เคยมีนักข่าวคนหนึ่งถาม วอเรนต์ บัฟเฟต ว่าการลงทุนที่ดีสุดคืออะไร วอเรนต์ บัฟเฟต จึงตอบไปว่า "การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง" การทุนในตัวเองที่เรารู้จักกันดีก็ได้แก่ การออกกำลัง การกินอาหารดีๆ และการอ่านหนังสือ
"การอ่าน" คืองานอดิเรกอย่างหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เราจึงเห็นบทความที่ผ่านตามามากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมการอ่านของเหล่าคนดังอย่าง Elon Musk, Bill Gates, Mark Zuckerberg และเหล่าบุคคลผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้ก็ต่างมีหนังสือในดวงใจ โดยหนังสือในดวงใจของบุคคลเหล่านี้มีหนังสืออะไรบ้างมาดูกันครับ
1. ”The Intelligent Investor: The Definitive Book on Value Investing” by Benjamin Graham
วอเรนต์ บัฟเฟต ได้หยิบหนังสือ The Intelligent Investor อ่านครั้งแรกตอนที่เขาอายุได้ 19 ขวบ จากนั้นหนังสือเล่มนี้ก็เหมือนเป็นการเปิดโลกการลงทุนให้กับหนุ่มน้อย บัฟเฟต จากนั้นเขาก็ยึดถือแนวทางการลงทุนของ Benjamin Graham
เป็นหลัก ตัวของ บัฟเฟต ได้ให้เครดิตกับหนังสือเล่มนี้ว่า "ที่ผมเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้"
2. ”The Design of Everyday Things” by Don Norman
หนังสือเล่มนี้ตือหนังสือเล่มโปรดของ Marissa Mayer อดีต CEO ของบริษัท Yahoo เธอบอกว่าหนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่ผสมผสานจิตวิทยาและการออกแบบเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง
ปล. หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนทำงานสายโปรแกรมเมอร์ม ถ้าคนปกติทั่วไปไม่มีความรู้ด้านนี้เลยอ่านแล้วน่าจะงงซักเล็กน้อยถึงปานกลาง
3. “The Catcher in the Rye” by J.D. Salinger
The Catcher in the Rye คือหนังสือนวนิยายที่ Bill Gates อ่านตอนที่เขาอายุ 13 ปี และเป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของเขาอีกหนึ่งเล่ม
หนังสือที่พูดความโดดเดี่ยว การเสแสร้ง หนึ่งในหนังสือ ‘ต้องห้าม’ เมื่อพิมพ์จัดจำหน่ายในครั้งแรก แต่ต่อมากลับกลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่ ‘ต้องอ่าน’ สำหรับนักศึกษาในอเมริกา
The Catcher in the Rye หนังสือที่เป็น ‘แรงบันดาลใจ’ ให้แก่หนุ่มสาวมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็น ‘มูลเหตุจูงใจอันผิดๆ’ ให้บางผู้คนกระทำเรื่องที่สร้างความตกตะลึงแก่คนทั้งโลก เช่นที่ Mark David Chapman ลงมือสังหาร John Lenon เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1980
4. “The Brothers Karamazov” by Fyodor Dostoyevsky
นี่คือหนังสือนวนิยายอาชญากรรม แนวสืบสวน สอบสวน เล่มโปรดของ Randall L. Stephenson CEO ของบริษัท AT&T หนังสือของเล่มนี้เป็นวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นหนึ่งของโลก และเป็น 1 ใน 100 สุดยอดวรรณกรรมจากการโหวตของนักเขียนทั่วโลก มีการแปลและตีพิมพ์ในหลายประเทศ ตลอดจนมีการนำมาทำเป็นภาพยนตร์ และเขียนเป็นหนังสือการ์ตูนโดยอาซาโกะ ชิโอมิ นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น
5. "The Score Takes Care of Itself: My Philosophy of Leadership" by Bill Walsh, Steve Jamison and Craig Walsh
Drew Houston CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Dropbox ยึดมั่นในปรัชญาการของ Bill Walsh ถึงขนาดเอาปรัชญานี้ไปใช้ตอนที่เริ่มก่อตั้งบริษัท Dropbox
