ได้ความรู้ๆ
เคยสงสัยกันมั้ยว่า เอ๊!! ทำไมเวลาผัดกะเพราหมู ไก่ ต้องใช้พริกขี้หนูสดตำเป็นตัวชูโรงให้ความเผ็ด แต่พอเป็นกะเพราเนื้อ (วัว) จะให้เด็ดนั้นต้องเป็นพริกขี้หนูแห้งเท่านั้นที่จะทำให้เมนูนั้นมีความหอมฉุนเผ็ดสะใจวัยรุ่น (?) อย่างเรา ยิ่งถ้าทานกับข้าวสวยร้อนๆพร้อมพริกน้ำปลา และใบกะเพราแบบแกร็นๆ แล้วตัดความร้อนแรงด้วยไข่ดาวที่ทอดจนกรอบเหลืองขอบนอก แต่ไข่แดงสุกพอเป็นยางมะตูมด้วยแล้วนี่ อื้อหือ!! 😂😂
📕 อ้าว!! แล้วพริกแห้งนี่!! มันจะมีความแตกต่างของกลิ่นรสจากพริกขี้หนูสดเดิมๆขนาดนั้นเลยเรอะ!! หลายๆคนก็คงจะแอบสงสัยตรงนี้กันนะครับ ดังนั้นวันนี้แอดก็จะมาเล่าถึง #เกร็ดความรู้ที่ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ถึงเรื่อง #วิทยาศาสตร์ของพริกแห้งและความเข้ากันได้ในเมนูผัดกะเพราเนื้อ (วัว) ให้ฟังกันนะครับ
📕 อันที่จริงการทำเมนูผัดกะเพราของเนื้อสัตว์ที่ค่อนข้างมีกลิ่นที่โดดเด่น เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ นั้นเมื่อนำมาทำอาหารมักจะมีกลิ่นสาบ (gamey odor) เกิดขึ้นมานะครับ ในขณะที่ถ้าเป็นเนื้อหมูและเนื้อไก่นั้นกลับมีกลิ่นสาบที่น้อยกว่ามาก (แต่แอดขอเว้นให้เนื้อเป็ดไปอีกอย่างนะครับ ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้องสักหน่อย!! แต่ลองอ่านไปถึงภาคผนวกดูนะครับ แล้วเดี๋ยวก็จะอ๋อ!! เองนะครับ)
📕 เมื่อเนื้อสัตว์ที่มีกลิ่นสาบขึ้นมานั้น การใช้เครื่องปรุงและเครื่องเทศที่มีกลิ่นเย้ายวนใจนั้นก็จะสามารถกลบเกลื่อนกลิ่นสาบของเนื้อสัตว์นั้นได้ ดังนั้นการใช้พริกแห้งมาโขลกรวมกับกระเทียมก็สามารถที่จะทำให้กะเพราเนื้อ (วัว) นั้นมีกลิ่นที่ชวนกินมากขึ้น
📕 มีการศึกษาถึงอิทธิพลของการทำแห้งของพริกหลายๆพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยของฟากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ทำการศึกษา “พริกชี้ฟ้าแห้ง” / หรืองานวิจัยของต่างประเทศที่ทำการศึกษาสารพัดพริกเผ็ดๆ อย่าง Hanabero, Bhut Jolokia และพริกเด่นๆในแต่ละฟากโลก ทั้งการตากแห้งด้วยแสงแดด (sun drying) และการอบแห้ง (oven drying) ว่าจะทำให้ได้กลิ่นรสต่างไปจากพริกสดอย่างไรบ้าง??
