กรณีศึกษา ทำไมคนญี่ปุ่น ชอบถือเงินสด มากกว่าลงทุนในหุ้น /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1878 หรือเมื่อ 143 ปีที่แล้ว และมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากกว่า 2,000 บริษัท ในปัจจุบัน
และรู้หรือไม่ว่า ต้นปี 2021 มูลค่าของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นสูงกว่า 190 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
หลายคนอาจคิดว่า คนญี่ปุ่นคงชอบลงทุนในหุ้น มากกว่าสินทรัพย์อื่น
แต่ความจริงแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้น..
แล้วคนญี่ปุ่นเมื่อมีเงินแล้ว พวกเขาเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เราลองมาเทียบกันดูก่อนว่า ส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นชอบถือครองสินทรัพย์อะไร และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ในปี 2018 ครัวเรือนญี่ปุ่น ถือครองสินทรัพย์มูลค่ารวมกันกว่า 558 ล้านล้านบาท
โดยจำนวนนี้ ถ้าแบ่งตามสัดส่วนจะเป็น
- เงินสดและบัญชีเงินฝาก 52%
- ประกันและบำนาญ 28%
- หุ้นและกองทุนรวม 15%
- อื่น ๆ 5%
ที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบกับคนยุโรปและคนอเมริกัน ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ต่อมูลค่าสินทรัพย์ถือครอง เท่ากับ 28% และ 31% ตามลำดับ
จึงแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยสนใจการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมมากนัก และยังชอบถือครองเงินสด ด้วยการฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากอีกด้วย
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในญี่ปุ่นนั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาต่อเนื่องหลายปี แม้กระทั่งในปัจจุบันก็อยู่ที่ประมาณ 0%
คำถามสำคัญก็คือ ทำไมคนญี่ปุ่น ยังเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารจำนวนมาก แทนที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ?
เหตุผลที่อธิบายเรื่องนี้ สามารถสรุปออกมาได้ 3 ประเด็น คือ
1. ประสบการณ์ที่เลวร้ายจากเหตุการณ์ฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ญี่ปุ่นก็เริ่มเข้าสู่ระยะของการฟื้นฟูประเทศ ช่วงหลังจากนั้นเป็นต้นมา เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
ในช่วงปี 1961-1971 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยกว่า 9% ต่อปี และเติบโตมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนถึงในช่วงทศวรรษ 1980
ในตอนนั้น ผลกำไรของบริษัทในญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และธนาคารหลายแห่งมีการปล่อยกู้ให้แก่บริษัทจำนวนมาก
การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ทั้งบริษัทและผู้คนในญี่ปุ่นต่างร่ำรวย จนเกิดการเข้าไปเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์
ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดัชนี Nikkei ที่สะท้อนตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จนเกือบแตะ 40,000 จุด ในปี 1989 จากระดับประมาณ 8,000 จุดในปี 1982
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.5% ในปี 1989 มาอยู่ที่ 6% ในปี 1990 เพื่อเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม ไม่ให้เกิดการกู้ไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ
จนสุดท้าย เมื่อแรงเก็งกำไรเริ่มอ่อนลง ก็ถึงคราวฟองสบู่ลูกใหญ่ระเบิดออก
ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ และราคาอสังหาริมทรัพย์ ก็เริ่มปรับตัวลดลง และลดลงเรื่อย ๆ จนหลายคนเจ็บตัวอย่างหนักจากการลงทุน
วิกฤติฟองสบู่ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากนั้นมาหลายสิบปีแทบจะหยุดอยู่กับที่ และเป็นแบบนี้มาแล้วราว 3 ทศวรรษ
ซึ่งนี่เองเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก รู้สึกขยาดกับการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้น รวมทั้งยังปลูกฝังความคิดนี้มายังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อ ๆ มา จนถึงตอนนี้
2. ภาวะเงินเฟ้อฝืด
ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ส่งผลโดยตรงต่อภาคครัวเรือน
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของคนญี่ปุ่นนั้นลดลง จากการที่หลายคนต้องตกงาน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในช่วงปี 1990-2020
ญี่ปุ่นประสบกับภาวะเงินฝืด (เงินเฟ้อติดลบ) ทั้งหมด 14 ปี
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะเงินฝืด นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะลดลง
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ชาวญี่ปุ่นจึงเกิดแรงจูงใจในการถือเงินสด มากกว่าที่จะนำเงินออกไปใช้จ่าย หรือชะลอการใช้จ่ายออกไปก่อน เพราะพวกเขาเชื่อว่า ในอนาคตเงินจำนวนเท่าเดิมนั้นจะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากกว่าในปัจจุบัน และนำเอาเงินไปฝากกับธนาคารไว้ก่อนนั่นเอง
3. ความรู้ ความเข้าใจด้านการเงิน ของคนญี่ปุ่น
หลายคนคงแปลกใจถ้าบอกว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ขาดความรู้ด้านการเงิน
ซึ่งเรื่องนี้ มีผลการสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นนั้นมีความรู้ด้านการเงินน้อยกว่าประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี
การขาดความรู้ความเข้าใจทางด้านการเงิน ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก กลัวการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และชอบในการเก็บเงินออมด้วยการฝากธนาคารที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ โรงเรียนในญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องการลงทุนเท่าที่ควร โดยศาสตราจารย์ Nobuyoshi Yamori ที่สอนสาขาวิชาเศรษฐกิจและธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยโกเบ ระบุว่า
“โรงเรียนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ใช้เวลาสอนเรื่องการเงินการลงทุนให้นักเรียนน้อยมาก ขณะที่ครูที่มาสอนวิชาดังกล่าวก็ไม่ได้รับการฝึกอบรม หรือมีความรู้ ความเข้าใจ ในด้านการเงินการลงทุนที่ดีมากนัก”
จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นจำนวนมากขาดความรู้ด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้เมื่อทำงานมีรายได้แล้ว พวกเขาเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคาร มากกว่านำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นจำนวนมากตัดสินใจถือเงินสด หรือฝากเงินไว้กับธนาคารอย่างมากและไม่ค่อยชอบการลงทุนในหุ้นมากนัก ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่าปัจจุบัน เงินเยนของญี่ปุ่น เป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ซื้อขายบิตคอยน์มากที่สุดอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่เงินดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเราอาจบอกได้ว่า แม้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก จะไม่ชอบสินทรัพย์เสี่ยงสูง และนิยมฝากเงินไว้ในธนาคาร
แต่ในทางกลับกันก็มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ที่หันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง อย่างบิตคอยน์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.stat.go.jp/english/data/handbook/pdf/2020all.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tokyo_Stock_Exchange
-https://www.statista.com/statistics/710680/global-stock-markets-by-country/
-https://tradingeconomics.com/japan/deposit-interest-rate
-https://en.wikipedia.org/wiki/Demographics_of_Japan
-https://data.worldbank.org/country/JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lost_Decades
-https://www.statista.com/statistics/270095/inflation-rate-in-japan/
-https://www.fsa.go.jp/frtc/kenkyu/event/20150305/s3_2.pdf
-https://www.investopedia.com/tech/top-fiat-currencies-used-trade-bitcoin/
-https://globalriskinsights.com/2021/06/japans-cryptocurrency-market-set-to-bloom-or-wither/
同時也有524部Youtube影片,追蹤數超過15萬的網紅Gina music,也在其Youtube影片中提到,Don't forget to turn on the bell icon for future uploads 🔔✔️ 西洋音樂愛好者✨這裡不會有冗長的介紹文卻是個讓你挖歌的好地方😎 追蹤Gina music社群挖掘更多音樂🌹 facebook👉 https://www.facebook.com...
