🚙 ร่วมสนุกเลย!! รีวิวประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady ลุ้นรับกระเป๋า Chanel และของรางวัลอีกเพียบไปเลยฟรีๆ
📝 TIP Lady เอาใจสาวๆนอกจากจะอุ่นใจกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆมาให้ร่วมเล่นกัน แถมของรางวัลสาวๆต้องอยากได้มาครอบครองอย่างแน่นอน เพราะรางวัลที่1 คือ Chanel รุ่น Chanel 19 Zipped Wallet และของรางวัลสุดพิเศษอีกเพียบ รวมมูลค่ากว่า 35,000 บาท กติกาง่ายมากกกใครอยากได้ไปดูด้านล่างเลย
STEP 1: กด Like Fanpage “Tip Lady”
STEP 2: เขียนหรืออัดคลิปรีวิวประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady ในหัวข้อ “TIP lady ประกันภัยที่เข้าใจผู้หญิง” ผ่านช่องทางออนไลน์ใดก็ได้ เช่น Pantip, Facebook, Blog, Website, Instagram , TikTok ,Youtube
.
✨ อย่าลืม!! ติด #TipLady #ประกันภัยที่เข้าใจผู้หญิง #ทิพยประกันภัย และเปิดโพสต์เป็นสาธารณะ
STEP 3: แคปโพสต์มา Comment ใต้โพสต์ Tip lady ใน FB พร้อมระบุเลขที่กรมธรรม์ TIP Lady ของคุณ (ขึ้นต้นด้วย 11002-xxx-xxxxxxxxx)
.
💥 เกณฑ์การตัดสิน
- ต้องทำตามกติกาทั้ง 3 ข้อครบถ้วน
- คณะกรรมการ 10 ท่าน จะคัดเลือกรีวิวที่ถูกใจมากที่สุด
.
💝 ของรางวัลสุดปัง
👉🏻 รางวัลที่1 รับกระเป๋า #Chanel รุ่น Chanel 19 Zipped Wallet มูลค่า 30,500 บาท จำนวน 1 รางวัล
👉🏻 รางวัลรองชนะเลิศ รับ #บัตรกำนัลโลตัส มูลค่า 500 บาท จำนวน 5 รางวัล
👉🏻 รางวัลชมเชยจะได้รับ #บัตรStarbucks มูลค่า 200 บาท สูงสุด 5 รางวัล
👉🏻 รางวัล Popular รับไปเลย บัตรเติมน้ำมัน PTT มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
.
📆 ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2564
📍 ประกาศผลทาง Tip Lady Fanpage วันที่ 6 กันยายน 2564 เวลา 12.00 น.
⚡️ ใครอยากมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกระเป๋า Chanel ไปถือสวยๆ เก๋ๆ แต่ยังไม่มี TIP Lady ซื้อประกันออนไลน์ได้ทาง inbox หรือคลิก https://bit.ly/3jMVvcA
.
รายละเอียดและเงื่อนไขกิจกรรม
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องเป็นลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ที่มีกรมธรรม์ประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady ที่ยังคงมีความคุ้มครองจนถึงวันที่ประกาศผล (6 ก.ย. 64)
- ผู้ซื้อควรศึกษาเงื่อนไขและความคุ้มครองก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
#TipLady #ประกันภัยที่เข้าใจผู้หญิง #ทิพยประกันภัย #ติดโปร #TIDPRO
同時也有170部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅TRADERIDER,也在其Youtube影片中提到,โบรกเกอร์ IRACROWNS เป็นโบรกเกอร์น้องใหม่ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ที่ผ่านมาโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทางการเงิน ให้บริการซื้อขาย Forex , Metals , ...
pantip คือ 在 Facebook 的最讚貼文
การเดินทางของเรา = สถานที่ที่ชอบ +คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ 💚🌿
................