📕 ผลการศึกษาส่วนใหญ่นั้นให้ผลที่สอดคล้องกันว่า
👉 เมื่อนำพริกสดมาทำให้แห้งแล้ว จะสูญเสียน้ำหนักประมาณ 85-90% ดังนั้นความเผ็ดที่ได้ของพริกแห้งนั้นจะมีความเผ็ดต่อน้ำหนักสูงกว่าถึง 7-10 เท่า ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก เพราะก็มันเบาลงตั้งเยอะ แต่สารให้ความเผ็ดยังมีเท่าเดิม ความเผ็ดต่อน้ำหนักมันก็ต้องสูงขึ้นอยู่แล้ว
👉 แต่สิ่งที่ทำให้เห็นความแตกต่างจริงๆ คือ “สารให้กลิ่น” ของพริกแห้งนั้นมีหลากหลายกว่าพริกสดหลายเท่าตัวนัก เนื่องจากว่ามี “สารให้กลิ่นใหม่” ที่เกิดจากการแตกหักของสารพัดโมเลกุลในพริกนั้นๆ มาแจ้งเกิดในวงการร่วมกับ “สารให้กลิ่นรุ่นพี่” ที่มีแต่เดิมด้วย
📕 ด้วยความที่มีประชากรของสารให้กลิ่นหอมฉุนที่หลากหลายมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดมิติของกลิ่นรสที่เพิ่มขึ้น แล้วพอไปรวมกับกลิ่นสาบอ่อนๆของเนื้อวัวที่นำมาผัดกะเพรา จึงทำให้ได้ผัดกะเพราที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอะโรม่า
📕 จึงเป็นที่มาของเคล็ดลับการผัดกะเพราเนื้อ (วัว) จะเด็ด ก็ต่อเมื่อเผ็ดด้วยพริกแห้ง แถมบางครอบครัวอาจจะเสริมด้วยใบยี่หร่าเพิ่มความร้อนแรงไปได้อีกนะครับ
#ใจทรามยามดึก
#ดีต่อใจจัญไรต่อพุง
#กินอิ่มนอนอุ่นหุ่นช่างมัน
#กะเพราไม่รอหน้า #กระเพาะไม่รอหลัง
#ส่วนกะเทยกับกะหรี่นั้นเป็นได้เลยไม่ต้องรอ 😂😂
📕 สุดท้ายนี้แอดก็ขอขอบคุณรูปประกอบบทความจากฝีมือตัวเองที่แสนจะน่ากินยามค่ำคืนอะไรเช่นนี้ (คือ ทำเองก็ต้องชมเองไง 🤣🤣)
🔴 ภาคผนวก 1 : ที่มาของกลิ่นสาบในเนื้อสัตว์
1️⃣ กลิ่นสาบ (Gamey odor) ของเนื้อวัว / หรือสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ นั้นมักจะเกิดจากการย่อยสลายของไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fat) ที่อยู่ในรูปของหยดน้ำมันที่แทรกในมัดกล้ามเนื้อ (Intramuscular fat : IMF) หลายๆชนิด
2️⃣ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีบทบาทหลักต่อการเกิดกลิ่นสาบของเนื้อวัวนั้น ก็คือ Linoleic fatty acids, linolenic fatty acid และ arachidonic fatty acids นะครับ เนื่องจากว่ามันสามารถแตกหักจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน จะโดยเอนไซม์ Lipoxygenase หรือโดยอนุมูลอิสระที่เกิดจากการสัมผัสแสงยูวี เกิดเป็นสารโมเลกุลเล็กๆที่ให้กลิ่นสาบออกมา
3️⃣ ปกติการแตกหักของกรดไขมันในเนื้อสัตว์เหล่านี้จะให้
👉 Oleic acid จะให้สารหลักที่ให้กลิ่นเนื้อ (meaty flavor) คือ 2-nonenal และ 2,4-decadienal
👉 Linoleic fatty acids, linolenic fatty acid และ arachidonic fatty acids จะให้ทั้งสารที่ให้กลิ่นสาบ (gamey odor) คือ trans-4,5-epoxy-(E)-2-decenal, 1-octen-3-one, 2,4-decadienal, 2,4,7-tridecatrienal, และ hexanal นะครับ
