บางครั้งเราก็มักจะคิดว่า
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
A==========เคยได้ยินคำพวกนี้ไหมครับ?
เราต้องมีไอ้นั้นก่อน
ถึงจะมีไอ้นี้ได้
เราต้องมีแบบนั้นก่อน
ถึงจะเป็นแบบนี้ได้
เราต้องมีเงินซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายก่อน
ถึงจะลดน้ำหนักได้?
หรือเราต้องมีเงิน
มีคอนเนคชั่นก่อน
เราถึงจะมีธุรกิจได้?
และน่าเสียดายที่เพราะตอนนี้
เรายังไม่ได้มีแบบนั้น
เราเลยไม่สามารถที่จะเป็นแบบนี้
แบบที่ตั้งใจไว้ได้
แล้วเราก็ไม่ได้ทำมันในวันนั้น
และในที่สุด
เราก็แทบจะไม่ได้ทำมัน
B=========ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ
ตอนนั้นหมายศาล
มาแปะหน้าบ้านว่าบ้านกำลังจะถูกยึด
เป็นของขวัญก่อนวันรับปริญญา
เป้าหมายเดียวตอนนั้นคือ
เอาชีวิตกลับมาให้ได้
เอาบ้านกลับมา
คิดในหัวว่า
คำนวณตลอดว่า
“ถ้ามีเงินสัก1ล้าน”
มาโปะหนี้บ้านของครอบครัว
หรือถ้าไม่ทันก็
“เราอย่างน้อยไปเริ่มต้นอะไรใหม่ได้”
"ทุกอย่างเบาทันที"
C==========Key
ตอนนั้นช่วงเรียนจบแล้ว
ยังไม่มีงานทำรอรับปริญญา
ผมก็เลยคิดในหัวตลอดเลยว่า
1ล้านคือตัวเลขที่ต้องการ
เอาจริงๆตัวเองไม่เคยหาเงินได้
รู้ว่าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
แต่การได้อ่าน
ได้ฟัง
ได้ศึกษาเรื่องราวคนสำเร็จมาบ้าง
(จริงๆเรียกว่าอย่างหมกมุ่น)
และตอนนั้นไม่ค่อยได้เจอใคร
ไม่ได้มีใครมาวิจารณ์หรือถาม
ให้ต้องตอบอะไรที่ยังหาคำตอบไม่ได้
จุ่มตัวอยู่กับหลักฐานความเชื่อพวกนี้
ได้เห็นเรื่องราวคนสำเร็จ
“ที่เค้าก็ไม่ได้รวยก่อนที่จะรวย”
ก็เลยมีความเชื่อกับตัวเองลึกๆ
“ว่าเป็นไปได้”
D=======แต่มันมีช่วงนึงที่...
ต้องไปเจอเพื่อน
เจอสังคม
ก็เผลอพูดเป้าหมายไป
“ว่าคงไม่ได้ทำงานตามสาย”
“เพราะเป้าหมายคือ1ล้าน”
ผลคือ....
“ก็ได้เรื่องเลย”
มีคนบอกต้องเป็นไอ้นั้นก่อน
มันถึงจะได้เป้าหมายนี้
มันต้องมีอันนั้นก่อน
ไอ้นี้ถึงจะได้
ต้องจบสูงกว่านี้
หรือต้องทำงานไปสักระยะอายุ30เดี๋ยวก็ได้
หรือพ่อเค้า พี่เค้า ตัวเค้า
อายุเยอะกว่า เรียนสูงกว่า
มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า
ต้องใช้เวลาตั้งนาน
ถึงจะได้เป้าหมายนี้
ผมก็งงว่า
ผมแค่บอกเป้าหมาย
ทำไมeffectขนาดนี้
E======โชคดีที่ผมศึกษาเรื่อง
คนสำเร็จอยู่ตลอดเวลา
จุ่มตัวอยู่กับหลักฐานความเชื่อพวกนี้
ได้เห็นเรื่องราวคนสำเร็จ
“ที่เค้าก็ไม่ได้รวยก่อนที่จะรวย”
“เค้าก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย
ก่อนที่เค้าจะมี”
ผมเลยกลับคิดตรงข้าม
กับความเห็นที่โถมเข้ามา
ว่า....
