Bond yield พุ่งเเรงขนาดนี้เกิด inverted bond yield curve จะเกิดวิกฤติเงินเฟ้อ
หรือวิกฤติเศรษฐกิจจริงหรือไม่?
ปีนี้ถือว่าเต็มไปด้วยข่าวเศรษฐกิจที่น่าจับตามองมาตั้งเเต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นการอัดฉีดเพิ่มเงินปริมาณมหาศาลอีกชุดหนึ่งของสหรัฐ หรือเเม้กระทั่งหุ้นORที่เข้าตลาดเเล้วเเจกจ่ายผลตอบเเทนกันทั่วหน้า จนได้ชื่อว่าหุ้นมวลชน จนมาถึงเรื่องล่าสุด ว่ามีดัชนีชี้วัดตัวหนึ่งที่เรียกว่า ‘พันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐ’ตีกลับ!
ทำไมเรื่องนี้จึงน่าตกใจ?
เหตุผลก็เพราะว่า ในทุกครั้งที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปี1970 1974 เรื่อยมาจนถึง2000เเละ2008 ที่เป็นวิกฤติเศรษฐกิจสดๆร้อน ล้วนเกิดขึ้นหลังจากภาวะ การตีกลับของ bond yield มาตลอด จึงทำให้ นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน เเละ นักลงทุนทั้งโลกเกิดpanic จนทำให้ bond yield จึงถูกนำมาใช้เป็นindicator(ดัชนีชี้วัด)ที่ใช้กันอย่างเเพร่หลาย
เเต่ก็ต้องขอบอกว่าไม่ใช่ทุกครั้งมี่บอนด์ยีลขึ้นเเล้วจะเกิด วิกฤติ เเต่ ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติจะมาจากบอนด์ยีลตะหาก เพราะอย่างในปี1966ก็มีภาวะตีกลับของบอนด์ยีล เเต่ไม่เกิดวิกฤติ หรือไม่ว่าจะเป็น 1998 ที่ไม่เกิดวิกฤติเเต่ก็ต้องถือว่าเป็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่รอดสภาวะนี้ไปได้
งั้นเรามาดูกันว่า bond yield เหล่านี้มีความซับซ้อนอย่างไรบ้าง?
Bond หรือก็คือพันธบัตร ซึ่งนิยมดูกันในประเทศสหรัฐ จะมีการออกมาโดยรัฐบาลอเมริกาเเล้วให้ผู้ซื้อพันธบัตรเหล่านี้ เป็นเจ้าหนี้ เเละ จะได้ ดอกเบี้ยเป็นผลตอบเเทน ซึ่งบอนด์ ก็มีหลายระยะตั้งเเต่ 10ปี 20ปี จนถึง30ปี เป็นต้น ซึ่งก็จะให้ผลตอบเเทนเเตกต่างกันไปในเเต่ละระยะ ถ้าหากปล่อยให้เป็นตามกลไกของตลาด demand-supply ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร เเต่กระนั้น การซื้อพันธบัตรก็ถูกนำราคาของพันธบัตรเข้าไปผูกกันในตลาดอีก หมายความว่า นำพันธบัตรมากำหนดราคาซื้อขายกันในตลาดรอง ซึ่งจะทำให้ราคาของbondมีการขึ้นลงได้ เเละ yield ของbondก็จะเปลี่ยนเเปลงได้จากการซื้อขายเช่นกัน ตัวอย่าง หากbondหนึ่งสัญญา ราคา10บาท ให้ผลตอบเเทน 1บาท หมายความว่าคุณจะได้yield หรือ ผลตอบเเทน 10% เเต่ถ้ามีการซื้อบอนด์นั้นมากๆ ราคาของบอนด์ในตลาด(mark to market)ก็จะปรับตัวสูงขึ้น ทำให้yieldลดลง อาจจะบอนด์หนึ่งสัญญาราคาขึ้นเป็น20บาทเพราะมีdemandสูงก็จะถูกทำให้yieldลดลงเหลือเพียง5%นั่นเอง
เเต่ก็ยังไม่หยุดเท่านั้นมีการใช้นโยบายเข้ามาเเทรกเเซงราคา เเละ yieldเข้าไปอีก โดนรัฐบาลทำให้ราคา เเละ yieldถูกบิดเบือน จึงเป็นอะไรที่ถือว่าเพิ่มความซับซ้อนไปอีกหนึ่งชั้นเลยทีเดียว
โดยการเข้าเเทรกเเซงของรัฐบาลจะไปเน้นที่บอนด์ระยะสั้น เช่น ถ้าบอนด์ยีล พุ่งสูงธนาคารกลางก็จะพิมพ์เงินๆ ไปกว้านซื้อบอนด์ เพื่อกดยีลลงมา เเต่ที่เกิดความตกใจในตลาดนั่นก็คือ ยีลของบอนด์ระยะยาวที่ไม่ได้ถูกคุมโดยรัฐบาล โดยศัพท์ที่เข้าใจกันในวงการก็คือ real yield หรือ ผลตอบเเทนจากพันธบัตรจริงๆ ที่สามารถสื่อความหมายไปที่เงินเฟ้อได้
ดังนั้นกระบวนการเกิดinverted bond yield curve นั้นเกิดจากภาวะการพุ่งขึ้นเป็นบวกของพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ ซึ่งเป็น สัญญาณการกลับมาของภาวะเงินเฟ้อ ที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระตามกลไก เเต่มันจะถูกปล่อยไปตามกลไกจริงๆหรือเปล่านะ??