26 เรื่องของเพจ ‘ฉันกลัวที่แคบ’ และ ‘พี่ตะวัน’ ... ที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่รู้หน่อยก็ดีนะ อิอิ❤️
❤️แม่ศิชื่อ ‘ศศิวิไล’ ในเพจเพื่อนๆ จะเรียกว่า “ศศิ” แต่ในชีวิตจริงคนใกล้ตัวจะเรียกเราว่า “แขก”(เพราะหน้าเหมือนแขก) หรือเพื่อนสนิทจะเรียก “อีตี้”(มาจากคำว่าแขกตี้555)
❤️เราเป็นลูกครึ่ง ครึ่งนึงเมืองแพร่ อีกครึ่งนึงเมืองเลย
❤️เราเรียนจบ รร นารีรัตน์ จ.แพร่ แล้วเข้าเมืองกรุงมาเรียนพยาบาล ศิริราช
❤️ตอนเริ่มทำเพจ ทำกันสองคน คือเรากับแฟน จนผ่านไปสองปีเราเลื่อนขั้นให้เป็นสามี555 และตอนนี้มีทีมงานคนสำคัญเพิ่มอีกหนึ่งคน คือ “พี่ตะวัน”🌞
❤️พี่ตะวัน ชื่อจริงก็ชื่อตะวัน ชื่อเล่นก็ชื่อตะวัน
❤️ ป๊าตั้งชื่อว่าตะวัน เพราะชื่อแม่ศศิ แปลว่าพระจันทร์
❤️พี่ตะวันตอนอยู่ในท้องแม่กับป๊ามั่นใจว่าเป็นผู้หญิงแน่นอน ไปซาวน์ดันเจอจู๋555 พี่ตะวันเกิดโรงพยาบาลศิริราช ตอนนี้อายุ3ขวบ3เดือน ตอนเกิดมาตัวจิ๋วเดียว หนักแค่ 2.1 โล จนแม่กับป๊าเรียกว่า ไอจิ๋ว
❤️ถึงวันนี้(2021)เราทำเพจมา 6 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นพยาบาลแล้วลาออกจากงานประจำมาทำผ้ามัดย้อมขาย จนมาเจอโควิดเลยได้เป็นแม่ค้าขายขนมเพิ่มอีกอาชีพ (ติดตามได้ที่Sasi Homemade )
❤️ตอนแรกตั้งใจทำเพจเพราะจะเอาของที่ทำขายมารีวิวในทริป (ตอนนั้นทำกระเป๋าผ้าขาย) ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้จักคำว่าbloggerเลย
❤️คอนเทนท์ที่ทำให้คนรู้จักฉันกลัวที่แคบเยอะขึ้น คือ รีวิวเมืองโตช้า “แพร่รีส” บ้านเกิดของเราเอง โดยเราเขียนรีวิวนี้ไว้ใน pantip
❤️รูปถ่ายที่เห็นในเพจ ถ่ายจากอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า “สามี”555 ส่วนแอปที่ใช้แต่งสีคือ VSCO แอปเดียวจบ
❤️ในเพจเราจะชอบเขียนแคปชั่นสั้นๆ ดีใจที่หลายคนชอบ ซึ่งที่จริงเราไม่ได้ติสนะ แต่เราแค่เขียนยาวๆ ไม่เก่ง555
❤️บ้านเราชอบเที่ยวภูเขาแต่เดินเยอะไม่ไหว ชอบเที่ยวทะเลแต่ไม่อยากลงน้ำทะเล จะว่าไปก็แอบคุณหนูเหมือนกันนะ
❤️พี่ตะวันออกเดินทางทริปแรก ตอน 1 เดือนพอดี ตามแม่ไปทำงานที่ระยอง ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ตอน 3 เดือน บินตามแม่ไปทำงานที่ตรัง และในประเทศเดินทางทุกวัน จนเลิกนับแล้วว่าไปไหนมาบ้าง แต่ถ้าถามตะวันว่าชอบที่ไหนที่สุด ตะวันจะตอบว่า “บ้าน”
❤️บ้านเราชอบเชียงใหม่มาก และสิ่งที่ต้องไปทำเป็นอย่างแรกเวลาไปถึง คือการไปขอพรที่วัดพระธาตุดอยคำ
❤️ พี่ตะวันไปต่างประเทศครั้งแรกตอน 8 เดือน บินตามแม่ไปทำงานที่ฮอกไกโด จนตอนนี้ไปมาทั้งหมด 8 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น (5 ครั้ง) ฮ่องกง (3ครั้ง) มาเก๊า เกาหลี เวียดนาม ลาว สิงคโปร์ และจีน
ส่วนประเทศที่แม่ไปเยอะกว่าตะวันคือ กัมพูชา ไต้หวัน อินเดีย และอินโดนีเซีย โดยไปญี่ปุ่นเยอะสุด 11 ครั้ง และ ฮ่องกง 10 ครั้ง
❤️บ้านเราชอบญี่ปุ่นมาก เพราะแม่ชอบของแต่งบ้านกับเครื่องครัวที่นู่น ส่วนตะวันก็บ่นอยากไปญี่ปุ่นทุกวัน เพราะอยากไปดีสนีย์แลนด์อีก
❤️บ้านเรากินอาหารฝรั่ง อาหารหรูๆ ไม่เป็น เวลาโรงแรมให้รีวิวก็จะเกร็งๆ แต่ถ้าเป็นแนวตำปูปลาร้า ขนมเส้น อะไรแบบนี้ คือสู้ตาย
ส่วนตะวันเป็นเด็กกินยาก ชอบกินข้าวโพด ฝรั่ง ขนมครก ขนมหวานไทยทุกชนิดที่มีกะทิ
❤️ ตะวันเป็นเด็กพูดมากเคยพูดแบบไม่พักตั้งแต่รถออกจากบ้านที่กรุงเทพ พูดได้คนเดียวไปจนถึงลำปาง
