เจ้าของสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ใหญ่สุดในโลก คือใคร ? /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีในจีน หลายคนคงนึกถึง Alibaba หรือ Tencent
แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกบริษัทเทคโนโลยีจากจีนที่กำลังมาแรง
ถึงขนาดที่ก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้
บริษัทนั้น ก็คือ “ByteDance” เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok
ที่มีมูลค่าประเมินล่าสุดอยู่ที่ 14.0 ล้านล้านบาท
โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของยูนิคอร์นตัวนี้ คือ “จาง อี้หมิง”
แล้วกว่าจะมาเป็นวันนี้ จาง อี้หมิง และ ByteDance ผ่านอะไรมาบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จาง อี้หมิง เกิดในปี ค.ศ. 1983 ที่เมือง Longyan จังหวัด Fujian ประเทศจีน ปัจจุบันมีอายุ 38 ปี
แม้เขาจะเกิดและเติบโตในครอบครัวธรรมดา ฐานะปานกลาง แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือครอบครัวของจาง ค่อนข้างให้อิสระกับเขา ไม่ได้มีกฎเกณฑ์หรือมีระเบียบเคร่งครัด ต่างจากครอบครัวชาวจีนในสมัยนั้น
นอกจากนี้ ทั้งพ่อและแม่ของจางก็ยังสนับสนุนให้เขาลองผิดลองถูกอยู่เสมอ
เรื่องนี้เอง ก็ได้ทำให้เขาเติบโตมาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์
และมีความกล้าที่จะลองอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2001 เขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Nankai ในสาขา Microelectronics
ต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาศึกษาในสาขาวิชา Software Engineer
หลังจากจบการศึกษา จางก็ได้เริ่มธุรกิจของตัวเองเป็นครั้งแรก ร่วมกับรุ่นพี่ที่รู้จักกันจากมหาวิทยาลัย
โดยธุรกิจที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้น เป็นธุรกิจที่ทำระบบจัดการข้อมูลและการเข้าถึงสำหรับองค์กร
แต่ในตอนนั้นด้วยความที่ยังไม่มีประสบการณ์ จึงทำให้เขาทำผิดพลาดในหลายเรื่อง
เช่น การวางตำแหน่งทางการตลาดที่ไม่ดี สุดท้ายเขาก็ต้องล้มเลิกกิจการไป ภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว
ในปี ค.ศ. 2006 เขาได้เข้าทำงานกับสตาร์ตอัป Kuxun ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ที่ให้บริการสำหรับการจองตั๋ว เช่น เครื่องบิน โรงแรม และรถไฟ คล้าย ๆ กับ Agoda, Booking, Traveloka
ในช่วงที่เขาได้เข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทยังถือว่ามีขนาดเล็กและมีพนักงานเพียงไม่กี่คน
เล็กในระดับที่เขา เป็นพนักงาน Software Engineer คนแรกขององค์กร
หลังจากผ่านไปได้เพียง 2 ปี Kuxun ที่ตอนแรกเป็นเพียงสตาร์ตอัปขนาดเล็ก
ก็ได้เติบโตขึ้นกลายเป็นบริษัทที่มีพนักงานกว่า 40 คน
และด้วยความสามารถที่โดดเด่นของจาง ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค
แต่แน่นอนว่าตำแหน่งหัวหน้าย่อมต้องมีเรื่องการบริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง
ด้วยความที่เขารู้สึกว่าตนเองยังไม่เก่งเรื่องการบริหารและทำได้ไม่ค่อยดี
เขาจึงอยากพัฒนาและต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารมากกว่านี้
เขาจึงมีเป้าหมายว่าต้องการเรียนรู้วิธีการบริหารจากบริษัทระดับโลก
ซึ่งนั่นก็นำไปสู่การเดินทางออกนอกประเทศบ้านเกิดในปี ค.ศ. 2008 เพื่อไปร่วมงานกับ Microsoft
แต่จางก็ทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เพราะเขารู้สึกว่าบริษัทแห่งนี้ มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดเกินไป
หลังจากลองผิดลองถูกและสะสมประสบการณ์มาพอสมควร
เขาก็ได้ตัดสินใจลาออกจาก Microsoft เพื่อกลับไปลองก่อตั้งบริษัทของตนเองอีกครั้ง
ชื่อว่า “99fang” แพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
หลังจากก่อตั้งได้เพียง 6 เดือน 99fang ก็สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้
จนแพลตฟอร์มของเขาเติบโตจนมีผู้ใช้งานมากถึง 1.5 ล้านบัญชี
และได้ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอสังหาริมทรัพย์ของจีนอันดับต้น ๆ ในเวลานั้นเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เขาเริ่มเห็นว่าผู้คนมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนมากขึ้น
ทำให้เขามองว่าการใช้อินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนจะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต
เขาจึงมองไปที่ตลาดที่ใหญ่กว่าตลาดในประเทศจีน นั่นก็คือ “ตลาดโลก”
จาง อี้หมิง ในวัย 29 ปี จึงได้ตัดสินใจจ้างผู้บริหารมารับไม้ต่อในการบริหาร 99fang
เพื่อที่เขาจะได้มาโฟกัสในธุรกิจใหม่ ในตอนนั้นเขาจึงก่อตั้ง “ByteDance” ขึ้นมา
โดยครั้งนี้เขาต้องการสร้าง แพลตฟอร์มโซเชียลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นหลัก
แม้จะมีไอเดียที่ดี แต่ในตอนนั้นแทบไม่มีใครเชื่อมั่น และให้เงินสนับสนุนกับเขาเลย
ถึงขนาดว่าในช่วงเริ่มต้น ByteDance ถูกปฏิเสธจาก Venture Capital หรือผู้ให้เงินระดมทุนกว่า 30 ครั้ง
ก็จะมีแต่ Susquehanna International Group ซึ่งเป็นบริษัทด้านการค้าและเทคโนโลยีระดับโลก
ที่ได้ให้เงินสนับสนุนกับจางราว 155 ล้านบาท
หลังจากที่ได้เงินสนับสนุนมา ในปีเดียวกันบริษัท ByteDance ได้เปิดตัว Toutiao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม
ที่ให้บริการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งจุดเด่นของ Toutiao คือจะนำเสนอเนื้อหาตามความชอบ
โดยใช้ AI ในการวิเคราะห์ หลังจากเปิดตัวได้ 2 ปีมีผู้ใช้งานสูงถึง 13 ล้านบัญชีต่อวัน
จุดนี้เอง ก็ได้เริ่มทำให้เหล่าบริษัทขนาดใหญ่เริ่มให้ความสนใจและให้เงินสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง SoftBank รวมถึง Sequoia Capital ที่เคยปฏิเสธจางไปในครั้งแรก
ก็ได้กลับมาให้เงินสนับสนุนมากถึง 3,200 ล้านบาทในปี ค.ศ. 2014
ต่อมา จางยังได้สังเกตเห็นว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะดูคลิปวิดีโอสั้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นั่นจึงเป็นไอเดียที่ทำให้ในปี ค.ศ. 2016 ByteDance ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นในจีน
ชื่อว่า “Douyin” หรือในเวอร์ชันสากลที่เรารู้จักกันคือ “TikTok” นั่นเอง
TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและรับชมวิดีโอสั้น ซึ่งจะมีฟีเชอร์เสริมที่สามารถใส่เพลงประกอบได้
โดยในตอนแรกจะมีความยาวของวิดีโอเพียง 15 วินาทีเท่านั้น แต่ในภายหลังได้เพิ่มให้วิดีโอสามารถมีความยาวได้ถึง 3 นาที
และแน่นอนว่า TikTok ก็มีระบบแนะนำวิดีโอที่เราชอบหรืออาจจะสนใจ โดยการใช้ AI
ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท ซึ่ง TikTok ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
เร็วในระดับที่หลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 1 ปี TikTok มียอดผู้ใช้งานทั่วโลกสูงถึง 54 ล้านบัญชี
และเติบโตต่อเนื่อง จนปัจจุบันยอดผู้ใช้งานของ TikTok ได้กลายเป็น 732 ล้านบัญชีทั่วโลก
แล้วที่ผ่านมา ByteDance มีผลประกอบการเป็นอย่างไร ?