4️⃣ สัตว์เคี้ยวเอื้องที่ถูกเลี้ยงด้วยธัญพืช (fed on grains) หรือที่บ้านเราเรียกว่า “เลี้ยงด้วยหัวอาหาร” นั่นแหละ!! จะมีปริมาณกรดไขมันอย่าง Oleic acid ในชั้นไขมัน IMF สูงกว่า ส่งผลทำให้เนื้อมีความนุ่ม (tender) กว่า และมีกลิ่นสาบน้อยกว่า
5️⃣ ในขณะที่กลุ่มที่ถูกเลี้ยงด้วยหญ้า (fed on grass) จะมีไขมันไม่อิ่มตัวอย่าง linolenic fatty acid และ arachidonic fatty acids นั้นจะมีกลิ่นสาบมากกว่า และมีความเหนียวที่สูงกว่า
6️⃣ ดังนั้นเนื้อเป็ด / หรือเนื้อสัตว์ป่าที่กินพืชเป็นอาหารนั้นจึงมีกลิ่นสาบกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ที่มีสปีชีส์ใกล้เคียงกันนะครับ เนื่องจากว่ามีแนวโน้มในการเกิดกรดไขมันไม่อิ่มตัวอย่าง linolenic fatty acid และ arachidonic fatty acids ที่แทรกอยู่ใน IMF สูงกว่านั่นเอง
🔴 ภาคผนวก 2: กลิ่นรสที่แตกต่างกันของเนื้อหมูและเนื้อวัว
1️⃣ กลิ่นรสของเนื้อสัตว์ เมื่อผ่านความร้อนนั้นเกิดจากผลิตภัณฑ์ของปฏิกิริยาเมลลาร์ดที่มาจากการรวมตัวของน้ำตาลรีดิวซิง (reducing sugars) /กรดอะมิโน (amino acids) / ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการย่อยสลายด้วยความร้อนของไขมัน (heat degradation of lipid) รวมไปถึงสารไธอะมีน (thiamine) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ “วิตามินบี 1” ที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในเนื้อสัตว์น้่นเอง
2️⃣ โดยที่กลิ่นของเนื้อสัตว์แต่ละชนิดที่แตกต่างกันจะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของสารให้กลิ่นชนิดต่างๆ เช่น เนื้อวัวที่ผ่านความร้อนนั้นจะมีกลิ่น “meaty-caramel odor” โดยสารหลักที่ให้กลิ่นของเนื้อวัวที่แสนหอมหวาน นั้นก็คือ 2-furfurylthiol, 2-methyl-3-furanthiol และ 4-hydroxy-2,5-dimethyl-3-(2H)-furanone นัครับ
3️⃣ ในขณะที่เนื้อหมูนั้นสารให้กลิ่นกลับเป็นของสารประกอบเอสเทอร์โมเลกุลเล็กๆ ที่แตกตัวออกมา แถมยังมี 4-hydroxy-2,5-dimethyl-3-(2H)-furanone ที่ต่ำกว่าเนื้อวัวอย่างมาก จึงทำให้มีอัตราส่วนกลิ่นหอมไขมันเกรียม : กลิ่นหอมเนื้อเกรียมที่สูงกว่า ดังนั้นกลิ่นของเนื้อหมูจะดูมีความนุ่มนวลกว่า แต่ไม่หอมหวลเท่านะครับ
🔴 ภาคผนวก 3 : สารให้กลิ่นรสของพริกแห้ง
1️⃣ ความเผ็ดของพริกมาจากสารประกอบในกลุ่มของ “แคปไซซินและอนุพันธ์ของมัน” (Capsaicinoid groups) โดยมี capsaicin นั้นเป็นสารหลักนะครับ มีอยู่มากในบริเวณเยื่อแกนกลางสีขาว ส่วนเปลือกและเมล็ดนั้นจะมีสารนี้น้อยนะครับ ดังนั้นถ้าเราเลาะเอาแกนพริกออกทิ้งเนี่ย ความเผ็ดเกือบทั้งหมดก็จะหายไปเลยนะครับ
2️⃣ สารระเหยในพริกสดเริ่มต้นนั้นมีเพียงสารในกลุ่มของ terpenoids, carotenoid, amino acids และ lipid derivatives รวมไปถึงสารประกอบ hydrocarbon และ terpenoid อย่าง gamma terpenine และ aromadendrene เท่านั้น
