Sunday Morning Story: Music Radio Dj Me?
ทุกวันนี้คุณฟังเพลงจากอะไรหรอครับ?
.
ที่ผมเปิดเรื่องราวด้วยคำถามแบบนี้ ก็เพราะ...
หลังจากเมื่อวานซึ่งเป็นวันเสาร์ ผมต้องตรากตำทำหน้ายิ้ม ชิมของอร่อย ซ้ำไปซ้ำมา
ภายใต้แสงไฟสว่างจ้า แสบตา หัว(หนังศีรษะ)มันวาว ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยัน 5 โมงเย็น จนสมองอ่อนล้าคิดอะไรไม่ออก แต่ก็ต้องอดทน ทั้งที่หิวข้าวมากแต่ไม่กล้ากินเยอะ
(กลัวพุงป่องกว่าเดิม) ภายในใจคิดแต่ว่า
เอาวะ งานพรีเซนเตอร์ไม่ค่อยมีมาบ่อยๆ
(ก็หวังว่ามันจะออกมาดูดี และเป็นที่พอใจของของคุณลูกค้าที่น่ารัก และคนดูนะครับ^^”
เอาจริงๆ เขิลมากๆ รอดูๆ 555)
.
พองานเสร็จก็เลยลืมเรื่องเรื่องหนึงไป (เพราะหิว และเพลียมาก)
จนวันนี้ วันอาทิตย์ วันเดียวที่ได้หยุดพักในสัปดาห์ ผมก็ดันตื่นตั้งแต่ตี 4 อีกแล้ว (Automatic Wakie) เลยตัดสินใจฝืนสังขารไปสวนลุมฯ เพราะคิดถึงการวิ่งและไม่ได้ไปมานานแล้ว และระหว่างวิ่งนั่นเอง ที่ผมมักคิดอะไร ร้อยแปดพัน อย่าง ไปเรื่อยๆ เพลินๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ........
.
ผมคิดขึ้นได้ว่าเมื่อวาน พี่เมย์ ผจก. ของผม ถามว่า “มีคนติดต่อเข้ามา.....ต๊ะอยากกลับไปเป็นดีเจอีกมั้ย?” อืม....... ดีเจ ดีเจ ดีเจ
ใช่ครับ Radio Disc Jockey (ที่ทุกวันนี้ควรจะเรียกว่า PJ มากกว่า เพราะไม่มีใครเปิดแผ่นกันแล้ว ส่วนใหญ่ใช้แต่ โปรแกรม) คืออาชีพแรก ที่ทำให้ผมมีรายได้จริงจังเป็นกอบเป็นกำทุกเดือน จนสามารถให้คุณพ่อคุณแม่ได้ แล้วยังเหลือเงินซื้อรองเท้าสวยๆ ผ่อนรถ หรือแม้แต่เก็บไว้บางส่วนตอนไปเรียนอังกฤษอีก
.
ทั้งๆที่มันไม่ได้เป็นอาชีพที่ผมตั้งใจจะทำจริงจัง แต่แค่อยากทำเป็นงานอดิเรกมากกว่า (เพราะตอนเด็กๆชอบฟังเพลง ฟังวิทยุจาก ซาวด์อะเบาต์ ยุคนั้นเลย) รู้ตัวอีกที ก็ทำมานานกว่า 12 ปี แถมจัดมาแล้วหลายคลื่นซะด้วย
.
ก่อนหน้านี้..ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จนจบปริญญาตรี จนไปเรียนต่อโทที่อังกฤษกลับมา และไม่ว่าผมจะทำอาชีพอะไรอย่างอื่น ทั้ง พนักงานออฟฟิศ ผู้ประกาศข่าว พิธีกรรายการ ผมก็จะเป็นดีเจ (กลางคืน) ควบคู่ไปด้วยมาตลอด
.
เวลาใครถามว่า ผมชอบอะไรมากที่สุด ระหว่าง อ่านข่าว พิธีกรรายการ หรือดีเจ ผมก็มักจะตอบว่า “ผมรักการเป็นดีเจมากที่สุดครับ” อยู่เสมอ เพราะมันไม่ต้องเห็นหน้า มันได้ยินแต่เสียง มันใช้ความคิดและจินตนาการผ่านคำพูดและเรื่องราว และที่สำคัญ ผมได้เปิดเพลงที่ตัวเองชอบให้คนอื่นฟังไปพร้อมๆกัน ไม่ต้องเคลื่อนที่มาก แถมได้เงินด้วย
แต่......
