MINI แบรนด์รถเล็ก ที่ยิ่งใหญ่ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงรถยนต์ “MINI” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงรถคันเล็ก ที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว
แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว รถยนต์ MINI เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ
ที่มีจุดประสงค์ คือการผลิตขึ้นให้เป็นรถยนต์ราคาถูกเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันราคาแพง
แล้วเรื่องราวของรถเล็กที่ตั้งใจให้เป็นรถยนต์ราคาถูกนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ MINI ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1957 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวกันกับตอนที่ประเทศอียิปต์ยึดคลองสุเอซ
คลองสุเอซ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก
เมื่อถูกยึดและถูกปิดกั้นเส้นทาง การขนส่งน้ำมันจึงหยุดชะงักจนดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น
เรื่องดังกล่าวส่งผลให้รถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก ได้รับความนิยมลดลง
ในช่วงนั้น บริษัท British Motor Corporation หรือ BMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษ ที่เกิดจากการควบรวมของบริษัท Austin Motor Company กับ Morris Motors
เกิดความคิดที่จะผลิตรถยนต์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขึ้นมา
โดยรถยนต์ที่ว่านั้น ต้องเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็กและใช้น้ำมันน้อย
แต่ก็ต้องสามารถรับผู้โดยสารได้ 4 คน และที่สำคัญคือราคาต้องไม่แพง
บริษัท BMC จึงได้ทดลองผลิตรถเล็กขึ้นมาโดยมี เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส
วิศวกรและนักออกแบบรถของ BMC มาเป็นผู้รับผิดชอบหลักในโครงการนี้
จนในที่สุด “MINI” คันแรกก็สามารถออกสู่ตลาดได้ในปี 1959
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ด้วยรูปร่างของ MINI ที่เล็กกะทัดรัดแต่สามารถจุคนได้ถึง 4 คน
บวกกับการออกแบบที่สวยงาม ดูคลาสสิก ที่สำคัญมีราคาเพียง 496 ปอนด์
ซึ่งถือเป็นราคาที่คนทั่วไปสามารถเอื้อมถึงได้
ทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้ MINI สามารถขายได้ถึง 116,000 คัน ในระยะเวลาเพียงปีเดียว
สำหรับชื่อของ MINI นั้น จริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกเรียกแบบนี้มาตั้งแต่แรก
เดิมที MINI ถูกเรียกว่า “Austin Seven” กับ “Morris Mini” มาก่อน
เนื่องจากในช่วงแรกยังคงทำการตลาดภายใต้แบรนด์
Austin Motor Company กับ Morris Motors
แต่ในภายหลัง ก็ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ “MINI” ในปี 1969
แล้วถ้าถามว่า อะไรกันที่ทำให้ MINI เป็นที่รู้จักและยอมรับกัน ?
เราก็สามารถแบ่งก้าวกระโดดของ MINI จาก 2 เหตุการณ์ด้วยกัน
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในปี 1961
John Cooper นักแข่งรถในตำนาน
ซึ่งเขาเองเป็นเพื่อนสนิทของ เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส
เห็นว่าจริง ๆ แล้ว MINI เป็นรถที่สามารถยึดเกาะถนนได้ดี
เขาจึงได้ลองนำรถ MINI มาปรับแต่งเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น
หลังจากที่ John Cooper ได้ทำการปรับแต่งเสร็จ
เขาได้ตั้งชื่อให้รถที่เขานำมาปรับแต่งว่า “MINI Cooper”
และนั่นจึงเป็นที่มาของรถรุ่น MINI Cooper ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง
จนในปี 1964 ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนรู้จักและยอมรับในรถ MINI Cooper มากขึ้น
จากการที่ “Paddy Hopkirk” นักแข่งรถวิบาก สามารถนำรถ MINI Cooper เอาชนะการแข่งขัน
ในรายการ Monte Carlo Rally ซึ่งเป็นรายการแข่งรถวิบากในประเทศโมนาโก
โดยมีจุดประสงค์ในการแข่งคือต้องการเห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นในแต่ละปี
อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 1968
เมื่อ Paramount บริษัทผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ได้นำ MINI Cooper
มาใช้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Italian Job”
ซึ่งเป็นภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการปล้นทองคำครั้งใหญ่
โดยมีฉากที่ใช้รถ MINI Cooper 3 คัน สามารถขับหนีตำรวจ
ที่ใช้รถ Alfa Romeo ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่โด่งดังในช่วงนั้น
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ยอดขายรถ MINI เพิ่มขึ้นมากถึง 318,000 คันในปี 1971
โดยตลอดระยะเวลา 40 ปี นับตั้งแต่สามารถขายรถ MINI คันแรกได้ในปี 1959
ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย
ปี 1966 บริษัท BMC ทำการควบรวมบริษัท Jaguar Cars
หลังจากทำการควบรวม ได้เปลี่ยนชื่อเป็น British Motor Holdings Limited หรือ BMH
ปี 1968 บริษัท BMH ทำการควบรวมบริษัท Leyland Motor Corporation
ซึ่งในเวลานั้นมีบริษัทลูกเป็น Triumph Motor และ The Rover Company
หลังจากการควบรวมได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น British Leyland Motor Corporation หรือ BLMC
ในเวลานั้น BLMC ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษเลยทีเดียว โดยมีแบรนด์ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดี เช่น Triumph, MG, Rover รวมไปถึง MINI ด้วย
ปี 1975 ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น British Leyland
ปี 1986 British Leyland ได้ทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของบริษัท โดยมีการขายบริษัทย่อยที่ไม่ทำกำไรออกไป และได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Rover Group
ปี 1994 BMW บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ได้ทำการเข้าซื้อ Rover Group ด้วยมูลค่า 800 ล้านปอนด์
แต่เนื่องจากแนวทางในการทำงานที่ต่างกันและกำลังเป็นช่วงขาลงของ Rover
ทำให้ BMW ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปจำนวนมากถึง 1,000 ล้านปอนด์
จนในที่สุด BMW จึงตัดสินใจขายธุรกิจส่วนใหญ่ของ Rover Group ออกไปในปี 2000
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นแล้วว่าตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยทีเดียว
ทั้งการควบรวม เปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง รวมถึงการขายบริษัทย่อยออกไป
แม้ BMW ได้ขายธุรกิจส่วนใหญ่ของ Rover Group ออกไป
แต่มีรถยนต์อยู่แบรนด์หนึ่ง ที่ทาง BMW ยังคงเก็บไว้นั่นคือ MINI นั่นเอง
แล้วปัจจุบัน MINI ภายใต้บริษัทแม่ BMW เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2018 ขายได้ 364,101 คัน
ปี 2019 ขายได้ 347,465 คัน
ปี 2020 ขายได้ 292,582 คัน
ถึงแม้ 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนรถที่สามารถขายได้ของ MINI จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่หากเราลองไปดู ยอดขายของรถยนต์ทั่วโลกจะพบว่ามีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน
ปี 2018 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 92 ล้านคัน
ปี 2019 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 88 ล้านคัน
ปี 2020 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 73 ล้านคัน
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018
ในขณะที่ในปี 2020 ทั่วโลกยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ ตกลงไปอีก
อีกสาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนผ่านระหว่างการใช้รถที่ใช้น้ำมัน ไปเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งก็มีบางประเทศเริ่มออกนโยบายให้เห็นกันชัดเจนแล้ว เช่น นโยบายของสหรัฐอเมริกาที่จะเปลี่ยน รถยนต์ของรัฐให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งปัจจุบันทาง MINI เอง สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แล้วเช่นกัน