3️⃣ แต่การทำแห้งของพริกนั้นจะทำให้เกิดสารระเหยอีกหลายชนิดเพิ่มขึ้นมา เช่น hexanal, ethyl acetate, alpha-ionone, และ P-ionone รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาก Strecker degradation เช่น 2-methyl butanal และ 3-methyl buranal นะครับ
4️⃣ ในกรณีที่ตากแห้งด้วยแสงแดด (sun drying) ก็จะเกิดสารประกอบ Naphthalene เพื่มขึ้นมา แต่ถ้ากรณีที่อบแห้ง (oven drying) ก็จะเกิด 2-furancarboxaldehyde, 1-methyl-1H-pyrrole และ benzeneethanol เพิ่มขึ้นมานะครับ จึงทำให้พริกแห้งที่ได้จากกระบวนการที่แตกต่างกันก็จะมีกลิ่นรสที่แตกต่างกันไปด้วยนะครับ
😁😁😁
#แหล่งข้อมูล
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6154429/
https://www.scielo.br/scielo.php…
https://content.sciendo.com/…/journ…/fv/61/2/article-p11.pdf
https://www.researchgate.net/…/284040511_Comparison_of_vola…
Handbook of Antioxidants for Food Preservation
Meat Science and Applications
同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過8,540的網紅長谷川ろみの腸活研究所,也在其Youtube影片中提到,「コロナうつ」という言葉をよく聞きます。 医学的な診断名ではありません。新型コロナウイルス感染症の影響で精神的にうつ病のような状態におちいることを指す言葉。 今回は、腸を元気にして、強いメンタルを作る、うつ予防にもなりそうなある食事法をご紹介してみました。 ↓文字で読みたい方はこちら↓ 腸活が...
「unsaturated fatty acids」的推薦目錄:
- 關於unsaturated fatty acids 在 Drama-addict Facebook 的最讚貼文
- 關於unsaturated fatty acids 在 CheckCheckCin Facebook 的最佳貼文
- 關於unsaturated fatty acids 在 大頭家-活體空運、急凍生鮮商行 Facebook 的精選貼文
- 關於unsaturated fatty acids 在 長谷川ろみの腸活研究所 Youtube 的最佳解答
- 關於unsaturated fatty acids 在 Smart Travel Youtube 的最讚貼文
- 關於unsaturated fatty acids 在 Travel Thirsty Youtube 的精選貼文
unsaturated fatty acids 在 CheckCheckCin Facebook 的最佳貼文
【有營零食】最健康食法是原味烘焗
#不一定唱K先至食Nuts
#入饌做零食皆宜
#星期四食材
四大果仁增腦力
誰不想小朋友讀書聰明、腦筋靈活?日常飲食除了注意營養均衡,亦可多選對腦部發展有幫助的食材,果仁就是公認能增強腦部機能的食物,大部份含豐富不飽和脂肪及維他命,適量食用有益健康,不同種類果仁更各具特性。
核桃 — 性熱味甘,補腎固精、益氣養血, 它更含豐富卵磷脂、不飽和脂肪酸、抗氧化劑及多種維他命,有助健腦益智,增強記憶力。
葵花子 — 性平味甘,補虛損、降血脂,它含豐富鐵、鋅、鉀、鎂、維他命及不飽和脂肪酸,有補腦健腦作用。
松子仁 — 性熱味甘,補氣養液、潤肺滑腸,更含油酸酯、亞油酸酯等不飽和脂肪酸,松子中的磷和錳含量也很豐富,對大腦和神經都有很好的補益作用。
榛子 — 性熱味甘,補脾胃、益氣力,更含豐富不飽和脂肪酸、錳、硫氨酸、葉酸等,能增強腦部運作機能。
進食果仁小貼士:
- 不要過量服用
- 宜選烘焗而成的果仁,脂肪量比油炸而成的低
- 注意添加的鹽和糖量不宜過高
- 果仁普遍屬性偏溫熱,有偏熱症狀如口瘡、喉嚨痛的話更不宜多吃
Four nuts to improve brain power
Who wouldn’t want their child to be book smarts, quick and witty? Aside from a balanced diet, you can also choose ingredients that are beneficial to brain development. Nuts are known to improve brain functions as they contain high levels of unsaturated fats and vitamins. When consumed appropriately, it is good for the body and different nuts also have their specific characteristic.