“มันต้องไปหาคนที่เค้าทำได้ก่อนสิ “
ว่าเค้ามาได้ยังไง สำเร็จได้ยังไง
“ไม่ใช่คิดเอง เออเอง”
ผมไม่ชอบเปรียบเทียบ
แต่ถ้าจะเปรียบเทียบในทางดี
เราก็ควรจะเอาเวลาไป
หาหลักฐานที่เค้าสำเร็จ
ในแบบที่เค้าเริ่มได้
จากจุดที่เรายืน
(คล้ายจุดที่เรายืนอยู่)
แล้วใช้หลักฐานตรงนั้นคลำทางไป
ให้มันได้เริ่มต้นได้
ไม่ใช่ไปมองหลักฐานไกลๆ
ที่เค้ามีอะไรที่เราไม่มีเลย
แล้วก็เทียบกับเค้า
แล้วไปบอกกับตัวเองว่า
ก็เราไม่มีแบบนั้น
ไม่มีจุดเริ่มต้นแบบเค้า
“เราก็เลยเริ่มไม่ได้ซะที”
แล้วเราก็บ่นกับตัวเองว่า
“เราต้องมีเงินก่อน”
“เราต้องมีคอนเนคชั่นก่อน”
“ถึงจะเริ่มทำอะไรได้”
คำถามคือ...
แล้วมันจะไปมีก่อนได้ยังไง?
ก็ในเมื่อมันไม่มี
คิดแบบนี้=มันก็ไม่ได้เริ่มซะที
และมันก็จะกดให้เราไม่ได้ไปไหนเลย
F=======ตอนนั้นผมเลือกอย่างแรก
ผมเลยไปหาหลักฐาน
ไปหาความรู้จากคนที่ทำได้
ไปอยู่ในกลุ่มคนที่ทำได้
ไปช่วยงานเค้าไปคลุกคลี
และผมก็ได้รู้ว่า...
จริงๆ
เราก็เกือบเผลอคิดไปเองว่า
“1ล้านแรก
มันต้องใช้เงินลงทุน
มันต้องเป็นโน่นเป็นนี่มาก่อน”
ซึ่งจริงๆมันเป็นแค่ความเชื่อเดิมๆ
ผมไปเจอตัวอย่าง
หลายคนมาก
ที่เป็นลูกจ้างก็ทำได้
ยิ่งหายิ่งเจอ
ไปเป็นพนักงงานขาย...
ขายรถ
ขายบ้าน
ขายอะไรต่างๆนาๆ
ผมก็ค้นหาอยู่สักพัก
และเลือกขายรถ
เหตุผลเพราะตอนผมชอบรถ
และผมรู้ว่าผมเรียนรู้เรื่องนี้ได้เร็ว
เป็นข้อได้เปรียบ
และปีต่อมาเป้า1ล้าน
ผมก็ทำได้ในที่สุด
และมันก็ทำลายความเชื่อดั้งเดิม
ที่คนโยนเข้ามาใส่เลย
ไม่กังวลอีกเลย
G========ตอนที่ทำธุรกิจ
ถัดจากทำงานได้สักระยะ
ผมบอกว่าอยากเริ่มธุรกิจ
อยากจับเงินระดับ10ล้านได้บ้าง
เพื่อนผมรุ่นพี่ผมผม
บอกว่าเค้าก็อยากได้
แต่จะทำไงได้เค้าไม่ได้มีเงิน
ไว้หาเงินได้เยอะๆก่อน
ค่อยคิด
ผมเองตอนนั้นก็ไม่ได้มีเงินเยอะ
และช่วงนั้นเก็บเงินไม่เก่งด้วย
เหมือนคนเพิ่งมีเงินใหม่ๆ
ไม่เคยมีเงินขนาดนี้
ก็ถือว่าใช้เงินเก่งประมาณนึง
ผมก็คิดว่ามันต้องรอมีเงินแค่ไหนกันล่ะ
ถึงจะได้เริ่ม?