และก็เพิ่งทำการเปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ชื่อรุ่น “MINI Cooper SE”
ซึ่งเป็นเรื่องน่าติดตามต่อไปว่า MINI คันเล็กคันนี้
จะปรับตัวกับความท้าทายในครั้งนี้อย่างไร
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
รถ MINI รุ่น Paddy Hopkirk Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ ที่ตั้งชื่อตาม Paddy Hopkirk
นักแข่งรถที่สามารถนำรถ MINI Cooper เอาชนะการแข่งขัน Monte Carlo Rally ในปี 1964
โดยหมายเลข 37 ที่ติดอยู่กับตัวรถ คือหมายเลขรถ MINI ที่เขาสามารถเอาชนะในวันนั้นได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-http://cminicooper.blogspot.com/p/blog-page.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Rover_Group
-https://www.longtunman.com/8870
-https://en.wikipedia.org/wiki/British_Leyland
-https://en.wikipedia.org/wiki/British_Motor_Corporation
-https://en.wikipedia.org/wiki/Austin_Motor_Company
-https://en.wikipedia.org/wiki/Morris_Motors
-https://www.britannica.com/topic/British-Leyland-Motor-Corporation-Ltd
-https://www.miniusa.com/why-mini/why-mini/over-60-years-of-motoring.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/The_Italian_Job
-https://www.carolenash.com/news/classic-car-news/detail/mini-eras-the-1970s
-https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/20-mini-car-facts/
-https://askanydifference.com/difference-between-mini-cooper-and-mini-one/
-https://www.unlockmen.com/mini-cooper-3-door-f56-5-door-f55/
-https://www.statista.com/statistics/267245/worldwide-sales-volume-of-mini-automobiles-since-2006/
-https://www.autostation.com/car/mini-electric-2020-launch-in-thailand
-https://www.best-selling-cars.com/brands/2020-full-year-global-bmw-mini-and-rolls-royce-sales-worldwide/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Monte_Carlo_Rally
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paddy_Hopkirk
-https://www.forbes.com/sites/neilwinton/2019/10/03/uschina-tariff-war-will-lose-auto-industry-sales-worth-770-billion-report/?sh=4e0ed85f25e4
-https://www.iea.org/data-and-statistics/charts/global-car-sales-by-key-markets-2005-2020
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過33萬的網紅Spare Tire’s Auto Talk Show,也在其Youtube影片中提到,如果喜歡我的頻道,不要忘記訂閱哦。備胎說車,一起來玩。 【訂閱按鈕】https://bit.ly/2nxp9nO ------------------------------------------------ 內容提要: 為什麼寶馬賣了路虎名爵,卻只留下英式鋼砲小MINI? -------...
mg rover 在 沃草 Watchout Facebook 的精選貼文
如果,你發現你愛用的品牌商品,是由集中營的維吾爾人被強迫勞動生產出來的,你會怎麼想?
.
澳洲智庫 ASPI 指出,有 82 間全球知名企業涉入強迫維吾爾勞動爭議,指出他們在中國的工廠有使用來自新疆集中營的維吾爾工人,德國的福斯汽車就因為這項爭議,遭到消費者揚言抵制。美國企業研究院訪問學者 Elisabeth Braw 因此呼籲西方企業退出中國以挽救商譽!
.
被 ASPI 列出的品牌包括:Abercrombie & Fitch、宏碁(Acer)、Adidas、亞馬遜(Amazon)、蘋果(Apple)、華碩(Asus)、BMW、博世(Bosch)、Calvin Klein、Cerruti 1881、思科(Cisco)、戴爾(Dell)、 伊萊克斯(Electrolux)、Gap、通用汽車(General Motors)、Google、H&M、日立(Hitachi)、惠普(HP)、HTC、積架(Jaguar)、L.L.Bean、Lacoste、路虎(Land Rover)、賓士(Mercedes-Benz)、MG、微軟(Microsoft)、三菱(Mitsubishi)、三美電機(Mitsumi)、Nike、任天堂(Nintendo)、Nokia、Panasonic、Polo Ralph Lauren、Puma、三星(Samsung)、夏普(Sharp)、西門子(Siemens)、Skechers、Sony、TDK、Tommy Hilfiger、東芝(Toshiba)、Uniqlo、維多莉亞的秘密(Victoria’s Secret)、Vivo、福斯汽車(Volkswagen)和 Zara。
.
除了人權爭議使企業形象受損外,中國政府動輒對外資施壓、報復的情形,也讓西方企業面臨風險,Braw 指出,要停止中國政府這種強迫勞動的行為,唯一方法就是西方跨國品牌退出中國。
.
完整內容,請看《沃草》完整報導!
.