「spotify top 10」的推薦目錄:
- 關於spotify top 10 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於spotify top 10 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於spotify top 10 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於spotify top 10 在 Gina music Youtube 的精選貼文
- 關於spotify top 10 在 momimaru / 日本一が教えるヒューマンビートボックス Youtube 的最佳解答
- 關於spotify top 10 在 Nini Music Youtube 的最讚貼文
- 關於spotify top 10 在 Spotify Top 100 | Longest-running Top 10 Hits Ever - YouTube 的評價
- 關於spotify top 10 在 I just listened to the Top 10 on Spotify...WTF? - YouTube 的評價
- 關於spotify top 10 在 most popular tracks list using the Spotify API - Stack Overflow 的評價
spotify top 10 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
Lenovo จากบริษัทไม่มีใครรู้จัก สู่แบรนด์คอมพิวเตอร์ ขายดีสุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ PC ได้มากที่สุดในโลกก็คือ “Lenovo” แบรนด์จากประเทศจีน ที่สามารถแซง HP และ Dell จากสหรัฐอเมริกา จนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2013 และยังคงรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ได้จนถึงปัจจุบัน
Lenovo ยังถือเป็นบริษัทจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทระดับโลกได้เป็นบริษัทแรก ๆ ก่อนบริษัทระดับโลกในยุคปัจจุบันอย่างเช่น Alibaba, Tencent, Huawei และ Xiaomi
แล้ว Lenovo ทำได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก จำนวน PC ที่ส่งมอบทั้งปี 2020 แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลกได้มากที่สุดก็คือ
อันดับ 1 Lenovo จากจีน 24.9%
อันดับ 2 HP จากสหรัฐอเมริกา 21.2%
อันดับ 3 Dell จากสหรัฐอเมริกา 16.4%
อันดับ 4 Apple จากสหรัฐอเมริกา 8.2%
อันดับ 5 Asus จากไต้หวัน 6.0%
คำว่า PC ในความหมายของ Gartner จะแปลว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแล็ปท็อป
แล้วก่อนจะกลายมาเป็นบริษัทที่ขาย PC ได้มากที่สุดในโลก Lenovo มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
ย้อนกลับไปในปี 1984 หรือเมื่อ 37 ปีก่อน ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
“Liu Chuanzhi” เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทำงานวิจัยอยู่ที่สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS)
ตอนนั้น คุณ Liu รู้สึกว่าสิ่งที่คิดค้น มักจะจบลงแค่ในห้องทดลองและไม่ได้ถูกต่อยอดนำไปใช้ประโยชน์กับคนหมู่มาก
คุณ Liu ในวัย 40 ปี จึงขอเงินทุนจาก CAS มาได้ 2 แสนหยวน หรือราว 1 ล้านบาท เพื่อเปิดบริษัทเกี่ยวกับสินค้าเทคโนโลยีเอง
หลังจากได้ทุนมาแล้ว เขาก็ได้รวบรวมทีมงานที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรคอมพิวเตอร์ชาวจีนอีก 10 คนและได้ก่อตั้งบริษัท ในตอนแรกชื่อว่า “Legend”
ในเวลานั้น ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากยุคเหมาเจ๋อตง ที่ระบบเศรษฐกิจถูกวางแผนโดยรัฐและไม่ค้าขายกับต่างประเทศ มาเป็นยุคเติ้งเสี่ยวผิง ที่เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจ
โดยให้ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้นและเริ่มค้าขายกับต่างประเทศ
แต่ Legend มีอุปสรรคสำคัญก็คือ ด้วยความที่ทีมงานมีพื้นฐานมาจากการเป็นนักวิจัย การเลือกประเภทสินค้าจึงไม่ค่อยตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งก็ได้ทำให้บริษัทต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง
โดย Legend เริ่มจากการนำเข้าโทรทัศน์สีมาขายแต่ล้มเหลว
จึงเปลี่ยนมาพัฒนานาฬิกาข้อมือดิจิทัล แต่ก็ล้มเหลว
พอเปลี่ยนมาให้บริการตรวจสอบคุณภาพคอมพิวเตอร์ก่อนถึงมือลูกค้า ก็ยังคงล้มเหลว
จนกระทั่ง Legend หันมาลงทุนพัฒนาแผ่นวงจรพิมพ์ หรือ PCB เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่นำเข้ามา ใช้งานเป็นภาษาจีนได้ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลตอบรับดี
หลังจากนั้น Legend จึงได้เริ่มนำเข้าคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศ แล้วขายระบบภาษาจีนพ่วงด้วย
ทำให้คอมพิวเตอร์ที่บริษัทนำเข้ามา ขายดีมาก ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนแรกที่สำคัญ เพราะ Legend ได้เริ่มเรียนรู้ความต้องการของตลาด จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ
ในเวลาต่อมา Legend จึงต่อยอดกิจการด้วยการไปตั้งบริษัทย่อยที่ฮ่องกง เพื่อผลิตและส่งออก PCB จนกระทั่งในปี 1990 บริษัทก็ได้เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ของตัวเองและสามารถนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ในปี 1994
ผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของ Legend ที่ประสบความสำเร็จคือเมนเฟรมคอมพิวเตอร์
ก่อนที่บริษัทจะเริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแล็ปท็อปตามมา
จนในที่สุด Legend ก็มีรายได้หลักมาจากการขายคอมพิวเตอร์ที่เป็นแบรนด์ของตัวเองและได้กลายเป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่มียอดขายมากที่สุดในประเทศจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 43% ในปี 1998