❤️ตะวันตอนขวบนึงชอบสวนสัตว์ สองขวบชอบpeppa pig และตอนนี้บ้าsuper hero มาก และชอบยักษ์เขียวthe hulk ที่สุด เพราะอยากทุ่มรถป๊าให้พังได้เวลาป๊าดุ และชอบวันเดอร์วูแมน เพราะอยากให้แม่ใส่ชุดโป๊ๆ แบบเค้า
❤️ตะวันอยากมีเมียแล้ว(อันนี้พี่ตะวันพูดจริงๆ) ชอบสาวผมทอง หน้าขาว ปากแดง ซึ่งเคยไปเจอสาวคนนึงที่วัดดอยคำแล้วชอบเค้ามาก พูดถึงทุกวัน เหมือนโดนเล่นของ555 เค้าบอกว่าถ้ามีเมีย จะเอาแม่ไปขังกรงในวัด เพราะแม่ขี้เหร่
❤️แม่อยากมีลูกสาวอีกคน แต่พร่ตะวันอยากมีน้องเป็นผู้ชาย เพราะจะได้เล่นต่อสู้กัน จะตั้งชื่อน้องว่า “ท้องฟ้า” ซึ่งก็คอยถามแม่ทุกวันว่าเมื่อไหร่น้องจะมาเกิด
❤️เรายังฝันอยากมีร้านขนม มีคาเฟ่ เป็นของตัวเอง
❤️เราเคยคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การได้ทำตามความฝัน แต่ตอนนี้ขอเปลี่ยนเป็น “การมีครอบครัวที่มีความสุข” คือสิ่งสำคัญที่สุด
❤️ดีใจที่งานที่ทำ ทำให้เราได้พาลูกไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที่ สำหรับเราสิ่งนี้มันพิเศษที่สุดแล้ว
❤️คิดขอบคุณทุกlike ทุกcomment ทุกshare จากเพื่อนๆ ในเพจอยู่ทุกวัน เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีวันดีดีแบบทุกวันนี้ ขอบคุณจากใจจริงๆ นะ🌞
#ศศิแขกตี้แอนด์พี่ตะวัน
#ฉันกลัวที่แคบ
#เรากลัวที่แคบ
pantip คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ข่าวประชาสัมพันธ์..
เปิดแนวคิด Converse To Convert ทำไมการสร้างบทสนทนาใน Twitter ถึงช่วยสร้างยอดขาย
เวลาที่เราเปิดร้านขายของ เป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือ “ตัวเลขยอดขายของสินค้า” หรือ “ตัวเลขยอดคลิกจากการยิงโฆษณา” ?
แน่นอนว่าแทบจะทุกคนก็คงตอบว่า “ยอดขาย” คือเรื่องสำคัญที่สุด ในโลกที่ทุกแบรนด์กระโดดลงมาทำการตลาดออนไลน์กันหมด เพราะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ พวกเขากระจุกตัวอยู่ในโลกโซเชียล หรือชอปปิ้งอยู่ในตลาด eCommerce ทำให้การแข่งขันเพื่อยอดขายสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพูดถึงคำว่า “การตลาดออนไลน์” สิ่งที่แบรนด์นิยมทำช่วงนี้ก็คือ
การเฟ้นหาเทคนิคยิงโฆษณา เพื่อเอาชนะอัลกอริทึ่ม
การยิงโฆษณาก็เป็นทางเลือกที่มีโอกาสทำให้คนรู้จักแบรนด์ หรือนำไปสู่การสร้างยอดขายได้จริง แต่การพุ่งโฟกัส ทุ่มเวลาไปที่การใช้กลยุทธ์เดียวอาจไม่เพียงพอแล้วในยุคนี้
ทุกวันนี้เรานิยมให้ทีมงานหลายคนเฝ้าดู Stat หลังบ้าน วิเคราะห์เวลาโพสต์ที่จะได้ Engage เยอะที่สุด หรือแม้แต่การประชุมระหว่างแบรนด์และเอเจนซี ก็มักจะวนอยู่ในเรื่อง Advertising Format ต้นทุนค่าคลิก (CPC) อัตราการคลิก (CTR), การปรับเรื่องราวให้ดูครีเอทีฟ, และปรับกลุ่มเป้าหมายของโฆษณา
นอกจากที่กล่าวมาก เราอยากให้หลายแบรนด์เริ่มตั้งคำถามว่า นอกจากการยิงโฆษณาแล้ว เรามีกลยุทธ์อื่น ๆ อีกหรือไม่ ที่ทำให้คนเกิดความผูกพันธ์กับแบรนด์ หรือพูดคุยกันจนนำไปสู่การทดลองใช้ และนำไปบอกต่อ ไม่เพียงแค่กดคลิกเข้าชมเพจหรือเว็บไซต์แล้วผ่านเลยไป
ดังนั้นถ้าเรากำลังประสบปัญหาที่มียอดคลิกเยอะ แต่คนไม่ค่อยซื้อสินค้า เราก็ควรเริ่มมองหากลยุทธ์ใหม่ๆ
แล้วอะไรบ้างที่ทำให้คนสนใจแบรนด์อย่างแท้จริง ไม่ผ่านมาแล้วผ่านไป?
แบรนด์ควรถอยกลับมาตั้งคำถาม เหมือนเป็นการเช็คลิสต์ตัวเองตามสเต็ปเหล่านี้
1.Core Value หรือแก่นหลักของแบรนด์คืออะไร ?