ตอนนั้นผมก็ทำงานขาย
ยุคนั้นมีsocialละ
ก็ได้เห็นคนรู้จัก
ได้เห็นลูกค้าที่ออกรถไป
แล้วก็เริ่มสังเกตุและคิดว่า
ทำไมเค้ารวยจัง
เค้าทำอะไรกัน
เมื่อก่อนบางคนเค้าก็เหมือนๆผม
แต่ทำไมเค้าทำเงินเป็น10ๆล้านได้
(สมัยนั้นจำนวนนี้เยอะมากสำหรับผม)
หลังเลิกงานผมก็ไปหาเค้า
ไปศึกษากับเค้า
ไปดูหลายๆคน
แล้วผมก็เจอหลักฐาน
เยอะมากๆ
คนที่ขายของออนไลน์
คนที่ซื้อมาขายไปของมือ2
“จับมาขายไป “
H======ผมก็เริ่มปิ๊งกับตัวเองว่า
เฮ้ย !
ไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่นี่หว่า
นี่ไงมีช่องทางที่ไม่ต้องใช้เงินก็มี
ตอนนั้นก็ได้คอนเซปต์ละ
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะจับอะไร
ก็หาอยู่สักพัก
เริ่มไปเจอร้านนั่งชิล
ที่เจ๊ง อยากขายของในร้าน
และก็เจอคนที่อยากเปิดร้านใหม่ๆ
ที่ไม่อยากลงทุนเยอะ
อยากหาของมือ2มาใส่ร้าน
“นี่ไง เงิน”
ไปหาร้านที่เจ๊ง
ไปหาร้านที่เปิดใหม่
10ล้านเกิดจากตรงนั้น
ตอนทำซื้อมาขายไป
เนี่ยถ้าไปเชื่อว่า
ต้องมีทุนเงินเยอะๆ
“ก็ไม่ได้ทำวันนั้น”
บางครั้งเราก็มักจะคิดว่า
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
i=======คราวนี้ลองตัวอย่างอื่นๆบ้าง
ที่เป็นพี่น้องเรา
อย่างพี่น้องที่อยู่ในคลาสOTO
Online Take Over
“เอ็มขายรถมือ2”. รถมือสอง ยูสไมล์คาร์ รถมือสองคุณภาพดี รถสวยสุราษฎร์ธานี ส่งฟรีทั่วประเทศ
“ขายอยู่ที่เต๊นท์ตัวเอง”
“ขายได้รอบๆบ้าน”
“เค้าอยากจะขยายยอดขาย”
“อยากให้คนไว้ใจมาซื้อกับเค้าเยอะขึ้น”
ลองคิดเล่นๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าเค้าไปปรึกษาใคร
ก็ต้องมีคนบอกเค้าว่า
“ต้องเปิดเต๊นท์ใหญ่ๆ”
“ลงทุนเงินเช่าที่ซื้อที่”
“ลงโฆษณาทีวี”
“วิทยุ”
“ลงให้เยอะๆ ซื้อสื่อเยอะๆ”
“คนจะได้เชื่อถือเดินทางมาซื้อ”
ถ้าไม่ทำยาก!
J=======แล้วความเป็นจริงๆคือ...
คนสร้างตัวทุกคน
ช่วงแรกๆ
เราไม่ได้มีเงินที่จะใช้ทุ่มใส่ขนาดนั้นได้
เมื่อเราได้รับความเห็นแบบนี้
ถ้าเราไม่มีภูมิคุ้มกัน
และเผลอเชื่อ
เราก็จะพูดกับตัวเองด้วยคำว่าอะไร?
เพราะเราไม่มีเงิน?
เรายังทำแบบนั้นไม่ได้!
ก็กลับไปที่ระบบเดิม
ที่พาดหัวPostในวันนี้คือ
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
K=======เฮ้ย!
แต่กลับกัน
เอ็มไม่ได้คิดแบบนั้นไง
รู้ว่ามันเป็นทางที่ดี
แต่อาจจะไม่เหมาะ
เอ็มเค้าก็ต้องคิดว่า
มันจะมีทางอื่นป่าว?
