รวยกว่า สุขกว่า จริงหรือ
GDP ถอยไป SPI มาแล้ว
อ่านบทความเต็ม
https://bit.ly/35HcrJh
ฟังคลิป #Human_Talk #ThinkingRadio
https://youtu.be/7TyTzstKXQo
กว่า 80 ปีที่โลกทั้งใบ ถูกชี้ชะตาด้วยตัวเลขมหัศจรรย์ GDP ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ มูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในแต่ละปี โดยไม่คำนึงว่าผลผลิตนั้นจะผลิตขึ้นมาด้วยทรัพยากรของชาติใด GDP ถูกคิดค้นโดย Simon Kuznets นักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซีย เพื่อเป็นตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถชี้วัดคุณภาพชีวิตที่แท้จริงได้
โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยในปี 2020 ที่ผ่านมาถดถอยอย่างแรง -6.1% ต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี ในขณะที่ปี 2021 นี้ สภาพัฒน์ประเมินว่าจีดีพีจะโตสูงสุดแค่ 3.5% แต่ผ่านไปไม่กี่เดือน หลายองค์กรก็มีการปรับลดลงมาเรียบร้อยจากผลกระทบของโควิดละลอกสาม ทำให้มีกระแสความไม่พอใจพอสมควร แต่สิ่งสำคัญที่คนไม่เข้าใจก็คือ จีดีพีต้องนำมาเทียบกับมาตรฐานค่าครองชีพของคนในประเทศนั้นจึงจะทำให้เห็นภาพของอำนาจการซื้ออย่างแท้จริง อย่างเช่นประเทศไทย แม้จีดีพีจะติดลบหรือเติบโตน้อยมาก แต่เมื่อเทียบกับมาตรฐานค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ก็ถือว่าเป็นประเทศที่น่าอยู่มากที่สุดประเทศหนึ่งอันดับต้นๆ ของโลกทีเดียว
เพื่อแก้ไขปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ละเลยมิติอื่นของสังคม เช่น การสูญเสียและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน ฝุ่นพิษ คุณภาพชีวิตของประชาชน องค์การสหประชาชาติจึงได้ประกาศดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าทางสังคมแบบใหม่ออกมา ตั้งแต่ปี 2015 หรือ พ.ศ. 2558 โดยได้ขอมติจากประเทศสมาชิกทั่วโลกร่วมมือกัน มีระยะเวลาเหลืออีกแค่ 10 ปี จนถึงปี 2030
ดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม (Social Progress Index – SPI) เป็นมาตรวัดที่สะท้อนความก้าวหน้าทางสังคมที่แยกเด็ดขาดจากความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ผลคะแนนมาจากตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสังคม ซึ่งครอบคลุมความก้าวหน้าทางสังคมครบทั้ง 3 มิติ ได้แก่ 1) ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ (Basic Human Needs) 2) พื้นฐานของการอยู่ดีมีสุข (Foundations of Wellbeing) และ 3) โอกาส (Opportunity) ดำเนินการโดย Social Progress Imperative ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการสนับสนุนจากดีลอยท์ มูลนิธิ Skoll และได้รับความร่วมมือจาก ไมเคิล อี. พอร์เตอร์ แห่งโรงเรียนธุรกิจ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด
ดัชนีดังกล่าวนี้เป็นการสำรวจทุกประเทศทั่วโลกใน 3 มิติ
1. ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ (Basic Human Needs) เช่น อาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
2. โครงสร้างพื้นฐานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี (Foundations of Well-Beings) เช่น การเข้าถึงการศึกษา ข้อมูลข่าวสาร สุขภาพและสิ่งแวดล้อม
3. โอกาสทางสังคม(Opportunities) สิทธิทางการเมืองและการแสดงออก สิทธิในการนับถือศาสนาและเลือกทางเดินชีวิต การยอมรับความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา ระบบความคุ้มครองทางสังคม และความก้าวหน้าทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษาขึ้นไป
UN SDG Goal 2030 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ได้แก่
1: ขจัดความยากจน
2: ขจัดความหิวโหย
3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
4: การศึกษาที่เท่าเทียม
5: ความเท่าเทียมทางเพศ
6: การจัดการน้ำและสุขาภิบาล
7: พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้
8: การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน
10: ลดความเหลื่อมล้ำ
11: เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน
12: แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
14: การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล
15: การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก
16: สังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก
