยนต์ที่ติดกล้องซึ่งพัฒนาขึ้นมาเอง และให้คนขับรถออกไปบันทึกภาพ
แต่ถ้าเป็นในพื้นที่ที่รถเข้าไม่ถึง อย่างเช่น ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นภูเขา ก็จะเป็นคนแบกกล้องเดินไปบันทึกภาพแทน
Google Maps เริ่มต้นรวบรวมภาพ Street View ใน 5 เมืองของสหรัฐอเมริกา
จนในปัจจุบันมีข้อมูลกว่า 187 ประเทศ และสามารถดูภาพ Street View แบบ 360 องศาได้
จุดเปลี่ยนที่สองก็คือ เริ่มให้บริการบนโทรศัพท์มือถือ
Google Maps ได้พัฒนาให้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถืออย่าง BlackBerry และ Palm ได้
นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ Google Maps สามารถพกติดตัวไปใช้งานที่ไหนก็ได้
จุดเปลี่ยนที่สามและเป็นครั้งสำคัญที่สุดก็คือ เริ่มให้บริการในรูปแบบ “แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน”
ในปี 2007 ยังเป็นปีที่ iPhone รุ่นแรกของโลกเปิดตัว และแอปพลิเคชันแผนที่บน iPhone
ทาง Apple ได้ร่วมกันพัฒนากับ Google และใช้ฐานข้อมูลทั้งหมดจาก Google Maps
ต่อมาในปี 2012 Apple ได้หยุดการใช้ฐานข้อมูลจาก Google Maps และหันมาพัฒนาแอปพลิเคชัน Maps ด้วยตัวเอง
แต่กลับกลายเป็นว่า Apple Maps ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ Apple ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
โดยได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่ถูกต้องของข้อมูล และปัญหาข้อผิดพลาดทางเทคนิค
จนถึงขั้นที่ CEO ของ Apple อย่าง Tim Cook ต้องออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ
จุดอ่อนของ Apple Maps ก็คือการไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลเองแบบ Google
แต่ใช้วิธีนำข้อมูลจากพาร์ตเนอร์ทั่วโลกมาใช้ต่ออีกที
หลังจากประเด็นร้อนของ Apple Maps เพียง 1 วัน
Google Maps ก็เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ทันที
ต่อยอดจากเวอร์ชันของ Android ที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว
และ 3 เดือนหลังจากนั้น แอปพลิเคชัน Google Maps
ก็เปิดตัวบน App Store อย่างเป็นทางการ
ซึ่งภายในเวลาเพียง 2 วันก็ถูกดาวน์โหลดไปกว่า 10 ล้านครั้ง
แต่นอกเหนือจาก MapQuest และ Yahoo! Maps แล้ว
Google Maps ก็ต้องเผชิญกับคู่แข่งใหม่อย่าง Waze
ที่มีจุดเด่นคือเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ ที่เป็น Social Network ด้วย
นั่นจึงทำให้ผู้ใช้งาน สามารถแชร์และอัปเดตข้อมูลได้เองแบบเรียลไทม์ เช่น จุดนี้เพิ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้รถติด
Google จึงเข้าซื้อกิจการ Waze ปี 2013 และนั่นทำให้ Google Maps สามารถแสดงข้อมูลเรียลไทม์อย่างจุดที่มีการปิดถนนหรือซ่อมถนนได้
Google Maps ยังได้ต่อยอดการบริการที่ใช้ประโยชน์จากแผนที่ไปอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
- การแสดงจุดที่กำลังเกิดภัยธรรมชาติ
- การรีวิวร้านค้าหรือโรงแรมของผู้ที่ไปใช้บริการ
- ข้อมูลจำนวนผู้ใช้บริการในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการหลีกเลี่ยงช่วงที่มีผู้คนแออัด
หรืออย่างช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ก็เพิ่มตัวเลือก COVID-19 Info
ที่ใช้แสดงสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต่าง ๆ อีกด้วย
ด้วยการใช้งานที่สะดวก ข้อมูลมีความแม่นยำ และยังมีฟีเชอร์การใช้งานที่เป็นมากกว่าแผนที่
จึงทำให้ปัจจุบัน Google Maps กลายเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ อันดับหนึ่งของโลก
ที่มีผู้ใช้งานหลักพันล้านคนต่อเดือน ในกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
แล้ว Google Maps มีรายได้จากอะไรบ้าง ?