2.แล้ว Core Value นี้ เราได้สื่อสารมันออกไปครบถ้วนหรือไม่ ?
3.วิธีการสื่อสาร Core Value ของเราที่ผ่านมา มันทำให้ลูกค้ามีอารมณ์ร่วมกับสินค้านี้หรือเปล่า ?
คำถามข้อที่ 3 นี้ ถือเป็นจุดสำคัญ เพราะถ้าทุกอย่างเราดีมีคุณภาพ แต่ทำให้ลูกค้า “รู้สึกร่วม” ไม่ได้ การเน้นไปที่ยอดเข้าถึง หรือเน้นไปที่จำนวนคลิกก็คงไม่มีพลังมากพอ ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึก “อยากควักเงินออกจากกระเป๋า”
ดังนั้น “ก่อนทำให้ผู้บริโภคอยากคลิกไปซื้อสินค้า” ผู้บริโภคต้องถูกแรงดึงดูดจากแบรนด์ ให้เขารู้สึกเห็นคุณค่าของสินค้านั้นๆ
ตัวอย่างเช่น ชานมแบรนด์ ฉุน ชุ่ย เฮ้อ หรือ Just Drink ที่เถ้าแก่น้อยเอามาวางขายใน 7-Eleven เป็นชานมชื่อดังจากไต้หวัน ที่สินค้าหมดก่อน 8 โมงเช้า และกลายเป็นของหายากในชั่วข้ามคืน นั่นก็เพราะคนไทยได้อ่านรีวิวจากคนที่ไปเที่ยวไต้หวันบอกว่าเป็นชานมที่รสชาติดี และเป็นสิ่งที่คนมักจะซื้อมาเป็นของฝากกัน
และไม่ว่าจะปรากฏการณ์รอซื้อกระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางแบรนด์ดัง หรือเทรนด์ตามล่าหาเซิร์ฟสเก็ต ก็ล้วนเกิดมาจากการได้รับฟีดแบ็ก หรือเห็นการใช้งานของคนจริงๆ จึงทำให้เกิดการบอกต่อ จนสินค้าขาดตลาด หรือมีการขึ้นราคากันหลายเท่าตัว
จากเรื่องนี้เราเห็นอะไรบ้าง?
ยุคนี้คนเราชอบการเล่าเรื่อง หรือฟังรีวิวมากขึ้น เพราะมันคือการช่วยยืนยันว่า แบรนด์หรือสินค้านี้น่าเชื่อถือ น่าสนใจ หรือเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตของพวกเขาได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องมีคนเดินไปตื๊อให้พวกเขาซื้อ เขาถึงจะรู้จักและสนใจ
และบางครั้งการที่คน ๆ หนึ่งตัดสินใจซื้อสินค้า อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเห็นโฆษณาตามหน้าเพจหรือบิลบอร์ดเพียงอย่างเดียว แต่อาจเพราะมีคนพูดถึงสินค้านั้น ๆ กันเป็นวงกว้าง จนทำให้เกิดความรู้สึกอยากลอง หรือเจอคนเขียนรีวิวในโลกออนไลน์ ทำให้ต้องลองค้นหาต่อ และนำไปสู่การซื้อในที่สุด
ดังนั้นในยุคที่ eCommerce และการซื้อขายหรือทำโฆษณาในโลกออนไลน์กำลังเฟื่องฟู สิ่งที่แบรนด์ห้ามลืมคือเรื่องของ “Converse To Convert” แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเก่า หรือเป็นเรื่องที่พูดกันมายาวนาน แต่สุดท้ายแล้ว มนุษย์ก็ต้องการการสื่อสาร ถึงจะนำไปสู่ความเข้าใจ และวางใจที่จะซื้อสินค้าของแบรนด์
แนวคิด Converse To Convert คืออะไร?