"The Score Takes Care of Itself: My Philosophy of Leadership คือหนังสือของ Bill Walsh คืออดีตโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอล 49ers ซึ่งได้วางมือเกษียณไปแล้ว เขาได้เล่าถึงประสบการณ์ของเขา เช่น องค์กรที่ประสบความสำเร็จต่างมีสิ่งที่เรียกว่า “มาตรฐานแห่งความเป็นเลิศ” และมีวิธีในการสร้างสิ่งนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เวลาไหนที่ควรต้องใช้มาตรการเด็ดขาดและเวลาไหนที่อาจจะต้องผ่อนปรน หนังสือของ Walsh รวบรวมบทเรียนทั้งหมดเหล่านี้ไว้ภายในเล่มนี้
6. “The Aeneid” by Virgil
The Aeneid คือวรรณกรรมคลาสสิค เป็นหนึ่งในผลงานสำคัญของวรรณกรรมละติน[ แก่นของเรื่องประกอบไปด้วยความขัดแย้ง โดยเริ่มต้นด้วยสงครามกรุงทรอย นำพาให้อีเนียสลี้ภัยไปที่คาร์เธจ ซึ่งการพรากจากราชินีไดโดทำให้พระนางสาปแช่งอีเนียส นำไปสู่ความขัดแย้งของชาวโรมันกับชาวคาร์เธจในเวลาต่อมา
หลายคนอาจจะแปลกใจหนังสือที่ Mark Zuckerberg ชื่นชอบกลับไม่ใช่นิยายแนววิทยาศาสตร์ หรือนิยาย Sci-Fi แต่กลับเป็นวรรณกรรมคลาสสิคแทน โดยตัวของ Mark ได้อธิบายการอ่านของเขาไว้ในปี 2015 ว่า " ความท้าทายของผมสำหรับปี 2015 คือการอ่านหนังสือเล่มใหม่ทุกสัปดาห์โดยเน้นที่การเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมความเชื่อประวัติศาสตร์และเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ... ผมตื่นเต้นกับความท้าทายในการอ่านของผม ผมพบว่าการอ่านหนังสือเป็นการเติมเต็มความรู้ของผมได้เป็นอย่างดี"
7. “Bossypants” by Tina Fey
Sheryl Sandberg ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูเราซักเท่าไหร่ แต่เธอคือหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Facebook โดยตัวเธอมีทรัพย์สินถึง 1.53 พันล้านเหรียญ และยังเป็นผู้ก่อตั้ง LeanIn.org ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ให้อำนาจแก่ผู้หญิง และเป็นผู้เขียนหนังสือ Lean In และ Option B
Bossypants เป็นหนังสือตลกเกี่ยวกับอัตชีวประวัติที่เขียนโดยนักแสดงตลกชาวอเมริกัน Tina Fey หนังสือเล่มนี้ติดอันดับรายชื่อหนังสือขายดีของ New York Times และอยู่ฮิตติดชาร์ต เป็นเวลาห้าสัปดาห์หลังจากได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันที่พฤศจิกายน 2014 หนังสือเล่มนี้มียอดขายมากกว่า 2.5 ล้านเล่ม
8. “The Road to Character” by David Brooks
Indra Nooyi ซีอีโอของ Pepsi ชื่นชอบหนังสือ The Road to Character เป็นอย่างมาก หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับการมุ่งเน้นไปที่คุณค่าที่แท้จริงที่อยู่ข้างในตัวเรา การได้มาซึ่งความมั่งคั่งชื่อเสียงและสถานะนั้นไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของเรา
9. “The Happiness Advantage” by Shawn Achor
The Happiness Advantage คือหนังสือเล่มโปรดของ Melanie Whelan ( นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกันซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ บริษัท การลงทุน Summit Partners. )
หนังสือเล่มนี้ได้พูดถึงถึงกลยุทธ์ในการสร้างความสุขซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ เหมาะสำหรับ ใครก็ตามที่สนใจศาสตร์แห่งการมีความสุข ใครก็ตามที่ต้องการมีชีวิตที่เป็นไปทางบวกมากขึ้น และใครก็ตามที่สนใจในการสร้างความสำเร็จให้กับตนเองมากขึ้น
10. “Blink: The Power of Thinking Without Thinking” by Malcolm Gladwell
หนังสือเล่มโปรดของ Marillyn Hewson เธอเป็นนักธุรกิจหญิงชาวอเมริกันปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริหารของ Lockheed Martin บริษัท ผลิตอากาศยานและอวกาศ