ได้ชื่อว่า Google ก็แน่นอนว่ารายได้ทางแรกคือจากค่าโฆษณา
ซึ่งในความจริงแล้ว Google Maps ให้บริการฟรีแบบยังไม่เริ่มเก็บค่าโฆษณามาตลอด
โดยทางบริษัทอธิบายว่า ได้ใช้เวลาทดลองอยู่นานว่าจะเริ่มสร้างรายได้จากโฆษณาอย่างไร
ไม่ให้กระทบประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
จนกระทั่งปี 2019 Google Maps เริ่มให้บริการโฆษณาบนแพลตฟอร์มอย่างจริงจัง
ซึ่งก็มีอยู่หลายรูปแบบ อย่างเช่น Promoted Pins และ Nearby
โดยปกติ ตำแหน่งที่ตั้งใน Google Maps จะมีไอคอนมาตรฐานแสดงถึงกิจการแต่ละประเภท
เช่น รูปแก้วกาแฟสำหรับร้านกาแฟ หรือรูปเตียงสำหรับโรงแรม ซึ่ง Google Maps ได้ให้ธุรกิจหรือร้านค้าใช้ Promoted Pins หรือคือการใช้โลโกของแบรนด์ตัวเอง แทนไอคอนเหล่านั้นได้
ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งของ Starbucks แสดงด้วยโลโกนางเงือกสีเขียว หรือโรงแรม Hilton แสดงด้วยโลโกตัวอักษร H สีแดง
ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มการจดจำให้กับแบรนด์เองแล้ว ผู้ใช้งาน Google Maps ยังสะดวกมากขึ้นจากการใช้กิจการชื่อดังที่ทุกคนรู้จักเป็นจุดอ้างอิงในการหาเส้นทางได้
หรืออย่างฟีเชอร์ Nearby ที่ให้ผู้ใช้งานใช้ค้นหาสถานที่ใกล้ตัว อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ หรือโรงแรม ซึ่งกิจการที่จ่ายค่าโฆษณา ก็จะปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ
นอกจากค่าโฆษณาแล้ว รายได้อีกทางของ Google Maps ก็คือการให้บริการแพลตฟอร์มแผนที่
เพื่อเป็นข้อมูลเชื่อมต่อไปยังแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้แผนที่ดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันเรียกรถ หรือดิลิเวอรี ซึ่งในปัจจุบัน มีกว่า 5 ล้านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้ Google Maps เป็นฐานข้อมูล
ถ้ามองไปถึงโอกาสในการสร้างมูลค่าจาก Google Maps ในอนาคต ก็ต้องบอกว่ายังมีอยู่อีกมาก
อย่างพวกข้อมูลเส้นทาง ถนน การจราจรจำนวนมหาศาลที่ Google Maps สะสมมา จะเป็นคลังข้อมูลที่สำคัญในการพัฒนา Waymo หรือยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Alphabet ได้
หรือจะเป็นการเติบโตไปกับเทรนด์ Augmented Reality หรือ AR อย่างเช่น เกม Pokémon GO ที่ร่วมพัฒนาโดย Nintendo, Pokémon และ Niantic
ซึ่ง Niantic ก็คือบริษัทเกม AR บนสมาร์ตโฟน ที่แยกออกมาจาก Google และอยู่ในเครือ Alphabet
ถึงตรงนี้คงจะพอเดาได้ว่า แผนที่ในเกม Pokémon GO ก็มาจากฐานข้อมูลของ Google Maps นั่นเอง
Google Maps ที่เพิ่งสร้างรายได้อย่างเป็นทางการให้ Google ได้เพียง 2 ปี จึงยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของ Google และ Alphabet เท่านั้น
แต่นั่นจึงทำให้น่าจับตามองต่อไปว่า
