Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ไม่ได้รวยจาก Twitter /โดย ลงทุนแมน
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ “Jack Dorsey” หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Twitter
โดยปัจจุบัน เขายังคงดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทแห่งนี้
Twitter ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อปี 2013 ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้ Dorsey ก้าวขึ้นมาเป็น Billionaire หรือเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 33,000 ล้านบาท ได้เป็นครั้งแรก
ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน Dorsey มีทรัพย์สินกว่า 458,000 ล้านบาท ซึ่งหลายคนก็น่าจะคิดว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขามาจากบริษัท Twitter
แต่ข้อเท็จจริง กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น..
เพราะจริง ๆ แล้ว Dorsey มีทรัพย์สินจากการถือหุ้น Twitter เพียง 37,000 ล้านบาท หรือราว 8% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี ส่วนความมั่งคั่งอีกกว่า 419,000 ล้านบาท มาจากมูลค่าหุ้นของอีกบริษัทหนึ่ง
ซึ่งเขาก็เป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO เช่นกัน โดยบริษัทนั้น มีชื่อว่า “Square”
ทำไม Dorsey ถึงได้ก่อตั้งอีกบริษัทหนึ่งที่ทำให้เขามีความมั่งคั่งมากขึ้น
แล้ว Square ทำธุรกิจอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Twitter เปิดตัวในปี 2006 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 4 คน นั่นก็คือ Jack Dorsey, Evan Williams, Biz Stone และ Noah Glass ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็น CEO คนแรกของบริษัท ก็คือ Dorsey
แต่ในปี 2008 Williams และกรรมการบริหารได้ร่วมกันบังคับให้ Dorsey ออกจากตำแหน่ง CEO ด้วยเหตุผลที่ว่า Dorsey ทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นประธานแทน ซึ่งตำแหน่งนี้ทำให้เขาไม่มีอำนาจในการบริหารงาน
ในขณะที่คนที่รับตำแหน่ง CEO แทน Dorsey ก็คือ Williams
แต่สุดท้ายแล้วในปี 2010 Williams ก็ถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งเหมือนกัน
1 ปีหลังจากนั้น Dorsey จึงได้กลับมามีบทบาทที่ Twitter อีกครั้ง โดยการรับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารที่ดูแลด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะกลับมาเป็น CEO อีกครั้งในปี 2015
แล้วในช่วงที่ Dorsey ไม่ได้บริหารงานที่ Twitter เขาทำอะไร ?
วันหนึ่งในช่วงต้นปี 2009 หลังจากที่ Dorsey เพิ่งโดนบังคับให้ออกจากการเป็น CEO บริษัท Twitter ได้ไม่นาน เพื่อนของเขาที่ชื่อ Jim McKelvey ก็ได้โทรศัพท์มาหา
McKelvey เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นศิลปินเป่าแก้ว ที่เปิดสตูดิโอเครื่องแก้วไปด้วย
McKelvey โทรศัพท์หา Dorsey เพื่อเล่าว่าเขาเพิ่งหัวเสียจากการพลาดโอกาสขายเครื่องแก้วมูลค่า 66,000 บาท เพราะลูกค้ามีแต่บัตรเครดิต แต่เขาไม่มีเครื่องรูดบัตรเครดิต
ทั้ง Dorsey และ McKelvey กำลังคุยโทรศัพท์กันด้วย iPhone และก็เป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมี iPhone พกติดตัวตลอดเวลา Dorsey เลยเกิดไอเดียว่าทำไมเราไม่ทำให้ iPhone กลายเป็นอุปกรณ์ใช้รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
Dorsey และ McKelvey ที่เคยคุยกันมาสักพักแล้วว่าอยากหาโอกาสทำโปรเจกต์เจ๋ง ๆ ด้วยกัน
พวกเขาจึงได้ตกลงต่อยอดไอเดียนี้ร่วมกันทันที
ผ่านไปเพียง 1 เดือน ทั้ง Dorsey และ McKelvey ก็สามารถเปลี่ยนสมาร์ตโฟนให้เป็นเครื่องรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
สิ่งที่พวกเขาสร้างมี 2 ส่วน อย่างแรกก็คืออุปกรณ์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ที่มีแจ็กเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนทางรูเสียบหูฟัง ซึ่งใช้สำหรับรูดบัตรเครดิต
อย่างที่สองก็คือ แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ที่ใช้เป็นระบบรับชำระเงิน ซึ่งการเซ็นชื่อจะใช้นิ้วมือเขียนบนหน้าจอสมาร์ตโฟนได้เลย ส่วนใบเสร็จจะเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ส่งเข้าไปที่อีเมล
พวกเขาจึงได้ตั้งชื่อบริษัท ตามรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสของอุปกรณ์ที่ใช้รูดบัตร ชื่อว่า “Square”
Square สามารถระดมทุนในรอบแรกได้ 330 ล้านบาท จากนักลงทุน เช่น
- Biz Stone ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter
- Marissa Mayer ที่เป็นอดีต CEO ของ Yahoo!