ซึ่งนอกจากการวิจัยพัฒนาคอมพิวเตอร์แล้ว กลยุทธ์ที่ทำให้ Legend ครองตลาดจีนได้ก็คือการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด รวมถึงการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจัดจำหน่าย
หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศแล้ว Legend จึงตั้งเป้าหมายใหญ่ขึ้น
ด้วยการก้าวสู่ตลาดโลก ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ที่ชื่อว่า “Yang Yuanqing”
คุณ Yang เริ่มงานที่ Legend ตั้งแต่ตอนที่บริษัทเปิดรับสมัครพนักงานครั้งแรกเมื่อปี 1988 โดยเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขาย ซึ่งก็สร้างผลงานได้โดดเด่น จนไปเข้าตาประธานบริษัทอย่างคุณ Liu
คุณ Yang จึงได้เลื่อนขั้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มธุรกิจ PC ในวัยเพียง 29 ปี
ก่อนที่จะรับตำแหน่ง CEO ในปี 2001 ขณะที่อายุ 37 ปี
เพื่อเตรียมก้าวสู่ตลาดโลก Legend จึงรีแบรนด์ในปี 2003 ด้วยการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Lenovo” ซึ่งมาจากคำว่า “Le” จากชื่อบริษัทเดิม Legend รวมกับคำว่า “Novo” ที่แปลว่า ใหม่ ในภาษาละติน
ต่อมาในปี 2004 บริษัท IBM ได้ประกาศขายธุรกิจคอมพิวเตอร์
ซึ่ง IBM เป็นบริษัทผู้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกา โดยนับเป็นบริษัทแรก ๆ ในโลกที่เริ่มขาย คอมพิวเตอร์จนมีแล็ปท็อป “ThinkPad” ที่โด่งดัง และครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 3 ของโลกในขณะนั้น เป็นรองจาก Dell และ HP
แต่สาเหตุสำคัญที่ IBM ตัดสินใจขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ เพราะมองว่าเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกคู่แข่งเลียนแบบได้ง่าย แถมยังแข่งกันตัดราคาขาย ทำให้อัตราการทำกำไรต่ำ บริษัทจึงอยากโฟกัสธุรกิจที่สร้างกำไรได้ดี อย่างพวกซอฟต์แวร์และกลุ่มให้บริการ มากกว่า
ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งที่ Dell ก็เสนอซื้อเช่นกัน แต่ IBM กลับเลือกขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ให้กับ Lenovo ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นบริษัทจากประเทศจีนที่แทบไม่มีคนรู้จัก
โดย IBM ให้เหตุผลว่าตอนนั้นรัฐบาลจีนกำลังผลักดันบริษัทจากจีนให้ได้เติบโตในระดับโลก
IBM จึงตอบสนองความต้องการของรัฐบาลจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ IBM เข้าไปบุกตลาดจีนได้ง่ายขึ้น
Lenovo ที่อยากขายสินค้าไปทั่วโลก จึงตกลงซื้อธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ IBM ในปี 2005 ด้วยมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทแรก ๆ ของจีน ที่มีดีลการเข้าซื้อกิจการต่างประเทศ
นั่นจึงทำให้ Lenovo ได้โรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ของ IBM ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้ช่องทางการจัดจำหน่ายและฐานลูกค้าทั่วโลก รวมถึงได้ทีมงานจาก IBM ซึ่งทำให้บริษัทมีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ที่สำคัญก็คือ ไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่ม “Think” ที่ขายดีที่สุดของ IBM อย่าง ThinkPad ที่เป็นแล็ปท็อป และ ThinkCentre ที่เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็จะเปลี่ยนโลโกจาก IBM มาเป็น Lenovo
และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Lenovo ซึ่งแต่เดิมแทบไม่มียอดขายในต่างประเทศเลย สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดจากบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก แทนที่ IBM ทันที
นอกจากนี้ การรวมพนักงานนานาชาติของทั้ง 2 บริษัท ทำให้ Lenovo ปรับโครงสร้างกรรมการบริษัทและทีมบริหารให้มีสัดส่วนชาวจีนและอเมริกันเท่า ๆ กัน
อีกมุมที่ Lenovo ให้ความสำคัญไม่แพ้การมีสินค้าขายไปทั่วโลก ก็คือการปรับวัฒนธรรมองค์กร ธรรมาภิบาล รวมถึงมาตรฐานบัญชี ให้มีความเป็นสากล
ยกตัวอย่างเช่น แม้ในตอนนั้นตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะกำหนดให้ส่งงบประมาณเพียงปีละ 2 ครั้ง แต่ CFO หญิงผู้วางรากฐานที่สำคัญให้ Lenovo อย่างคุณ Mary Ma เลือกให้บริษัทเปิดเผยงบประมาณปีละ 4 ครั้งเป็นรายไตรมาส ตามมาตรฐานสากล
จากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ Lenovo จึงเปลี่ยนจากบริษัทท้องถิ่น มาเป็นบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน Lenovo ก็ต้องเจอความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะผลจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2008 ทำให้ผลประกอบการปี 2009 ของบริษัทพลิกเป็นขาดทุนมากถึง 7.4 พันล้านบาท
ในปี 2009 คุณ Yang ที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นประธานกรรมการบริษัทในปี 2004 ได้ขอกลับมารับตำแหน่งเป็น CEO อีกครั้งเพื่อนำบริษัทให้กลับมามีกำไร รวมถึงเร่งเพิ่มยอดขายและขยายส่วนแบ่งตลาด ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่คุณ Yang ขอเวลา 4 ปี แล้วค่อยวัดผล