เค้าก็หาหลักฐาน
ยุคนี้เรามีโอกาสได้เจอกับคนสำเร็จได้ทุกวัน
เพียงแค่เปิดSocial
เค้าก็เริ่มมองดูลู่ทาง
หาหลักฐาน
ผมก็มาเจอเค้าอยู่ในคลาสOTO
Online Take Over
ตอนนั้นผมเห็นเค้าจริงๆจังมาก
เค้าส่งการบ้านทุกวัน
แล้วช่วงเรียนๆเอ็มเค้าก็
เริ่มได้ไอเดีย
เค้าเห็นเคสเพื่อนๆในคลาส
เห็นเคสเจตน์
เจ้าของร้านกล้องติดรถยนต์. GROOVYGANG.NET
ที่คนยอมเดินทางไกล
บางคนข้ามจังหวัด
เพื่อมาติดกับเจตน์
ทั้งๆที่แถวบ้านพวกเค้า
หรือปากซอยบ้านเค้า
ก็มีร้านขายกล้องติดรถ
และทั้งๆที่ร้านเจตน์ออกจะเป็นร้าน
ที่ราคาสูงในท้องตลาดด้วย
L========เค้าเห็นไอเดียเพื่อนคนอื่นๆ
จากการใช้สูตร
80-15-5ในการทำเพจแบบOTO
อีกหลายคน
บางคนใช้เต็มสูตร
บางคนใช้แค่นิดๆหน่อยๆก็โตก้าวกระโดดแล้ว
เช่นอย่าง
“น้ำ เจ้าของร้านสักคิ้ว Bellezza Brows Expert ครูน้ำ สักคิ้วสระบุรี
อยู่ที่สระบุรี”
มีลูกค้าจาก จากต่างจังหวัด
จากกรุงเทพ จองคิวล่วงหน้า
ขับรถไป2-3ชม
เพื่อไปสักคิ้วกับน้ำ
และสักกับน้ำก็ไม่ได้ราคาถูก
ครั้งละหลักหมื่น-20,000 +
ทั้งๆที่ร้านที่ว่าของเค้า
ก็ไม่ได้เช่าที่อยู่ในห้างหรู
แต่ทำอยู่ในหมู่บ้านตัวเอง
โตก้าวกระโดดหลายเท่าตัว
เนี่ยหลักฐานมันเห็นกับตา
เอ็มหรือพี่น้องในOTOก็ต้องคิดละ
ได้ไอเดียละ
เฮ้ย แล้วถ้าเรารถมือ2
เราเป็นเต๊นท์
ถ้าคนรู้จักเราบนOnline
เราดังบนonlineได้แบบพี่น้องOTOเรา
เราอาจจะไม่ต้องขยายร้าน
ให้ทุ่มเงินก้อนใหญ่
สร้างความน่าเชื่อถือ
ก็ได้นี่น่า
นี่ไงอีกทาง
M=======และเอ็มก็เริ่มพิสูจน์
เค้าฝึกในOTOอย่างเข้มข้น
เป็นคนที่ทำการบ้านตลอด
แล้วก็เป็นคนมีสีสรรค์เลย
บวกสม่ำเสมอ เพื่อนๆในรุ่นเลยจำเค้าได้
เค้ารู้ว่า
การทำOnlineแบบยุคใหม่
หรือแบบอย่างคลาสOnline Take over
ไม่ใช่ง่ายๆ
ไม่ใช่ทำวัน2วัน
และไม่ใช่อะไรที่ฉาบฉวยเก็บกินวันนี้พรุ่งนี้
เหมือนปลูกต้นไม้ใหญ่ใช้เวลา
แต่เค้ารู้ว่าถ้ามันเริ่มติดเข้าสูตรเมื่อไหร่
ร้านเค้าจะหยุดไม่อยู่
แม้ว่าจะไม่ต้องประคบประหงมมาก
ก็โตออกดอกผลได้ เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่โตแล้ว
เดือนแรกๆที่เรียนไปเค้าจับทางได้
ผ่านไป3-6เดือนหลังจบคลาส
เค้าบอกว่า
“ลูกค้ามาเยอะขึ้น”
และผ่านไป1ปี
เค้าส่งข้อความมาบอกว่า
“ตอนนี้หลายที่วิกฤติ
แต่ธุรกิจเค้ากลับดีตรงข้ามเลย”
ลูกค้าวิ่งมาซื้อ
จากทั้งในจังหวัด
มาเป็นวงกว้าง
ไม่ใช่แต่รอบร้านเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
และปัจจุบันมา
จากทั่วภาคใต้เลย
ยะลาก็มี ปัตตานีก็มา
แถมหลายคน
ก็โทรมาสั่งจอง
โอนเงินก้อนซื้อรถเค้าจากOnlineเลย
โดยไม่ต้องเห็นรถ
เพราะเค้าเชื่อใจเอ็ม
“เนี่ยวันนี้ชีวิตเปลี่ยนเลย”
N=======ลองคิดดูนะครับ
ถ้าวันนั้นเค้าเกิด
เลือกใช้ความเชื่อเดิมๆ
ที่ใครส่งมาให้เค้า
พยากรณ์ตัวเองว่า
คิดว่า...