- Shawn Fanning ผู้ร่วมก่อตั้ง Napster
หลังจากนั้น Square ก็ได้เปิดตัวในปี 2010 โดยเริ่มจากการขายผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง และบริการจัดส่งสินค้าให้ฟรี
จุดเด่นของ Square ก็คือ เมื่อสมาร์ตโฟนใช้เป็นเครื่องรูดบัตรเครดิตได้ ก็ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่แม้จะเป็นเพียงรถเข็นขายไอศกรีมหรือพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด ก็สามารถรับบัตรเครดิตได้ เช่นกัน
ที่สำคัญก็คือ Square คิดค่าธรรมเนียมร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ต่ำกว่าเครื่องรับบัตรเครดิตจากสถาบันการเงิน นั่นจึงทำให้ร้านค้าขนาดเล็กที่เคยลังเลกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการรับบัตร หันมาเลือกใช้ Square
ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ก็ได้ทำให้ Square ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่ถึงปี Square สามารถขายอุปกรณ์รูดบัตรเครดิตไปได้กว่า 50,000 ชิ้น
ความสำเร็จนี้ ก็ทำให้ Square ได้รับเงินลงทุนจนสามารถเป็นยูนิคอร์นสตาร์ตอัป หรือบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่ามากกว่า 33,000 ล้านบาท ได้ในปี 2011 หรือหลังจากเริ่มขายสินค้าเพียงปีเดียว
แต่ความนิยมของ Square ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในกลุ่มเจ้าของร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น
เพราะกลายเป็นว่าธุรกิจขนาดใหญ่ก็หันมาใช้ระบบรับบัตรเครดิตของ Square เช่นกัน
ในปี 2013 Square จึงได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์สำหรับร้านค้า โดยใช้ชื่อว่า Square Stand
ที่เป็นการเปลี่ยน iPad ให้เป็นเครื่องรับชำระเงินตามร้านค้าหรือที่เรียกว่า “POS”
โดย Square Stand เป็น POS ที่ใช้รูดบัตรเครดิตได้ในตัว ไม่ต้องซื้อเครื่องรูดบัตรเครดิตแยก
และสิ่งที่ทำให้ Square Stand ได้รับความนิยมสูงมาก ก็คือซอฟต์แวร์ที่มากับเครื่อง POS
POS ของ Square มีระบบที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นต่อร้านค้า เช่น ผลกำไรขาดทุน ประเภทสินค้าที่ขายดี และข้อมูลทางสถิติอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ จึงทำให้ร้านค้า สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจตัวเอง ในมุมมองที่กว้างขึ้นและสามารถปรับตัวได้เร็ว
เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำให้ Square มีฐานลูกค้าตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก อย่างเช่น คีออสก์ขายกาแฟ ไปจนถึงเชนร้านกาแฟที่ใหญ่สุดในโลกอย่าง Starbucks
อีกบริการที่มีส่วนสำคัญกับรายได้ของ Square ก็คือ Square Capital หรือการปล่อยสินเชื่อก้อนเล็ก ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก
โดย Square เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ แต่ Square จะประเมินการให้สินเชื่อด้วยข้อมูลยอดขายจาก POS ของร้านค้าที่ใช้ Square Stand กับโมเดล AI ที่บริษัทพัฒนาเอง
นอกจากนั้น Square ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ่ายคืนหนี้ให้กับร้านค้า โดยอิงกับยอดการรูดบัตรเครดิตผ่าน Square Stand นั่นคือถ้ายอดขายดี ก็จะให้ร้านค้าจ่ายคืนหนี้จำนวนมากขึ้น ถ้ายอดขายลดลงก็จ่ายคืนหนี้น้อยลงได้ตาม