Walnuts- hot in nature with a sweet flavour, can replenish the kidneys and preserve vital energy, nourish qi and blood. Walnuts contain lecithin, unsaturated fatty acid, antioxidants and vitamins to help strengthen the brain, and improve memory.
Sunflower seeds- mild in nature with a sweet flavour, can replenish deficiencies, lower blood lipids. They contain iron, zinc, potassium, magnesium, vitamins, and unsaturated fatty acid to replenish and strengthen the brain.
Pine nuts- hot in nature with a sweet flavour, can replenish qi and nourish fluids, moisten the lungs and intestines. They contain unsaturated fatty acids such as oleic acid and linoleic acid. Pine nuts also contain high levels of phosphorus and manganese and is very beneficial to the brain and nervous system.
Hazelnuts- hot in nature with a sweet flavour, can replenish the spleen and stomach, nourish qi and energy. They contain unsaturated fatty acid, manganese, methionine, and folic acid to help improve brain functions.
Tips for consuming nuts:
- Do not over eat
- It is better to choose roasted nuts as they contain less fats than fried nuts
- Note the amounts of salt and sugar should not be too high
- Nuts are generally hot and warm in nature. If you have heat related symptoms such as canker sores and sore throat then you should avoid nuts.
#男 #女 #小童 #我狀態OK #平和
unsaturated fatty acids 在 大頭家-活體空運、急凍生鮮商行 Facebook 的精選貼文
魚兒是最健康的天然食品!!
相信大家對於魚油對心臟病人的好處都熟知, 先前英國醫師也發現多吃魚的好處比吃藥還好, 這主要是因為魚油中含有Omega-3 的多元不飽和脂肪酸的成份, 能夠降低血栓與心臟病發機會
最近義大利的研究人員更進一步發現, 由超過一萬人的大型研究中, 證明魚油能夠降低心臟病人再發率, 降低中風的機會, 整體來說, 能夠提昇病人的心血管機能, 死亡率降低10%, 這研究發表於 The Lancet 1999;354:447-455 醫學期刊中
最近健康食品法爭論不修, 今天又有立法委員出來表示衛生署應該將法令修改完善, 否則將失去立法原意, 我們很擔心的是, 如果關於所有食物的保健功效都必須在台灣經過一套比目前學名藥審查更嚴格的制度審查, 有多少民眾知的權利會因為這匆忙通過的法律而蒙害? 如果有賣魚料理的餐廳說 " 多吃魚能降低心臟病發生率" 會不會被罰? 而全民健康將會因為這樣而讓國家醫藥費支出更沉重? 如果因為販賣魚油就必須勞民傷財地麻煩醫院做臨床試驗, 為何不將這錢拿去國防或教育用途? 畢竟在醫學界, 這是國際知名期刊報導不知其數的明確保健功效 , 如果要確保品質, 只要GMP或在製造上加以規範品質的規格或由公證機構來檢驗就可以了