แนวคิด Converse To Convert คือการที่แบรนด์ให้ความสำคัญกับบทสนทนาต่อสินค้าหรือบริการ โดยผู้ที่สามารถเริ่มต้นสร้างบทสนทนาที่เกี่ยวกับแบรนด์ ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแบรนด์ ซีอีโอ หรือทีมงานเสมอไป
แต่คนที่เป็นผู้บริโภค อินฟลูเอนเซอร์ ผู้ที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยเป็นลูกค้ามาก่อนก็ตามก็สามารถกลายมาเป็นผู้ที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ และสร้างบรรยากาศ “ความน่าซื้อ” ได้
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การอ่านหรือดูรีวิวจากคนทั่วไป ที่ไม่ใช่มาจากแบรนด์โดยตรง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่วยสร้างบรรยากาศความน่าซื้อ หรือความน่าสนใจของแบรนด์
จากข้อมูลของ Global Consumer Survey โดย Statista ระบุว่า 59% ของคนไทยที่ซื้อสินค้าออนไลน์เห็นด้วยว่า Consumer Reviews หรือ การรีวิวจากกลุ่มผู้บริโภคเองในโลกออนไลน์ มีประโยชน์ในแง่การช่วยพวกเขาในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ
จากข้อมูลงานศึกษาของ GlobalWebIndex ที่ศึกษากลุ่ม Mobile Shoppers ในไทย พบว่า คนกว่า 1 ใน 3 ของนักช้อปผ่านมือถือ เห็นด้วยว่า คำสนทนาที่ดีต่อสินค้าหรือบริการมี ผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของในออนไลน์
โดยรองจาก การส่งฟรี (61%) และ ส่วนลดที่ดึงดูดใจ (53%) และนอกจากนั้น การได้อ่านหรือเห็นคำสนทนาที่ดีในสินค้าหรือบริการ ยังทำให้ Mobile Shoppers มีแนวโน้มจะคลิกเข้าชม เว็บไซต์ของแบรนด์เพิ่มมากขึ้นอีก 15%
นั่นก็แปลว่า หากแบรนด์ขยับมามองเรื่องของ Conversation To Commerce มองเรื่องการผลักดันให้เกิดการสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับแบรนด์ ก็จะส่งผลให้แบรนด์มีโอกาสที่จะได้ลูกค้าจริงๆ มากขึ้น หรือช่วยสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์มากขึ้นด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะนำไปสู่การมียอดคลิก หรือยอดชมเว็บไซต์ที่ดีตามไปด้วย
ในยุคนี้มีพื้นที่อะไร ที่มาช่วยผลักให้เกิดพลังของสร้างบทสนทนา ?
หากย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พื้นที่ที่สร้างบทสนทนามากที่สุดก็จะเป็นเว็บบอร์ด อย่างเช่น Pantip, Dek-D.com, PRAMOOL.COM และ Blog ต่างๆ อีกมากมาย และจะเต็มไปด้วยบุคคลธรรมดาที่ไม่เปิดเผยตัวตน มาสนทนาในห้องต่างๆ ซึ่งก็จะมีตั้งแต่การรีวิวสินค้า สอบถามเรื่องร้านอาหาร สถาบันเรียนพิเศษ หนังสือ และพูดคุยในประเด็นอื่นๆ
แต่ทุกวันนี้นอกจาก Pantip ก็มี Twitter ที่เป็นพื้นที่แห่งการสนทนา ที่ค่อนข้างมีอิมแพคไม่น้อย เพราะการทวีตหรือโพสต์ออกไปนั้น จะใช้ข้อความแค่ไม่กี่ตัวอักษร หรือลงเพียงโพสต์เดียว ก็สามารถส่งต่อไปที่คนอื่นๆ เป็นหมื่นเป็นแสนคน ผ่านการรีทวิตเป็นหมื่นเป็นแสนครั้งได้ ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ส่งต่อข้อมูลกันได้อย่างรวดเร็วอันดับต้นๆ ของโลก
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ Twitter* ที่ศึกษาเกี่ยวกับพลังของการสนทนาที่มีต่อแบรนด์ ระบุว่า หากแบรนด์สามารถเพิ่มจำนวนการสนทนาที่ดีในสินค้าหรือบริการได้เพียงแค่ 10% โอกาสในการสร้างยอดขายจะเพิ่มอีกถึง 3%
และจากการสำรวจในสหรัฐอเมริกา พบว่า ถ้ามีการซื้อโฆษณาหรือดัน Hashtag ใน Twitter จำนวนคนที่จะเข้ามาสนทนาเกี่ยวกับแบรนด์จะเพิ่มขึ้นถึง 105% ซึ่งเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ Twitter เป็นพื้นที่ที่ขับเคลื่อนการสนทนาได้มากกว่า 3 เท่า
เพราะ Twitter กลายเป็นเหมือน Marketplace ที่คนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ จะสามารถเข้ามาถามหาสินค้าได้ ถามหารีวิวได้ ผ่านการใช้ Hashtag อย่างเช่น #รีวิวเซเว่น #รีวิวเครื่องสำอางค์เกาหลี #ตามหาเคส #รีวิวบ้าน #รีวิวคาเฟ่ต์ เป็นต้น
และการพิมพ์สิ่งที่ต้องการ พร้อมกับติด Hashtag ก็จะมีคนมาเห็น และ Reply เข้ามาบอกพิกัด บอกร้าน หรือแปะลิงค์ช่องทางการซื้อให้โดยทันที
อีกทั้งเราก็คงจะเห็นได้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อย หรือคนรอบตัวของเราที่ไปร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือซื้อสินค้าจากการที่ “โดนรีวิวใน Twitter ป้ายยา” ซึ่งก็แปลว่า Twitter กลายเป็นแหล่งสร้างพลังของบทสนทนาที่ดีที่จะช่วยให้คนสนใจสินค้า บริการ
Twitter มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ขั้นตอนการสนทนาเกิดขึ้นได้อย่างไร?
