ลงทุนแมน x MQDC
เปิดตัวอภิมหาโปรเจคระดับโลก Metaverse Translucia โลกเสมือนที่เต็มไปด้วยจินตนาการ โดย T&B Media Global พร้อมประกาศพันธมิตรรายแรก MQDC Corporation บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
ด้วยความพร้อมจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ที่ทำให้สามารถขยายศักยภาพของการสร้างจินตนาการไร้ขอบเขตเชื่อมต่อโลกปัจจุบันสู่โลกเหมือนจริงทางดิจิทัล ดังที่บริษัทชั้นนำของโลกกำลังมุ่งสร้างโลกเสมือนจริงของตัวเองนั้น
ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) (T&B Media Global) บริษัท Entertainment รายใหญ่ที่มีความรู้ ความชำนาญ ด้านการสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมหลายด้าน รวมถึงล่าสุดได้นำบริษัทลูกที่พัฒนาด้านเทคโนโลยีเข้าซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (NASDAQ) ประกาศปักธงและทุ่มทุนสร้างอาณาจักรโลกเสมือน (Metaverse) "Translucia" ซึ่งเป็นโลกเสมือนสุดจินตนาการ ขึ้นเป็นรายแรกของไทย โดย Phase แรกเงินลงทุนจะไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และจะพัฒนาต่อเนื่องจนสร้างมูลค่าอาณาจักรไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
"Metaverse"เรียกได้ว่าเป็นเมกาเทรนด์ใหม่ของโลก ซึ่งตอนนี้เราได้เตรียมพร้อมที่จะนำเทรนด์นี้มาใช้ในภาคธุรกิจ และรวมถึงการพัฒนาสังคม และผมมั่นใจว่าจะทำให้โลกธุรกิจในอนาคตเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนเป็นโลกแห่งเวทมนตร์ ที่เนรมิตทุกอย่างให้เป็นจริง ทุกคนจะมีความสุขที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีสุขภาพที่ดี มีโอกาสสร้างอาชีพใหม่ มีรายได้พอเพียงทำให้ครอบครัวมีความสุขอย่างยั่งยืนที่สร้างเองได้ และได้รับความตื่นตาตื่นใจในโลกเสมือนจริงนี้ เราเรียกมันว่า "Translucia" ซึ่งจะเป็นโลกเสมือนที่สร้างจากโลกที่หลายๆคนฝันให้เกิดขึ้นจริง"
"Translucia" จะเพิ่มมูลค่าให้กับสังคมและโลกธุรกิจ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อประสบการณ์การใช้ชีวิต จะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน (Virtual World) ที่สามารถส่งผลให้เกิดเป็นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่
โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่หลากหลาย มาผสมผสาน กับจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ ที่สอดคล้องไลฟ์สไตล์ของทุกคน รวมถึงการทำงาน การสร้างสังคม ความบันเทิง และทำกิจกรรมต่างๆ แบบไร้รอยต่อ โดยอาศัย Metaverse เป็นประตูหรือ Gateway สู่สังคมที่เราตั้งใจพัฒนาให้เป็นสังคมแห่งคุณภาพอย่างยั่งยืน
สำหรับพันธมิตรรายแรกของ Translucia คือภาคอสังหาริมทรัพย์โดยบริษัทรายใหญ่ MQDC โดยคุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ถือว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทย ที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บน Metaverse
คุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เชื่อมั่นว่า "Metaverse" จะมาขับเคลื่อน และพลิกโฉมธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมในทุกวงการอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Entertainment ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรีเทล หรือแม้กระทั่งธุรกิจ Healthcare
โดยอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ จะสามารถใช้ "Metaverse" เป็นเครื่องมือที่จะสร้าง Division ธุรกิจใหม่ๆ สร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด และสร้างโซลูชั่นต่างๆในทุกมิติรวมไปถึงการสร้างสรรสังคมที่ดี เกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้
MQDC จะเป็น Property Developer รายแรกที่จะเข้ามาจับจองพื้นที่ใน Translucia และพัฒนาเมืองขึ้นมาในโลกเสมือนแห่งนี้ โดยเตรียมที่จะสร้างหน่วยงานใหม่ขึ้นมา คือ MQDC Metaverse เพื่อรับผิดชอบในการพัฒนาเมืองและโครงการอสังหาริมทรัพย์เหนือจินตนาการแห่งนี้