心臟病人多吃魚遠勝於多吃藥
--------------------------------------------------------------------------------
根據英國醫學期刊British Medical Journal 最新一期(1998.10.24)的報導, 由Dr Roger Harrision 與 位於英國南部威爾斯的威爾斯醫學院的Dr Michael Burr 共同發表報告, 他們認為長期規律地吃魚對於心臟病人的好處, 遠比吃心臟病藥還要好長期吃富含長鏈多元不飽合脂肪酸(Poly Unsaturated Fatty Acids, PUFAs)的魚類對於心血管疾病病人所能產生的保護效果, 近年來已經由很多的學術研究所支持, 這些魚油大量地存在於生活於寒帶水域的深海魚類, 如鮭魚, 鮪魚...., 長期地服用這種含有omega-3多元不飽合脂肪酸的魚類, 可以預防心臟血管疾病, 降低血膽固醇,根據今年稍早由路透社所作的報導, 由美國麻州Boston的Brigham&Women Hospital所作的研究顯示, 它可以降低心血管疾病達52%以上, 而一項1989年的研究也指出, 吃魚油的心臟病人, 兩年內死亡率比起不吃魚的人要減少30%兩位學者於British Medical Journal 的文章指出, 吃魚比起服用心臟病藥, 顯然更安全, 無副作用, 而且更為經濟, 但是目前醫學界許多人士, 對於此說法並不能完全認同, 因為他們可能一時還不能夠適應這種對待病人的方式由用藥處理變成由飲食與營養習慣的改變, 雖然對於魚類對於健康的益處他們已經獲得認同過去許多不是以藥品和手術為治療方法的醫療, 醫生們都將之歸為另類療法, 這個名稱讓人不當地連想到許多江湖術士之類的療法, 隨著越來越多的證據顯示某些另類療法存在著非常有效安全的醫療價值, 目前歐美越來越多的醫護人員正興起一股學習另類療法的熱潮, 美國NIH也成立了Alternative Medical Office 來評估這些另類療法的可靠性, 安全性與其醫療價值
--------------------------------------------------------------------------------
飽合脂肪酸的魚類, 可以預防心臟血管疾病, 降低血膽固醇,
根據今年稍早由路透社所作的報導, 由美國麻州Boston的
Brigham&Women Hospital所作的研究顯示, 它可以降低心血管疾病達
52%以上, 而一項1989年的研究也指出, 吃魚油的心臟病人, 兩年內
死亡率比起不吃魚的人要減少30%
兩位學者於British Medical Journal 的文章指出, 吃魚比起服用心臟病
藥, 顯然更安全, 無副作用, 而且更為經濟, 但是目前醫學界許多人
士, 對於此說法並不能完全認同, 因為他們可能一時還不能夠適應這
種對待病人的方式由用藥處理變成由飲食與營養習慣的改變, 雖然
對於魚類對於健康的益處他們已經獲得認同
過去許多不是以藥品和手術為治療方法的醫療, 醫生們都將之歸為
另類療法, 這個名稱讓人不當地連想到許多江湖術士之類的療法, 隨
著越來越多的證據顯示某些另類療法存在著非常有效安全的醫療價
值, 目前歐美越來越多的醫護人員正興起一股學習另類療法的熱潮,
美國NIH也成立了Alternative Medical Office 來評估這些另類療法的
可靠性, 安全性與其醫療價值
(作者 胡家碩 崴達生化科技 總經理)
魚類的營養價值十分的高,多吃魚的人,除了可以預防疾病,甚至還有抗老防癌的功效。在魚類的營養方面,特別值得一提的是它獨特的不飽和脂肪酸,與一般肉類所蘊含的飽和脂肪酸不同,吸收過多的飽和脂肪酸會使人體的膽固醇升高,但是魚類體內的不飽和脂肪酸反而有助於降低人體的膽固醇,對於許多因膽固醇過高所引起的心臟血管疾病,有預防的作用。另外,魚類也含有其它許多豐富的營養成份,例如豐富的礦物質,含高量的鈣質、維生素等等…,對於某些常見疾病,如腦梗塞、冠心病、心肌梗塞、骨質疏鬆、高血壓、糖尿病和某些癌症,都有預防的作用,另外,對於愛美的人,也不妨多吃魚,據說可以美容養顏,使皮膚滑嫩細緻,對瘦身減肥也有功效。
既然吃魚的好處這麼多,那麼該如何分辦魚是否新鮮呢?以下例舉一些簡單的方式,讓您在傳統市場或超市選購魚時,可以買到新鮮的魚,讓您吃得健康、吃出美味!