ปี 2018 มีรายได้ 230,000 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 650,000 ล้านบาท
ปี 2020 มีรายได้ 1,200,000 ล้านบาท
รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
และปัจจุบัน ByteDance ได้กลายเป็นบริษัทเนื้อหอม ที่มีแต่ผู้เข้ามาให้เงินระดมทุนมหาศาล
จนล่าสุดบริษัท ถูกประเมินมูลค่าอยู่ที่ 14.0 ล้านล้านบาท
และด้วยมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นนี้เอง จึงทำให้ตัวเจ้าของอย่างจาง มีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท
ขึ้นแท่นเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับ 9 ของจีน และอันดับ 39 ของโลก
แล้วถ้าถามว่าเคล็ดลับความสำเร็จของจาง อี้หมิง คืออะไร ?
เราก็น่าจะนำมาสรุปแบ่งได้เป็น 2 ข้อ นั่นก็คือ
1. เขากล้าที่จะคิดในสิ่งใหม่ ๆ และลงมือทำอย่างจริงจัง
เหมือนตอนที่เขาตัดสินใจจ้างผู้บริหารใหม่มาดูแล “99fang” ทั้ง ๆ ที่บริษัทกำลังไปได้ดี
เพื่อจะมาทำตามความฝัน โดยการก่อตั้ง “ByteDance”
ที่ในตอนแรกแทบไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะทำได้
2. เขายอมรับข้อเสียของตัวเอง เพื่อที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
เหมือนกับในช่วงที่เขาลาออกจาก Kuxun เพื่อที่จะเข้าไปเรียนรู้การบริหารในบริษัทที่ใหญ่กว่าอย่าง Microsoft และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา จาง อี้หมิง เพิ่งประกาศว่าจะลงจากตำแหน่ง CEO ของ ByteDance โดยให้เหตุผลว่า “เขายังคงขาดทักษะบางอย่าง ในการเป็นผู้บริหารที่ดี”
แม้ว่าวันนี้ จาง อี้หมิง จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง
แต่เขายังคงถ่อมตน ไม่หลงตัวเอง คอยมองหาข้อผิดพลาดเพื่อที่จะแก้ไขและเรียนรู้อยู่เสมอ
ด้วยแนวคิดนี้ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม ByteDance ภายใต้การบริหาร
ของจาง อี้หมิง ได้ก้าวขึ้นมาเป็น ยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Zhang_Yiming
-https://www.youtube.com/watch?v=kqxbO067y4g
-https://en.wikipedia.org/wiki/ByteDance
-https://www.businessinsider.com/bytedance-cofounder-zhang-yiming-steps-down-as-ceo-report-2021-5
-https://forbesthailand.com/news/global/zhang-yiming-เจ้าของแอปฮิต-tiktok-บริจาค-10.html
-https://www.forbes.com/profile/zhang-yiming/?sh=686eec81993c
-https://www.businessofapps.com/data/tik-tok-statistics/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Toutiao
-https://en.wikipedia.org/wiki/TikTok
-https://www.longtunman.com/31622
-https://2.flexiple.com/founders/zhang-yiming
-https://asia.nikkei.com/Business/36Kr-KrASIA/TikTok-creator-ByteDance-hits-425bn-valuation-on-gray-market#:~:text=BEIJING%20%2D%2D%20The%20valuation%20of,stakes%20for%20sale%20in%20ByteDance.