ต้องมีเงินลงทุนเยอะๆก่อน
เราถึงจะขายได้ดีๆ?
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
วันนี้จะเป็นยังไงครับ?
จะมีเอ็มวันนี้ไหม?
O=====แต่คนที่ทำแบบเอ็ม
หรือเคสเอ็มเอง
เค้าเลือกที่จะออกจากมโนตรงนั้น
ไม่ได้ปิดความเชื่อตัวเอง
เปิดใจ....
มองโลกใหม่
หาหลักฐานที่ต้องการ
หาหลักฐานที่พอเป็นไปได้จากจุดที่เรายืนๆ
ดูว่ามีใครเค้าทำได้ไหมในทางอื่นๆไหม
P========เช่นวันนั้นเค้าเลือกหาหลักฐาน
เค้าเห็นเคสคนอื่น
หรือเค้าเห็นเคสเจตน์
เค้าเห็นเคสน้ำ
เค้าเห็นเคสเพื่อนๆในOTO
ที่แต่ละคน
“เค้าก็เริ่มจากจุดที่ตัวเองยืนทั้งนั้น”
แต่ละคน...
ก็ไม่ได้ต้องลงทุนสร้างร้านใหญ่โต
แต่ละคนร้านก็ไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง
แต่ละคนก็ไม่ได้ต้องไปเช่าที่แพง ๆ
โดยไม่จำเป้น
แต่ก็สามารถทำราคาPremium
สามารถทำให้ลูกค้าเชื่อใจไว้ใจ
เดินทางไกลไปหาได้?
ตรงนี้ก็ต้องเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า...
“แล้วทำไมเราจะทำแบบนั้นไม่ได้?”
แค่เราก็ต้องทำOnline
เข้าใจOnlineในแบบยุคใหม่
ที่ไม่ใช่ขายอย่างเดียว
ก็เรียนรู้ฝึกฝนมันก็แค่นั้น
ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นๆ
Q==========1ปีให้หลัง
สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นกับธุรกิจเอ็มที่
ไม่ต้องร้านใหญ่
ไม่ต้องอยู่ใจกลาง
ไ่มต้องเช่าที่แพงๆ
แต่ก็สามารถทำให้ลูกค้าเชื่อใจไว้ใจ
เดินทางไกลไปหาได้
“และยั่งยืน”
“เนี่ยคือศึกษา”
“หาหลักฐาน”
“เดินจากจุดที่ยืน”
ไม่ใช่มโน
ว่าต้องมีไอ้นั้นก่อน
ถึงจะมีไอ้นี้
R=====เนี่ยแหละคือแกปนิดเดียวเอง
อย่างตอนหลังๆ
ในOnline Take over
มีพี่น้องที่เข้ามาเยอะขึ้น
ที่เป็นเจ้าใหญ่ในตลาด
"บางคนคนเป็นเจ้าของคลีนิค"
"เป็นเจ้าของรีสอร์ท"
"เจ้าของกิจการ"
ก็เริ่มเห็นความสำคัญ
ยิ่งอันนี้ถ้ามีของดีมาแล้ว
มาเจอOTOก็ยิ่งทวีคูณเลย
หลายคนบอกว่า...