คุณ Yang เริ่มจากการฟื้นฟูตลาดเดิมที่ทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ ฐานลูกค้าเดิมจาก IBM อย่าง PC สำหรับลูกค้าองค์กร และฐานลูกค้าเดิมของ Lenovo อย่างตลาดในประเทศจีน
ขณะเดียวกันก็บุกตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตแรงและมีจำนวนประชากรมาก อย่างเช่น อินเดีย เพื่อขยายฐานลูกค้าไม่ให้พึ่งพาชาวจีน มากเกินไป
ซึ่งกลยุทธ์เชิงรุกนี้ช่วยเพิ่มรายได้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องแลกกับการทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย
Lenovo จึงได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้นนอกเหนือจาก ThinkPad ที่เป็นแล็ปท็อปพรีเมียมราคาสูง อย่างเช่น IdeaPad ที่เป็นแล็ปท็อปราคาเข้าถึงง่าย รวมถึง Yoga ที่ฟังก์ชันการใช้งานเป็นได้ทั้งแล็ปท็อปและแท็บเล็ต
นอกจากนี้ Lenovo ได้เร่งขยายส่วนแบ่งตลาดจากการควบรวมกิจการมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
ปี 2011 Lenovo ซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เยอรมันที่ชื่อ Medion ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Lenovo ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทันที และ Lenovo ยังตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท NEC ของญี่ปุ่น ทำให้กลายเป็นบริษัท PC ที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น
ปี 2012 Lenovo ซื้อบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่สุดในบราซิลที่ชื่อ CCE ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเจาะตลาดอเมริกาใต้
ปี 2018 Lenovo ซื้อกิจการคอมพิวเตอร์ของ Fujitsu ประเทศญี่ปุ่น
ผลลัพธ์จากแผนงานที่นำทีมโดยคุณ Yang หลังจากวิกฤติการเงินโลก ก็ถือว่าเกินความคาดหมาย
เพราะ Lenovo สามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากประเทศอื่น ๆ และลดสัดส่วนจากจีนลงได้ จาก 46% ในปี 2010 เหลือเพียง 23% ในปัจจุบัน โดยรายได้ของ Lenovo กว่า 80% ยังมาจากธุรกิจคอมพิวเตอร์
ในด้านของส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ Lenovo สามารถชนะ Dell จนขึ้นมาเป็นที่ 2 ของโลกได้เป็นครั้งแรกในปี 2011 ก่อนที่จะแซง HP ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลกในอีก 2 ปีถัดมา และยังครองอันดับ 1 มาจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จของการปลุกปั้นธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ Lenovo ก็ได้ทำให้ คุณ Yang ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน CEO ที่เก่งที่สุดในโลก รวมถึงผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Liu ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ไฮเทคฮีโรแห่งประเทศจีน”
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
คุณ Liu Chuanzhi ผู้ก่อตั้ง Lenovo มีลูก 2 คน
หนึ่งในนั้นคือลูกสาวที่ชื่อว่า Liu Qing หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Jean Liu”
หลังจากที่ Jean Liu จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และทำงานที่ Goldman Sachs มา 12 ปี
เธอก็ย้ายมารับตำแหน่งเป็น COO ให้กับบริษัทสตาร์ตอัปของจีนที่ชื่อ Didi Dache
เธอมีบทบาทสำคัญในการควบรวมกิจการระหว่าง Didi Dache กับบริษัทคู่แข่งอย่าง Kuaidi Dache ในปี 2015 ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่เป็น “Didi Chuxing” แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่และส่งอาหารอันดับ 1 ของจีน
ปัจจุบัน เธอดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของ Didi Chuxing ร่วมกับผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Cheng Wei ที่ดำรงตำแหน่งเป็น CEO และประธานกรรมการ จนถูกจัดอันดับจากนิตยสาร Time ให้เป็น 1 ใน 100 คน ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกเมื่อปี 2017
ซึ่งก็เรียกได้ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.economist.com/business/2013/01/12/from-guard-shack-to-global-giant
-https://www.economist.com/business/2001/09/13/legend-in-the-making
-https://www.ft.com/content/2bb25562-4ae0-11d9-a0ca-00000e2511c8
-https://www.cnbc.com/2016/12/01/china-based-lenovos-ride-to-top-spot-of-pc-business.html
-https://www.marketwatch.com/story/why-ibm-selling-server-unit-to-lenovo-is-bad-news-for-hp-1390500250
-https://www.wsj.com/articles/the-worlds-largest-pc-maker-is-no-longer-a-bargain-11550742853
-https://www.theverge.com/2012/1/3/2677691/ex-ibm-ceo-revisits-selling-pc-business-samuel-palmisano
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lenovo
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Market_share_of_personal_computer_vendors
-https://investor.lenovo.com/en/financial/results.php
spotify top 10 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
Kevin Mitnick แฮกเกอร์ที่ FBI เคยต้องการตัวมากที่สุด /โดย ลงทุนแมน
เมื่อ 30 กว่าปีก่อน มีบุคคลหนึ่งที่ FBI ไล่ตามจับกุมอย่างแทบเป็นแทบตาย