17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ การจัดอันดับ SPI (Social Progress Index) ในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยจัดอยู่ในลำดับที่ 79 ของโลกจากที่สำรวจทั้งหมด 163 ประเทศ ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 70.72 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจาก 67.47 ในปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียน เราตามหลังสิงคโปร์ (ลำดับที่ 29) และมาเลเซีย (ลำดับที่ 48) แต่นำหน้าอินโดนีเซีย (ลำดับที่ 84) เวียดนาม (ลำดับที่ 88) ฟิลิปปินส์ (ลำดับที่ 98) กัมพูชา (ลำดับที่ 118) เมียนมาร์ (ลำดับที่ 120) และ ลาว (ลำดับที่ 133) ส่วนประเทศที่มีความก้าวหน้าทางสังคมในระดับสูงสุดของโลก 5 ประเทศแรกเรียงตามลำดับ ได้แก่ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ และสวีเดน
เมื่อวิคราะห์องค์ประกอบด้านต่างๆ ที่ประเทศไทยทำคะแนนได้ดี 5 ลำดับแรกตามลำดับ ได้แก่ ด้านที่อยู่อาศัย (Shelter) โภชนาการและการแพทย์ขั้นพื้นฐาน (Nutrition and Basic Medical Care) น้ำและสุขาภิบาล (Water and Sanitation) การเข้าถึงความรู้ขั้นพื้นฐาน (Access to Basic Knowledge) และคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Quality) อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบที่ได้คะแนนน้อยและอาจจะต้องพิจารณาปรับปรุงต่อไป ได้แก่ ความครอบคลุมและการมีส่วนร่วม (Inclusiveness) สิทธิส่วนบุคคล (Personal Rights) ความปลอดภัยของบุคคล (Personal Safety) ทางเลือกและเสรีภาพส่วนบุคคล (Personal Freedom and Choice) และ การเข้าถึงการศึกษาขั้นสูง (Access to Advanced Education)
สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ คือ ประเทศไทยเรามีความได้เปรียบในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก เพราะเราได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานตั้งแต่พ.ศ.2542 โดยนำหลักการ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน บนพื้นฐานความรู้คู่คุณธรรม มาประยุกต์ใช้ ซึ่งไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย แต่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกด้วย
รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ (อังกฤษ: UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) เป็นรางวัลเกียรติยศด้านการพัฒนาของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ โดยจะมอบแก่ National Human Development Report ที่มีผลงานดีเด่นทุก 2 ปี ซึ่งแบ่งไว้เป็น 6 ประเภท โดยรางวัลเกียรติยศที่ได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นความคิดริเริ่มของสำนักเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งเป็นกรณีพิเศษที่มอบแก่บุคคลอันเป็นรางวัลประเภท Life-long achievement ที่ริเริ่มขึ้นใหม่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นพระองค์แรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว[1][2]
ตัวรางวัลเป็นรูปพานทรงกลมทำด้วยเงินบริสุทธิ์ ด้านในของพานขัดมันผิวเรียบ ส่วนด้านนอกผิวมีลักษณะเป็นคลื่นคล้ายสายน้ำ ตั้งอยู่บนฐานที่ทำจากไม้สัก มีแผ่นป้ายคำจารึกที่ฐานไม้มีข้อความว่า 'To His Majesty King Bhumibol Adulyadej in Recognition of Lifetime Achievement in Human Development May 2006' เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยผู้คัดเลือกรูปแบบของรางวัลตั้งใจให้รางวัลเป็นรูปพานทรงกลม เพื่อสื่อความหมายถึงภาชนะที่สามารถใช้รองรับน้ำได้ เช่นเดียวกับผิวนอกของพาน ทำให้มองคล้ายสายน้ำ เนื่องจากเล็งเห็นว่าพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ส่วนมากเกี่ยวข้องกับน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำ เป็นประเด็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งในการพัฒนา จึงสมควรแก่การยกย่องเฉลิมพระเกียรติในพระปรีชาสามารถในด้านนี้เป็นกรณีพิเศษ
ดังนั้น แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือที่มาและกระบวนการที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้ง 17 ข้อ SEP = SDG (Sufficiency Economy Philosophy = Sustainable Development Goal)
หวังว่า ทุกท่านคงเห็นด้วยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP อย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องมองความสมดุลในภาพรวมอย่างที่ในหลวงรัชกาล ที่ 9 ได้ทรงมองครอบคลุมทุกมิติเสมอมา ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ชุมชนและวัฒนธรรม
รวยกว่า จึงไม่ได้หมายความว่า สุขกว่าเสมอไป
un water report 在 氣象達人彭啟明 Facebook 的精選貼文