Google Maps ที่ครอบครองข้อมูลของโลกทั้งใบ
จนเปรียบได้กับทรัพย์สินล้ำค่าที่ Google สะสมมานาน
จะสร้างรายได้ให้กับ Google มากขนาดไหนในอนาคต..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.cnbc.com/2020/12/05/how-google-maps-came-to-dominate-navigation-.html
-https://www.cnbc.com/2021/05/18/how-does-google-make-money-advertising-business-breakdown-.htm
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/google-flips-the-switch-on-its-next-big-money-maker-maps?sref=i3mD6rA5l
-https://www.theguardian.com/technology/2015/feb/08/google-maps-10-anniversary-iphone-android-street-view
-https://medium.com/@lewgus/the-untold-story-about-the-founding-of-google-maps-e4a5430aec92
-https://www.investopedia.com/articles/investing/061115/how-does-google-maps-makes-money.asp
google search network 在 Facebook 的最佳貼文
[今日寫呢啲]Happy Birthday to me!多謝大家,在我生日(七一呀!今日)就真係達到1700人。感激感激。「下個月就係開Patreon一周年」,「不如整夠2000人賀下佢」(我就好似某啲港女咁巧立名目個個月要送嘢,或者某啲港仔咁要蛋白質缺乏日做節)
==============
月頭訂最抵!2021比別人知得多。subscribe now(https://bityl.co/4Y0h)。Ivan Patreon,港美市場評點,專題號外,每日一圖,好文推介。每星期6篇,月費100,已經1700人訂! 畀年費仲有85折
==============
正經,我都唔記得今日紅日(冇返工嘅人係咁架啦),但反正美股都仲有市,同埋反正以往我年中無休,聖誕節都照出文的。大家唔使PM或留言生日快樂了,你去訂Patreon已經係最好嘅禮物。下半年仲有更多精彩嘢,包括之前講嘅大project (Andrew Wiles),都完成咗,今個月會公佈。仲有勞蘇基金都希望有進展。
正文,半年結,咁我好直接的,你上半年嘅表現係點?今年我原本以為幾難玩,咁當然難過舊年(3月後),但都比我想像中易。港股嘅,視乎你買乜,但三大指數平均夾埋都有得升,美股更加係三大指數都12-14%。即係平均大約13%。全部夾埋,你嘅投資回報,如果冇6%,就跑輸大市。當然跑輸唔係咩極大問題,但首先,就唔好平時咁撚多嘢講,人地叫你買ETF你就話升得唔多,你跑得贏咩?另外,跑輸唔係咩大問題,但如果搞到輸錢嘅,就真係出咗好大問題。你檢討下,不如買勞蘇基金算。我扣埋fee都肯定唔會搞到你輸錢(我指上半年,唔係以後永遠)
五月唔窮,六月唔絶。咁七月又點?文入面有講了。雖然,「其實個個月都估升包冇衰」,「因為股票升多過跌」。
新股嘅,唔係幸災樂禍,但,冇點你啦,寫到明話奈雪的茶2150唔掂,果然插水。仲追唔追?你話呢?不過Patreon上個月都有篇4000字分析,你訂咗即時睇到(同埋過去11個月嘅文)。
至於和黃醫藥13,我冇寫過,但有朋友私下問過,我都睇淡隻嘢。結果當然係我睇錯。See?有人話我睇錯唔認,錯了,我連Patreon冇寫嘅我都認。有乜問題?錯咪錯。不過文入面我會話你知我睇漏咗乜,我就係靠不停檢討反省,先減少錯誤(減少咋,都仲係成日錯的,但贏嗰時夠冚咪得)。我學到嘢,你都會學到嘢。
每日一圖,兩個都係美股圖。第一個圖超正,畀你睇到到底有咩行業(同埋factor)係連續兩季都跑贏,又或者連續兩季都跑輸。但呢兩部份都唔係最有趣,你可能都估到。最有趣係,睇埋剩返兩格!邊啲係之前跑輸而家跑贏,邊啲係之前跑贏而家跑輸,同埋,因乜原因?see?就算畀埋個圖你(你咪去Google),你都係要買埋本說明書嘅。我咪本說明書。
第二個圖簡單啲,「唔使點用說明書」。畀你見到N咁多美股公司都上調第二季盈利指引。即係點?即係之前個Q個話啲分析員太進取,結果唔係,實情舊年年尾,仲有今年,幾次業績,次次都大多數勝過預期,分析員追到氣咳。咁你明白點解美股升未?有幾難明?
Good Read嘅仲正,兩個新搞作(人地,唔係我),我就討論下,work唔work架?我嘅睇法就Patreon入面講,唔劇透。但,呢度話你知啲新搞作係咩事先
第一壇,交友app.搞交友app表面嘅成本唔高,但一樣係network effect,多女嘅咪自然多仔去,多仔嘅咪吸到更多女。你任何新嘅交友app,問任何人拎錢,佢都必然問你:咁你同Tinder有乜唔同?今次呢個?叫Thursday,有乜賣點?睇名咪知!只係星期四用到!其他日子做乜?你話呢?咁到底work唔work?你估下?
