Guggenheim’s Scott Minerd warns bitcoin could plunge 50% near term — ‘things are very frothy’
นักลงทุนระดับโลก เตือน!! Bitcoin ใกล้กลับไป 30,000 $
By Kevin Stankiewicz
มีบางสิ่งที่ทำให้โลกของ crypto ตื่นเต้น เช่น การเก็งกำไรและการอภิปรายเกี่ยวกับราคาของ bitcoin ในปัจจุบันหรืออนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของราคา และเหล่าบรรดาคนดัง ออกมาพูดถึง bitcoin ว่าจะ Moon หรือการลดลงของราคา ทำให้ผู้ซื้อ bitcoin ได้สร้างชุมชนมาพูดคุยเกี่ยวกับราคาของ bitcoin กัน
ผู้เชี่ยวชาญยังให้ความสำคัญกับราคาของ bitcoin ค่อนข้างบ่อย ไม่ว่าจะพยากรณ์ว่ามันจะขึ้นหรือลงล่าสุด Scott Minerd ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆนี้ ชี้ให้เห็นว่า bitcoin อาจปรับฐานราคาลดลงมากถึง -50% จากราคาปัจจุบัน
โดย Scott Minerd จาก Guggenheim Partners ระบุว่า เขาเป็นแฟนตัวยงของ bitcoin และในระยะยาวคาดว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะประสบความสำเร็จและยังมองว่าเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตามการ Bullish ครั้งล่าสุด ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดฟองสบู่ เขารู้สึกว่าการ Bullish ในปัจจุบันเร็วเกินไปและในไม่ช้าตลาดอาจเห็นการปรับฐานครั้งใหญ่ได้
และกล่าวต่อไปว่า “ฉันคิดว่าเราสามารถดึง bitcoin กลับมาที่ 20,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะลดลง 50% แต่สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ bitcoin คือ เราเคยเห็นการลดลงประมาณนี้มาก่อน”
อย่างไรก็ตาม Minerd ไม่ได้คาดหวังว่า การลดลงครั้งนี้จะเกิดขึ้นนาน แต่เขารู้สึกว่าตลาด bitcoin จะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 400,000 ถึง 600,000 เหรียญ จากประวัติของ bitcoin นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
หลังจาก All time High ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ในปี 2017 ราคาของ bitcoin ก็ร่วงลงอย่างหนักโดยหลายคนตั้งคำถามว่า ราคาจะฟื้นตัวหรือไม่ ตอนนี้ได้เห็น Bullish รอบใหม่แล้ว มันก็ไม่พ้นคำถามสำหรับการปรับฐานตลาดครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดขาขึ้นครั้งสำคัญ
ซึ่งราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปี 2020 ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 90% ด้วยการยอมรับจากสถาบันการเงินมากขึ้น ได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้น เช่นTesla และ บริษัทการเงินอย่าง MastercardจนไปถึงGoldman Sachs กำลังดำเนินการเกี่ยวกับ crypto
ต้องจับตาดูว่า bitcoin จะร่วงจริงหรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้นจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม บทความนี้ เป็นเพียงมุมมองของนักวิเคราะห์เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำให้คุณลงทุนแต่อย่างใด "โปรดใช้วิจารณญาณ" ด้วยนะครับ
-------------------------------
สำหรับนักลงทุนที่ สนใจ ข้อมูลการลงทุนเชิงลึก
จากบทวิเคราะห์ระดับโลก รวมหลักแสนต่อปี
สามารถ สมัครเข้าดูได้ที่ห้องเรียนวงในครับ
สนใจ คอมเม้นใต้บทความได้เลย
--------------------------------
แอดปลา
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅Channel RL,也在其Youtube影片中提到,กด subscribe ติดตามทาง youtube ช่วยแชร์ด้วย A1 231259 สำหรับลูกค้า คนสำคัญทรู ขอมอบบัตร true red card คุณสมบัติของผู้ถือบัตร TrueCard True BlackCa...
mastercard คือ 在 BorntoDev Facebook 的最佳貼文
🔥 “10 อันดับ Brands ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก 💰”
.
😎 เพื่อน ๆ เคยสงสัยมั้ยว่าแบรนด์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าเท่าไหร่กันบ้าง ? แอดเชื่อว่าใครที่ยังติดตามเทคโนโลยีต่าง ๆ ต้องรู้จักแบรนด์ดังเหล่านี้อย่างแน่นอน!!
.