Climate Change Emergency
每年我參加氣候會議時,只要時間可以,都會參加一場由各個宗教團體在氣候會議會場聯合在一起的祈福許願或遊行活動,不同宗教會用不同方式來祈禱,希望能影響更多人,雖然我不是天主教徒或是基督徒,但幾次的活動中,可以感受到不同宗教界的平和與憂心,都會透過各種方法來提醒世人。
一早收到世界基督教協會,看到這個 Climate Change Emergency 氣候變遷緊急的宣言,Emergency 在我們風險管理中很重要,也有應急管理 Emergency Management ,不只是救護車上的 Emergency 而已,我們真的要非常體認重視這問題了。
幾年前我曾訪問過吳偉立神父,大家可以從 Podcast 聽這段聲音
https://open.spotify.com/show/1ryyVpjRt6faqRT1YfsWif…
彭啟明
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
Statement on the Climate Change Emergency
25 November 2019
World Council of Churches
EXECUTIVE COMMITTEE
Bossey, Switzerland
20-26 November 2019
Doc. No. 04.3 rev
Statement on the Climate Change Emergency
But the earth will be desolate because of its inhabitants, for the fruit of their doings.
Micah 7:13
Recent extreme weather events of increasing strength and frequency around the world together with further studies conducted by the Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) have jolted many into belated recognition that the climate crisis is not a distant prospect, but is upon us today.
From Hurricane Maria, Tropical Cyclone Idai, Hurricane Dorian and Typhoon Hagibis which caused loss of lives and left widespread devastation in Puerto Rico, in Mozambique, Zimbabwe and Malawi, in the Bahamas and in Japan respectively, to ongoing bushfires in Australia and California, to unprecedented flooding in Bangladesh and in Venice, and to the very recent landslide following exceptionally heavy rains in Kenya, the impacts on our communities - especially the poorest and most vulnerable among us – and on the bountiful Creation that God has entrusted to human beings as stewards – are now all too tragically real.
The latest IPCC special reports on climate change, land, oceans and cryosphere confirm that climate change has become a top driver of hunger all over the world, and project rising sea levels of up to 1 metre by 2100 due to melting glaciers, water scarcity affecting nearly 2 billion people and more intense sea-level events such as storms and flooding, if warming is not kept at the safer limit of 1.5°C above pre-industrial levels.
Moreover, exceptionally destructive fires and the encroachment of industrial agriculture and mining, have greatly increased concern about runaway deforestation in the largest remaining rainforest ecosystems – the earth’s lungs, the home and heritage of many Indigenous Peoples, and a critical resource in confronting the threat of climate change. Especially in the Amazon, in the Congo Basin, and in West Papua and elsewhere in Indonesia, this resource is, often deliberately, being squandered at a perilous rate.
Children, young people and ordinary citizens have made public demonstration of their outrage at the lack of any adequate response by governments to the gravity of this global crisis, and against the backsliding by some governments. Children have been obliged to mobilize and to raise their voices to demand what adults have failed or refused to deliver – fundamental changes to our economic and social systems in order to preserve God’s Creation and their future.
Indeed, a recent research report shows that governments are currently projected to produce 120% more fossil fuels by 2030 than can be burned if the world is to limit warming to an increase of 1.5°C
In particular, the United States’ formal notification of its intention to withdraw from the Paris Agreement – despite the increasingly disastrous impact of extreme weather events in the US itself – seriously undermines the best hope the international community had secured for a multilateral global response to the climate crisis. This is an abject failure and abdication of global leadership, at precisely the historical moment when such leadership is most needed. It will embolden other backsliding states. It impoverishes and imperils all of us.