Conversation Flow หรือการสนทนาของกลุ่มคนบนทวิตเตอร์ มี Flow หลักอยู่ 5 ช่วง
1.Conversation starts: ก็คือช่วงก่อนถึงจุดพีคจะมาประมาณ 1 สัปดาห์ จะมีบางคนที่เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เช่น ร้านนี้มีจุดขายอย่างไร ดีกว่าที่อื่นอย่างไร หรือบอก Tips ในการได้ Code ลับ เพื่อเป็นส่วนลดสินค้าหรือบริการ
2.Warm-up: หลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงที่เครื่องเริ่มติด โดยจะมีกลุ่มคนเริ่มมาคุยถึงประเด็นที่กล่าวไปมากขึ้น คนจะเริ่มมาถกเถียงหรือให้ข้อมูลกันว่า อันไหนน่าสนใจหรืออันไหนไม่ควรซื้อ
3.Event Day: วันที่ Conversation พุ่งสูงสุดแตะค่าเฉลี่ยที่มีคนพูดถึงสูงสุด ทำให้เกิดกระแสแฮชแทคติด Trending ขึ้นมา ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็อย่างเช่น วันที่เทศกาล อย่างเช่น 11.11 เทศกาลคนโสด ก็จะมีกลุ่มคนกลัวตกรถ อดได้สินค้าราคาโปรโมชัน ทำให้ต้องติดตามแฮชแทคใน Trending ที่เกี่ยวกับ 11.11
4.Unboxing: ช่วงนี้คือช่วงที่คนเริ่มออกมารีวิวสิ่งที่ได้ซื้อตาม ซึ่งจะเกิดขึ้น 2-3 วันหลังจากช่วง Event Day ถ้าของดีสินค้าดี นี่คือช่วงเวลาที่คนกำลังทวิตบอกต่อๆ กัน หรือเรียกว่าช่วงเวลาทองในการ Advocacy ของแบรนด์
5.Aftermath: ช่วงกระแสเริ่มซา แต่ช่วงนี้เราจะได้ Insight จากลูกค้าที่จริงมากขึ้น เพราะถ้ายังมีคนพูดถึงอยู่ แปลว่าสินค้าของเรายังได้รับความสนใจ และถ้าการสนทนานี้มีการสนทนาในทางบวก แบรนด์ก็จะยิ่งได้รับความสนใจในทางที่ดีมากขึ้น
ในขณะเดียวกันถ้ามีฟีดแบ็กไม่ดีเกิดขึ้น Twitter จะเป็นแหล่งที่ทำให้แบรนด์ได้ข้อมูลจริงจากปากลูกค้า เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาสินค้า โดยที่ไม่ต้องออกไปทำรีเสิร์ชให้วุ่นวายยุ่งยาก เพียงแค่เสิร์ชสินค้าหรือชื่อแบรนด์ของเรา
และนี่คืออีกข้อมูลที่น่าสนใจจาก GlobalWebIndex โดยทีมงานได้ไปทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง นักช้อปออนไลน์บน Twitter ที่ได้อ่านบทสนทนาที่ดีเกี่ยวกับสินค้าและบริการ กับ นักช้อปออนไลน์บน Twitter ที่ไม่ได้อ่านบทสนทนาที่ดีเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
สถิติเหล่านี้ก็ถือเป็นการตอกย้ำว่า ในยุคนี้คือยุคแห่งพลังของบทสนทนา ยิ่งมีการพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าและบริการนั้นมากเท่าไหร่ โอกาสที่กลุ่มลูกค้าจะเห็นแบรนด์ เข้าใจคุณค่าของแบรนด์ จนนำไปสู่การซื้อหรือโดนป้ายยา ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นนักการตลาด หรือคนที่ทำแบรนด์ ที่กำลังลงมาเล่นในสมรภูมิออนไลน์ยุคนี้ อย่าเพิ่งมองข้ามไปที่เรื่องของเทคนิค หรือทางลัดล้ำๆ ให้ได้ยอดวิวยอดคลิกเยอะๆ เพียงอย่างเดียว ควรมองกลับไปที่จุดสำคัญ ที่เป็นตัวผลักให้ “คน” รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในสินค้าและบริการมากขึ้น เพราะถ้ากลุ่มลูกค้า “เห็นคุณค่าของสินค้า” จากการพูดคุยหรือสนทนาจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ มาก่อน เขาถึงจะตัดสินใจคลิก และตัดสินใจซื้อตามมา
เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการทำแบรนด์คือ ทำให้เกิดยอดขาย ไม่ใช่แค่ยอดคลิก
ดังนั้นในวันนี้ เราอยากชวนให้แบรนด์กลับมาถามตัวเองว่า เราได้เริ่มทำให้สินค้าและบริการของเราเป็นที่ถูกพูดถึงหรือยัง?