จนเขาถูกขึ้นบัญชีเป็นอาชญากรที่ทางการของสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุด
เขาคนนั้น คือ Kevin Mitnick แฮกเกอร์ที่สร้างวีรกรรมไว้มากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้วยการแฮกบริษัทระดับชาติและหน่วยงานรัฐรวมแล้วทั้งหมด 40 กว่าแห่ง
แต่ในเวลาต่อมา เขาคนนี้กลับได้กลายเป็นคนสำคัญในการพัฒนาวงการ Cyber Security
หรือความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ที่บริษัทระดับชาติและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ยอมรับกัน
เรื่องราวของ Kevin Mitnick น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Kevin Mitnick เกิดเมื่อปี 1963 ที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้วยความที่เขาเติบโตท่ามกลางยุคโทรศัพท์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพิ่งเกิดขึ้นใหม่
สิ่งเหล่านี้จึงช่วยหล่อหลอมให้เขามีความหลงใหลและมีทักษะด้านเทคโนโลยีตั้งแต่วัยเด็ก
แต่สิ่งที่ Mitnick แตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีนั้น ก็คือเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ใช้งานเท่านั้น แต่เขามักพยายามหาผลประโยชน์จากช่องโหว่จากระบบต่าง ๆ อยู่เสมอ
ในวัย 12 ปี Mitnick เริ่มฉายแววการเป็นแฮกเกอร์ครั้งแรก เริ่มต้นจากการโกงตั๋วโดยสารรถเมล์
เมื่อก่อน รถเมล์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะใช้ตั๋วแบบเจาะรู
ดังนั้นหากใครมีเครื่องเจาะตั๋วไว้อยู่กับตัว เท่ากับว่าสามารถปั๊มตั๋วเมื่อไรก็ได้
Mitnick จึงไปหลอกถามคนขับรถเมล์ว่าหาซื้อเครื่องเจาะตั๋วแบบเดียวกันนี้ ได้ที่ไหนบ้าง
โดยเขาหลอกว่าจะนำไปใช้สำหรับโปรเจกต์ของโรงเรียน
คนขับรถเมล์จึงได้แนะนำว่าให้เขาไปค้นหาแถวถังขยะใกล้ ๆ สถานีรถบัส
ซึ่งเขาพบว่ามีเครื่องเจาะตั๋วอยู่จริง ทำให้ Mitnick สามารถขึ้นรถเมล์ฟรีได้สักพักหนึ่ง
โดยพฤติกรรมแบบนี้ เรียกว่า “Social Engineering” แปลเป็นไทยว่า วิศวกรรมสังคม
ซึ่งถือเป็นศาสตร์หนึ่งของแฮกเกอร์ ที่หลอกลวงผู้คนให้เปิดเผยข้อมูลของตนเองออกมา
โดยใช้หลักจิตวิทยา เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ตามที่ตัวเองต้องการ
ซึ่งรูปแบบการหลอกมีตั้งแต่ โทรสอบถาม หรือส่ง SMS ที่มีลิงก์ปลอมมาให้กดผ่านทางโซเชียลต่าง ๆ และบางครั้งอาจมาในรูปแบบที่ไม่ได้เจาะจงถามถึงข้อมูลที่ต้องการโดยตรง
ยกตัวอย่าง หากแฮกเกอร์ต้องการรหัสผ่านบัญชีของเรา
เขาจะไม่ถามตรง ๆ ว่า รหัสผ่านของเรานั้น คืออะไร
แต่จะถามสิ่งรอบตัวที่เราสามารถนำไปสร้างเป็นรหัสผ่านได้
เช่น ชื่อแฟน ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือวันเดือนปีเกิด
หลังจากได้ข้อมูลเสร็จ แฮกเกอร์ก็จะนำข้อมูลเหล่านี้มาให้คอมพิวเตอร์ทำการสับเปลี่ยนไปมา
เพื่อให้ได้รหัสผ่าน ทำให้การหลีกเลี่ยงจาก Social Engineering ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
และจากความสำเร็จในการขึ้นรถเมล์ฟรีครั้งนี้ ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ปลูกฝังให้ Mitnick มีความคิดและพฤติกรรมรูปแบบนี้มาโดยตลอด
ส่งผลให้เวลาต่อมา เมื่อเขามีอายุได้ 16 ปี เขาก็ได้เข้าสู่วงการแฮกเกอร์อย่างเต็มตัว
โดยเหยื่อที่ทำให้เขาเริ่มถูกพูดถึงก็คือ บริษัท Digital Equipment Corporation หรือ DEC
ที่เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำในสมัยนั้น
Mitnick ทำเช่นเดียวกับการโกงรถเมล์ คือใช้วิธี Social Engineering โดยปลอมตัวเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้ แล้วหลอกผู้ดูแลระบบของบริษัท ให้ทำการรีเซตรหัสผ่านใหม่
ทำให้ Mitnick สามารถเจาะเข้าไปในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของ DEC
และคัดลอกซอฟต์แวร์ของบริษัทออกมา
แม้ว่าจุดประสงค์การแฮกครั้งนี้เพียงเพื่อพิสูจน์ว่า ตัวเองมีความสามารถเท่านั้น
ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเงินหรือสร้างความเสียหายต่อบริษัทแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นอาชญากรรม
Mitnick จึงถูกตัดสินจำคุก 1 ปี และถูกควบคุมให้อยู่ภายใต้การดูแลอีก 3 ปี
แต่แทนที่จะเจ็บแล้วจำ เขากลับเริ่มแฮกบริษัทอื่นอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ยังถูกควบคุมอยู่
และต่อมา เขาก็ได้หลบหนีทันที หลังจากถูกปล่อยตัว
อย่างไรก็ตามคราวนี้ Mitnick วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเขาได้ทำการดัดแปลงระบบโทรศัพท์ของตัวเองคือ Motorola MicroTAC ให้สามารถซ่อนตำแหน่งของตัวเองไว้ได้
แต่การดัดแปลงระบบโทรศัพท์ใช่ว่าอยู่ ๆ ใครจะสามารถเข้าไปทำได้ เพราะคนที่ทำได้จำเป็นต้องมี Source Code ของโทรศัพท์รุ่นนั้นเสียก่อน
เขาจึงต้องทำการโจรกรรมข้อมูลครั้งใหญ่อีกรอบ ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้
คือบริษัท “Motorola” หนึ่งในผู้นำบริษัทโทรศัพท์ในขณะนั้น
Mitnick เริ่มต้นแผนการด้วยการโทรไปหาฝ่าย Call Center ของบริษัท
โดยแสร้งทำเป็นว่ามีธุระสำคัญ จำเป็นต้องขอคุยกับ Project Manager
หลังจากโอนสายไปมาถึง 9 ครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้เบอร์ติดต่อของ Project Manager