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
tiktok creator คือ 在 BorntoDev Facebook 的精選貼文
🔥 TikTok เป็นโซเชียลมีเดียที่กำลังมาแรงมากๆ ในช่วงนี้ ซึ่งมันมียอดใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2016 และมียอดดาวน์โหลดสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในปี 2020 ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ได้รวบรวมเหล่า Creator เพื่อสร้างสรรค์คลิปสั้นๆ ที่สนุก และท้าทาย แถมมีผู้ใช้ครอบคลุมทุกช่วงอายุด้วย
.
💡 เคยสงสัยไหมว่า..TikTok ใช้วิธีการใด ถึงสามารถแนะนำคลิปสั้นๆ ที่สามารถโดนใจเรามากที่สุด ? ถ้าพร้อมแล้วมาหาคำตอบไปพร้อมกับแอดเลยจ้า
.
🗣️ อย่างแรกเลยคือ “การโต้ตอบของผู้ใช้”
.
กิจกรรมต่างๆ ของผู้ใช้บนแอปพลิเคชันนี้ เป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาว่าคลิปใดบน TikTok จะแสดงบนหน้าฟีดของคุณ เช่น การกด Like คลิป, การแชร์คลิป, การคอมเมนต์, และประเภทคลิปที่เราสร้าง เป็นต้น
.
ตัวอย่างเช่น เราสร้างคลิปที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง บนฟีดของเราก็จะมีแต่คลิปที่มีคอนเทนต์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมาให้เราดูนั่นเอง
.
📱 อย่างที่สอง คือ “ข้อมูลของคลิปที่เราดู”
.
ข้อมูลของคลิปไม่ว่าจะเป็น ความยาว, คำบรรยาย, เสียง, สติ๊กเกอร์, และแฮชแท็ก มีผลอย่างมากที่จะมีแนวโน้มคลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กันขึ้นมาบนฟีดของเรา
.
🔧 อย่างที่สาม คือ “การตั้งค่าอุปกรณ์และบัญชี”
.
อาจจะไม่มีผลมากนัก แต่มันก็เป็นส่วนนึงที่มีผลกับอัลกอริทึมของ TikTok อย่างเช่น การตั้งค่าภาษา ยกตัวอย่างง่ายๆ หากเราใช้ภาษาไทยในการเล่นแอป เราก็จะเจอแต่คลิปของคนไทยขึ้นในฟีดของเรานั่นเอง
.
จะทำยังไงให้คลิปของเราเป็นที่สนใจ และมีผลกับอัลกอริทึมของ TitTok ❤️
.
✨1) เลือกใช้ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ที่กำลังฮิต
มันจะช่วยทำให้คลิปของเราน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และยังสามารถเพิ่มยอดผู้เข้าชมและกด Like คลิปของเราได้อีกด้วยนะ ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนเผยว่า TikTok จะให้ความสำคัญกับคลิปที่ใช้เอฟเฟกต์ โดยเฉพาะเป็นเอฟเฟกต์ที่กำลังฮิต ใครไม่อยากตกเทรนด์ หาเอฟเฟกต์สุดฮิตมาใช้กันดีกว่า
.
✨2) สร้างคลิปสั้นๆ ที่น่าจดจำ
TikTok จะให้รางวัลกับคลิปที่สามารถทำให้ผู้ชม ชมคลิปจนจบ ดังนั้นหากเราทำคลิปที่สั้น กระชับ และได้ใจความ อย่างน้อย 15-20 วินาที ซึ่งคลิปแบบนี้แหละจะเพิ่มโอกาสให้ได้รับความสนใจมากขึ้นนั่นเอง
.
✨3) มีส่วนร่วมกับ Creator คนอื่นๆ
หรือใน TikTok จะเรียกว่าการ “ดูเอ็ท” นั่นเอง ทาง TikTok สนับสนุนให้ Creator ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับคลิปของคนอื่นๆ ได้อย่างอิสระ ส่วนใหญ่คลิปที่เป็นไวรัลในโซเชียลก็เกิดจากการ “ดูเอ็ท” กันของเหล่า Creator นี่แหละจ้า ใครไม่อยากเอาท์ก็ลองทำดูน้าา
.
