Nordic กลุ่มประเทศ ที่คนมีความสุข อันดับต้น ๆ ของโลก /โดย ลงทุนแมน
“เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน”
ถ้าพูดถึงประเทศที่น่าอยู่ที่สุด หลายคนคงจะนึกถึง 5 ประเทศนี้
5 ประเทศนี้ ถูกเรียกรวมกันว่า กลุ่มประเทศ “Nordic”
ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นกลุ่มประเทศที่
คนในประเทศมีความสุขเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
เรื่องราวของประเทศเหล่านี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
กลุ่มประเทศนอร์ดิก เป็นกลุ่มประเทศ ที่ตั้งอยู่ในแถบยุโรปตอนเหนือ
ประกอบด้วย 5 ประเทศ คือ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน
ซึ่งก็ต้องหมายเหตุด้วยว่า ประเทศในกลุ่มนี้ ยังรวมไปถึง กรีนแลนด์ หมู่เกาะแฟโร
ที่เป็นเขตการปกครองตนเองของเดนมาร์ก
และหมู่เกาะโอลันด์ ที่เป็นเขตการปกครองตนเองของฟินแลนด์
กลุ่มประเทศนอร์ดิก มีการจัดตั้งคณะมนตรีนอร์ดิก ขึ้นในปี 1952 เพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างสภาและรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ภายในกลุ่ม เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพ ความมั่นคง การพัฒนาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งกันและกัน
แล้วข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญของกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่น่าสนใจมีอะไร
- พื้นที่รวม 3.4 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก
- มูลค่าขนาดเศรษฐกิจรวม 50 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก
- รายได้เฉลี่ยต่อหัว 1.8 ล้านบาทต่อคนต่อปี มากเป็นอันดับที่ 13 ของโลก
- จำนวนประชากร 27.4 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 49 ของโลก
จากข้อมูลดังกล่าวก็พอจะสังเกตได้ว่า กลุ่มประเทศนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีประชากรไม่มาก แต่ถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจและรายได้เฉลี่ยต่อหัวในระดับที่สูง
แล้วจุดเด่นของกลุ่มประเทศนอร์ดิกมีอะไรบ้าง ?
เรื่องแรกเป็นเรื่องของทรัพยากรพลังงานที่มีปริมาณมาก
และการมีเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ถือว่า ก้าวหน้ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ยกตัวอย่างเช่น
- นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีแหล่งสำรองน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ มากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก
- เดนมาร์กเป็นประเทศแรก ที่สามารถสร้างกังหันลมนอกชายฝั่งเพื่อการผลิตไฟฟ้า
- ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพ ที่ใช้สำหรับทำความอบอุ่น แก่ที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน
กลุ่มประเทศนอร์ดิก เป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทรายใหญ่ของโลกหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น
- IKEA บริษัทเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของโลก จากสวีเดน
- MAERSK บริษัทขนส่งทางทะเล และขนส่งสินค้าผ่านตู้คอนเทนเนอร์รายใหญ่สุดของโลก จากเดนมาร์ก
- Telenor บริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติรายใหญ่ของโลกจากนอร์เวย์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DTAC บริษัทที่ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศไทย
- NOKIA บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก จากฟินแลนด์
ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก อย่างสวีเดน ยังเป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย “บลูทูธ”
ซึ่งรู้ไหมว่า ชื่อ บลูทูธ ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่กษัตริย์นามว่า “ฮารัลด์ บลูทูธ (Harald Bluetooth)” ที่เคยปกครองดินแดนแถบนอร์ดิกนี้ในยุคไวกิง
อีกเรื่องที่ถือว่ามีความสำคัญและน่าสนใจเกี่ยวกับกลุ่มประเทศนอร์ดิก
คือประเทศในกลุ่มนี้ ได้รับการยอมรับว่าเป็น
กลุ่มประเทศที่ประชากรมีความสุขเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
นับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติได้เริ่มเผยแพร่รายงานชื่อ “World Happiness Report” ครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งเป็นรายงานผลสำรวจข้อมูลดัชนีความสุขมวลรวมของแต่ละประเทศทั่วโลก
ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก มักได้รับการจัดอันดับ เป็นประเทศที่มีความสุขอันดับต้น ๆ ของโลกมาโดยตลอด
ซึ่งตัวชี้วัดระดับความสุขของรายงานดังกล่าว จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น รายได้เฉลี่ยต่อหัว, อายุขัยของประชากร, การสนับสนุนทางสังคม, ความเอื้ออาทรของคนในสังคม, อิสรภาพจากการใช้ชีวิต และดัชนีชี้วัดอันดับการคอร์รัปชันของประเทศ