เมื่อก่อนคิดว่าต้องขยายสาขาอย่างเดียวเท่านั้น
ถึงจะโตได้
จนมาเห็นหลักฐาน
ได้Concept
กลายเป็นว่า
สาขาเท่าเดิม
แต่ลูกค้าวิ่งมามากขึ้น
รู้สึกว่า...
“เอ้อก็ดีเหมือนกัน”
เนี่ยคือศึกษาไม่ใช่มโน
S======Keyสำคัญ
“เวลาอยากได้อะไร”
“มีเป้าหมายอะไร”
“ผมไม่ได้พูดแค่เรื่องOnlineนะ”
“ผมหมายถึงทุกเรื่อง”
ที่บางครั้ง....
“เราอยากได้ไอ้นั้น”
เรามักคิดเองไปก่อนว่า...
“เราต้องมีไอ้นี้ก่อน “
ซึ่งจริงๆบางครั้ง
“ไอ้สิ่งที่คิด”
“มันมาจากความเชื่อเดิมอะ”
“เหมือนคนที่มาบอกผมว่า
1ล้าน มึงต้องทำทำธุรกิจ
หรือมีตำแหน่งใหญ่ๆ
ต้องอายุมากกว่านี้ก่อน”
“10ล้านมึงต้อง
มีเงินก้อนใหญ่ก่อน
มาทำธุรกิจ”
หรือ....
แบบเจตน์
แบบเอ็ม แบบน้ำ
“ที่เฮ้ยต้องมีเงินไปเปิดร้านใหญ่โต”
“ต้องขยายสาขาใหญ่โต
ถึงจะได้รับความเชื่อใจจากลูกค้าได้”
ซึ่งวันนี้เรารู้แล้วว่ามันคือมโนไง
มันคือความเห็นอะ
Okมันอาจจะเป็นความจริง
“หรือสิ่งที่ใครเค้าเคยเห็นมา”
“หรือรวมถึงตัวเราเองด้วย”
แต่รู้ได้ไงว่านั้นคือทางเดียวอะ?
รู้ได้ไง?
มันมีทางอื่นไหม?
มันมีคนทำได้ในรูปแบบอื่นไหม?
มันมีโลกที่เรายังไม่เคยเห็น
ที่เราเริ่มได้เลยไหม?
ลองค้นหาก่อนไหม?�
แล้วดูว่าเค้าทำยังไง?
ไปดู
ไปเรียนรู้ศึกษาก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?
ก่อนที่จะปิดโอกาสชีวิตตัวเอง
แล้วบอกว่า....
ฉันต้องมีไอ้นั้นก่อน
ฉันถึงจะมีไอ้นี้ได้
ซึ่งจริงๆแล้ว
“ฉันอาจจะไม่ต้องมีไอ้นั้นที่เราเคยคิดก่อนหน้าเลยก็ได้”
=========
ใครเคยเห็นเคยมีประสบการณ์แบบนี้
หรือ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้
ก็ทักทายกันหน่อยครับ
เช้านี้
สวัสดีครับพี่น้องทุกคน
A10(เอเท็น)
ลุย10X
OTO Online Take Over
ขายบ้าน 15 ล้าน 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的精選貼文
"4วิธีโตเพจ ไว"
โดยไม่ต้องใช้เงิน ยิง ads เลยสักบาทเดียว
เวอร์ชั่น เอาใจคนชอบอ่าน
(ผมให้ทีมแกะคลิปเมื่อวานมาให้สำหรับ
พี่น้องที่ชอบอ่านมากกว่า)
———เข้าเรื่อง
วันนี้มาถึงเรื่องนึง
ของการทำเพจ
พอพูดถึงเรื่องทำเพจ facebook
แล้วก็จะได้ยินพี่น้อง
ชอบพูดเรื่องนี้มากที่สุด
คือ....
เรื่องการยิงแอด
——
แล้วก็ตามมาด้วยคำถาม
อยากโตเพจ
แต่Postอะไรไป
ไม่มีใครคอมเม้นเลย
อยากขายได้
แต่Postอะไรไป ก็เงียบ
ทำยังไงให้คนมามาตามเพจเยอะๆครับ
ไม่ใช้adsได้ไหม
นี่คือคำถามยอดฮิตติด1ใน3
——
พี่น้องในOTO หรือใน1 yearหลายคน
ก็ติดเรื่องในตอนแรกๆ
(แต่พอได้เรียนไป
แล้วก็อยู่ในกลุ่มที่จริงจัง
ตอนหลังก็เข้าใจ
แล้วปรับmindset
แล้วก็โตแบบก้าวกระโดดได้)
กลับมาที่คำถาม
ทำยังไงให้คนมามาตามเพจเยอะๆครับ
ไม่ใช้adsได้ไหม?
