หลายคนคงเคยสัญญากับตัวเองว่าจะมุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรบางอย่าง เช่น จะตั้งใจออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ทำงานเสริม เก็บเงิน เลิกสูบบุหรี่ แต่พอผ่านไปไม่กี่วันก็ “ล้มเลิก” ความคิดนั้นไปกลางคันซะอย่างนั้น
.
ลองมองย้อนกลับไปดูความตั้งใจทั้งหลายที่ผ่านมาของตัวเอง คุณคงไม่ได้เพิ่งคิดจะทำมันแค่ครั้งเดียวใช่ไหม คุณตั้งใจมากี่ครั้งแล้ว แล้วล้มเลิกมันไปกี่ครั้งแล้ว
.
สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่ “ล้มเลิก” ได้ง่าย ก็เพราะว่าการจะทำอะไรบางอย่างได้นั้น มันจะต้องปรับปรุง “พฤติกรรมเคยชิน” ของเราที่ทำมานาน ทำมาตลอด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก
.
อาจารย์อิชิอุระ โชอิชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองชาวญี่ปุ่นเคยกล่าวไว้ว่า “หากเราต้องการปรับปรุงพฤติกรรมที่เคยชิน จะต้องเริ่มจากการเปลี่ยนเเปลงโครงสร้างทางสมอง โดยจะต้องฝึกทำสิ่งนั้นซ้ำๆ อย่างน้อยที่สุด 30 วัน ไม่ใช่ ภายใน 3 วัน”
.
หลายคนมักเขียนคำปฏิญานที่มุ่งมั่นไว้บนปฏิทินทุกต้นเดือน เช่น ปีหน้าฉันจะเปลี่ยนเเปลงตัวเอง แต่แล้วก็ล้มเลิกภายใน 3 วัน แล้วก็เขียนใหม่ทุกต้นเดือน เขียนใหม่จนตอนนี้อายุ 20 30 40 ปี กันแล้ว
.
เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่มี “ความตั้งใจที่เเน่วเเน่” เพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการ “ฝึกฝน” ที่สม่ำเสมอด้วย
.
หากคุณอยากว่ายน้ำเก่ง แล้วเอาแต่อ่านทฤษฎีในหนังสือ ต่อให้ตั้งใจแน่วแน่แค่ไหน ก็ไม่มีทางว่ายน้ำได้เก่งหรอก เพราะการจะว่ายน้ำเก่งได้ มันต้องหมั่นฝึกซ้อมทุกวัน ซ้อมจนร่างกายเคยชิน ซ้อมจนต่อให้หยุดซ้อมไปวันสองวัน ร่างกายก็จะสามารถกลับมาซ้อมใหม่ได้โดยอัตโนมัติ
.
ถ้าคุณอยากจะมีงานเสริม มีรายได้เพิ่ม มีเงินเก็บ อยากทำธุรกิจ ต่อให้ทักมาซื้อหนังสือที่บอกเคล็ดลับ 100 วิธีการสร้างรายได้เสริม สัก 100 เล่ม แต่ไม่นำไปลงมือทำ คุณก็ไม่ทางทำได้หรอก
.
มีหลายคนส่งข้อความมาหาผมให้แนะนำหนังสือที่ช่วยให้ลงมือทำ เพราะตัวเองเป็นคนไม่ลงมือทำสักที
.
สิ่งที่ผมมักจะตอบกลับไปก็คือ “การลงมือทำ” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหนังสือ แต่มันขึ้นอยู่กับ ”คุณ” ต่างหาก หนังสือเป็นเพียงเข็มทิศบอกเส้นทาง แต่การจะไปถึงจุดหมายปลายทาง มันอยู่ที่การ “ก้าวเท้า “ของคุณ
.
การเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชิน ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยความตั้งใจ แต่ต้องแก้ไขด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
.
เพราะการฝึกฝน ลงมือทำ อย่างสม่ำเสมอซ้ำๆ นี่เเหละ จะทำให้เป้าหมายที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ ให้มันเป็นจริงขึ้นมา
.
ส่วนตัวผมเคยคิดว่าการเขียนบทความวันละบทให้ได้ทุกวัน คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เเต่ผมก็เริ่มลงมือทำทุกวัน ไม่ว่าจะทำงานประจำกลับมาเหนื่อยแค่ไหน ง่วงแค่ไหน ผมก็จะฝืนตัวเอง เปิดคอม แล้วเริ่มเขียนมันลงไป ผมลงมือทำจนครบ 2 เดือนเต็ม โดยไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียว
.
จนตอนนี้เหมือนร่างกายเกิดความเคยชินแล้ว กลายเป็นว่าการเขียนบทความทุกวันของผม เป็นสิ่งที่ร่างกายเคยชินไปแล้ว แม้จะรู้สึกขี้เกียจบ้าง แต่มันก็ลุกขึ้นมาทำเองโดยอัตโนมัติ
.