⚡ โดย Global Brands Magazine ได้จัดทำรายงานประจำปีว่า บริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์มากที่สุดในโลกมีมูลค่าเท่าไหร่
.
เรามาดูกันว่าแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในปีนี้มีบริษัทไหนบ้าง!
.
⭐ 1.AMAZON
.
Amazon เว็บไซต์ E-Commerce ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก เว็บไซต์ขายของออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา
.
โดยมี “Jeff Bezos” เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นประธานบริหารที่รวยเป็นอันดับ 1 ของโลก รวมไปถึงมีมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 415.8 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 2.APPLE
.
Apple เป็นบริษัทที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2519 โดย Steve Jobs, Ronald Wayne และ Steve Wozniak เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ผลิตซอฟต์แวร์สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์
.
โดย CEO คนปัจจุบันคือ Tim Cook และมีมูลค่าแบรนด์รวม 352.2 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 3.MICROSOFT
.
Microsoft โดยพื้นฐานแล้วเป็นบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์ ที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2518 โดย Bill Gates และ Paul Gardner Allen
.
ซึ่ง CEO ในปัจจุบันคือ Satya Nadella ซึ่งมีมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 326.5 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 4.GOOGLE
.
Google เป็นบริษัทมหาชนอเมริกันที่เราได้ยินชื่อกันมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งโดย Larry Page และ Sergey Brin ในปี พ.ศ.2541 ในโรงจอดรถของเพื่อนที่ เมืองเมนโลพาร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
.
โดย CEO คนปัจจุบันคือ Sundar Pichai มูลค่าของบริษัท Google อยู่ที่ 323.6 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 5.VISA
.
Visa เริ่มก่อตั้งขึ้นในต้นปี พ.ศ.2501 เป็นบริษัทข้ามชาติให้บริการด้านการเงินสัญชาติอเมริกัน ด้วยวิธีการชำระเงินด้วยวิธีการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
.
ปัจจุบัน Visa ดำเนินธุรกิจกว่า 200 ประเทศทั่วโลกด้วยการบริการที่เชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Credit Cards, laptop, Taplet และอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ โดยมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 186.8 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 6.ALIBABA
.
Alibaba ชื่อที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี บริษัท E-Commerce ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2542 เว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
.
ก่อตั้งโดย Jack Ma เว็บไซต์ Alibaba ถือเป็นเว็บไซต์สัญชาติจีนที่ได้รับมาตราฐานสากล ที่คนทั่วโลกยอมรับ ซึ่ง Alibaba มีมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 152.5 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 7.TENCENT
.
ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อบริษัท Tencent ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2541โดยกลุ่มนักศึกษาที่นำโดย Ma Huateng หรืออีกชื่อคือ Pony Ma
.
เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี และไอที ที่สร้างชื่อไปทั่วโลกด้วยแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้น ได้แก่ WeChat, Sanook และ JOOX ซึ่งมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 150.9 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 8.FACEBOOK (Worth 147.1 Billion Dollars)
.
Facebook เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย Mark Zuckerberg ในปี พ.ศ.2547
.
เว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่มีคนใช้งาน ณ ปัจจุบันมากกว่า 2 พันล้านคน มูลค่าแบรนด์ของ Facebook อยู่ที่ 147.1 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 9.MC DONALDS
.
Mc Donald’s บริษัทที่เราคุ้นชินกันเป็นอย่างดี บริษัทที่ทำธุรกิจในเครือร้านอาหาร Fast-Food ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2498 โดยสองพี่น้อง Maurice McDonald และ Richard McDonald
.
ปัจจุบันแมคโดนัลด์มีสาขากว่า 30,000 สาขาใน 121 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่ง Mc Donald’s มีมูลค่าอยู่ที่ 129.3 พันล้านดอลลาร์
.
⭐ 10.MASTERCARD
.
MasterCard เป็นบริษัทลักษณะเดียวกันกับ Visa คือ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในระบบการโอนเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธนาคารของผู้ค้าและผู้ถือบัตร ก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2509
.
โดยในปี 2014 MasterCard ได้ร่วมมือกับทางบริษัท Apple ช่วยกันพัฒนาระบบ Mobile Wallet ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาในโทรศัพท์ iPhone รุ่นใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานบัตรเครดิตได้ง่ายมากขึ้น มูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 108.1 พันล้านดอลลาร์
.