ทั้งหมดนี้ ก็ทำให้ Square เป็นระบบนิเวศที่มีบริการครอบคลุมความต้องการของร้านค้าอย่างครบวงจร ซึ่งนอกจากจะทำให้ Square ได้รับความนิยมมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ร้านค้าที่คิดจะเปลี่ยนบริการจาก Square ไปใช้เจ้าอื่นก็ทำได้ยากขึ้นด้วย
นอกเหนือจากระบบรับชำระเงินของร้านค้าแล้ว Square ยังได้ต่อยอดไปทำแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “Cash App” ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนกว่า 30 ล้านคน
โดย Cash App เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ให้ผู้ใช้งานผูกบัญชีส่วนตัวเข้ากับบัญชีธนาคาร เพื่อใช้ชำระเงิน โอนเงิน หรือจ่ายบิลได้
ซึ่งลูกค้าที่ใช้ Cash App ชำระสินค้าผ่านร้านที่ใช้ POS ของ Square ก็จะมี Reward ให้ด้วย
รวมถึงผู้ใช้งาน Cash App ยังได้บัตรเดบิตที่เรียกว่า Cash Card ไปใช้ฟรีด้วย
ธุรกรรมที่ทำผ่าน Cash App เกือบทั้งหมดจะให้บริการฟรี แต่จะคิดค่าธรรมเนียมบางกรณี อย่างเช่น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากร้านค้าที่รับชำระด้วย Cash Card หรือค่าธรรมเนียมฝากถอนโอนเงินแบบด่วน
นอกจากนี้ Cash App ยังได้เริ่มให้บริการเกี่ยวกับการลงทุน โดยให้บริการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีได้แล้วด้วย
ในปี 2015 หลังจากที่ Dorsey กลับไปเป็น CEO ของ Twitter ได้ไม่นาน Square ก็จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งจนถึงปัจจุบันราคาหุ้น Square ก็เพิ่มขึ้นมากว่า 27 เท่า
นั่นจึงทำให้มูลค่าหุ้น Square ที่ Dorsey ถืออยู่ มีมูลค่า 419,000 ล้านบาท
ซึ่งคิดเป็นเกือบทั้งหมดของมูลค่าทรัพย์สินที่ Dorsey มีกว่า 458,000 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าหุ้นของ Twitter ที่ Dorsey ถืออยู่ มีมูลค่า 37,000 ล้านบาท
จากเรื่องทั้งหมดนี้ ก็อาจทำให้เราคิดได้ว่า
ในวันที่เราถูกบังคับให้ออกจากสิ่งที่เราคิดว่าดี
แต่ในความเป็นจริง เราอาจพบกับสิ่งที่ดีกว่าหลังจากนั้นก็ได้
เหมือนกรณี Dorsey ที่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขาในวันนี้ มาจากบริษัทชื่อ Square ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมา หลังจากที่ Dorsey โดนบีบให้ออกจากบริษัท Twitter ในวันนั้น นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.cnbc.com/2019/10/10/how-square-became-26-billion-dollar-company.html
-https://www.businessinsider.com/fabulous-life-of-billionaire-jack-dorsey-taking-square-public
-https://www.businessinsider.com/how-jack-dorsey-came-to-invent-square-and-twitter-2012-9
-https://www.fool.com/investing/2018/11/21/square-stock-history-a-complete-timeline.aspx
-https://sec.report/Document/0001140361-21-014943/
-https://sec.report/Document/0001140361-21-012582/
-https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1418091/000119312513390321/d564001ds1.htm
-https://www.forbes.com/profile/jack-dorsey/?sh=570cdf2b2372
-https://finance.yahoo.com/news/rich-twitter-ceo-jack-dorsey-172600709.html
-https://squareup.com/us/en/about
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「starbucks history」的推薦目錄:
- 關於starbucks history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於starbucks history 在 GIGAZINE Facebook 的精選貼文
- 關於starbucks history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於starbucks history 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於starbucks history 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於starbucks history 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於starbucks history 在 Week #4, Assignment #3: Starbucks Coffee Timeline | J499 的評價
starbucks history 在 GIGAZINE Facebook 的精選貼文
「スターバックスコーヒーのロゴはどうやってデザインされてきたのか」がよく分かるムービー(2018)
https://gigazine.net/news/20180520-starbucks-logo-history/
starbucks history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
เลิกใช้หลอดพลาสติก ช่วยโลกได้มากแค่ไหน ? /โดย ลงทุนแมน
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ คนทั่วโลกต่างกระตือรือร้น ที่จะช่วยกันลดการใช้พลาสติก
โดยเฉพาะประเภทที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง อย่างเช่นหลอดพลาสติก
เพื่อลดปริมาณขยะที่ถูกทิ้งลงทะเล เพราะนอกจากพลาสติกเหล่านี้จะทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว
มันยังทำร้ายสัตว์ทะเลอีกด้วย
แล้วเราเคยสงสัยไหมว่า หลอดพลาสติกที่เราช่วยกันใช้ให้น้อยลงนี้
จะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับปริมาณขยะพลาสติกทั้งหมดบนโลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 2015 หรือ 6 ปีก่อน มีคลิปวิดีโอหนึ่งที่ถูกแชร์และพูดถึงกันไปทั่วโลก
เป็นคลิปวิดีโอที่นักชีววิทยาทางทะเล ได้ช่วยเหลือเต่าที่หายใจติดขัด
เพราะมีหลอดพลาสติกเข้าไปติดในจมูก
ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ขยะจากฝีมือมนุษย์ได้ไปทำร้ายสัตว์ทะเล
เพราะจริง ๆ แล้ว ยังมีกรณีร้ายแรงถึงขั้นทำให้สัตว์เสียชีวิต
อย่างเช่น เต่าทะเลที่เห็นถุงพลาสติกลอยน้ำอยู่
จึงเข้าใจว่าเป็นแมงกะพรุน เลยกินเข้าไป
จนถุงพลาสติกไปอุดหลอดลมจนเสียชีวิต
จากคลิปวิดีโอนั้นเอง ก็ได้เป็นเหมือนแรงกระเพื่อมทางสังคม
ที่กลายมาเป็นต้นกำเนิดของการร่วมกันรณรงค์ให้เลิกใช้หลอดพลาสติกทั่วโลก
เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล
โดยนำเสนอให้เราหันมาใช้หลอดที่สามารถล้างและใช้ซ้ำได้ หรือหากเป็นหลอดใช้แล้วทิ้ง
ก็เลือกใช้หลอดที่ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายกว่า
เช่น หลอดกระดาษ ที่ใช้เวลาย่อยสลาย 2 ถึง 6 สัปดาห์
ในขณะที่หลอดพลาสติกใช้เวลาย่อยสลายถึง 200 ปี หรือนานกว่าหลอดกระดาษ 1,740 เท่า
โดยแรงกระเพื่อมในครั้งนี้ ยังสั่นสะเทือนไปถึงผู้ประกอบการรวมถึงภาครัฐ
ที่ต่างก็ร่วมกันออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกลง
เช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เริ่มแบนการใช้หลอดพลาสติกในปี 2018 อย่างเป็นทางการในหลายรัฐ
หรืออย่าง Starbucks และ McDonald’s ก็ประกาศว่าจะทยอยเลิกใช้หลอดพลาสติกไปจนครบทุกสาขา
ซึ่งข้อมูลจากการประเมินโดยนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ระบุว่าหลอดพลาสติกที่กลายเป็นขยะลงสู่ทะเลต่อปี มีจำนวน 8,300 ล้านชิ้น
หรือคิดเป็นน้ำหนักที่รวมกันกว่า 2,000 ตัน
แล้วปริมาณที่ว่านี้ ถือว่าเยอะขนาดไหน ?