โดยในปี 2020 นั้นมีจำนวนประเทศที่ได้รับการประเมินจำนวน 156 ประเทศ
เราลองมาดูผลการจัดอันดับว่า ประเทศในกลุ่มนอร์ดิกนี้ได้รับการจัดอันดับเท่าไรกันบ้าง
- ฟินแลนด์ อันดับ 1
- ไอซ์แลนด์ อันดับ 2
- เดนมาร์ก อันดับ 3
- สวีเดน อันดับ 6
- นอร์เวย์ อันดับ 8
โดยเฉพาะฟินแลนด์ ที่ดูแล้วคนในประเทศคงจะฟินสมชื่อ
เพราะครองตำแหน่งชาติที่มีความสุขมากที่สุดในโลกได้อย่างเหนียวแน่น เป็นระยะเวลาถึง 4 ปีซ้อน
ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มนอร์ดิก ก็มักจะติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกมาโดยตลอด
อีกประเด็นคือ ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ขึ้นชื่อเรื่องต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงอันดับต้น ๆ ของโลก
ปัจจุบัน อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศในกลุ่มนอร์ดิก อยู่ในช่วง 38-57%
โดยฟินแลนด์ เป็นประเทศที่จัดเก็บอัตราภาษีดังกล่าวสูงที่สุดในกลุ่ม ที่ 56.95% ในขณะที่ประเทศอย่างเดนมาร์กและสวีเดน ก็มีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่า 50%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประชาชนของประเทศเหล่านี้ จะเสียภาษีในอัตราที่สูง แต่ก็ได้รับบริการจากภาครัฐหรือรัฐสวัสดิการที่ถือว่าคุ้มค่า จนสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนนั้นดีขึ้นอย่างมาก ทำให้ประชาชนในประเทศมีความเต็มใจที่จะจ่ายภาษีในอัตราสูง ๆ ให้ภาครัฐ
ตัวอย่างที่นอร์เวย์ มีการลงทุนในระบบผลิตน้ำประปา รวมไปถึงการตรวจสอบคุณภาพน้ำสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ประชาชนสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำสาธารณะได้อย่างปลอดภัย
ปัจจุบัน คุณภาพน้ำประปาที่นอร์เวย์มีคุณภาพดีที่สุด 3 อันดับแรกของโลก
การเรียนการสอนของโรงเรียนในฟินแลนด์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพในระดับแนวหน้าของโลก
และหลายประเทศในกลุ่มนี้ สามารถจัดหาการเรียนการสอน รวมทั้งการรักษาพยาบาล ในราคาที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้
บางประเทศสามารถให้บริการดังกล่าวฟรีแก่ประชาชน โดยทั้งสถาบันการศึกษาและโรงพยาบาล จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลที่มาจากภาษีของประชาชน
นอกจากการจัดหารัฐสวัสดิการ ที่มีความจำเป็นขั้นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว อีกเรื่องคือ เรามักไม่ค่อยได้ยินข่าวการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยจากประเทศในกลุ่มเหล่านี้มากนัก
เรื่องนี้ก็สะท้อนออกมาจากข้อมูลของ Global Peace Index Rankings ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงถึงความสงบสุขของแต่ละประเทศนั้นพบว่า ในปี 2019 ประเทศที่มีความสงบสุขอันดับ 1 ของโลกคือ ไอซ์แลนด์
และประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มนอร์ดิก ก็ติดอันดับ 1 ใน 20 ของดัชนีดังกล่าวด้วยเช่นกัน
จากเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ ก็คงไม่แปลกใจ
ที่ทำไมเวลาพูดถึงประเทศที่คนมีความสุขที่สุดในโลก
จะต้องพูดถึงชื่อของประเทศในกลุ่มนอร์ดิกเหล่านี้ขึ้นมา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Nordic_countries
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://en.wikipedia.org/wiki/World_Happiness_Report
-https://en.wikipedia.org/wiki/Maersk
-https://tradingeconomics.com/country-list/personal-income-tax-rate
-https://www.usnews.com/news/best-countries/articles/10-safest-countries-ranked-by-perception?slide=8
-https://www.sjwater.com/our-company/news-media/water-blogged/three-countries-best-water-quality-world
-https://finance.yahoo.com/quote/MAERSK-B.CO/financials?p=MAERSK-B.CO
-https://www.worldatlas.com/articles/scandinavian-countries.html
「world happiness report wiki」的推薦目錄:
world happiness report wiki 在 Plakung Facebook 的最佳貼文
ฟินแลนด์ สมชื่อจริงๆครับ น่าอยู่มากๆเลย
#ยักษ์เล่าเรื่องฟินแลนด์ #ดินแดนแห่งความสุข
ฟินแลนด์ เพิ่งได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ชื่อ ซานนา มาริน
-เป็นนายกฯ หญิง / และมีอายุเพียง 34 ปีเท่านั้น
-ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วย
-ซานนา ยังเปิดตัวแรงด้วยนโยบาย ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ / และวันละ 6 ชั่วโมงพอ
-เพราะเธอเชื่อว่าประสิทธิภาพของงานไม่ได้มาจากการทำงานหนัก
-นอกจากนี้ซานนา ยังเติบโตมาในครอบครัว LGBT คือถูกเลี้ยงดูมาโดยคู่แม่กับแม่
-เธอจึงค่อนข้างเปิดใจในเรื่องความหลากหลายทางเพศ (ซึ่งฟินแลนด์ก็เป็นประเทศที่เสรีในเรื่องสิทธิทางเพศอยู่แล้ว)
.