จนเพื่อนหลายคนบอกว่าผมขยันไปหรือเปล่า ทั้งทำงานประจำ อ่านหนังสือ เขียนบทความ ขายหนังสือ แต่เอาจริงๆ ตัวผมไม่ได้คิดว่าตัวเองขยัน แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นแค่กิจวัตรประจำวันของผมเท่านั้น
.
ซึ่งตัวเเปรสำคัญ คือ “วันนี้”
.
คนส่วนใหญ่ชอบพูดว่าจะลงมือทำ “พรุ่งนี้” ซึ่งเราอาจได้ยินคำพูดเเบบนี้บ่อยๆ เช่น คนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ก็มักจะพูดว่า “กินวันนี้วันสุดท้าย พรุ่งนี้จะเลิกกินจริงๆ แล้วน่ะ”
.
ซึ่งความจริงแล้ว คำว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้” เป็นแค่คำที่เอาไว้หลอกตัวเอง เพื่อให้วันนี้เรายังกินได้ ต่างหาก
.
การฝึกฝนต่างๆ ต้องเริ่มต้นจาก “วันนี้” เท่านั้น ถ้าอยากทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักที จะต้องไม่มีคำว่าพรุ่งนี้อีกต่อไป เเต่ต้องลงมือทำใน “วันนี้” ทำไปทีละเล็กทีละน้อย
.
จำไว้ว่า “ความฝันต้องใหญ่ แต่วินัยต้องเล็ก”
.
.
.
"เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด" หนังสือที่เขียนมาเพื่อวัยรุ่นที่กำลังสับสนในช่วงเวลาค้นหาตัวเอง เเละเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้ทบทวนชีวิตในช่วงเวลาที่ผ่านมา...
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
เเต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
ก้าวเท้า 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
หลายคนคงเคยสัญญากับตัวเองว่าจะมุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรบางอย่าง เช่น จะตั้งใจออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ทำงานเสริม เก็บเงิน เลิกสูบบุหรี่ แต่พอผ่านไปไม่กี่วันก็ “ล้มเลิก” ความคิดนั้นไปกลางคันซะอย่างนั้น
.
ลองมองย้อนกลับไปดูความตั้งใจทั้งหลายที่ผ่านมาของตัวเอง คุณคงไม่ได้เพิ่งคิดจะทำมันแค่ครั้งเดียวใช่ไหม คุณตั้งใจมากี่ครั้งแล้ว แล้วล้มเลิกมันไปกี่ครั้งแล้ว
.
สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่ “ล้มเลิก” ได้ง่าย ก็เพราะว่าการจะทำอะไรบางอย่างได้นั้น มันจะต้องปรับปรุง “พฤติกรรมเคยชิน” ของเราที่ทำมานาน ทำมาตลอด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก
.
อาจารย์อิชิอุระ โชอิชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองชาวญี่ปุ่นเคยกล่าวไว้ว่า “หากเราต้องการปรับปรุงพฤติกรรมที่เคยชิน จะต้องเริ่มจากการเปลี่ยนเเปลงโครงสร้างทางสมอง โดยจะต้องฝึกทำสิ่งนั้นซ้ำๆ อย่างน้อยที่สุด 30 วัน ไม่ใช่ ภายใน 3 วัน”
.
หลายคนมักเขียนคำปฏิญานที่มุ่งมั่นไว้บนปฏิทินทุกต้นเดือน เช่น ปีหน้าฉันจะเปลี่ยนเเปลงตัวเอง แต่แล้วก็ล้มเลิกภายใน 3 วัน แล้วก็เขียนใหม่ทุกต้นเดือน เขียนใหม่จนตอนนี้อายุ 20 30 40 ปี กันแล้ว
.
เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่มี “ความตั้งใจที่เเน่วเเน่” เพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการ “ฝึกฝน” ที่สม่ำเสมอด้วย
.
หากคุณอยากว่ายน้ำเก่ง แล้วเอาแต่อ่านทฤษฎีในหนังสือ ต่อให้ตั้งใจแน่วแน่แค่ไหน ก็ไม่มีทางว่ายน้ำได้เก่งหรอก เพราะการจะว่ายน้ำเก่งได้ มันต้องหมั่นฝึกซ้อมทุกวัน ซ้อมจนร่างกายเคยชิน ซ้อมจนต่อให้หยุดซ้อมไปวันสองวัน ร่างกายก็จะสามารถกลับมาซ้อมใหม่ได้โดยอัตโนมัติ
.
ถ้าคุณอยากจะมีงานเสริม มีรายได้เพิ่ม มีเงินเก็บ อยากทำธุรกิจ ต่อให้ทักมาซื้อหนังสือที่บอกเคล็ดลับ 100 วิธีการสร้างรายได้เสริม สัก 100 เล่ม แต่ไม่นำไปลงมือทำ คุณก็ไม่ทางทำได้หรอก
.
มีหลายคนส่งข้อความมาหาผมให้แนะนำหนังสือที่ช่วยให้ลงมือทำ เพราะตัวเองเป็นคนไม่ลงมือทำสักที
.