第二壇,冇廣告又保障你私隱嘅search engine。「即係MeWe咁咯」「咁你估下 work 唔work」。但個背景係,Google同Facebook一樣,都係廣告公司(冇話你知?),大家各有極強嘅領域,對方點都踩唔到入嚟(Google+,anyone?)。Google嘅 search,當然都係靠廣告養(好Q好搵),同埋唔多唔少都出埋你data.咁個個當然私隱大過天,就有以前嘅Google員工搞一個唔靠廣告,又保障你私隱嘅search engine。咁一句:點賺錢?答案係收月費。你估下work唔work?都唔止係5蚊美金月費嘅問題,仲有兩大問題,我文入面有講。
==============
月頭訂最抵!2021比別人知得多。subscribe now(https://bityl.co/4Y0h)。Ivan Patreon,港美市場評點,專題號外,每日一圖,好文推介。每星期6篇,月費100,已經1700人訂! 畀年費仲有85折
==============
google search network 在 KIM THAI Youtube 的最佳貼文
⚡️ SHOP MY MERCH: https://shopkimthai.com ⚡️
⚡️ SHOP MY MERCH: https://shopkimthai.com ⚡️
⚡️ SHOP MY MERCH: https://shopkimthai.com ⚡️
? Partnerships and Sponsorships: nikki@expandentertainment.co
? Instagram: https://www.instagram.com/kkimthai
? Subscribe to my Food Channel: https://www.youtube.com/channel/UC5zak5tqTE3JJFtiIpXyOnA
Amazon - - - Yes! I will start a Amazon Page soon with all of my favorites, no worries!
- Paper Shredder: https://www.amazon.com/AmazonBasics-8-Sheet-Cross-Cut-Credit-Shredder/dp/B00YFTHJ9C/ref=sr_1_1_sspa?dchild=1&keywords=paper+shredder&qid=1611907670&sr=8-1-spons&psc=1&spLa=ZW5jcnlwdGVkUXVhbGlmaWVyPUExVUI4TkcyUENPNUhTJmVuY3J5cHRlZElkPUEwMzg3NDcyNUJRMzNKM1BZNjBOJmVuY3J5cHRlZEFkSWQ9QTAyMjYzMTBOS0VPQldMSjNURk0md2lkZ2V0TmFtZT1zcF9hdGYmYWN0aW9uPWNsaWNrUmVkaXJlY3QmZG9Ob3RMb2dDbGljaz10cnVl
- Waterproof/Stain-proof Mattress Cover: https://www.amazon.com/gp/product/B07RJG2JXN/ref=ppx_yo_dt_b_search_asin_title?ie=UTF8&psc=1
IKEA - - -
- White Glass Bookshelf: https://www.ikea.com/us/en/p/vittsjoe-shelf-unit-white-glass-40303439/
- White Alex Drawer for Desk: https://www.ikea.com/us/en/search/products/?q=alex%20drawer
- Kitchen Tabletop for Desk: https://www.ikea.com/us/en/p/gerton-tabletop-beech-50106773/
- White Office Cabinets with Glass Doors: https://www.ikea.com/us/en/p/brimnes-cabinet-with-doors-glass-white-50300666/
- White Containers for Organizations: https://www.ikea.com/us/en/search/products/?q=white%20box
- White Letter Tray Shelf Thing: https://www.ikea.com/us/en/p/kvissle-letter-tray-white-70198031/
PENS - - -
- Muji: https://www.amazon.com/Muji-Point-Black-0-38mm-Japan/dp/B01N8QNC59/ref=sr_1_2?dchild=1&keywords=muiji&qid=1611907522&sr=8-2
- Pentel: https://www.target.com/s?searchTerm=pentel
- Sharpie: https://www.target.com/p/4pk-gel-pens-s-gel-0-7mm-black-sharpie/-/A-78025435#lnk=sametab
- Pigma: https://www.amazon.com/s?k=pigma+0.30&ref=nb_sb_noss
- Pilot: https://www.amazon.com/s?k=pilot&ref=nb_sb_noss_2
- Papermate: https://www.amazon.com/s?k=papermate+flare&ref=nb_sb_noss_2
Carlos’s Keyboard & Mouse - - -
- Keyboard: https://www.bestbuy.com/site/logitech-mx-keys-wireless-membrane-keyboard-for-mac-with-smart-illumination-space-gray/6404203.p?skuId=6404203
- Mouse: https://www.bestbuy.com/site/logitech-mx-master-3-wireless-laser-mouse-black/6366554.p?skuId=6366554
Carlos and Kim Office Chairs - - -