✨) ใช้เพลงหรือเสียงที่กำลังมาแรง
หากเรากำลังจะทำคลิปใน TikTok แอดแนะนำเลยว่าให้ใช้เพลงที่เขากำลังฮิตประกอบคลิปของเรา มันจะช่วยให้คนอื่นๆ สามารถเข้าถึงคลิปของเราได้มากขึ้น และยังทำให้เพิ่มยอดรับชมและยอด Like ได้ด้วยนะ
.
✨5) อย่าลบคลิปเก่าๆ
คลิปเก่าๆ ที่ไม่มีคนดูใน TikTok ในวันใดวันนึงอาจจะเกิดเป็นคลิปที่ปังขึ้นมาก็ได้นะ เพราะฉะนั้นคลิปไหนของเราที่ยังไม่มียอด View อย่าเพิ่งลบนะ !!
.
เนื่องจากช่วงนี้แอดติด TikTok มากๆ55555 จึงอยากเขียนเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ 😍
.
borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
tiktok creator คือ 在 Facebook 的精選貼文
วิดีโอ 1 ล้านวิว ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีพื้นฐานด้านการตัดต่อเลยก็สามารถทำได้ เคล็บลับที่ไม่ลับ และเห็นผลจริง!!
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เกิด Content Creator นับหมื่น นับพัน
เป็นช่วงเวลาของโอกาสที่นักสร้างสรรค์ ต่างพากันรีบคว้าและตักตวง
ผลที่ได้คือ ชื่อเสียง เงินทอง สังคมที่ต้องการ รวมถึงยอดขายของธุรกิจต่างๆ
สิ่งเหล่านี้พุ่งเขาหาคนที่มองเห็นโอกาส และคว้ามันทัน
ในขณะเดียวกัน นักสร้างสรรค์หลายคน หรือที่เรารู้จักกันดีคือ "คนทำคลิป" ก็ไม่ได้ในสิ่งเหล่านั้น
ปัญหาหลายอย่างที่คนทำคลิปมักเจอ ไม่ว่าจะเป็น
- ไม่รู้จะทำคลิปอะไร
- ไม่รู้จะเล่ายังไง
- ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้น่าสนใจ
- ทำคนเดียวไม่มีผู้ช่วย
รวมไปถึงส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดวิดีโอที่ดีขึ้นมา คือ การตัดต่อ
ครีเอเตอร์หลายคน พบเจอสิ่งเดียวกันคือ
ไอเดียเจ๋งๆอยากทำเยอะมาก อุปกรณ์ครบมือ แต่!! ตัดต่อไม่เป็น!!
- พยายามตัดแล้ว ตัดเท่าไรก็ไม่เป็นดั่งใจหวัง
- ซื้อหนังสือมาอ่านก็ไม่รู้เรื่อง
- ไม่รู้จะถามใครเวลาเกิดปัญหา
อีกทั้งคนที่ "ตัดต่อเป็นอยู่แล้ว" แต่!!
- วิดีโอของเราขาดความน่าสนใจ ขาดลูกเล่น
- วิดีโอของเรามันดูรกเกินไป ไม่ว่าจะเป็น ภาพ เสียงเพลง เสียงซาวด์เอฟเฟค
- วิดีโอของเรา สี มันไม่ดึงดูสายตา
เฮ้อ...ท้อนะ แต่ถอยไม่ได้ นั่นเพราะ!! เราอยากทำมันมากๆ ไอเดียในหัวยังไม่หมดเลย สิ่งที่อยากทำอยู่ข้างหลังมีนับสิบ นับแสน อีกอย่างก็...
ต้องการให้ ยอดขายธุรกิจเพิ่มขึ้น
ต้องการลดต้นทุนในการผลิตคลิป
ต้องการโปรโมทสินค้าในทุกช่องทางของสื่อต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น Facebook / Instagram / Tiktok / Youtube
สิ่งเราเหล่านี้เราสามารถทำมันเป็นได้ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานการตัดต่อเลย
เพราะผมจะสอน แบ่งปัน และถ่ายทอดให้กับคุณเอง
ด้วยประสบกาณ์ในการทำคลิปวิดีโอมาทั้งหมด 4 ปี
ตัดต่อไปหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Vlog / Beauty / Travel / Game / Review / Reaction / Film etc.