แต่เมื่อเขาโทรไปตามเบอร์ที่ได้รับ กลับพบวอยซ์เมลตอบกลับมาว่า Project Manager หญิงคนนี้กำลังพักร้อนอยู่ ซึ่งโชคดีที่เธอฝากข้อความต่อว่าหากมีธุระด่วนให้ติดต่อ Aleesha ซึ่งเป็นเลขาฯ ตามเบอร์ที่ระบุไว้
Mitnick จึงได้โทรหาเลขาฯ สาวในทันที โดยจากการพูดคุยไปมาในแต่ละแผนกถึง 8 สาย ทำให้เขามีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับบริษัท ส่งผลให้เขาสามารถพูดคุยกับ Aleesha ได้อย่างลื่นไหลไม่ต่างอะไรไปจากพนักงานประจำของบริษัท
หลังจากทักทายแบบหอมปากหอมคอเป็นที่เรียบร้อย Mitnick ก็เข้าสู่ประเด็น
Mitnick แจ้งว่าก่อนที่ Project Manager จะไปพักร้อน เธอบอกว่าจะส่ง Source Code โทรศัพท์มาให้กับเขา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืม Mitnick จึงทาบทามให้ Aleesha ช่วยส่งมาให้แทนได้หรือไม่
ด้วยความที่เธอเป็นเลขาฯ ที่ใสซื่อ ก็ตอบตกลงและทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่ได้แคลงใจ
แต่ต่อมามีปัญหาเพราะว่า Source Code ที่จะส่งให้ไปนั้นมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่เกินไป
Mitnick จึงแก้ปัญหาด้วยการลงมือสอนวิธีบีบอัดไฟล์ให้แก่เลขาฯ
ซึ่ง Aleesha ทำตามคำแนะนำเป๊ะ ๆ จนสามารถรวบรวมไฟล์ทั้งหมดได้เป็นไฟล์เดียว
แต่แล้วก็เกิดปัญหาอีกครั้ง เมื่อพบว่าการส่งไฟล์เกิดล้มเหลวขึ้นมา
เธอเลยไปตาม Security Manager มาช่วยดูว่าเกิดปัญหาตรงไหน
พอถึงจุดนี้ Mitnick เริ่มกังวลใจแล้วว่า ตัวเองอาจจะโดนจับได้แล้ว
เขาจึงพยายามคิดว่าตัวเองได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้บ้าง
แต่ในระหว่างที่เขากำลังคิด
Aleesha ก็กลับมาพูดสายอีกครั้งและได้ชี้แจงว่าปัญหาเกิดจาก IP ของผู้รับไฟล์ซึ่งก็คือของ Mitnick ไม่ใช่ของคนในองค์กรจึงไม่สามารถรับไฟล์ได้ และบอกอีกด้วยว่า ไม่เป็นไร เธอหาวิธีส่งแบบอื่นให้ได้แล้ว
ในที่สุด Mitnick จึงได้ Source Code มาครอบครองและสามารถดัดแปลงโทรศัพท์ได้สำเร็จ
จากรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่ Mitnick หลบหนี
เขาได้ทำการแฮกบริษัทไปมากกว่า 40 แห่ง ทั้งบริษัทใหญ่และหน่วยงานรัฐ
ในไม่ช้า เขากลายเป็นที่รู้จักในนาม “The Condor” และ “The Darkside Hacker”
จนติดอันดับแฮกเกอร์ที่ทางการของสหรัฐอเมริกาหมายหัวและต้องการตัวมากที่สุดในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ FBI ร่วมมือกับ Tsutomu Shimomura สุดยอดไวต์แฮต หรือแฮกเกอร์สายขาว ช่วยกันตามไล่ล่า Mitnick เป็นระยะเวลายาวนานถึง 2 ปีครึ่ง
ในที่สุด ในปี 1995 พวกเขาก็จับกุม Mitnick ได้สำเร็จ ณ อะพาร์ตเมนต์ของเขาเอง
Mitnick ถูกตั้งข้อหาหลายคดี
ตั้งแต่การใช้ประโยชน์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อโจรกรรมข้อมูล
การสกัดกั้นการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์
การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมถึงทำให้คอมพิวเตอร์เสียหาย
Mitnick ยอมรับเพียงบางคดีเท่านั้น และเขาได้ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกเป็นระยะเวลา 5 ปี 8 เดือน
แต่การที่เขาถูกตัดสินโทษนี้ ก็ได้ทำให้ชุมชนชาวแฮกเกอร์ต่างตกใจ
เพราะพวกเขาเห็นว่าบทลงโทษที่ Mitnick ได้รับเป็นบทลงโทษที่เกินกว่าเหตุ
แฮกเกอร์และเหล่าแฟนคลับของเขา จึงมารวมตัวกันประท้วงตามท้องถนน
รวมถึงได้แฮกเว็บไซต์ Yahoo เพื่อแสดงข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัว Mitnick ออกมา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ช่วยให้ Mitnick ถูกลดโทษแต่อย่างใด
และเขาต้องจำคุกเต็มเวลาเช่นเดิม
จนกระทั่งเดือนมกราคม ปี 2000 Mitnick ได้รับการปล่อยตัว
แต่เขาก็ยังถูกห้ามไม่ให้ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารใด ๆ
เว้นแต่โทรศัพท์ธรรมดาที่สามารถทำได้เพียงแค่โทรเข้า-ออกเท่านั้น
รวมถึงถูกห้ามแสวงหาผลกำไรจากภาพยนตร์หรือหนังสือ
ที่สร้างจากเรื่องราวของเขา เป็นระยะเวลายาวนานถึง 7 ปีอีกด้วย
จากเรื่องนี้จึงทำให้เขายังคงต่อสู้กับคำตัดสินเรื่องการห้ามใช้เทคโนโลยีสื่อสารต่อไป
จนสุดท้าย เขาสามารถชนะคดี และกลับมาใช้อินเทอร์เน็ตได้ดังเดิมอีกครั้ง
จากคดีต่าง ๆ ที่ Mitnick เคยทำไว้ ส่งผลให้ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องออกกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ รวมถึงสร้างความตระหนักแก่ผู้คนเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี
ปัจจุบัน Mitnick ได้กลับตัวกลายเป็นไวต์แฮต ที่คอยช่วยเหลือป้องกันการโจมตีจากโลกไซเบอร์และเขายังได้เขียนหนังสือทั้งหมด 4 เล่ม เพื่อตีแผ่กลโกงของเหล่าแฮกเกอร์ ประกอบด้วย
Ghost in the Wires เรื่องราวการเป็นแฮกเกอร์ของเขา
The Art of Intrusion ศิลปะแห่งการเจาะระบบ
The Art of Deception ศิลปะแห่งการหลอกลวง
The Art of Invisibility ศิลปะแห่งการล่องหน
รวมถึงก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Mitnick Security Consulting” ซึ่งทำธุรกิจให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย บริการทดสอบเจาะระบบและสอนวิชา Social Engineering แก่บริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ
โดยกลุ่มลูกค้าของเขาก็มีตั้งแต่บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 หรือกลุ่มบริษัทที่มีรายได้สูงสุด 500 อันดับแรกของโลก ไปจนถึง FBI หน่วยงานที่เคยจับกุมเขาก็มาเป็นลูกค้าของเขาอีกด้วย
ซึ่งจากการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาของ Mitnick ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทั้งบริษัทเอกชนและภาครัฐต่าง ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันแฮกเกอร์ได้นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://cobalt.io/blog/top-ten-famous-hackers
-https://www.knowbe4.com/products/who-is-kevin-mitnick/
-https://www.mitnicksecurity.com/about-kevin-mitnick-mitnick-security
-https://www.britannica.com/topic/cybercrime/Hacking#ref829231
-https://www.thefamouspeople.com/profiles/kevin-mitnick-37791.php
-https://medium.com/@caden/social-engineering-an-unpatchable-flaw-f262775c2553
-https://stem.in.th/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5-kevin-mitnick-%E0%B8%82%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%A2-source-code-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-motorola/
-https://www.mitnicksecurity.com/in-the-news/kevin-mitnick-genius-and-one-of-the-most-famous-hackers-in-history
-https://www.investopedia.com/terms/w/wirefraud.asp
-https://www.cyfence.com/article/what-is-social-engineering/
spotify top 10 在 Gina music Youtube 的精選貼文
Don't forget to turn on the bell icon for future uploads 🔔✔️
西洋音樂愛好者✨這裡不會有冗長的介紹文卻是個讓你挖歌的好地方😎
追蹤Gina music社群挖掘更多音樂🌹
facebook👉 https://www.facebook.com/Ginamusicland
instagram👉https://www.instagram.com/ginamusic_yujia/
spotify 歌單👉https://open.spotify.com/playlist/2EfPjFfdqN8NzUwj1XNoZC
🌺贊助GINA讓頻道走得更長久•̀.̫•́✧
Donate and support my channel 👉https://p.opay.tw/WSwM8
想讓更多人認識你的聲音嗎?歡迎投稿😎
Submit your music 👉ginamusictaiwan@gmail.com
For business inquiries about copyright issues, photos and song submissions,
please contact👉 https://www.facebook.com/Ginamusicland
____________________________________________________
Social Media:
▶ Download / Stream link : https://www.youtube.com/watch?v=NCIKMBAPcFA
👑Ethan Dufault
https://www.instagram.com/ethan_dufault/
https://linktr.ee/ethan_dufault
https://open.spotify.com/artist/5c7oIOloT3runmK9YMayzJ
--------------------------------------------------------------------------------
Lyrics:
Baby
親愛的
I’m not running from the casualties
我不是在逃避磨難
‘Cause it might hurt, but it’s not bad for me
有可能會受傷 但那對我沒什麼
‘Cause we’re living in a masterpiece
因為我們生來便是傑作
Lately
最近
When life is moving way too fast for me
生活節奏對我來說快了些
I’ve been taking off my mask to see
我摘下面具試圖看清
That we’re living in a masterpiece
我們鑄造輝煌
We built houses on top of all the hills and mountains
我們在所有的山頂建起房屋
But I’m not scared to fall from here
但我毫不害怕跌落於此
When I have your hand in mine
當我緊握你手之時
Maybe we’ll look back and
也許我們會回首
See our dreams from far away
遙望當初的夢想
That we had all that we could need to be happy
這樣就擁有了快樂所需的一切
If we could do this different
如果我們行於殊途
We would choose it all the same
我們還是會做出相同的選擇
Cause we have all that we could need to be happy
因為我們擁有了快樂所需的一切
We could need to be happy
我們可能需要開心點吧
We could need
可能需要
Baby
親愛的
When our world was falling painfully
當我們的世界山崩海裂之時
And there was nothing left to make-believe
沒有任何東西可以讓人相信了
I stayed with you, you stayed with me
我和你並肩 你和我攜手
Changing
改變著
All the ways I thought it had to be
用盡所有我想要的方式
‘Cause I don’t have to live so tactfully
因為我不需要活得那麼瀟灑
Oh, we’re living in a masterpiece
我們生來就是傑作
We built houses on top of all the hills and mountains
我們在所有的山頂建起房屋
But I’m not scared to fall from here
但我毫不膽怯從這裡跌落
When I have your hand in mine
我緊握你的手
Maybe we’ll look back and
也許我們會回首
See our dreams from far away
遙望當初的夢想
That we had all that we could need to be happy
這樣就擁有了快樂所需的一切
If we could do this different
如果我們行於殊途
We would choose it all the same
我們還是會做出相同的選擇
Cause we have all that we could need to be happy
因為我們擁有了快樂所需的一切
Oh
Oh, I’m happy when I have your hand in mine
握緊你手的時候我多麼開心
Maybe we’ll look back and
也許我們會回首
See our dreams from far away
遙望當初的夢想
That we had all that we could need to be happy
這樣就擁有了快樂所需的一切
If we could do this different
如果我們行於殊途
We would choose it all the same
我們還是會做出相同的選擇
Cause we have all that we could need to be happy
因為我們擁有了快樂所需的一切
歌詞翻譯:Aintyasperong
#EthanDufalt #Casualties #lyrics #西洋歌曲推薦
spotify top 10 在 momimaru / 日本一が教えるヒューマンビートボックス Youtube 的最佳解答
ヒューマンビートボックス2018年公式日本チャンピオンの
momimaruが様々なアーティストやクリエイターと繋がり
インタビューを通してトークを繰り広げるコンテンツ!