นอกจากจะเป็นประเทศที่เปิดโอกาสทางเพศและให้คนรุ่นใหม่ได้ขึ้นมาบริหารประเทศ
#ฟินแลนด์ ยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย
พี่ยักษ์จะพาไปรู้จักมุมมองน่าทึ่งอื่นๆ ของฟินแลนด์กัน
#ดูเมืองยักษ์แล้วย้อนดูเมืองเรา
.
1.ฟินแลนด์ มีประชากรเพียง 5.5 ล้านคน (มกราคม 2020)
-มีพื้นที่ 338,424 ตารางกิโลเมตร เฉลี่ยแล้วมีประชากร 18 คนทุกๆ 1 ตารางกิโลเมตร
-ครองอันดับที่ 205 ในอันดับความหนาแน่นประชากร จากทั้งหมด 232 อันดับ แปลว่าเบาบางสุดๆ
- (ประชากรหนาแน่นที่สุดอันดับ 1 คือมาเก๊า ที่ 21,055 คน/ตารางกิโลเมตร อุต๊ะ!)
.
2.ฟินแลนด์ครองแชมป์อันดับ 1 ประเทศที่แฮปปี้ที่สุดในโลกโดย World Happiness Report ปี 2019
-ที่จริงประเทศในกลุ่มนอร์ดิก (เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, และ ไอซ์แลนด์) ก็นำโด่งในดัชนีวัดความสุขอยู่แล้ว แต่ฟินแลนด์เรียกว่ายืนหนึ่งในกลุ่มนี้อีกที
-เป็นผลมาจากสวัสดิการรัฐที่มีประสิทธิภาพ ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ จนทั่วโลกยกย่อง
.
3.การศึกษา เด็กๆ ชาวฟินจะเริ่มเข้าเรียนตอนอายุ 7 ขวบ
-และไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะโรงเรียนจะเปิดสายๆ
-โรงเรียนที่ฟินแลนด์เลิกเรียนตอนบ่ายสอง
-นักเรียนจึงมีแรง มีสมาธิเรียนเต็มที่
-และไม่มีการสอบวัดผล
-โรงเรียนที่ฟินแลนด์ให้การบ้านน้อยมาก
เพราะสิ่งสำคัญของการเรียนไม่ใช่คะแนน แต่เป็นความรู้ที่นำไปประยุกต์ใช้กับชีวิต
และมุ่งเน้นที่การร่วมมือกัน ไม่ใช่การแข่งขัน
-เห็นการเรียนชิลล์ๆ แบบนี้ แต่ครูอาจารย์ที่ฟินแลนด์มีคุณภาพมาก และต้องจบปริญญาโทเป็นอย่างต่ำ
-นายพาซี ซาห์ลเบิร์ก นักวิชาการด้านการศึกษากล่าวว่า - ภาษาฟินนิชไม่มีคำว่า “ความรับผิดชอบ”
เพราะคนจะเรียกร้องความรับผิดชอบก็ต่อเมื่อเราขาด ‘ความรับผิดชอบ’ เท่านั้น
(แสดงว่าประชากรมีความรับผิดชอบสูงมาก จนไม่อยู่ในประเด็นให้ต้องพูดคุยกันเรื่องนี้)
.