ข่าวดีคือ....
จริงๆแล้วมันมีหลายวิธีที่จะโตเพจ
โดยไม่ต้องใช้Adsนะเว้ย
แต่ถ้าวันนี้
เราตั้งคำถามแบบนี้อยู่
แสดงว่า
อาจจะมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง
ซ่อนอยู่ในตัวเรา
เหมือนกัน
———
ทุกคนลองคิดตามภาพนี้นะ
สมมุติวันนี้
คุณเปิดร้านเย็บเสื้อยืดอยู่ท้ายซอย
คุณจะทำยังให้คนรู้จัก
มาใช้บริการคุณ
หรือไปบอกต่อคุณได้
ลองคิดดู
5
4
3
2
1
————
คำตอบคือ....
คุณก็ต้องทำการตลาดไง
คิดแบบบ้านๆ
อันดับแรก
1.บอกปากต่อปาก
รู้จักใครบ้างละ
เพื่อนบ้านคุณ
คนที่อยู่ในละแวกบ้านคุณ
บอกเค้าไป ถูกไหม?
2.ไปเป็นสปอนเซอ
ให้งานต่างๆ
หรือโรงเรียน
ให้ผู้ปกครองให้ครูรู้จัก
3.จ้างคนไปแปะป้ายโฆษณา
แถวบ้านคุณ
ไปแปะเสา
ไปแจกใบปลิว
ถูกไหม?
แล้วสุดท้าย
คนก็เริ่มมาใช้บริการคุณ
แล้วมันก็เกิด....
ข้อ4.คือมันดีจนมีลูกค้าประจำบอกต่อ
เค้าhappyในผลงานคุณ
เค้ามีความสุขในการใช้บริการบริการคุณ
คราวนี้ก็ง่ายและปากต่อปาก
ก็อาจจะไม่ต้องไปโฆษณาอะไรแล้ว
เห็นภาพไหมครับ?
คุณจะทำให้คนรู้จักมันมีหลายวิธี
ทั้งเสียเงิน
และไม่เสียเงิน
แต่ยังไงคุณก็ออกแรงทำ
อะไรบ้างอย่างอยู่ดี
--
ถ้าคุณเอาแต่จะนั่งเย็บเสื้ออยู่ที่บ้าน
ไม่สนอินสนพรม
ไม่เคยแสดงตัว
ไม่เคยทำข้อ1,2,3
นั่งอยู่แต่ในบ้านเงียบๆ
แล้วใครจะไปใช้บริการคุณ
แล้วใครจะไปรู้ว่าคุณให้บริการอะไรอยู่
แล้วเมื่อไม่มีคนรู้จักคุณ
ไม่มีใครมาใช้บริการคุน
แล้วมันจะเกิดข้อ4
ที่คนมีความสุข
จนนำไปบอกต่อไหม?
ไม่มีทาง!
นึกภาพออกยัง
ร้านคุณจะเกิดได้ยังไง?
เห็นภาพแห่งความจริงไหม?
ธุรกิจไหนก็ต้องทำ
เค้าต้องทำ การตลาดข้อ1ข้อ2
คนถึงจะมาใข้บริการคุณ
และถ้าเค้าใช้บริการคุณแล้ว
ไม่ว่าจะสินค้า เซอวิส บริการอะไร
แล้วคุณทำได้ดี
มันก็เกิดเป็นข้อ4
ก็เกิดลูกค้าประจำไปบอกต่อ
คราวนี้ธุรกิจคุณก็เริ่มอยู่ไ้ด้แล้ว
ถึงตรงนี้เห็นภาพแห่งความจริงไหมครับ?