โดยกล่าวว่า " MQDC Metaverse จะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของโลกที่จะมีการสร้างและพัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างโครงการในโลกจริงและโลกเสมือน สิ่งที่โลกจริงไม่สามารถเกิดได้ จะเกิดขึ้นในโลกเสมือนแห่งนี้ เราตั้งใจที่จะทำให้โลกเสมือนนี้เป็นโลกที่งดงามไปด้วยจินตนาการ เต็มไปด้วยความสุข และเป็นสังคมที่ดี และเรายังสามารถใส่จินตนาการเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการ ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ทั้งโลกจริงและโลกเสมือน มีการเชื่อมต่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ เข้าด้วยกัน สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถสร้างโลกที่เป็น Happiness, Sustainovation และ Well Being ได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
ทางบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดตั้งบริษัทลูกคือ บริษัท ทรี รูทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ กรุ๊ป จำกัด (Tree Roots Entertainment Group) และสร้างทีม Venture builder ภายใต้ชื่อบริษัท วาซาบิ โกลบอล อินโนเวชั่น เวนเจอร์ส จำกัด (Wasabi Global Innovation Ventures) เพื่อทำหน้าที่พัฒนา Metaverse Translucia ต่อไป
สำหรับผู้ที่สนใจในพัฒนาการและความคืบหน้าเกี่ยวกับ Metaverse ทางบริษัทผู้พัฒนา Metaverse “Translucia” สามารถหาข้อมูลได้จาก www.metaversethailand.com, Facebook: TheMetaverseThailand
ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ตลอดจนพัฒนาเป็นชุมชน Metaverse Community แห่งแรกในไทย
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「metaverse คือ」的推薦目錄:
- 關於metaverse คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於metaverse คือ 在 ThinkofLiving.Com Facebook 的最佳解答
- 關於metaverse คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於metaverse คือ 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於metaverse คือ 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
- 關於metaverse คือ 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於metaverse คือ 在 Metaverse คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เจาะลึกครบทุกเรื่องควรรู้ที่เดียว 的評價
- 關於metaverse คือ 在 'Metaverse' คืออะไร!? ทำไม Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta 的評價
- 關於metaverse คือ 在 ลงทุนแมน - โลก Metaverse คืออะไร? โลก Metaverse... | Facebook 的評價
- 關於metaverse คือ 在 รู้จัก “Metaverse” โอกาสเติบโตมหาศาลของ Facebook 的評價
- 關於metaverse คือ 在 ทำไม Metaverse ของ Facebook ถึงมีโอกาส “แป้ก” สูง - Brand Buffet 的評價
- 關於metaverse คือ 在 Metaverse, NFTs และ Blockchain เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก โอกาสให ... 的評價
metaverse คือ 在 ThinkofLiving.Com Facebook 的最佳解答
[PR News] เปิดตัวอภิมหาโปรเจคระดับโลก Metaverse Translucia โลกเสมือนที่เต็มไปด้วยจินตนาการ โดย T&B Media Global พร้อมประกาศพันธมิตรรายแรก MQDC Corporation บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
.
MQDC จะเป็น Property Developer รายแรกที่จะเข้ามาจับจองพื้นที่ใน Translucia และพัฒนาเมืองขึ้นมาในโลกเสมือนแห่งนี้ โดยเตรียมที่จะสร้างหน่วยงานใหม่ขึ้นมา คือ MQDC Metaverse เพื่อรับผิดชอบในการพัฒนาเมืองและโครงการอสังหาริมทรัพย์เหนือจินตนาการแห่งนี้
คลิกชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://wp.me/p1YZB1-39UU
metaverse คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปประเด็นจากกองทุนบัวหลวง
เปิดสูตรเฟ้นหา หุ้นอนาคตในอเมริกาเข้าพอร์ตระยะยาว
BBLAM x ลงทุนแมน
อังคารที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา ลงทุนแมนได้ชวนผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง
มาพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นการเฟ้นหาหุ้นอนาคตในอเมริกาเข้าพอร์ตระยะยาว
โดยเริ่มตั้งแต่อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดในสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ไปจนถึงผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ในไตรมาสที่ 2
ตัวเลขเหล่านี้กำลังส่งสัญญาณอะไร ?
เราจะมีวิธีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
มาเริ่มต้นกันที่ สรุปภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกา เกิดอะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา ?
ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกา มีการทำ QE หรือ การซื้อสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ เพื่อให้ระบบมีเงินหมุนเวียนมากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นสามารถดำเนินต่อไปได้
โดยประเด็นหลักที่ตลาดยังคงจับตามองในปีนี้คือ การลดขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือที่เรียกว่า QE Tapering ซึ่งประธาน FED ออกมาพูดว่า การทำ Tapering จะเริ่มขึ้นในปีนี้ และเป็นการตัดสินใจแยกกันกับ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หมายความว่า หากเริ่มทำ Tapering ดอกเบี้ยก็ไม่จำเป็นจะต้องปรับขึ้นในทันที
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาจะยังใช้นโยบายการเงินที่ค่อนข้างผ่อนคลายต่อไป ทำให้ตลาดสหรัฐอเมริกา กลับมาเป็นขาขึ้น และเงินก็จะวิ่งเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ซึ่งทางกองทุนบัวหลวงคาดว่า FED จะค่อย ๆ ลดการทำ QE ลงโดยจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน และ FED มีแนวโน้มจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในปี 2024 แต่ก็ยังเป็นอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ
ดังนั้น นโยบายโดยรวม จึงยังเอื้ออำนวยให้การลงทุนในตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ ไปอีกสักระยะ
แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้ FED ชะลอการทำ QE Tapering ได้ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน ที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไปมาก
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง คือ เงินเฟ้อ ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5.4%
ถึงแม้ว่า ราคา สินค้าโภคภัณฑ์บางตัว ลดลงมาแล้ว เช่น ราคาไม้ ทองแดง แต่ราคาบ้านและค่าเช่าบ้านในสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่ลดลงมา ก็อาจทำให้เงินเฟ้อยังคงสูงได้
แล้วโหมดการลงทุนช่วงนี้ต้องปรับ หรือจับสัญญาณต่ออย่างไรดี ?
กองทุนบัวหลวงก็เชื่อว่าในระยะสั้น เงินจะยังไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และเงินยังอยู่ในหุ้นสหรัฐอเมริกา
โดยในเดือนที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนหลายรายในสหรัฐอเมริกาเข้าลงทุนกลุ่ม Healthcare มากที่สุด
จากความต้องการหาการลงทุนในเชิงคุณภาพ และหุ้นใหญ่ที่ปลอดภัย และที่ผ่านมากลุ่ม Healthcare ยังถือเป็นกลุ่มที่ Laggard หรือเติบโตได้ช้า เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
แต่ถ้าหากดูกลุ่มที่ผู้จัดการกองทุนมีการถือครองมากที่สุด ก็ยังคงเป็นกลุ่มเทคโนโลยี
ถ้าเทียบระหว่างเทคโนโลยีที่เป็น Hypergrowth อย่างเช่น หุ้น Tesla, Roku, Shopify กับ ดัชนี Nasdaq ที่ เป็นหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เช่น Microsoft, Facebook, Amazon ก็จะเห็นว่าในภาพรวม เงินไหลออกจากกลุ่ม Hypergrowth มาเข้าฝั่ง Nasdaq
ซึ่งปริมาณเงินส่วนที่ไหลเข้ามาในตลาด Nasdaq ยังอยู่ที่ประมาณค่าเฉลี่ย ซึ่งหมายความว่า ไม่น่าเกิดฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยี อย่างที่หลายคนกังวล
โดย Nasdaq ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีเพิ่มมา 18% ประกอบกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังมีผลกำไรที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
กองทุนบัวหลวงมองว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ต่อไป แต่อาจต้องใช้วิธี Active Management หรือการบริหารพอร์ตเชิงรุก เพื่อหาบริษัทที่มูลค่ายังไม่สูงเกินไป
นอกจากนั้น กองทุนบัวหลวงยังมองว่าในสามเดือนสุดท้ายของปีนี้ เงินจะยังอยู่ในฝั่งตลาดพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจากมีความสามารถในการบริหารจัดการโควิด 19 ได้ดี และมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็ว
สำหรับรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐอเมริกา ในไตรมาสที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตได้ดีมาก
ผลกำไรภาพรวมของตลาด ออกมาสูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ จากห่วงโซ่การผลิตที่มีปัญหาและค่าจ้างที่สูงขึ้น ซึ่งกองทุนบัวหลวงมองว่า เป็นเพียงระยะสั้น และจะคลี่คลายในระยะปานกลางจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
คำถามต่อมาคือ S&P 500 จะสามารถไปได้ต่ออีกหรือไม่ และแพงไปแล้วหรือยัง ?