▼目次
0:00 オープニング
0:57 インタビュー
2:23 ビートボックスを始めたきっかけ
5:27 当時の練習方法について
8:40 好きなビートボクサーについて
9:39 人生初ステージについて
11:22 人生を大きく変えた出来事
14:10 ビートボックスバトルについて
16:15 やってみたい技について
16:32 現在の活動について
17:49 よかろうもん再結成秘話
19:42 今後の活動について
【Question Box】
今回のゲストは
日本のビートボックスの火付け役!
僕らのヒーロー!!
~Daichi~
↓☆プロフィール☆↓
10歳の頃から、独学でヒューマンビートボックスを始める。
18歳の頃、自宅で撮った動画をYouTubeにアップしたところ、
全世界から注目を浴びる。
経歴
・フジテレビ系列「ハモネプリーグ11」の「第1回ボイパリーグ」にて優勝
・ニューヨークの名門ライブハウス・アポロシアターにて日本人ミュージシャンとして初めて年間グランプリファイナル『Super Top Dog!』に出場し、3位
・TV出演 SMAP✖️SMAP、LIVE出演 SUMMER SONIC、
・YouTubeチャンネルのチャンネル登録者数は約130万人(2021年9月時点)
Daichi のチャンネル↓
http://www.youtube.com/channel/UCFHl-NvbOY_EBCrz9iy984w?sub_confirmation=1
よかろうもん のチャンネル↓
http://www.youtube.com/channel/UC-w7LMa7Soxe_ml9aFDIV3w?sub_confirmation=1
Daichi Twitter↓
https://twitter.com/DaichiBeatboxer
よかろうもん Twitter↓
https://twitter.com/ykrm_official
Daichi Instagram↓
https://www.instagram.com/daichibeatboxer/
♫Daichi for Beatbox Battle Wildcard↓
https://www.youtube.com/watch?v=8ZsML4uWoiw&t=1s
♫【超神回】Daichiさんの12年前の伝説の動画を、アジアチャンピオンが専門家と一緒に完全解剖したる!!!!!!【30万人記念】↓
https://www.youtube.com/watch?v=pXJqTXbUiDg&t=98s
♫BeatboxGame - Daichi vs アジアチャンピオン↓
https://www.youtube.com/watch?v=DhOkokzA7jw&t=305s
♫JUMP!! / よかろうもん↓
https://www.youtube.com/watch?v=D-M-S-JdnLY
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
チャンネル登録やグッドボタンよろしくお願いいたします!
#1 基礎の音の動画はこちら↓
https://www.youtube.com/watch?v=mtl3I6YGhPo
------------------------------------------------------------------------------------
~momimaru~ First single!!!!
♫【Indigo Blue】♫
各種配信サービスにてデジタルリリース!
Spotify
https://open.spotify.com/album/2WUOA5cIw1IZcOqZbRdxNu?si=5M9M4e8WQ5Gy43Ri043rXA
Apple Music
https://music.apple.com/jp/album/indigo-blue-ep/1543087074
レコチョク
https://recochoku.jp/search/all?q=momimaru+&affiliate=4410101027
ドワンゴジェイピー
https://pc.dwango.jp/searches/artist/momimaru
☆その他配信サービスでもリリースされております☆
★チャンネル登録はこちらから
https://www.youtube.com/channel/UCz9l7XujhA1O7Ntkg9fPbAA?sub_confirmation=1
★Twitter
https://twitter.com/momimaru
★Instagram
https://www.instagram.com/momimaru_beatbox/
★ホームページ
https://momimaru-beatbox.amebaownd.com/
▼問い合わせや出演依頼等はこちら
momimaru830@gmail.com
#ビートボックス
#daichi
#よかろうもん
#インタビュー
#ハモネプ
#ボイパ
spotify top 10 在 Nini Music Youtube 的最讚貼文
My live cover of "I Am a Man of Constant Sorrow" from O Brother, Where Art Thou played on the Baby San Xian
Join My Patreon + Get your own cover: https://www.patreon.com/ninimusic
Download My Music (for free): https://ninimusic.bandcamp.com/releases
♬Stream It ▹
► Spotify: https://spoti.fi/3pw57Jl
► Apple Music: https://apple.co/3nr0AWH
♬SUPPORT ▹ Venmo/Cashapp: ninimusic
paypal.me/ninimusic1001 or ninimusic1001@gmail.com
♬FOLLOW ME ▹ Inst- http://instagram.com/ninimusic1001
FB- https://www.facebook.com/NINIMUSIC1001/
#OBrotherWhereArtThou #iamamanofconstantsorrow #sanxian #shamisen #folkinstrument #instrumental #cover #moviesong #georgeclooney #ninimusic #bluegrass #asianinstruments
spotify top 10 在 Spotify Top 100 | Longest-running Top 10 Hits Ever - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>