The protests against widening inequality in Chile, triggering the move of the 25th Conference of Parties (COP 25) of the UN Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) from Santiago to Madrid, underscore the importance of holding together the goals of sustainability and equity, and ensuring that the costs of transitioning to a carbon neutral economy are not borne by those who already have few resources. In other words, there can be no real transition without socio-economic justice.
The time for debate and disputation of established scientific facts is long over. The time for action is swiftly passing. We will all be held to account for our inaction and our disastrous stewardship of this precious and unique planet. The climate emergency is the result of our ecological sins. It is time for metanoia for all. We must now search our hearts and our most fundamental faith principles for a new ecological transformation, and for divine guidance for our next steps to build resilience in the face of this unprecedented millennial challenge.
The executive committee of the World Council of Churches, meeting in Bossey, Switzerland, on 20-26 November 2019, therefore:
Joins other faith leaders, communities and civil society organizations in declaring a climate emergency, which demands an urgent and unprecedented response by everyone everywhere – locally, nationally and internationally.
Expresses its bitter disappointment at the inadequate and even regressive actions by governments that should be leaders in the response to this emergency, especially inaction to stop fires and deforestation, the destruction of Indigenous Peoples’ ancestral lands and livelihoods, and attacks on ecological defenders; the weak commitments made under the Paris Agreement; and measures that place additional financial burdens on poor communities.
Calls on COP 25, taking place in Madrid on 2 to 13 December 2019, to:
- set the groundwork for committing to more ambitious cuts in greenhouse gas emissions as part of Nationally Determined Contributions with a view to attaining carbon neutrality by 2050 and limiting warming to not more than 1.5°C;
- ramp up commitments by wealthy nations to provide sufficient, predictable and transparent climate finance to low-income nations for adaptation and resilience-building;
- strengthen the Warsaw International Mechanism for Loss and Damage to include finance to support people and communities affected by the impacts of the climate emergency; and
- promote actions to engage and learn from Indigenous Peoples in and beyond the UNFCCC process, protect biodiversity, combat deforestation, encourage agro-ecology and construct circular and redistributive economies.
Invites UN system partners, consistent with the critical research and policy advice emanating from UN sources, to examine and divest from fossil fuel investments in their own banking systems and pension funds.
Calls on member churches, ecumenical partners, other faith communities and all people of good will and moral conscience to find the means whereby we can make a meaningful contribution in our own contexts to averting the most catastrophic consequences of further inaction and negative actions by governments – and may join in confronting this global crisis through concerted advocacy for climate change mitigation and adaptation, zero fossil fuel use and a “just transition”, as well as through local action, everywhere – in our fellowship, our churches, our communities, our families, and as individuals.
un water report 在 唐鳳粉絲團 Facebook 的精選貼文
New Renaissance can reform global nations peacefully and digitally
Your esteemed institution will dominate think tank industry with my 4 plans that surely will attract more donation and create New Renaissance to reform China, North Korea and global nations peacefully and create $30 trillion dollars new revenue annual. 4 plans and the new management science will speed global development with prosperity, peace and health for new civilization.
I would like to introduce new management science and technology before the 4 plans that everyone will have equal opportunity to contribute in community and play a role in decision making with direct democracy in order to regulate perceived disequilibrium in human civilization. New management science of direct democracy will not put cat and fish together that is the only way we can keep financial discipline and transparency. Direct democracy is not campaign in every 4 years. It is new life in ICT century. The new management system can sell itself due to the benefit is huge that will create New Renaissance for peace, health and prosperity.
We are so blessed and so lucky to live in ICT era that systematically reform is a matter of finger tips. Human thought and information can transfer so fast and so massive that can perform direct democracy easily with ICT platform. It can start with housing and facility management industry that global residents in housing communities can perform direct democracy to form a global trend of new politics and new management science. We can create equal opportunity in different agendas with ICT platform that will liberate global productivity and lift efficiency to create new revenue $30 trillion dollars in New Renaissance.
Most communities, cities and nations will enjoy the new infrastructure of cloud conference in ICT platform for new management system that can stop human ordeals in politics, finance, education, ecology and economy. New generation will live in prosperity, peace and health with new management science. China reformed in 1980’s with global synergy platform to lift economy tremendously. New Renaissance with new management science will reform global nations in economy, education, politics, ecology and other different agendas that we can cross barrier of time and space to explore new worlds. If we adopt the new management system of direct democracy, we shall live peacefully in New Renaissance that people will not snipe at police any more.