活魚挑選掙扎力強、體表無傷。
新鮮的魚,魚鰓呈現鮮紅色,若是不新鮮,魚鰓看起來烏黑或發白。
眼球微凸呈透明狀,眼白黑白處要透明清澈。
新鮮的魚腹部堅實有彈性,如果按下魚腹,只覺得軟而無力,就表示魚並不新鮮。
新鮮的魚要有魚體特有的鮮艷色澤,鱗片完整且不易脫落。
用鼻子聞一聞氣味,如果買的是新鮮的海水魚會帶有海藻味,淡水魚則有淡水味;反之,有腥味與氨臭味,就表示有腐化的現象要避免購買。
時序入秋,正是大啖螃蟹的好季節。這個季節的螃蟹除了豐腴膏黃、肉汁鮮美,也是一種具有豐富營養價值的食物,蟹肉含有蛋白質、脂肪、碳水化合物、磷、鐵、鈣、維生素A及維生素B1、B2、菸鹼酸等營養成分,近年來,科學家還發現,蟹殼所提練出來的甲殼質,還具有抗癌的作用;本草剛目也提及,螃蟹屬甲殼類,性質鹹寒偏冷,有清熱、散血通筋、促進循環、續筋骨的功效,依中醫的觀點是屬於非常滋補的食物。然而螃蟹卻不是人人都吃得,像患有皮膚過敏、氣喘、寒性與濕熱體質、膽固醇過高者及女性生理期前便不宜食用;另腸胃功能較弱、抵抗力較差者,則不要空腹品嘗,以免容易腹瀉,尤其是孕婦更是要忌口,因為蟹肉會促使子宮收縮,造成流產的跡象。
銀髮族多吃魚, 免癡呆
多吃魚, 對於健康好處多多, 除了已知對於防癌與預防心血管疾病有正面的效果, 最近一個在法國西南地區所進行的七年長期研究顯示, 老年人多吃魚, 可以明顯地降低得到老年失智症的機會 。
該研究發表於知名的國際醫學期刊, British Medical Journal Vol325 p932-933, 是由1678位超過68歲的法國老年人所進行的長期飲食研究, 研究指出, 經常地於每周至少吃一次以上的魚類, 在七年的研究期間, 發現能夠降低得到老年失智症的機會。
至於魚以外的其它肉類的攝取, 則完全與老年失智症的發生完全沒有相關。
魚類, 尤其是深海的來源的魚類, 體內富含 omega-3 多元不飽合脂肪酸, 一般認為它們對於局部的發炎具有緩合與抑制的效果, 而許多重覆的發生的神經系統發炎, 與老年失智的發生可能具有某種關聯。
除了對於老年失智的預防效果, 還可以降低心血管疾病發生率, 對於癌症的發生也明顯地具有抑制效果, 而魚油的抗發炎與抗氧化效果, 近年來也引起醫學界的注意, 醫學專家建議民眾多多攝取深海魚類或魚油, 對於健康有正面的保健效果。
參考資料:
www.wedar.com/library/fishoil2.htm - 10k
unsaturated fatty acids 在 長谷川ろみの腸活研究所 Youtube 的最佳解答
「コロナうつ」という言葉をよく聞きます。
医学的な診断名ではありません。新型コロナウイルス感染症の影響で精神的にうつ病のような状態におちいることを指す言葉。
今回は、腸を元気にして、強いメンタルを作る、うつ予防にもなりそうなある食事法をご紹介してみました。
↓文字で読みたい方はこちら↓
腸活が「コロナうつ対策」になる理由【腸活論文紹介】
https://www.chounaikankyou.club/article/coronadepression.html
↓一足早く聞きたい方はStand.fmをフォローしてね↓
https://stand.fm/channels/5f52b6d26a9e5b17f7a5dfb2
-----------------------------------------------------------------------
▼参考文献
-----------------------------------------------------------------------
(※1)A randomised controlled trial of dietary improvement for adults with major depression (the 'SMILES' rial).