😍 สำหรับ 10 อันดับ Brands ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกก็จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ หากเพื่อน ๆ อยากให้แอดมินจัดอันดับอะไรเจ๋ง ๆ สามารถแสดงความคิดเห็นใต้รูปภาพกันไว้ได้เลยนะค้าบ 💚
.
#borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
mastercard คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ธนาคารกรุงเทพ x ลงทุนแมน
ธนาคารกรุงเทพเปิดตัว “แอปรับชำระเงิน” ของร้านค้า ในยุค New Normal
ธนบัตรที่เราหยิบจับกันอยู่ทุกวันนี้ กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี
เราไม่รู้ว่า ธนบัตรที่เราใช้ เคยผ่านมากี่มือ และเคยถูกนำไปทำอะไรมาบ้าง?
ยิ่งในสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้ ก็ยิ่งไม่ควรใช้ของร่วมกัน
เพื่อลดโอกาสการสัมผัสเชื้อโรคให้ได้มากที่สุด
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ธนาคารกรุงเทพ
จึงได้พัฒนารูปแบบการให้บริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ความกังวลนี้
โดยการเปิดตัวแอป “BeMerchant NextGen”
ที่จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการจ่ายเงินระหว่าง “ร้านค้า” และ “ลูกค้า”
สำหรับทั้งธุรกิจที่มีหน้าร้านและออนไลน์
ร้านค้า สามารถ “รับจ่ายเงิน” ได้ผ่านการสแกน QR Code
ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการสัมผัสธนบัตรร่วมกัน
เมื่อการสัมผัสลดลง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่เราจะไปสัมผัสกับเชื้อโรคได้
โดยแอป BeMerchant NextGen นี้สามารถรับเงินได้ผ่าน QR Code “พร้อมเพย์” จากแอป Mobile Banking ของทุกธนาคาร และที่สำคัญคือ เงินเข้าทันทีไม่ต้องรอข้ามวัน
นอกจากนี้ แอป BeMerchant NextGen ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ QR Code ของ Application ที่ผูกบัตร Credit และ Debit อย่าง Visa, MasterCard, UnionPay และ TPN ได้อีกด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจ ยังอยู่ที่แอปนี้สามารถใช้รับจ่ายเงินได้ผ่าน QR Code ทั้ง WeChat Pay และ Alipay
ซึ่งถ้าดูจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดูดีขึ้นในหลายประเทศ ทำให้สัญญาณของการท่องเที่ยวเริ่มกลับมา จึงถือเป็นโอกาสที่ร้านค้าจะเตรียมช่องทางการรับจ่ายเงินผ่าน 2 ช่องทางนี้ไว้ เพื่อรอรับการกลับมาของลูกค้าชาวจีนหลังวิกฤติ COVID-19
นอกจากนี้ แอป BeMerchant NextGen สามารถรายงาน ยอดเงินที่เข้ามาได้ตลอด ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ตอบโจทย์เจ้าของกิจการ ที่ในวันๆ หนึ่งมีเรื่องต้องทำมากมาย และอาจจะไม่ได้อยู่ที่ร้านตลอดเวลา
คำถามสำคัญ คือ แล้วทำไมเราถึงควรจะต้องโหลดแอปนี้?
การทำงานหลักๆ ของแอป BeMerchant NextGen เน้นการ “รับชำระเงิน”
ซึ่งแอปนี้จะต่างจากแอปธนาคารปกติที่มีฟีเจอร์อื่นที่ไม่เหมาะสมกับหน้าร้าน เช่น การโอน
เพราะเมื่อแอปโอนเงินได้ ก็อาจไม่ปลอดภัย ถ้าเราให้พนักงานของเราดูแล เพราะพวกเขามีโอกาสจะโอนเงินออกไปจากบัญชีของเราได้
ดังนั้น แอป BeMerchant NextGen จะช่วยให้เจ้าของร้าน หรือเจ้าของบัญชี หมดความกังวลว่า เงินจะถูกโอนออกไปนอกบัญชี ในตอนที่ตัวเองไม่อยู่
นอกจากนี้ แอป BeMerchant NextGen ยังสามารถติดตั้งพร้อมกันได้หลายเครื่อง
ช่วยให้ร้านค้ารับจ่ายเงินได้เร็วขึ้น โดยที่ลูกค้าไม่ต้องต่อแถวรอเพียงแถวเดียว
ส่วนร้านค้าที่มีหลายสาขา ก็สามารถใช้แอป BeMerchant NextGen แล้วผูกเข้ากับบัญชีเดียวกันได้ ทำให้การรับเงินทั้งหมด จะเข้าไปในบัญชีเดียวกัน
นอกจากนี้ตัวแอป BeMerchant NextGen จะช่วยให้จัดการบัญชีร้านค้าได้ชัดเจนมากขึ้น
เพราะเป็นการแยก “บัญชีร้านค้า” ออกมาไว้อีกแอปหนึ่ง
แอปนี้ยังสามารถ “สรุปยอดขาย” ให้เราดูได้ทุกวัน ทำให้เราเห็นว่าวันหนึ่งวันร้านเรามียอดขายเท่าไร?