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมา ตามกำไรของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นมาต่อเนื่อง และนักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการเป้าหมาย S&P 500 เป็น 4,600 (ตอนนี้อยู่ที่ราว ๆ 4,500) หมายความว่า ดัชนี S&P 500 จะยังคงไปต่อได้
อีกทั้งสหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดการเงินที่สภาพคล่องสูงที่สุดในโลก รวมไปถึงมีบริษัทที่มีคุณภาพดีมากที่สุดในโลก ทำให้ P/E ที่ 20 เท่า ก็ยังสามารถลงทุนได้
แล้วควรลงทุนเมื่อไร ดอกเบี้ยขึ้น จับจังหวะอย่างไร ?
ถ้าเราลองย้อนไปดูสถิติ 12 เดือนก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ย จะเห็นว่าตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นครั้งแรก
โดยกองทุนบัวหลวง แนะนำหนึ่งเทคนิคที่น่าสนใจ คือให้เข้าสะสมแบบมีวินัย ลงทุนแบบสม่ำเสมอ หรือ DCA เนื่องจากการจับจังหวะตลาดสหรัฐอเมริกา หรือไม่ว่าตลาดไหน ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
ทีนี้หลายคนคงกังวลว่า เงินทุนเริ่มไหลออกจากกลุ่ม Hypergrowth แล้วเงินส่วนนี้ย้ายไปอยู่ที่ไหน ?
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น คือปัจจุบัน เงินทุนไหลออกจากหุ้นในกลุ่ม Hypergrowth แต่ปรากฏว่าดัชนี Nasdaq นั้นยังคงปรับตัวสูงขึ้น ที่เป็นแบบนี้เพราะเงินกำลังไหลไปยังบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ๆ นั่นเอง
หลายคนอาจมองว่า บริษัทเหล่านี้น่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 แต่กลับกลายเป็นว่า จากวิกฤตินี้ทำให้คนหันมาพึ่งเทคโนโลยีกันมากขึ้น
โดยสังเกตได้จากรายได้ของบริษัทเทครายใหญ่ ที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องของแผนในอนาคตที่น่าจับตามอง ทำให้นักลงทุนยังคงให้ความสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Facebook และ Microsoft
Facebook เป็นบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, WhatsApp ที่มีรายได้หลักมาจากค่าโฆษณาออนไลน์
โดยจุดเด่นของ Facebook คือ ความสามารถในการยิงโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ พร้อมทั้งยังมีโอกาสเติบโตไปกับอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์อีกมาก เนื่องจากโควิด 19 ก็เป็นตัวเร่งที่ทำให้คนหันมาพึ่งเทคโนโลยีกันมากขึ้น
สำหรับแผนในอนาคตของ Facebook นั้นยังคงเป็นเรื่องของแผนการปรับตัวให้บริษัทเป็น บริษัท “Metaverse” หรือโลกแห่งการผสมผสาน ระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน อย่างเต็มตัว
โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook มองว่า โลกของ Metaverse จะกลายเป็นอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัว Horizon Workrooms ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปประชุมได้แบบเสมือนจริง ผ่านตัวละคร Avatar
มาต่อกันที่บริษัทซอฟต์แวร์ที่เราคุ้นเคยกัน อย่าง “Microsoft” ซึ่งในปีที่ผ่านมายังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยมูลค่าบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจาก ผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา ที่ยังคงเติบโต 17% จากบริการ Intelligence Cloud ที่เติบโตได้ดี
แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องของแผนในอนาคต อย่างการทำโลกเสมือน หรือที่ทาง Microsoft เรียกว่า Digital Twin ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการทำ Metaverse ของ Facebook แต่จะเป็นการก๊อบปี้ของจริงมาไว้บนโลกออนไลน์แทน เช่น จำลองสถานที่ จำลองตึก เพื่อนำมาใช้ทดสอบการบินของโดรนก่อนเอาออกไปใช้งานจริง
ทั้งนี้ในส่วนของ Theme โลกเสมือนนั้น อาจมีความเสี่ยง เรื่องที่จะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย กว่าที่เราจะได้สัมผัสแบบเต็ม ๆ
แต่นี่เป็นเหมือนการส่งสัญญาณว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายรายกำลังตื่นตัวกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และมีการเตรียมพร้อม มองหาช่องทางการเติบโตใหม่ ๆ หรือที่เรียกว่า New S-Curve อยู่ตลอดเวลา
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่า แล้วกระแสเงินลงทุนที่ดูมีการเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางเช่นนี้ จะมีผลกระทบกับกองทุน B-USALPHA และ B-FUTURE แค่ไหน ?