Your institution can lead global think tanks, communities, governments, and enterprises in New Renaissance. It not only will reform management system but also will increase 40% productivity globally that equal to lift $30 trillion dollars revenue annual plus to save resources wasted in mismanagement. Direct democracy is green management for global sustainable development.
ICT sponsors will donate $30 million dollars to the institution annual that can promote New Renaissance and create $3 trillion dollars revenue annual for ICT industry. ICT can fabricate new platform of cloud conference for direct democracy that can apply in housing and facility management industry globally before it can lift to city level, national level and UN level eventually.
A housing community is a small nation. Nation will change when communities change. Residents in housing communities will enjoy surfing new management system to solve unrest and create pleasant environment. New Renaissance will start in housing communities and lift to higher levels accordingly. It will be a project that sells itself and build 200 ICT platforms globally. Each platform will be at the size of Facebook.
Since we can trade stocks directly in NASDAQ, why can’t we use civil power directly in cloud government and cloud conference? Initially we can operate both cloud conference and reality conference synchronously like Dow Jones operating both cloud trading and floor trading. NASDAQ has never operated floor trading since establishment. Literally politics is like the stock exchange. We can trade without brokers in stock exchange as well as in politics.
Everyone has access to information that information can spread massively and quickly without limit of time and space. Global development is the task of how to apply with synergy ICT platform for human activities especially for the public affairs that can lift efficiency, productivity and revenue with new management system to achieve prosperity, peace and health globally.
I am glad to learn we pursue the same goal and we might choose the same approach when we find polluted air in China and India can spread to Japan, America and Europe at the speed of hundreds miles per hour along jet stream in 6 miles height. Particles in polluted air can damage human health as well as catalyze extreme weather globally. We can benefit or hurt consequently with all events happening on the Earth.
What if African will pollute air and water seriously like China and India have done? How soon the Earth will become uninhabitable? Our knowledge and experience convince us the global is a holistic life body. Development should prevent from damaging the holistic life body. We had to protect the holistic life body by all means with new ethics and new code of conduct for sustainable development. The best way to achieve the goal is to operate new management system on ICT platform globally that all people can contribute and play a role in decision making. Everyone can watch, report and maintain the health of the holistic life body in every corner of the Earth without limit of time and space.
New management system and ICT platforms rely on consistent electric power supply. We need to develop green energy as electric power industry is major factor of pollution and global warming. Most energy in nuclear power plant has been applied to heat up sea water and vaporize into the sky that can rise up temperature seriously. Green energy and green management undoubtedly are strong pillars to support sustainable development for the holistic life body.
With continuous high growth rate, Africa has become new engine to pull global economy. Walmart is landing in Lagos. Major manufacturing facilities moved to Africa like Japan Panasonic. Chinese companies have operated in Nigeria since 1980’s. I met chiefs of CCECC in 1982 when they started water bore hole contracts in Lagos and looked for railroads contracts.
Plan 1 is to construct river flow power plants combining irrigation canals in Nigeria with water flushing out of existing hydro generators to rotate river mills for additional 30,000 MW that equals to 20 nuclear power plants. It can irrigate farms for 30 million tons rice annual to improve food shortage and inconsistent power supply not mentioning to create huge employment. Plan 1 is a project of one stone for many birds.
A river generator can be installed in every 7 meters along irrigation canal with minimum water flow at 5 tons per second. 1 KM canal with slight slope at 0.3% can install 140 units of river flow generators at 15 KVA through 150 KVA each depending on water flow. 1 KM canal can equip 2 MW through 20 MW that 1,000 KM canal can install 2,000 MW through 20,000 MW.
In 1920’s Japanese engineer Yoichi Hatta built Wusanto Reservoir in Taiwan with irrigation canal 7,400 Km for rice farm of 145,000 hectares that could reap 3 times annual. Land, water and good weather are available in Nigeria that can develop farms of millions hectares with irrigation canals and river power plants. One hectare farm will produce rice 18 tons for 3 reaps annual.
Plan 1 can change Nigeria and Africa and benefit the global ecologically. USA and China compete in Nigeria and Africa very hard. China promoted railroads construction with loan at $6 billion dollars. IMF offered direct loan to governors at $3.2 billion dollars. I heard GE tried to involve in the railroads construction. Japan plans to invest $30 billion dollars in Africa. Employment, sufficient food and consistent power supply can support Nigeria to lead Africa nations to join the New Renaissance for global peace and sustainable development.