และยังช่วยให้เราจัดการบัญชีรายรับต่างๆ ของร้านค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น
เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้ เราคงจะเห็นว่าแอป BeMerchant NextGen นี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับเชื้อโรคที่อาจติดมากับธนบัตร แต่ยังช่วยให้ร้านค้าจัดการบัญชีได้สะดวกมากขึ้น..
สำหรับใครที่สนใจแอป BeMerchant NextGen สามารถสมัครใช้ได้ฟรี เพียงมีบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท และโหลดแอปผ่านทาง App Store และ Google Play Store
หรือเข้าไปสมัครได้ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3d4SbCJ
#ธนาคารกรุงเทพ
#BeMerchantNextGen
mastercard คือ 在 Channel RL Youtube 的最佳解答
กด subscribe ติดตามทาง youtube ช่วยแชร์ด้วย
A1 231259 สำหรับลูกค้า คนสำคัญทรู ขอมอบบัตร true red card
คุณสมบัติของผู้ถือบัตร TrueCard
True BlackCard
• ลูกค้าทรูที่ใช้สินค้าและบริการในกลุ่มทรูติดต่อกันนานอย่างน้อย 6 เดือน โดยมียอดค่าชำระสินค้า/บริการรวมกันเฉลี่ยตั้งแต่ 3,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
• ลูกค้าทรูที่ใช้สินค้าและบริการในกลุ่มทรู มานานติดต่อกันมากกว่า 10 ปี โดยมียอดค่าชำระสินค้า/บริการรวมกันเฉลี่ย 6 เดือนย้อนหลัง 2,000 - 2,999 บาทต่อเดือน
True RedCard
• ลูกค้าทรูที่ใช้สินค้าและบริการในกลุ่มทรูติดต่อกันนานอย่างน้อย 6 เดือน โดยมียอดค่าชำระสินค้า/บริการรวมกันเฉลี่ย 2,000 - 2,999 บาทต่อเดือน
• ลูกค้าทรูที่ใช้สินค้าและบริการในกลุ่มทรู มานานติดต่อกันมากกว่า 5 ปี โดยมียอดค่าชำระสินค้า/บริการรวมกันเฉลี่ย 6 เดือนย้อนหลัง 500 - 1,999 บาทต่อเดือน
เงื่อนไขทรูการ์ด
1. ลูกค้าจดทะเบียนในนามบุคคล(individual) เท่านั้น
2. สินค้า/บริการอย่างน้อย 1 สินค้าจะต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน
3. ยอดเฉลี่ยจากทุกสินค้า/บริการตามเกณฑ์ เป็นระยะเวลา 6 เดือนติดต่อกัน ภายใต้หมายเลขบัตรประชาชนหรือ passport เดียวกัน
4. ยอดชำระค่าบริการที่นำมาเป็นยอดเฉลี่ย จะนำมาจากสินค้า/บริการที่มีสถานะปกติ (Active) เท่านั้น
5. ลูกค้ามีประวัติการชำระค่าบริการตรงตามกำหนดในทุกสินค้าและบริการ โดยไม่มีประวัติถูกระงับบริการ
6. สิทธิพิเศษทรูการ์ด มีสถานะ 1 ปีนับจากวันที่ทรูออกบัตรให้ [วันที่หมดอายุหน้าบ้ตร คือวันหมดอายุของกระเป๋าเงินทัช]
บัตร TrueYou MasterCard
ทรูยูขอมอบ ทรูยูมาสเตอร์การ์ด (TrueYou MasterCard)
ทรูยูมาสเตอร์การ์ด ที่มีการจัดส่งให้ลูกค้า จะมีรูปแบบดังนี้
ทรูยูมาสเตอร์การ์ด (เรดการ์ด)
ทรูยูมาสเตอร์การ์ด (แบล็คการ์ด)