เพราะล่าสุด นายเเบงค์ใหญ่ของสหรัฐ เจโรม พาวเวล ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะอัดฉีดเงินเข้ามาเท่าไหร่ก็ได้เพื่อรักษา สภาพตลาดนี้ไว้ ซึ่งก็ถือว่าเรียกความมั่นใจกลับมาได้บางส่วนเท่านั้น เพราะไม่กี่วันถัดมา ตลาดหุ้นก็ถูกเทขายลงมาอย่างหนักอีกเช่นกัน
ซึ่งการเข้ามาเเทรกเเซงกลไกตลาดไว้เเบบนี้ก็น่อมมีอะไรที่ต้องเเลกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น การมีเงินในระบบที่มากเกินไป เเล้วระบบเศรษฐกิจกลับมาวิ่งเเบบปกติเงินเฟ้อจะเป็นเช่นไร เงินดิลลาาห์จะไร้ค่าลงไปขนาดไหน หรือว่า จะทำให้อเมริกาเข้าสู่เศรษฐกิจซึมยาวที่เเม้จะพิมพ์เงินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่มีการหมุนเเต่ไปเฟ้อที่ค่าครองชีพ จนเกิดภาวะstagflationเเทนหรือไม่
สุดท้ายเเล้วการไปฝืนกลไกตลาดอย่างมหาศาลนี้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ หรือ จะสามารถทำให้ ภาวะเศรษฐกิจโลกกลับสู่ขาขึ้นได้อีกครั้งหรือไม่ ก็คงต้องตามดูกันต่อไป
Trin T
Ref : https://www.advisorperspectives.com/articles/2019/04/01/a-historical-perspective-on-inverted-yield-curves
real yield curve 在 tivo168 的投資理財EXCEL應用教學 Facebook 的精選貼文
領先指標之王
#未來一年衰退的機率
#FED紐約分行
#資料日期_20190802
#網址
The Yield Curve as a Leading Indicator - FEDERAL RESERVE BANK of NEW YORK
Research beginning in the late 1980s documents the empirical regularity that the slope of the yield curve is a reliable predictor of future real economic activity. Today, a substantial body of evidence exists from which various useful stylized facts have emerged. We update the data within the first week of each month.
https://nyfed.org/2yEfh1e
#新聞剪報
再下修!紐約Fed估下半年GDP最低1.1% 明年衰退機率近四成
鉅亨網編譯陳秀宜2019/09/07 10:150
週五 (6 日) 紐約聯邦儲備銀行 (Federal Reserve Bank of New York) 公布最新 GDP 預估,再度下修今年第三季 GDP 至 1.5%,第四季更下修至僅僅 1.1%。同時,預估未來一年衰退的機率,提高至 37.927%。
紐約聯儲表示:「本週公布的經濟數據普遍不佳,尤其是 ISM 製造業指數意外落入緊縮區間,是本次再度下修下半年 GDP 預估的主因之一」。
紐約聯儲觀察,近幾周的數據表現顯示,製造業的景氣持續低迷,服務業也有所放緩,使得第三季 GDP 由 1.8% 調降至 1.5%,第四季 GDP 預估下修 0.5% 至僅僅 1.1%,恐落入 2016 年來的最低成長水準。
此外,紐約聯儲也根據美債殖利率製作了模型,用來預估未來美國經濟衰退的機率,目前未來 12 個月衰退的機率已經攀升至 37.9271%,為金融海嘯以來最高。儘管目前有許多聲音認為,殖利率的倒掛表現不見得代表衰退,衰退可能不會這麼早到來。
聯準會主席鮑爾同日發表談話,表示美國就業與經濟正以溫和的腳步擴張,不認為經濟將落入衰退,未來將視經濟情勢採取適當行動。此番言論再次加深了市場認為 9 月 18 日將降息一碼的可能性。
https://news.cnyes.com/news/id/4378292
real yield curve 在 Negative real yields and a stubbornly-low U.S. ... - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>