Dangote is an aggressive entrepreneur who might join us for Plan 1. He ranks 25 richest people and is nephew of my friend, Alh. Abdul Dantata. When I was in Nigeria, Abdul gave me his driver Alh. Uba who used to buy ice bars for young Aliko Dangote. Dongote cement can benefit since Plan 1 will need huge cement for river power plants and irrigation canal.
Dangote will donate generously if we can initiate Plan 1 with him and Nigeria president Buhari who is lack of convincing economy policy that a hot pot of food on fire becomes popular target of thieves. Buhari can use Nigerian agric bond to attract investors and complete Plan 1 if he can apply leverage properly. Global donors will support green energy industry in Nigeria if Buhari can show his determination. Good plan, advanced management and talent people will create hope and confidence for a nation and the world.
Plan 1 will attract $1 billion dollars donation and create annual revenue $10 trillion dollars in Africa. The core value of Plan 1 is by all means to prevent Africa from pollution and global warming like China and India. Eventually Plan 1 will attract investors to build river flow power plants with 700,000 MW globally that equal to 400 nuclear power plants. Irrigation canal will boom agric and housing communities synchronously that can develop new cities to attract investors and migrants for new economy in Nigeria and Africa.
European nations will collaborate to construct river power plants with irrigation canal for agric in Africa and in the Middle East to improve economy, ecology and peace. It can reduce refugees flooding into Europe like fleeces. Hopefully it will stop casualty drowned in the Mediterranean Sea.
Big waves attract great surfers. Great surfers can't attract big waves. Good leader can see the trend and keep right direction for delicate surf. I can see 4 trends are going to surge into big waves where we can approach for delicate surfs. New Renaissance will surge with ICT that can promote new platforms for communities, governments and public companies globally. The institution will rank as the 1st think tank in the world if leaders can find new trends of big waves and lead all teams to surf delicately.
Plan 2 is to reform China peacefully with 2 tactics that will turn China into a positive power for regional peace as well as free market for global enterprises. China market is still inaccessible to Facebook, media industry and many other sectors who are looking for tickets to China. They might join us if they learn our plan can benefit them hugely. Apple and Google have been tumbling in China from time to time. Donors from ICT industry and different sectors will donate $3 billion dollars for Plan 2 that will create $10 trillion dollars revenue annual.
Plan 2-1 is to reform China peacefully with platform of cloud conference in housing community management with direct democracy. It will support liberal leadership to emerge in China and open gate wider for global enterprises duly. How can we reform China into democracy when there is only one communist party? No matter one party or no party, residents in housing communities can use cloud conference to perform direct democracy that will create internal climate for liberal leadership.
Plan 2-2 is to mobilize people in global nations to carry out judiciary project in local courts and subvert the apex policy of China i.e. to occupy Taiwan. China has been lying that Taiwan is part of China and there is only one China. Most nations have tolerated Chinese lies for some benefit but lies can’t last forever when global people feel it is enough. Lie can’t never become the truth.
There are extreme groups against China in most nations. They can have suits in courts to win the verdict that Taiwan is not part of China and there are two China in the world. There is nothing wrong to have two China since there are two Congo and two Korea in UN. Nigeria is the only nation considers two China and accept Taiwan to register in the name of the Republic of China in Nigeria. The verdict surely will discredit leadership in Beijing and bring stronger impact than the South China Sea Arbitration has done. It will split leadership in Beijing and support emergence of liberal leadership.
Justice of speech is as important as freedom of speech. It is new trend in ICT century that human can solve global conflicts with judiciary power and public opinions instead of wars. Verdict of Plan 2-2 will become huge external power to shake dictatorship in Beijing that can collaborate with internal pressure from direct democracy in housing communities of Plan 2-1. Plan 2 will catalyze emergence of liberal leadership and lead China to join New Renaissance.
Plan 2 will reform China and North Korea with direct democracy and judiciary power peacefully that will attract $3 billion donation and create $10 trillion dollars revenue annual. Taiwan people can donate $1 billion dollars referring to Taiwan people donated $252 million dollars in 2011 for Japan tsunami.