หนังสือเล่มนี้ได้พูดถึง การพยายามรวบรวมข้อมูลและคิดอย่างรอบคอบนั้น อาจทำให้คนเรามีมุมมองที่เฉียบคมน้อยลง และจิตไร้สำนึกของคนเรานั้นมีผลต่อการตัดสินใจและการกระทำของเรา มากกว่าที่เราคิดหรือรู้สึกตัว
เราสามารถใช้เวลาเพียง 1-2 วินาทีในการตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ และไม่มีเหตุผลมาอธิบาย แต่สิ่งนี้เป็นคลังข้อมูลที่มีอยู่ในตัวของเราทุกคน และพิสูจน์ให้เห็นว่า ความคิดชั่วพริบตาที่เกิดขึ้นนั้นมีประโยชน์อย่างไร ทำงานอย่างไร และมีโทษอย่างไร
เป็นยังไงกันบ้างครับกับหนังสือทั้ง 10 เล่มของเหล่าบุคคลผู้ชื่อเสียงในวงการต่างๆ เพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือ และมีครอบครองไว้แล้วกันละคนละกี่เล่มคอมเม้นมาบอกกันหน่อยนะครับ
ปล. ข่าวดีคือหนังทั้ง 10 เล่มนี้มีแปลไทยไปแล้วถึง 4 เล่มด้วยกัน ได้แก่
1. Blink: The Power of Thinking Without Thinking by Malcolm Gladwell
2. The Happiness Advantage by Shawn Achor
3. The Catcher in the Rye by J.D. Salinger
4. The Intelligent Investor: The Definitive Book on Value Investing” by Benjamin Graham
งานหนังสือที่กำลังจะถึงนี้ก็อย่าลืมไปสอยมาอ่านกันนะครับ
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง 在 Chats Share แชทแชร์ Facebook 的精選貼文
#การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง
มามะ แชทจะเล่าให้ฟัง
ว่าปีๆนึงเนี่ย
แชทเสียค่าเรียนเยอะมากกก
เอาเป็นว่าปีนึงหลักหลายแสน 🤣
เรียนกับครูระดับโลก
โปร 0% ก็ต้องมาค่ะ
แต่แชทไม่เคยเสียดายเงินเลยซักบาท
เพราะมันคุ้มมากกกกกับการลงทุน
แชทหาเงินได้เยอะขึ้น
มีความสุขขึ้น
มีสกิลมากขึ้น
โอกาสก็เข้ามามากขึ้น
และอื่นๆที่มากขึ้น...มากขึ้น
เรียนมันทุกเรื่อง
บางเรื่องถึงจะดูไม่เกี่ยวกัน
แต่เชื่อเถอะ
มันเหมือนการต่อจุด
ต่อเข้าเยอะๆ มันจะกลายเป็นภาพที่ชัดขึ้นเอง
สกิลที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้
ดันได้ใช้แบบงงๆ 😂
แชทเห็นภาพของแชทแล้ว
คุณเห็นรึยังคะ???
.
.
มีคลาสพัฒนาตัวเองที่คุ้มมากๆด้านล่างนี้
1. Personal Branding - online asset
คลาสสำหรับเจ้าของกิจการ
และคนที่อยากเริ่มสร้างตนบนออนไลน์
เรียนรู้ทั้งหมด วาง Roadmap ไปด้วยกัน
Workshop กันเต็มๆ 2 วัน ผ่านซูม
21-22 พย นี้
2. 7days Upskill
คลาสที่รวมมรุษย์บ้าพลังไว้ 7 คนด้วยกัน
ราคาพิเศษถึงแค่วันนี้นะคะ 1111 บาทไทย
คุ้มค่อดดดดดดดดดดด
ไม่มีอีกแล้วร าคาน่ารักขนาดนี้
เริ่ม 16 พย นี้
3. The Magic of public speaking
คลาส Worksho ที่เน้นทักษะการพูด
การสื่อสาร Public speaking แบบจุกๆ
เรียนสด เน้น workshop ทำจริง
แก้จริง โค้ชกันรายคน
รอบต่อไปวันที่ 3 ธค นี้
สนใจคลาส พิมพ์ "คลาส"
แล้วแชทจะส่งรายละเอียดให้ค่ะ
ไม่อยากให้พลาด
❤️❤️❤️
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง 在 Paul Pattarapon พอล ภัทรพล Facebook 的最佳解答
อีกประมาณ10 นาทีเจอกัน!
🎉🎉🎉🎉😊😊😊😊 คืนนี้! ถ้าอยากสำเร็จมากกว่านี้ในทุกๆพื้นที่ห้ามพลาด เจอกันจันทร์27 มีนาคม 21.00 ที่ https://www.facebook.com/paulhappyfreedom
แนะนำว่าให้ดู 2 clip ก่อนหน้านี้เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นและพวกเราจะไปเร็วขึ้นด้วยครับ #เหนื่อยชั่วคราวสบายชั่วโครตฉบับพนักงานประจำ #การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง #personalgrowth #bestseller #alltime #betterworldstartswithbetterme😊👍