สำหรับกองทุน B-USALPHA นั้น หลายคนอาจจะคิดว่ากองนี้มีแต่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างเดียว
แต่ถ้ามาดูสัดส่วนของหุ้นในพอร์ตการลงทุนนั้นจะพบว่า กองทุนพยายามให้ความสมดุลระหว่างหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กับกลุ่มวัฏจักรในสหรัฐอเมริกา โดยกองทุนนี้มีแบ่งส่วนการลงทุนด้วยกันหลัก ๆ 3 อย่าง คือ
1. กลุ่ม Digital Advertising เช่น Facebook, Pinterest, Snap
2. กลุ่ม สถาบันการเงิน เช่น Morgan Stanley, PayPal, Square
3. กลุ่ม Technology Enabled หรือก็คือ ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีสร้างนวัตกรรม เช่น Deere & Company, Freeport-McMoRan, Zillow Group
ทั้งกลุ่ม Digital Advertising และ Technology Enabled นั้นยังมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับการเปิดเมือง
ส่วนการลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงิน จะช่วยสร้างสมดุล และลดความเสี่ยงของพอร์ตในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวสูงขึ้น ที่ทำให้กลุ่มของธุรกิจสถาบันการเงินนั้นได้รับประโยชน์ไปด้วย จากอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับสูงขึ้น
ส่วนกองทุน B-FUTURE นั้น มีการกระจายลงทุนในธุรกิจ 3 กลุ่มคือ เทคโนโลยี Hypergrowth, อุตสาหกรรม และกลุ่มธุรกิจ Theme เปิดเมือง
โดยในส่วนของกลุ่ม Hypergrowth นั้น ทางผู้จัดการของกองทุน ก็ได้เน้นอย่างมาก กับการลงทุนในหุ้นที่ยังมี Valuation ไม่สูงจนเกินไป
นอกจากนี้ ทางกองทุนยังเน้นการลงทุนใน Theme อนาคต ไม่ได้เจาะจงในประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยมีผู้จัดการกองทุนที่คอยปรับพอร์ตตามสถานการณ์การลงทุนต่าง ๆ
ด้วยนโยบายการบริหารแบบ Active Management ทำให้ B-FUTURE สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา
เช่น หากมองว่าในระยะยาว หุ้นกลุ่มเอเชียหรือจีน ยังมีโอกาสเติบโตมาก ความกดดันของรัฐบาลจีนคลี่คลายลง แล้วยังมี Valuation ที่ไม่สูงเกินไป ทางกองทุนก็สามารถปรับน้ำหนักพอร์ตมาลงในหุ้นเอเชียหรือจีนเพิ่มขึ้นได้
ทำให้เห็นว่า B-FUTURE นั้นเป็นกองทุนที่สามารถทยอยสะสมเข้าได้เรื่อย ๆ และเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลามาก แต่อยากลงทุนในหุ้นแห่งอนาคต
สำหรับใครที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุน จากหุ้นในสหรัฐอเมริกา หรือหุ้นใน Theme อนาคต
ทั้งกองทุน B-USALPHA และ B-FUTURE ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทน ได้โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล พร้อมคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้ในระยะยาว ซึ่งการใช้กลยุทธ์ DCA ทยอยลงทุนทุกเดือนก็เป็นวิธีการที่น่าสนใจ
คำเตือน
การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้นผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
metaverse คือ 在 'Metaverse' คืออะไร!? ทำไม Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta 的推薦與評價
'Metaverse' คืออะไร!? ทำไม Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta · หลายคนน่าจะรู้ว่าคำว่า -verse มีความว่า “จักรวาล…” หรือ “ภพ…”เช่น คำว่า Universe ที่แปลว่า เอกภพ ... ... <看更多>
metaverse คือ 在 ลงทุนแมน - โลก Metaverse คืออะไร? โลก Metaverse... | Facebook 的推薦與評價
หน้าที่สำคัญคือ การคำนวณข้อมูล, บริหารจัดการ และประมวลผลข้อมูลแบบทันท่วงที ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ. ... <看更多>
metaverse คือ 在 Metaverse คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เจาะลึกครบทุกเรื่องควรรู้ที่เดียว 的推薦與評價
ซิปเม็กซ์มุ่งเปลี่ยนการลงทุนให้เข้าใจง่าย เพื่อให้ทุกคนสามารถลงทุนได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแพลตฟอร์มของเราที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก ก.ล.ต. เริ่มใช้งาน ... ... <看更多>