4.คอรัปชัน - ในปี 2018 ฟินแลนด์ได้รับอันดับ 3 จากการจัดอันดับ “ประเทศที่ทุจริตน้อยที่สุดในโลก” โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ
(อันดับ 1 เดนมาร์ก, อันดับ 2 นิวซีแลนด์ โดยฟินแลนด์แพ้อันดับ 1 และ 2 ไปไม่เกิน 3 คะแนน)
-ที่น่าสนใจคือเดนมาร์กที่ครองอันดับ 1 ก็มีนายกรัฐมนตรีหญิง คือ เมตเต เฟรเดอริกเซน อายุเพียง 42 ปี
และอันดับ 2 อย่างนิวซีแลนด์ก็มีนายกรัฐมนตรีหญิงเหมือนกัน ชื่อ จาซินดา อาร์เดิร์น อายุเพียงแค่ 39 ปีอีกด้วย
เป็นทั้งผู้นำประเทศเพศหญิงและอายุน้อย ทั้ง 3 อันดับ
(เอ๊ะ หรือว่าการคอรัปชั่นของประเทศ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ และวัยของผู้นำประเทศกันนะ - แซวเล่นขำขำ 555)
.
5.เสรีทางเพศ - ฟินแลนด์เปิดกว้างให้ประชาชนที่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน มีปฏิสัมพันธ์ทางเพศได้อย่างเปิดเผยตั้งแต่ปี 1971
-ยกเลิกคำจำกัดความรักร่วมเพศว่าเป็น “อาการป่วย” ในปี 1981
-ผ่านกฏหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อเพศทางเลือกในปี 1995
-และอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันสมรสและรับเลี้ยงบุตรได้ในปี 2014
-จนขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในบ้านเมืองที่เป็นมิตรต่อ LGBT และมีความเท่าเทียมทางเพศที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
.
6.ขยะและสิ่งแวดล้อม - ขวดพลาสติกจากทั่วประเทศ จะถูกนำกลับมารีไซเคิลได้ถึง 9 ใน 10 (มีประสิทธิภาพมาก)
-ขณะที่ขวดแก้วเกือบ 100% ในประเทศก็ถูกนำกลับมารีไซเคิลเช่นกัน
-โดยจะมีเครื่องหน้าตาเหมือนตู้กดเงินแบบนี้เอาไว้ให้หย่อนขวดลงไปนั่นเอง เรียกว่าเป็นเจ้าพ่อการรีไซเคิลเลยทีเดียว
.
7. ให้ค่ากับความล้มเหลว - วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ประเทศฟินแลนด์จะจัดให้เป็น “วันล้มเหลวแห่งชาติ”
-เป็นการเฉลิมฉลองให้กับข่าวร้ายหรือเรื่องราวอับโชคต่างๆ ไม่ว่าจะโดนสาวสะบั้นรัก, ทำธุรกิจเจ๊ง, ทำกับข้าวไม่อร่อย, โดนนกอึใส่ โดยฉลองด้วยการ...
อ่านเรื่องล้มเหลวของฮีโร่ในดวงใจ
ลองทำสูตรอาหารยากๆ ถึงสุดท้ายจะกินไม่ได้ก็เถอะ
ถลุงเงินไปกับอะไรที่ไร้สาระ
ชวนคนที่แอบชอบออกเดท ถึงจะนกก็ไม่เป็นไร
เปิด Youtube ดูคลิปเฟลๆ แล้วก็นั่งฮาไปกับคลิปเหล่านั้น
ทบทวนความ fail ในชีวิต และเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
ก็ถือเป็นมุมน่ารักอีกมุม ของประเทศที่ดูจะมีประสิทธิภาพในหลายๆ ด้าน ซึ่งอาจก้าวหน้าด้วยการเรียนรู้จากความผิดพลาด เพราะถ้าไม่เคยพลาด ก็จะไม่มีวันสำเร็จนั่นเอง
.
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเกร็ดมุมต่างๆ ของฟินแลนด์ ดินแดนที่แสดงให้เห็นว่าคุณภาพชีวิตที่ดีแสนดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ประเทศ จำนวนประชากร การศึกษาและทำงานอย่างหนัก หรือแม้แต่ผู้นำประเทศที่มีประสบการณ์
แถมฟินแลนด์เป็นประเทศที่อากาศหนาวเหน็บเป็นส่วนใหญ่ของทั้งปีอีกด้วย
#ยักษ์คิ้วท์ #อินฟินแลนด์
-\-\-\-\-\-\-\-\
.
.
Credit :
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.huffpost.com/…/finland-united-states-happiest-c…
https://bigthink.com/…/no-standardized-tests-no-private-sch…
https://en.wikipedia.org/wiki/Corruption_Perceptions_Index
https://en.wikipedia.org/wiki/LGBT_rights_in_Finland