บัตรทรูยูมาสเตอร์การ์ด คือ บัตรมาสเตอร์การ์ดแบบเติมเงินที่ทรูยูมอบให้ลูกค้าทรูการ์ด ที่นอกจากลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษของทรูแบล็คการ์ด หรือทรูเรดการ์ดปกติแล้ว ลูกค้าที่ลงทะเบียนเปิดใช้บัตรมาสเตอร์ผ่าน https://wallet.truemoney.com/ จะสามารถนำบัตรไปซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ เช่น ซื้อแอพและไอเทมในเกม จาก Apple AppStore และ Google PlayStore ช้อปออนไลน์ อาทิ iTrueMart, WeLoveShopping, Lazada ซื้อตั๋วออนไลน์ อาทิ การบินไทย, AirAsia, SF Cinema สั่งอาหารออนไลน์ อาทิ KFC, McDonald’s และหรือซื้อ/ชำระค่าสินค้ากับร้านค้าที่รับบัตรมาสเตอร์ และอีกทั้งยังจะสามารถได้รับสิทธิพิเศษจากบัตรมาสเตอร์อีกด้วย โดยทุกๆ รายการ 25 บาทที่ลูกค้าใช้จ่ายผ่านทรูยูมาสเตอร์การ์ด ลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสม TruePoint จำนวน 1 คะแนน
และพิเศษยิ่งกว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้า หรือเครื่องดื่ม ที่ร้านทรูคอฟฟี่ ทุกสาขาที่ร่วมรายการ (ยกเว้นทรูคอฟฟี่ สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ และสาขาต่างประเทศ) ที่ชำระค่าสินค้าด้วยทรูยูมาสเตอร์การ์ด ทุกๆ 25 บาท จะได้รับคะแนนสะสม TruePoint เพิ่มเป็น 4 คะแนน
TrueYou MasterCard
พร้อม สำหรับทุกการใช้จ่าย แบบไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต หรือบัญชีเงินฝาก
ซื้อสินค้า กับทุกร้านค้าที่รับบัตรมาสเตอร์การ์ด
ซื้อแอพและไอเทมในเกม จาก Apple App Store และ Google Play Store
ช้อปออนไลน์ อาทิ iTrueMart, WeLoveShopping, Lazada
ซื้อตั๋วออนไลน์ อาทิ การบินไทย, AirAsia, SF Cinema
สั่งอาหารออนไลน์ อาทิ KFC, McDonald’s
สะสม ทุก 25 บาท ที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตร รับ TruePoint 1 คะแนน
สะดวก เติมเงินได้หลากหลายช่องทาง
มั่นใจ ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานโดยธนาคารชั้นนำ ทั้งยังสามารถสั่งงาน เปิด - ปิด การใช้บัตรโดยตรงจากแอพบนมือถือ
3 ขั้นตอนง่ายๆ ของการเริ่มต้นใช้งาน
ลงทะเบียน เพื่อสร้างบัญชีกระเป๋าเงิน Wallet ซึ่งเงินในการใช้จ่ายจะถูกตัดจากกระเป๋าเงินนี้
ผ่านเว็บไซต์ trueyou.truemoney.com
ผ่านแอพ Wallet by TrueMoney
เปิดบัตร เข้าไปที่เมนู “เปิดใช้บัตร” ผ่านเว็บไซต์หรือผ่านแอพ โดยใส่ Activation No. จำนวน 18 หลัก ที่แสดงอยู่ด้านหลังบัตรทรูการ์ด พร้อมใส่หมายเลขบัตร 4 หลักสุดท้าย ที่อยู่ด้านหน้าบัตรทรูการ์ด (ใส่เพียง 4 หลักสุดท้ายจาก 16 หลัก)
เติมเงินเข้ากระเป๋า (Wallet) โดยสามารถเติมเงินได้หลากหลายช่องทาง อาทิ ตู้ทรูมันนี่, ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, FamilyMart, CP FreshMart, ผ่านธนาคารออนไลน์ หรือผูกบัญชีธนาคาร กับแอพ Wallet เพื่อความสะดวกในการเติมเงินเข้าแอพ Wallet ได้ทุกที่ ทุกเวลา จากนั้นบัตรของท่าน ก็สามารถใช้ซื้อสินค้าได้ทันที
*ด้วยระเบียบการใช้งานเงินอิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบัน ผู้ใช้งานบัตร TrueYou MasterCard ในการจ่ายเงิน จะต้องระบุรหัสบัตรประจำตัวประชาชนในการสมัครและเปิดใช้งาน
รายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.truemoney.com หรือ www.trueyou.co.th/truecard/card