หากนักการตลาดยุคใหม่ อยากทำให้แบรนด์เป็นหนึ่งในบทสนทนาสำคัญในโลกออนไลน์อย่าง Twitter สามารถติดต่อได้ที่ MediaDonuts ตัวแทนจำหน่ายโฆษณาของ Twitter ประจำประเทศไทย ผ่านทาง marketingSEA@mediadonuts.com
pantip คือ 在 TRADERIDER Youtube 的最讚貼文
โบรกเกอร์ IRACROWNS เป็นโบรกเกอร์น้องใหม่ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ที่ผ่านมาโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทางการเงิน ให้บริการซื้อขาย Forex , Metals , Energies , Indices , Crypto Currency และ Commodities โดยมีเป้าหมายหลักคือให้ลูกค้าหรือนักลงทุนทุกท่านสามารถประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
ใบอนุญาต IRACROWNS
โบรกเกอร์ IRACROWNS อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับและดูแลโดย FSA ของ St. Vincent and the Grenadines ภายใต้ชื่อ IRACROWN Ltd หมายเลขใบอนุญาต 25527 BC 2020
แพลตฟอร์มการเทรด
IRACROWNS รองรับการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม MT4 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่นิยมใช้เทรด Forex มากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน รองรับทั้งใน Desktop , iPhone และ Android
สรุป
โบรกเกอร์ IRACROWNS ถึงแม้ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตแต่ก็ยังคงถือว่าเป็นโบรกเกอร์น้องใหม่ที่พึ่งเปิดขึ้นมาได้ไม่นานก็อาจจะต้องดูกันต่อในระยะยาวว่าในอนาคตจะเป็นยังไงต่อไป แต่หากเทรดเดอร์หรือนักลงทุนท่านใดที่ชอบในเรื่องของโบนัสเงินฝากและโปรโมชั่นต่างๆก็สามารถเข้ามาลองใช้บริการกับทางโบรกเกอร์ IRACROWNS กันได้ คาดว่าน่าจะมีโบนัสและโปรโมชั่นออกมาอีกมากในอนาคต ก็ต้องลองเปิดใจให้กับโบรกเกอร์น้องใหม่กันดูครับ
อ่านเพิ่มเติม : https://traderider.com/index.php/topic,23421.0.html
pantip คือ 在 Antihero Thailand Youtube 的最讚貼文
ขอบคุณ corsair
https://www.corsair.com/ww/en/
---------------------------!
สมาร์ททีวี เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก ที่มีตามบ้านเรือนของทุก ๆ คนอยู่แล้ว และพวกเราเองก็คุ้นเคยเป็นอย่างดีครับ รายการทีวีต่าง ๆ ก็มีหลากหลาย ล้วนแล้วแต่น่าสนใจมาก ๆ เช่น หนัง ละคร เพลง รายการเด็ก และอีกหลาย ๆ แนว ซึ่งรายการต่าง ๆ ที่มีมากมาย จะให้ทำให้เราได้สนุกเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และได้ติดตามข่าวสารต่าง ๆ อย่างครบครันครับ ทำให้ถ้าใครไม่มีทีวี คงต้องไปหาซื้อมาไว้ที่บ้านสักเครื่องแล้วล่ะ จะได้พักผ่อนอย่างเพลิดเพลิน
แน่นอนครับ ยุคนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยี มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดหย่อน ทำให้เทคโนโลยีของ สมาร์ททีวี มีการแข่งขันกันอย่างสูงมาก ๆ มีบริษัทชั้นนำหลายแบรนด์ ส่งสมาร์ททีวีรุ่นต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างมากมาย
ทำให้หลาย ๆ คนมีคำถามในใจครับว่า ถ้ามีแผนจะซื้อ Smart TV อยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเรื่มต้นอย่างไร มีรุ่นไหน ๆ ที่กำลังดัง ๆ ที่น่าสนใจบ้าง ถ้าเพื่อน ๆ ยังมีความสงสัย ไม่แน่ใจว่าจะเรื่มจากตรงไหนดีแล้วล่ะก็
วันนี้ครับจะมาแนะนำ สมาร์ททีวี ที่น่าสนใจให้ได้รับทราบกัน
--------------------------
สนใจมาเป็นครอบครัว COSMO หรือซื้อสินค้าคลิกลิงค์ได้เลย : https://lin.ee/f9aza37 IG : https://instagram.com/cosmo_healthy
pantip คือ 在 TRADERIDER Youtube 的精選貼文
โบรกเกอร์ IC Markets ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 ที่ซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย ในด้านของชื่อเสียงนั้นก็ถือได้ว่า โบรกเกอร์ IC Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงมากโบรกเกอร์หนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของความรวดเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย ที่ค่อนข้างรวดเร็วมาก อีกทั้งในช่วงที่มีข่าวแรงๆก็จะไม่ค่อยมีการถ่างสเปรด กราฟค่อนข้างจะนิ่งและเสถียรมาก ส่วนในเรื่องของค่าสเปรดที่ค่อนข้างจะต่ำมากเช่นกัน ทำให้เทรดเดอร์หรือนักลงทุนชาวไทยหลายๆท่านก็นิยมเปิดบัญชีกับ โบรกเกอร์ IC Markets กันมากพอสมควร