- Carlos’s Chair: https://store.hermanmiller.com/office/office-chairs/embody-task-chair/100137718.html?lang=en_US&mrkgadid=3200810516&mrkgcl=583&mrkgen=gpla&mrkgbflag=1&mrkgcat=brand&&acctid=21700000001680207&dskeywordid=92700050293585939&lid=92700050293585939&ds_s_kwgid=58700005504003683&ds_s_inventory_feed_id=97700000007501188&dsproductgroupid=721742083829&product_id=100137718&merchid=6218899&prodctry=US&prodlang=en&channel=online&storeid=%7Bproduct_store_id%7D&device=c&network=g&matchtype=&locationid=%7Bloc_phyiscal_ms%7D&creative=177757806673&targetid=pla-721742083829&campaignid=753657313&adgroupid=45160986692&gclid=CjwKCAiAgc-ABhA7EiwAjev-j0sct6PgikhIxZZtYFGBststbkoQHDZmzz2kKasoUetSd8SQyCfkVhoCNFoQAvD_BwE&gclsrc=aw.ds
- Kim’s Chair: https://store.hermanmiller.com/gaming/aeron-chair-gaming-edition/100185082.html?lang=en_US&utm_source=google&utm_medium=search-pd&utm_campaign=gamingphase4-bl&gclid=CjwKCAiAgc-ABhA7EiwAjev-j1_dcpc9K2IqXaFwex4klh4HBkFUJoGnvVLbG47OPssSz0tT-KuMVBoCYn8QAvD_BwE
? H I F R I E N D S
Welcome to my channel, where we do things all beauty, fashion and lifestyle! Here, you'll find makeup tutorials, lookbooks, my favorite beauty products and also a glimpse into my life! I love sharing as much as I can with all my wonderful subscribers. My online family and I like to keep this platform positive and uplifting. We hope you'll join us!
Federal Trade Commission: This video is not sponsored.
? Music by Zachary Friederich - Loddy Da (Instrumental) - https://thmatc.co/?l=69F49CC4
? Music by Zachary Friederich - Loddy Da (Instrumental) via @hellothematic
? Music by Trevor Douglas - Pressure - https://thmatc.co/?l=F1150080
? Music by @trevordmusic - Pressure via @hellothematic
google search network 在 KIM THAI Youtube 的最佳貼文
Welcome to my new home! In this video, we will be organizing our new home, you get to see me clean up and organize my beauty room/studio where I film and get ready! I'm excited to be back on this channel - I've missed you guys so much! Please be sure to leave a comment if you enjoy these types of videos/vlogs, I'd really appreciate the feedback! PS: You'll get to meet Riley and learn more about our new dog in a future video, love you!
BUSINESS INQUIRIES
» Partnerships and Sponsorships: nikki@expandentertainment.co
» Book me for a photography session: kimthaiphotography@gmail.com
JOIN THE FAMILY
» Follow me on Instagram: https://www.instagram.com/kkimthai
» Subscribe to THIS Channel: https://www.youtube.com/channel/UC-b1GcVKzV47dHB5xSP-Zpw
» Subscribe to my Mukbang Food Channel: https://www.youtube.com/channel/UC5zak5tqTE3JJFtiIpXyOnA
» Subscribe to my Boyfriend’s Channel: https://www.youtube.com/channel/UCkPEq141pagEJZ1t1bAk3Uw
⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤
⇢ D I S C O U N T C O D E S
• http://morphebrushes.com
Discount Code: KIMTHAI
This discount code does NOT expire.
It can be used online and in their stores.
SAVE MONEY AT LILLY LASHES
• https://lillylashes.com
15% Discount Code: KIMTHAI
This discount code does NOT expire.
SAVE MONEY JOUER COSMETICS
• https://www.jouercosmetics.com
15% Discount Code: KIMTHAI
This discount code does NOT expire.
FTC ⇢ The following links/discount codes are affiliations. Which means I get a small percentage whenever you use my discount code to purchase! Thank you for your support and trust in me and and my channel, I really appreciate it!
⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤
LINKS TO THINGS IN THE VLOG
Amazon Glasses: https://www.amazon.com/gp/product/B01FQ1XUEK/ref=ppx_yo_dt_b_asin_title_o00_s00?ie=UTF8&psc=1
Amazon Glasses: https://www.amazon.com/gp/product/B07F4128P2/ref=ppx_yo_dt_b_asin_title_o00_s00?ie=UTF8&psc=1
Container Store Shoe Boxes: https://www.containerstore.com/s/small-drop-front-shoe-box-case-of-6/d?productId=11008453&q=shoes%20box
Ikea Shelves (Big Ones): https://www.ikea.com/us/en/p/vittsjoe-shelf-unit-white-glass-40303439/
Ikea Shelves (Small Middle One): https://www.ikea.com/us/en/p/vittsjoe-shelf-unit-white-glass-10305802/
Amazon Acrylic Drawer: https://www.amazon.com/gp/product/B06XFYGRX7/ref=ppx_yo_dt_b_asin_title_o06_s02?ie=UTF8&psc=1
Dover Carry on Travel Bag: https://www.dagnedover.com
Anthropologie Gleaming Primrose Mirror: https://www.anthropologie.com/shop/gleaming-primrose-mirror2?color=020&size=7%27&inventoryCountry=US&countryCode=US&mrkgcl=694&mrkgadid=3339968734&utm_medium=paid_search&utm_source=Google&utm_content=US_-_Shopping_-_Home_-_Wall_Decor_-_Priority_And_Sale_Breakouts&utm_term=665572223006_product_type_house_%26_home_product_type_wall_decor_custom_label_2&adtype=pla&product_id=35401322&utm_campaign=US_-_Shopping_-_Home_-_Mobile&creative=348156566303&device=c&matchtype=&network=g&gclid=Cj0KCQjwyPbzBRDsARIsAFh15JbDS7b-LmUKX83g56egDub2lxsMcvxilZvki99kjH60H5ZNKv2dFm8aAurDEALw_wcB&gclsrc=aw.ds&type=STANDARD&quantity=1
Target White Organizers inside Drawers: Search "Storage Trays White - Room Essentials" and you'll get all the sizes!
Drunk Elephant Skincare: https://www.sephora.com/search?keyword=drunk%20elephant
Laneige Lip Mask: https://www.sephora.com/product/lip-sleeping-mask-P420652?icid2=products%20grid:p420652:product
Dog Light on Collar: https://www.amazon.com/gp/product/B01F0O60CW/ref=ppx_yo_dt_b_search_asin_title?ie=UTF8&psc=1
Healthy Dog Snacks: https://www.amazon.com/gp/product/B078JPX9FQ/ref=ppx_yo_dt_b_search_asin_title?ie=UTF8&psc=1
⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤
⇢ H I F R I E N D S
Welcome to my channel, where we do things all beauty, fashion and lifestyle! Here, you'll find makeup tutorials, lookbooks, my favorite beauty products and also a glimpse into my life! I love sharing as much as I can with all my wonderful subscribers. My online family and I like to keep this platform positive and uplifting. We hope you'll join us!
Federal Trade Commission: This video is not sponsored
⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤ ⏤
Music Credit:
Music by Cailee Rae - Deeper - https://thmatc.co/?l=11E403B
Music by @caileeraemusic - Deeper via @hellothematic
google search network 在 Droidsans News Updates Youtube 的最佳貼文
นับตั้งแต่บริษัท Alphabet Inc. ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2015 เพื่อดูแลภาพรวมของกิจการในด้านต่าง ๆ ของ Google อย่างเป็นระบบมากขึ้น YouTube ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นอีกแหล่งทำเงินสำคัญในด้านโฆษณาออนไลน์ กลับไม่เคยถูกแจงรายได้ออกมาเฉพาะส่วน แต่จะถูกรวมอยู่กับรายได้จากโฆษณาของ Google Search และ Display Network จนกระทั่งปีล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป Alphabet Inc. ได้ตัดสินใจแจงรายได้ของ YouTube อย่างเป็นทางการ พบว่าทำรายได้ต่อปีเกือบๆ 5 แสนล้านบาทแถมยังคงเติบโตอยู่อย่างแข็งแกร่งมากเสียด้วย
.
Alphabet Inc. ได้เปิดเผยรายได้รวมตลอดปี 2019 ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการโดยจุดสนใจอยู่ที่แพลตฟอร์ม Video Streaming เบอร์ 1 ของโลกอย่าง YouTube ที่ตั้งแต่ให้บริการมาไม่เคยถูกแจกแจงรายได้เฉพาะส่วนสู่สาธารณชน จนกระทั่งปีที่ผ่านมานี้เองมีการเปิดเผยรายได้จากแพลตฟอร์ม YouTube เป็นครั้งแรกโดยทำรายได้ตลอดปีสำหรับ YouTube Advertising (รายได้จากการโฆษณารูปแบบต่าง ๆ ) 2019 เอาไว้ทั้งสิ้นสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 4.7 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
.
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://droidsans.com/google-discloses-youtube-revenue-for-the-first-time/