.
.
ในที่สุด งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ผมเลิกทำอาชีพดีเจ มาจะครบปีละครับ สาเหตุก็เพราะ ผมเกรงใจคลื่นวิทยุเก่า ที่ผมต้องลางานบ่อย และก็ไปไม่ค่อยทัน (เพราะที่ทำงานใหม่อยู่ไกล และงานอื่นๆก็เยอะมาก) และทุกวันนี้ ในโลกยุคที่ NetFlix Facebook Youtube Spotify Jook และ Podcast App ต่างๆ เข้ามา Disrupt ความบันเทิงแบบโบราณ การนั่งอยู่ในสตูดิโอกับไมโครโฟนเหงาๆและเสียงเพลงคนเดียวนานๆ ทำเงินให้ผมน้อยกว่าที่เคยได้มากเกินไป(ถ้าเทียบกับในอดีต)
.
ผมยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า 3-4 ชม.ที่ต้องแลกนั้น ตอนนี้มันไม่คุ้มกับเวลานอนที่มีไม่ค่อยจะพอ ผมจึงต้องตัดใจ ตัดสิ่งที่ผมรักมาก ออกจากชีวิต........
.
แต่.... พอมาตอนนี้ ด้วนสถานการณ์โควิด และงานที่เริ่มอยู่ตัว (น้อยลงบ้าง) มันก็น่าคิดว่าถ้ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน แค่กลับไปทำสนุกๆ ผมควรกลับไปมั้ย?
.
เมื่อมีข้อเสนอเข้ามา แถมมาถึงสองที่พร้อมๆกัน ในช่วงเวลาที่คนอื่นโหยหาไม่ก็กำลังกลัวตกงาน แบบตอนนี้ ถ้าผมปฏิเสธ(แบบเลือดเย็น)อีก ก็คงจะดูฉลาดน้อย ไม่ก็หยิ่งไปหน่อย เพียงแต่คำถามก็คือ..... ผมฟังวิทยุจริงๆจังๆครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ???
.
-ตอนตีห้า ขับรถไปทำงาน ฟังข่าว 100.5 ไม่ก็ พี่โอ๊ต พี่เจ๋งนินทานักกีฬาและผู้จัดคนอื่นในคลื่น 99 Active Radio บ้าง
-ตอนแปดโมงเศษๆ ทุกวันนี้ถ้าไม่ เรื่องราวเกี่ยวกับ One piece ของช่องน้องต้อม แกลดดิอุส ก็น้องโปรด ก้มหน้าชาแนล ไม่ก็ ทบทวนความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เก่าๆกับ น้องวิว Point of View ทาง Youtube ทั้งหมด
-ที่เหลือเวลาขับรถ ไม่ฟัง podcast ของบรรดานักคิด นักเขียน นักข่าว ก็เปิดแต่ Spotify ตลอด
.
คุณเป็นเหมือนผมมั้ยครับ?
.
พฤติกรรม เราเปลี่ยนไป บางทีขึ้นรถ โทรศัพท์มันก็ รู้ดี จัดการให้เองหมด เสร็จสรรพ
จริงๆแล้ว อุตสาหกรรมวิทยุในบ้านเรายังอยู่ได้นะครับ เผลอๆจะได้ดีกว่า ทีวีดิจิทอล ซะอีก (แต่ถ้าประมูลคลื่นความถี่ใหม่ก็ เดี๋ยวว่ากัน..) ฝรั่งยังต้องมาดูงานแล้วตกใจกับมูลค่า และจำนวนคนฟังที่มีในบ้านเราไปหลายครั้งแล้ว สาเหตุเพราะคอสต์มันไม่สูง ค่าตัวนักจัดรายการก็ไม่แพง แถมฐานคนฟังบ้านเรายังใหญ่มาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และชนชั้น กรรมมาชีพ เรายังมีพี่ๆแท๊กซี่ มีพี่น้องหนุ่มสาวโรงงาน พนักงานร้านสะดวกซื้อ และอื่นๆ
.