ตัดต่อด้วยตัวเองทั้งหมด
ผมได้ย่อ 4 ปี ของผมมาอยู่ในเนื้อหาทั้งหมด 16 ตอน บอกหมดทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่เริ่มคิด ยัน อัพคลิป (แถมทำปกด้วยอะ) ไม่ว่าจะเป็น
- การคิดและวางแผน ทำ Story Board , Story Telling , Concept Idea
- อุปกรณ์ในการผลิต ภาพที่ดี และเสียงที่ดี ควรเป็นยังไง
- ใช้โปรแกรมอะไรในการตัดต่อดี "ผมใช้ Premiere Pro"
- การตัดต่อของแต่ละสาย แต่ละประเภท Vlog ตัดยังไง Review ตัดยังไง
- เริ่มตัด 101 การตัดหลักๆที่ต้องใช้และใช้บ่อย
- การเลือกเพลงและการใช้เพลง
- การใช้ Sound Effect
- การย้อมสีพื้นฐาน
- จิตวิทยาการตัดต่อ
และอื่นๆอีกมากมาย
เราจะเรียนกับแบบ "วันเว้นวัน" โดยวันที่ไม่มีบทเรียน ผมจะมาไลฟ์ถามตอบ ช่วยแก้ไขปัญหา พร้อมให้คำปรึกษาในการตัดต่อ หรือหัวข้อนั้นๆ
เรียนในกลุ่มปิดใน Facebook สามารถกลับมาเรียนซ้ำได้ตลอดเวลา ไม่มีการลบเนื้อหา รวมถึงไลฟ์ต่างๆ
เนื้อหาแน่น!! เนื้อเน้นๆ!! ไม่มีน้ำ ขนาดนี้ นี่ไม่ใช่คลาสเรียน หลักหมื่น ไม่ใช่คลาสเรียน หลักพัน แต่เป็นคลาสเรียนที่อยู่ในราคา "หลักร้อย"
เหตุผลคือ ผมไม่อยากคิดแพง เอาเงินไปลงทุนด้านอื่นๆเถอะครับ
490 บาท!! ถูกกว่าการกินบุฟเฟย์ ถูกกว่าหนังสือบางเล่ม แถมยังเอาไปสร้างเป็นอาชีพได้อีกด้วย
และสำหรับนักศึกษา เพียงแสดงบัตรนักศึกษา รับส่วนลดอีก 10% เหลือ 441 บาท!! ผมสอนเองกับมือ!! คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
และสิ่งสำคัญ ที่ต้องรู้ก่อนสมัครเข้าคลาสเรียน
"ผมสอนโดยใช้โปรแกรม Premiere Pro เป็นหลัก"
หากผู้เรียนไม่ได้มีคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ใช้คอมในการตัดต่อ
คลาสเรียนนี้อาจจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าน้อยกว่าที่คุณต้องการ และไม่เต็มที่
เพราะงั้นเงินหลักหมื่นหลักแสน เอาไปลงทุนอย่างอื่นเถอะครับ
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมคลาสเรียนนี้
1. พิมพ์ "สนใจ" มาใต้โพสนี้ และหากพิมพ์สนใจมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อความจากแชทของเพจเรา ให้ "ทักแชทเพจเข้ามาโดยตรงได้เลย"
หรืออีกช่องทางคือไลน์ไอดี : @sdx0882i พิมพ์ "สนใจ" เช่นกัน
2. ชำระค่าเข้าคลาสเรียน 490 บาท นักศึกษาแสดงบัตรลด 10%
3. ลงทะเบียนเข้าคลาสเรียน
*สงวนสิทธิ์การคืนเงินทุกกรณี*
เริ่มเรียนได้เลยวันนี้
แล้วเจอกันในคลาสเรียนครับ