ใบอนุญาต โบรกเกอร์ IC Markets
โบรกเกอร์ IC Markets จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากหลากหลายหน่วยงานได้แก่
Australian Securities and Investment Commission (ASIC) ประเทศออสเตรเลีย
Financial Services Business Seychelles (FSA) ประเทศ Seychelles
Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) ประเทศไซปรัส
แพลตฟอร์มการเทรด โบรกเกอร์ IC Markets
IC Markets ให้บริการซื้อขาย Forex สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี พันธบัตร เงินดิจิตอล หุ้น และฟิวเจอร์ส ผ่านแพลตฟอร์ม MT4 , MT5 และ cTrader อีกทั้งยังรองรับการซื้อขายผ่านทาง webtrader ซึ่งมีทั้ง MT WebTrader และ cTrader Web
ประเภทบัญชีเทรด โบรกเกอร์ IC Markets
IC Markets มีประเภทบัญชีเทรดให้เลือกใช้งานหลักๆทั้งหมด 3 ประเภทดังนี้
1.ประเภทบัญชี cTrader Raw Spread
แพลตฟอร์มซื้อขาย : cTrader
คอมมิชชั่น (ต่อ lot) : $3.0 ($6.0 per lot roundturn)
สเปรด : 0 pips
ฝากเงินขั้นต่ำ : 200$
เลเวอเรจ : 500:1
หมาะสำหรับ: เดย์เทรดเดอร์ & นักเก็งกำไรระยะสั้น
2. ประเภทบัญชี Raw Spread
แพลตฟอร์มซื้อขาย : MetaTrader
คอมมิชชั่น (ต่อ lot) : $3.5 ($7.0 per lot roundturn)
สเปรด : 0 pips
ฝากเงินขั้นต่ำ : 200$
เลเวอเรจ : 500:1
หมาะสำหรับ: EAs & นักเก็งกำไรระยะสั้น
3.ประเภทบัญชี Standard
แพลตฟอร์มซื้อขาย : MetaTrader
คอมมิชชั่น (ต่อ lot) : ไม่มี
สเปรด : 1.0 pips
ฝากเงินขั้นต่ำ : 200$
เลเวอเรจ : 500:1
หมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่ทำการเทรดด้วยตัวเอง
การฝาก-ถอนเงิน IC Markets
ในส่วนของช่องทางการฝาก-ถอนเงินนั้น IC Markets รองรับการฝาก-ถอนเงินที่ค่อนข้างจะหลากหลายช่องทางมาก แต่ช่องทางที่ชาวไทยนิยมใช้งานกันมากที่สุดก็จะมีช่องทางการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย , VISA/MASTER CARD , Skrill , Neteller , Paypal และ การโอนเงินระหว่างประเทศ โดยการฝากเงินในครั้งแรกกับทาง IC Markets จะกำหนดขั้นต่ำที่ 200$ แต่การฝากในครั้งต่อๆไปจะไม่จำกัดขั้นต่ำ ในส่วนของการฝากเงินผ่านทางธนาคารไทยจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที เงินจึงจะเข้าบัญชีเทรด แต่สำหรับช่องทางอื่นๆเงินจะเข้าบัญชีเทรดในทันที ในส่วนของการถอนเงินอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันกว่าเงินจะเข้าบัญชี สำหรับธนาคารไทยที่รองรับจะมีทั้งหมด 5 ธนาคารคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารกรุงศรีฯ
ข้อดี
1.มีความรวดเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายสูงเซิฟเวอร์สเถียรมาก
2.ค่าสเปรดต่ำ
3.รองรับการเทรดหลากหลายแพลตฟอร์ม
4.มีสินค้าให้เลือกเทรดค่อนข้างหลากหลาย
5.เมนูหน้าเว็บเป็นภาษาไทย
6.มีใบอนุญาตจาก ASIC มีความน่าเชื่อถือและความมั่นคงสูง
7.มี PAMM/MAM
ข้อเสีย
1.ไม่มีบัญชี cent
2.ไม่มีโบนัสและโปรโมชั่น
สรุป
โบรกเกอร์ IC Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีความมั่นคงสูง เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในการเทรดมาบ้างมากกว่าสำหรับมือใหม่ เนื่องจากไม่มีบัญชี cent ให้ฝึกเทรด อีกทั้งยังกำหนดการฝากขั้นต่ำสำหรับการฝากเงินครั้งแรกใว้ที่ 200$ ดังนั้นหากมือใหม่ที่ต้องการจะฝากเงินน้อยๆเพื่อมาทดลองเทรดเงินจริงก็จะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังไม่มีโบนัสและโปรโมชั่นใดๆให้ลูกค้า แต่สำหรับเทรดเดอร์หรือนักลงทุนท่านใดที่มีประสบการณ์ในการเทรดมาพอสมควรแล้ว และกำลังมองหาโบรกเกอร์ดีๆที่จะใช้งานไปยาวๆ โบรกเกอร์ IC Markets ถือเป็นโบรกเกอร์ที่จะสามารถตอบโจทย์นั้นได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของความมั่นคงและค่าสเปรดที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ในระยะยาวจะช่วยให้สามารถทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : https://traderider.com/index.php/topic,23198.0.html