นั่นคือ เหตุผลว่า ทำไม คลื่นวิทยุลูกทุ่ง คลื่นข่าว คลื่นกีฬา หรือแม้แต่คลื่นเพลงสตริงสากล(บางคลื่น) ถึงยังอยู่ได้ แถมอยู่มายาวนานเป็นทศวรรษแล้วด้วย (ไม่เชื่อไปถามพี่อ้อย พี่ฉอด ได้ ร้ากกกกกก)
เพียงแต่.......(แต่ อีกและ วันนี้หลายแต่มากๆๆๆ)..... คลื่นวิทยุแบบที่ผมถนัด กลัวว่า มันอาจจะไม่รอดนานขนาดนั้นนะสิ! เวรกรรม 555
.
ผมคุยกับตัวเองซักพัก รอเหงื่อแห้ง แล้วลองออกจาก Bluetooth ไปโหมดเรดิโอ หมุนไปเจอธรรมวันอาทิตย์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายคลื่น ทั้งเพลงและข่าว เหลือบดูเวลา แล้วบ่นกับตัวเองว่า อืม พี่ซัน มาโนช พุฒตาล (Mellow 97.5) ยังไม่มา อดฟังเพลงฝรั่งเก่าๆ และเรื่องราวการเดินทางสนุกๆเลย ว่าแล้วผมก็เปลี่ยนกับไปฟัง Spotify My Daily Random Mix อีกครั้ง..... แล้วก็เจอสองเพลงโปรด เลยเอามาฝากครับ (เก่าหน่อยนะ)
.........................
Free Falling ของ John Mayer (นักรักนักร้องขี้เ.. แต่เท่และมีเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งของโลก) เวอร์ชันที่ โนเกีย เธียร์เทอร์ โคตรเพราะ และบ่งบอกถึงตัวตนของตัวเองมากๆ ไม่รู้ว่าเขียนถึงนักร้องบางคนรึเปล่าน้า ชื่ออะไร วิฟต์ๆ นี่แหละ 555 ไม่เกี่ยวครับเพลงนี้จริงๆแต่งโดย ทอม เพตตี้ เมเยอร์ไม่ได้แต่งเอง แต่เค้าชอบเฉยๆ (ประมาณว่าโดน ) ผมชอบเพลงนี้รองจาก Gravity และ Heartbreak Warfare
.
เนื้อหามันเกี่ยวกับ ผู้ชายไม่ดีที่เป็นเหมือนแวมไพร์นักล่าผู้เป็นอิสระ ซึ่งไปทำร้ายผู้หญิงดีๆที่เชื่อในพระเจ้า ผู้แสนบริสุทธิ์อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแกเขียน ไม่สิ ที่ร้องนี่ รู้สึกผิดหรือเอาเท่นะครับ แต่เพลงมันเมโลดี้สวยดี ไลน์กีต้าร์ก็ เท่มากๆตามสไตล์พี่จอร์นเค้าละ ลองไปหาฟังดูนะครับ
……………………………………..
ส่วนอีกเพลง คือ Over My Head (Cable Car) ของวง The Fray ซึ่งจริงๆแล้วเพลงนี้เป็นเพลงเดบิวต์ของวง ก่อนที่จะดังกับ How to save a life เนื้อหามันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงที่จำเป็นต้องจบลง ซึ่งก็มาจากเรื่องจริง เพราะ เคเบิล คาร์เป็นฉายา ของพี่ชายนักร้องนำของวง ไอแซค ที่เคยอยู่ในวง แต่ทุกคนในวงมองว่าเค้าฝีมือไม่ดีพอ และไม่มีใครกล้าพูดตรงๆ ในที่สุด ปัญหาก็เกิด วงกำลังจะไปต่อไม่ได้ เคเลบ ก็เลยตัดสินใจลาออก แล้วก็ไม่พูดหรือติดต่อกับน้องชายอีก
.
จนกระทั่งวงดัง และทั้งคู่ก็พยายามจะปรับความเข้าใจกัน .....เพลงนี้แทนตัวแคเลบ ที่บางครั้ง กว่าจะรู้ตัวว่าความฝัน มันเป็นได้แค่ความฝัน และ ตัวเค้าเองยังไม่ดีพอ มันก็อาจต้องใช้เวลาทำใจยอมรับ....... ฟังเวอร์ชันปกติจะเฉยๆ แต่ฟังเวอร์ชั่น อคูสติกจะเพราะมาก
ลองไปหาฟังดูครับ
สงสัยผมควรต้องกลับไปเป็นดีเจ จริงๆแล้วมั้ง 55555 สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ
#peoplepersona
#JohnMayer
#theFrey
#DjandMusic