เราลองมาดูข้อมูลเหล่านี้ ที่ถูกประมาณการไว้ เป็นจำนวนตันต่อปี
หลอดพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล 2,000 ตัน
พลาสติกทั้งหมดที่ถูกทิ้งลงทะเล 8,000,000 ตัน
ในขณะที่ขยะพลาสติกทั้งหมดมี 275,000,000 ตัน
จะเห็นได้ว่า ขยะจากหลอดพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเลนั้น คิดเป็น 0.025% ของขยะพลาสติกทั้งหมด
ที่ถูกทิ้งลงทะเล และเป็น 0.0007% ของขยะพลาสติกทั้งหมด
ตัวเลขเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าหลอดพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล
แท้จริงแล้วคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเลทั้งหมด
โดยข้อมูลระบุว่า กว่า 46% ของขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเลทั้งหมดนั้น
ส่วนใหญ่ก็คือแหตกปลา และที่เหลือ ส่วนใหญ่ก็มาจากอุปกรณ์ประมง
ที่ทำจากพลาสติก สอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าในการจับปลาทูนาน้ำหนัก 1 หน่วย
จะมีอุปกรณ์ประมงที่กลายเป็นขยะพลาสติกในทะเลถึง 2 หน่วย
ซึ่งแหและอุปกรณ์ประมงเหล่านี้ ก็ส่งผลร้ายไม่ต่างจากขยะพลาสติกชนิดอื่น ๆ
เพราะมีหลายกรณีเช่นกัน ที่สัตว์ทะเลเข้าไปติดอยู่กับแหที่จมอยู่
แล้วได้รับบาดเจ็บ หรือหนีไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งเสียชีวิต
หากเป็นแบบนี้แล้ว วิธีการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทร
ที่สามารถส่งผลอย่างมีนัยสำคัญได้ ควรเป็นอย่างไร ?
ในประเด็นของการปล่อยอุปกรณ์ประมงลงทะเล หลายฝ่ายต่างเสนอให้ออกบทลงโทษที่ชัดเจน และให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
แต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือขั้นตอนในการป้องกัน “ไม่ให้ขยะจากฝั่งลงสู่ทะเล” ซึ่งข้อเสนอต่างก็เป็นไปในทางเดียวกัน ก็คือเรื่องของ “กระบวนการจัดการและกำจัดขยะ”
ประเทศที่ทำให้เกิดขยะพลาสติกในทะเลมากที่สุดในโลก หรือกว่า 1 ใน 3 ของปริมาณทั้งหมด
ก็คือประเทศจีน รองลงมาคืออินโดนีเซีย ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ เวียดนาม และศรีลังกา
โดย 19 อันดับแรกของประเทศที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลมากที่สุด เป็นประเทศกำลังพัฒนา ที่โครงสร้างพื้นฐานด้านระบบจัดการและกำจัดขยะยังคงขาดประสิทธิภาพและไม่เพียงพอ
หากประเทศเหล่านี้ หันมาให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบจัดการและกำจัดขยะ
ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ 50% จะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก
ที่ถูกทิ้งลงทะเลทั่วโลกได้ถึง 1 ใน 4 เลยทีเดียว
ในด้านของประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่
แม้ประเทศเหล่านี้จะมีระบบจัดการขยะที่ลงสู่ทะเลมีประสิทธิภาพเพียงพอ
แต่ปริมาณขยะพลาสติกต่อคน ยังถือว่าสูงมาก มากกว่าประเทศกำลังพัฒนา
ที่ปล่อยขยะลงสู่ทะเลในปริมาณมากเหล่านั้นเสียอีก
สำหรับการแก้ปัญหานี้ นอกจากการลดการใช้พลาสติกแล้ว ยังรวมไปถึงกระบวนการแยกขยะ และการนำกลับมาใช้ใหม่ ทั้งการรียูสและรีไซเคิล เพราะทุกวันนี้ ขยะพลาสติกที่ถูกนำไปรีไซเคิลมีเพียงแค่ 9% เท่านั้น
นั่นหมายความว่า นอกจากเราจะช่วยกันลดปริมาณขยะพลาสติกจากการใช้งานแล้ว
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ กระบวนการแยกขยะ และกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่
พร้อมทั้งการวางรากฐานและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบจัดการขยะไม่ให้ลงสู่ทะเล
แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมมองจากด้านมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากพลาสติกเท่านั้น
เพราะหากพิจารณาถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในด้านอื่น ๆ
จะพบว่าในกระบวนการผลิตพลาสติก
ถุงกระดาษจะใช้ทรัพยากรและปล่อยมลพิษมากกว่าถุงพลาสติก 43 เท่า
และถ้าเราพูดถึงกระบวนการผลิตถุงผ้านั้น
ถุงผ้าก็จะใช้ทรัพยากรและปล่อยมลพิษมากกว่าถุงพลาสติก 20,000 เท่า
หรือก็คือ เมื่อไม่ใช้ถุงพลาสติก 1 ถุง แล้วใช้ถุงกระดาษแทน
ถุงกระดาษนั้นต้องถูกนำมาใช้ซ้ำ 43 ครั้ง หรือถ้าเป็นถุงผ้า ต้องถูกนำมาใช้ซ้ำราว 55 ปี
ถึงจะเท่าเทียมกัน ในมุมของมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ การผลิตพลาสติกยังก่อมลพิษทางอากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้อยกว่ากระบวนการผลิตกระดาษและผ้าคอตตอนอีกด้วย
สุดท้ายแล้ว นี่ก็คงเป็นเหมือนกับหลาย ๆ สิ่ง
ที่เรายังไม่สามารถตัดสินแบบชี้ชัดได้ว่าอะไรดีกว่ากัน
เพราะทุกอย่างต่างก็มีทั้งปัจจัยที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป
และมุมมองเหล่านั้น ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา
ย้อนกลับไปในปี 1888 หรือเมื่อ 133 ปีก่อน
มนุษย์มีหลอดใช้ครั้งแรก ซึ่งเป็นหลอดทำจากกระดาษ
จนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มนุษย์ได้รู้จักพลาสติกเป็นครั้งแรก
จึงทำให้ในปี 1969 ต่างก็หันมาผลิตหลอดจากพลาสติกแทน
เพราะดีกว่าหลอดกระดาษในด้านความคงทน ความสะดวกในการใช้งาน และมีราคาถูกกว่า
แต่ 50 ปีหลังจากนั้น หรือในวันนี้ คุณสมบัติของความคงทนที่ทุกคนชื่นชอบ
ก็ได้กลายมาเป็นประเด็นต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม
ทั้งจากการย่อยสลายยากและได้กลายเป็นขยะลอยอยู่ในทะเล
จนเราต้องหวนกลับไปใช้หลอดกระดาษ
ที่แม้จะด้อยกว่าในเรื่องการใช้งาน แต่ก็ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าปริมาณหลอดพลาสติกที่เราช่วยกันลด
อาจไม่ได้คิดเป็นสัดส่วนที่มากเท่าไร เมื่อเทียบกับขยะพลาสติกบนโลก
แต่อย่างน้อย มันก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุด
ที่เราสามารถช่วยให้โลกของเราดีขึ้นได้บ้าง แม้มันจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ก็ตาม..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2018-06-07/plastic-straws-aren-t-the-problem
-https://www.nationalgeographic.com/environment/article/news-plastic-drinking-straw-history-ban
-https://www.wri.org/blog/2018/08/banning-straws-and-bags-wont-solve-our-plastic-problem
-https://earth.stanford.edu/news/do-plastic-straws-really-make-difference#gs.ytna1y
-https://theconversation.com/eight-million-tonnes-of-plastic-are-going-into-the-ocean-each-year-37521
-https://www.nbcnews.com/news/us-news/banning-plastic-straws-will-not-be-enough-fight-clean-oceans-n951141
-https://www.rubicon.com/blog/paper-straws-better-environment/
-https://science.sciencemag.org/content/347/6223/768
starbucks history 在 Week #4, Assignment #3: Starbucks Coffee Timeline | J499 的推薦與評價
Oct 25, 2016 - Week #4, Assignment #3: Starbucks Coffee Timeline | J499: Intro to . ... history of starbucks ref Slimming World Eating Out, Social Studies ... ... <看更多>