สิ่งที่ผมมักจะตอบกลับไปก็คือ “การลงมือทำ” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหนังสือ แต่มันขึ้นอยู่กับ ”คุณ” ต่างหาก หนังสือเป็นเพียงเข็มทิศบอกเส้นทาง แต่การจะไปถึงจุดหมายปลายทาง มันอยู่ที่การ “ก้าวเท้า “ของคุณ
.
การเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชิน ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยความตั้งใจ แต่ต้องแก้ไขด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
.
เพราะการฝึกฝน ลงมือทำ อย่างสม่ำเสมอซ้ำๆ นี่เเหละ จะทำให้เป้าหมายที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ ให้มันเป็นจริงขึ้นมา
.
ส่วนตัวผมเคยคิดว่าการเขียนบทความวันละบทให้ได้ทุกวัน คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เเต่ผมก็เริ่มลงมือทำทุกวัน ไม่ว่าจะทำงานประจำกลับมาเหนื่อยแค่ไหน ง่วงแค่ไหน ผมก็จะฝืนตัวเอง เปิดคอม แล้วเริ่มเขียนมันลงไป ผมลงมือทำจนครบ 2 เดือนเต็ม โดยไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียว
.
จนตอนนี้เหมือนร่างกายเกิดความเคยชินแล้ว กลายเป็นว่าการเขียนบทความทุกวันของผม เป็นสิ่งที่ร่างกายเคยชินไปแล้ว แม้จะรู้สึกขี้เกียจบ้าง แต่มันก็ลุกขึ้นมาทำเองโดยอัตโนมัติ
.
จนเพื่อนหลายคนบอกว่าผมขยันไปหรือเปล่า ทั้งทำงานประจำ อ่านหนังสือ เขียนบทความ ขายหนังสือ แต่เอาจริงๆ ตัวผมไม่ได้คิดว่าตัวเองขยัน แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นแค่กิจวัตรประจำวันของผมเท่านั้น
.
ซึ่งตัวเเปรสำคัญ คือ “วันนี้”
.
คนส่วนใหญ่ชอบพูดว่าจะลงมือทำ “พรุ่งนี้” ซึ่งเราอาจได้ยินคำพูดเเบบนี้บ่อยๆ เช่น คนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ก็มักจะพูดว่า “กินวันนี้วันสุดท้าย พรุ่งนี้จะเลิกกินจริงๆ แล้วน่ะ”
.
ซึ่งความจริงแล้ว คำว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้” เป็นแค่คำที่เอาไว้หลอกตัวเอง เพื่อให้วันนี้เรายังกินได้ ต่างหาก
.
การฝึกฝนต่างๆ ต้องเริ่มต้นจาก “วันนี้” เท่านั้น ถ้าอยากทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักที จะต้องไม่มีคำว่าพรุ่งนี้อีกต่อไป เเต่ต้องลงมือทำใน “วันนี้” ทำไปทีละเล็กทีละน้อย
.
จำไว้ว่า “ความฝันต้องใหญ่ แต่วินัยต้องเล็ก”
.
.
.
"เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด" หนังสือที่เขียนมาเพื่อวัยรุ่นที่กำลังสับสนในช่วงเวลาค้นหาตัวเอง เเละเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้ทบทวนชีวิตในช่วงเวลาที่ผ่านมา...
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
เเต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
ก้าวเท้า 在 Tor Rungrojn ผู้ชายเลี้ยงลูก Facebook 的最佳解答
อ่านนิทาน ให้ลูกฟัง
เปิดTv ให้ลูกดู บอกสอนยังไง
ก็ไม่เท่าพาเขาไปเห็นของจริงด้วยตา
.
.
ขับรถผ่านทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีสวย
ผมนั่งคุยกันบนรถ ว่านี่คือข้าว
ที่น้องบอลลูน จกในกระติบ หยิบกินเมื่อวาน
.
.
น้องบอลลูนยิ้ม แล้วเอามือชี้ที่กระจก
ผมให้แม่น้องบอลลูน จอดรถข้างทาง
เราลงไปเดินเล่นที่ทุ่งนากัน
.
.
อาม่า เคยเป็นชาวนา พ่อต่อ เป็นลูกชาวนา
อาบอลลูนเป็นหลานชาวนา BLW เล่นให้น้อยๆลง
อีกหน่อยนะ กว่าจะมาเป็นข้าว ชาวนาเหนื่อย
.
.
พาลูกเที่ยว ก้าวเท้า ออกจากบ้าน
ช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการ และนั่นคือการ
พาลูกเรียนรู้ โลกกว้าง อย่างแท้จริง
.
.
“ลดเวลางาน เพิ่มเวลาลูก”
.
.
28/10/62 มุ่งหน้าสู่ประเทศขอนแก่น
.
#พาลูกเที่ยว #อีสานจ๋าบอลลูนมาเยือน 2019
#ผู้ชายเลี้ยงลูก #พ่อต่อ #น้องบอลลูน M14 D17