同場加映:
《沃草》新疆專題
https://watchout.tw/tags/xinjiang
------
#沃草需要你 #定期定額募集中
每月 199 元,留下守護台灣的力量! https://waa.tw/fRm7DF
FB/IG_watchout.tw|TG/YT_WatchoutTW|TW_watchoutTW
https://musou.watchout.tw/read/LLXYeAWrLlGw2KPUHZKz
mg rover 在 Papa Azri Facebook 的最佳解答
Mengejutkan. seorang anggota Imigresen Gred KP 19 memiliki kereta mewah iaitu Roll Royce Phantom, Mustang, Range Rover dan Audi. Siasatan mendapati kereta mewah didaftarkan atas nama 2 warga China dipercayai ejen pekerja asing China di Malaysia - MG
Dari kemewahan yang kita lihat ini berapa banyak yang berjaya mereka luluskan kepada warga asing?
Harap penjara sampai mati semua mereka yang terlibat.
mg rover 在 Spare Tire’s Auto Talk Show Youtube 的最佳貼文
如果喜歡我的頻道,不要忘記訂閱哦。備胎說車,一起來玩。
【訂閱按鈕】https://bit.ly/2nxp9nO
------------------------------------------------
內容提要:
為什麼寶馬賣了路虎名爵,卻只留下英式鋼砲小MINI?
------------------------------------------------
推薦播放列表:
【品牌文化】https://bit.ly/2U5bY00
【養車用車】https://bit.ly/2U1YZMK
【自己動手】https://bit.ly/2WC2Z3B
mg rover 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
ผลิตขายปีหน้า 2019 MG X-Motion Concept รถต้นแบบ SUV ตัวท็อปสุดของแบรนด์ MG เล็งขายทั่วโลก
MG เปิดตัวรถต้นแบบ X-Motion Concept อย่างเป็นทางการในงาน Auto China 2018 หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Beijing Auto Show หลังจากมีการปล่อยทีเซอร์ออกมาเป็นระยะก่อนหน้านี้
MG X-Motion concept เป็นรถต้นแบบของ SUV รุ่นท็อปของแบรนด์ซึ่งปัจจุบันก็คือรุ่น GS โดยมีแผนการผลิตเพื่อจำหน่ายในปี 2019 หรือปีหน้านี้ โดย suv รุ่นนี้รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน และมีการคาดหมายว่า จะมีรุ่นย่อยที่รองรับจำนวนที่นั่งได้มากกว่านี้
รูปโฉมของ X-Motion ดูคล้ายกับ SUV รุ่นใหม่ของค่ายอย่าง ZS ที่มาพร้อมดีไซน์ด้านหน้าคล้ายกับ Mazda ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของหน้ากระจัง และไฟหน้าที่ดูเรียบง่ายแต่เฉียบคม ดูทันสมัย ที่ดูเด่นขึ้นมาเห็นจะเป็นดีไซน์ของไฟตัดหมอกหน้าทั้งสองข้าง รวมถึงสเกิร์ตหน้าสีเงิน ที่เพิ่มความดุดัน หรูหรา และสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวรถ
ด้านข้างจะพบซุ้มล้อสีดำ รับกับล้ออัลลอยลายพิเศษขนาดใหญ่ บันไดข้างสีเงินทำให้รถดูมีราคาขึ้นมา กระจกมองข้างเรียวเล็กเกินจริง ที่ไม่น่าจะมีใช้กับรุ่น production ใกล้กันจะพบครีบระบายอากาศด้านข้างเรียวยาวในแบบ Range Rover Evogue ในขณะที่ด้านหลังจะพบไฟท้ายที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเหมือนไฟหน้า ความโดดเด่นคงหนีไม่พ้นดิฟฟิวเซอร์ท้ายสีดำ และปลายท่อไอเสียที่มีขนาดใหญ่และสะดุดตา โดยรวมแล้ว ตัวรถดูดี หรูหรา และสวยงามไม่น้อย
MG X-Motion จะมาพร้อมกับขุมพลังที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร โดยยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขด้านสมรรถนะในตอนนี้ มีทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 2WD และ AWD มาพร้อมระบบ adaptive cruise control นอกจากนั้นทาง MG ยังยืนยันอีกว่า จะมีรุ่นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นทางเลือกในภายหลังอีกด้วย
mg rover 在 CarDebuts Youtube 的精選貼文
สรุปยอดจองรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 (2018 Bangkok International Motor Show)
งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39” ปิดฉากลงไปด้วยยอดผู้เข้าชมสูงถึง 1.62 ล้านคน ค่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์กวาดยอดจองไปได้ถึง 42,499 คัน ถือว่าเป็นงานแสดงยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ตลาดรถปี 2018 เติบโตได้ตามเป้า 9.2 แสนคัน
ด้านของยอดจองรถยนต์ที่เกิดขึ้นภายในงาน มียอดรวมทั้งสิ้น 36,587 คัน เติบโตขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยทางค่ายฟอมม์ แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งทำการเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรกภายในงาน สามารถสร้างยอดจองได้ถึง 354 คัน
จากการรวบรวมตัวเลขยอดจองภายในงาน โตโยต้า มียอดจองมากที่สุด อยู่ที่ 5,689 คัน, อันดับ 2 ฮอนด้า 5,133 คัน อันดับ 3 มาสด้า 5,021 คัน อันดับ 4 อีซูซุ 3,920 คัน และอันดับ 5 เมอร์เซเดส-เบนซ์ 2,297 คัน ขณะที่ตลาดรถหรู ยังคงเป็นเซ็กเมนต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน
จากยอดจองภายในงานครั้งนี้พบว่า ผลจากการเริ่มทยอยปลดล็อกรถยนต์คันแรก รวมถึงภาคการเกษตร มีแนวโน้มปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้สถานการณ์ของตลาดเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่งผลให้กลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์ ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค แม้จะมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเข้มงวด เรื่องความปลอดภัยในการใช้รถเพื่อการพาณิชย์ก็ตาม แต่รถยนต์ในกลุ่มนี้ ก็ยังคงได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานอย่างมาก โดยมีสัดส่วนยอดจองอยู่ที่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ของยอดจองในปีนี้
ทางด้านรถในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง และรถยนต์หรูสัญชาติตะวันตก ได้รับความนิยมจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากรถยนต์ในกลุ่มนี้ มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาจากหลายบริษัท โดยเฉพาะรถประเภทเอสยูวี ที่เริ่มมีทิศทางการเติบโตตามความต้องการของตลาดมากขึ้น
ขณะที่รถไฟฟ้าที่เข้ามาแสดงภายในงานในปีนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก จึงทำให้รถประเภทนี้ เป็นทางเลือกของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากดูจากการสนับสนุนจากภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องกับรถไฟฟ้า ก็น่าจะทำให้ตลาดรถในกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต
อันดับ 1 Toyota 5,689 คัน
อันดับ 2 Honda 5,133 คัน
อันดับ 3 Mazda 5,021 คัน
อันดับ 4 Isuzu 3,920 คัน
อันดับ 5 Mercedes-Benz 2,297 คัน
อันดับ 6 Mitsubishi 2,108 คัน
อันดับ 7 Suzuki 2,039 คัน
อันดับ 8 MG 1,994 คัน
อันดับ 9 Nissan 1,819 คัน
อันดับ 10 Ford 1,809 คัน
อันดับ 11 BMW 1,472 คัน
อันดับ 12 Subaru 1,188 คัน
อันดับ 13 Hyundai 518 คัน
อันดับ 14 Chevrolet 362 คัน
อันดับ 15 FOMM 354 คัน
อันดับ 16 KIA 314 คัน
อันดับ 17 Audi 302 คัน
อันดับ 18 Volvo 176 คัน
อันดับ 19 Porsche 118 คัน
อันดับ 20 MINI 111 คัน
อันดับ 21 Lexus 63 คัน
อันดับ 22 LX-Mode 48 คัน
อันดับ 23 Carlsson 30 คัน
อันดับ 24 Land Rover 24 คัน
อันดับ 25 Maserati 18 คัน
อันดับ 26 Aston Martin 6 คัน
อันดับ 26 Jaguar 6 คัน
อันดับ 27 Bentley 2 คัน
อันดับ 28 Rolls-Royce 0 คัน
BYD 0 คัน
Mine Mobility 0 คัน