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/28137247
(※2)第 73 回日本自律神経学会総会 / 教育講演資料「メンタルヘルスを支える食・栄養」
https://www.jstage.jst.go.jp/article/ans/58/2/58_182/_pdf/-char/ja
(※3) Efficacy of omega-3 highly unsaturated fatty acids in the treatment of depression
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27103682/
※この内容は、診断・治療または医療アドバイスを提供しているわけではありません。あくまで情報提供のみを目的としています。
※診断や治療に関する医療については、医師または医療専門家に相談してください。この内容は医療専門家からのアドバイスに代わるものでもありません。
-----------------------------------------------------------------------
▼連絡先等
-----------------------------------------------------------------------
腸活に関するご相談やお仕事依頼:hasegawaromi63@gmail.com
#腸活
#ダイエット
#ストレス
unsaturated fatty acids 在 Smart Travel Youtube 的最讚貼文
#氣炸鍋 #糖炒栗子 #日本廚房寶貝 #開箱片2019 #airfryer #philipsturbostarairfryer #氣炸鍋飛利浦 #氣炸鍋食譜 #AirFryer #airfryerrecommendation
氣炸鍋糖炒栗子, 三田日本廚房寶貝開箱Air Fryer Honey Roast Chestnut 3 Japan Kitchen gadgets
栗子中所含的豐富的不飽和脂肪酸和維生素、礦物質,能防治高血壓病、冠心病、動脈硬化、骨質疏等疾病,是抗衰老、延年益壽的滋補佳品。 栗子含有豐富的維生素C,能夠維持牙齒、骨骼、血管肌肉的正常功用,可以預防和治療骨質疏鬆,腰腿酸軟,筋骨疼痛、乏力等,延緩人體衰老,是老年人理想的保健果品。
請用片右下角調4K睇片。
栗に含まれる豊富な不飽和脂肪酸、ビタミン、ミネラルは、高血圧、冠状動脈性心臓病、動脈硬化、骨粗鬆症などの病気を予防し、治療することができます。栗にはビタミンCが豊富で、歯、骨、血管の正常な機能を維持できます。骨粗鬆症、弱い腰と脚、筋肉と骨の痛み、疲労などを予防および治療できます。人体の老化を遅らせ、高齢者に理想的なヘルスケア製品です.
The rich unsaturated fatty acids, vitamins and minerals contained in chestnuts can prevent and treat diseases such as hypertension, coronary heart disease, arteriosclerosis and osteoporosis. It is a nourishing product for anti-aging and longevity. Chestnuts are rich in vitamin C, which can maintain the normal function of teeth, bones and blood vessels. It can prevent and treat osteoporosis, weak waist and legs, muscle and bone pain, fatigue, etc. It delays the aging of the human body and is an ideal health care product for the elderly.
unsaturated fatty acids 在 Travel Thirsty Youtube 的精選貼文
Kobe beef (神戸ビーフ Kōbe bīfu) (KO-BEH) refers to beef from the Tajima strain of Wagyu cattle, raised in Japan's Hyogo Prefecture according to rules as set out by the Kobe Beef Marketing and Distribution Promotion Association. The meat is a delicacy renowned for its flavor, tenderness, and fatty, well-marbled texture. Kobe beef can be prepared as steak, sukiyaki, shabu shabu, sashimi, and teppanyaki. Kobe beef is generally considered one of the three top brands (known as Sandai Wagyuu, "the three big beefs"), along with Matsusaka beef and Ōmi beef or Yonezawa beef.
Kobe beef is also called Kobe niku (神戸肉, "Kobe meat"), Kobe-gyu (神戸牛) or Kobe-ushi (神戸牛, "Kobe cattle") in Japanese.
Wagyu (和牛 Wagyū, "Japanese cow") is any of four Japanese breeds of beef cattle, the most desired of which is genetically predisposed to intense marbling and to producing a high percentage of oleaginous unsaturated fat. The meat from such wagyu cattle is known for its quality, and commands a high price. In several areas of Japan, wagyu beef is shipped carrying area names. Some examples are Matsusaka beef, Kobe beef, Yonezawa beef, Mishima beef, Omi beef and Sanda beef.
There are four breeds of wagyu: Japanese Black (黒毛和種 Kuroge Washu), Japanese Brown (赤毛和種 Akage Washu or Akaushi), Japanese Polled (無角和種 Mukaku Washu), and Japanese Shorthorn (日本短角和種 Nihon Tankaku Washu). Wagyu cattle's genetic predisposition yields a beef that contains a higher percentage of omega-3 and omega-6 fatty acids than typical beef. The increased marbling also increases the ratio of monounsaturated fats to saturated fats.
Japanese Black makes up 90% of all fattened cattle in Japan. Strains of Japanese Black include Tottori, Tajima, Shimane and Okayama. Japanese Brown, also known as Japanese Red, is the other main breed; strains include Kochi and Kumamoto. Japanese Shorthorn makes up less than one percent of all cattle in Japan.