วันนี้ผมพูดให้เข้าใจภาพของธุรกิจก่อน
ถ้าเข้าใจข้อนี้คุณจะไปถูกทาง
โดยไม่มีmindset อะไรมากั้นคุณไว้
————
เพราะฉะนั้นวันนี้
พอคุณมาทำบนOnline
คุณจะมีประสบการณ์
หรือไม่มีประสบการณ์
แต่ยังไง
ธุรกิจมันก็คือธุรกิจ
มันจะอยู่บนoffline
หรือPlatform online
มันก็คือธุรกิจอยู่ดี
ยังไงคุณก็ต้องทำการตลาด
เช่นกัน
คุณเปิดเพจ
แต่คุณไม่ทำการตลาดเลย
คุณเปิดเพจมา
Postอยู่ในเพจเงียบๆคนเดียว
แล้วจะให้เพจมันโตได้ไง?
มันก็เหมือนเคสแรก
ที่เย็บเสื้อคนเดียวในบ้าน
ไม่เคยทำการตลอด1,2,3ออกไปเลย
ใครจะให้คุณเย็บผ้า
เค้าก็ไม่รู้ว่า
คุณให้บริการอะไร
หรือคุณขาย
คุณทำ อะไรอยู่ถูกไหม?
———
คนมักชอบคิดว่าตัวเอง
ไม่ได้เรียนมาเรื่องนี้
แล้วรู้สึกว่าตัวเอง
ห่างไกล ไกลตัวจากการตลาด
ไม่จริงเลย
จริงๆการตลาดมันใกล้ตัวกว่าที่คิด
และมันเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว
และเข้าใจง่ายกว่าที่คิด
ถ้าเรามาพูดแบบวันนี้
พูดแบบภาษาคน
———
ปกติคนทำธุรกิจใหญ่ๆ
หรือ
พ่อเค้าแม่ค้าแถวบ้านคุณ
ตอนแรกเค้าก็ต้องทำการตลาด
สมัยก่อนคนแถวบ้านจะขายอะไร
ก็ปักป้ายหน้าบ้าน
หรือจ้างเด็กแจกใบปลิว
หรือให้ชิมฟรี ทำฟรี
เพื่อให้คุณรู้จักเค้า
พอถึงตรงนี้
คิดแบบoffline
คุณเริ่มนึกภาพออกแล้วใช่ไหม
———
จริงๆ
Onlineก็เหมือนกันครับ
คุณเปิดเพจขึ้นมาเพจเป็น0
มันเหมือนกับคุณอยู่ในบ้าน
คนเดียวรู้อยู่คนเดียวขายอะไร
แต่คนอื่นไม่รู้!
คุณก็ต้องหาทาง
ทำการตลาดข้อ1ข้อ2ให้คนรู้จักคุณ
ถ้าเงินไม่มี
ผมเจอหลายคนบอก
ไม่มีเงินยิงแอดครับ
อ่ะไม่มีก็ไม่มี!
แต่ที่ต้องมี
คือความพยายาม
คุณรู้ไหมผมเริ่มต้น
มาจากการขายรถยนต์
ผมเป็นเซลล์ขายรถยนต์นะ
ผมก็ไม่เข้าใจการตลาด
คิดว่าเป็นเรื่องที่บริษัทต้องทำให้
เป็นเรื่องที่ไกลตัว
ช่วงแรกผมยิงแอดไม่เป็น
ใช้อะไรไม่เป็นเลย
เหมือนคุณตอนเริ่มนั่นแหละ
แต่......
เพจนั้นเริ่มต้นทำการตลาดด้วยอะไรรู้ไหม?
1.บอกปากต่อปาก
คุณรู้จักใครบ้างละ
(เห็นไหมทำเหมือนร้านเย็บเสื้อเมื่อกี้เลย)
ผมเริ่มจากใครที่ตามfacebookส่วนตัวอยู่
นั่นแหละ
แต่อาจจะไม่ใข่กลุ่มเป้าหมายเท่าไหร่
แต่ไม่เป็นไร
แต่อย่างน้อยเพื่อนในfaceมันก็รุ้ว่า
“ผมขายรถ”
อย่างน้อยมันก็จะแนะนำผม
การมีเพจ
มันก็ทำให้เพื่อนมันแนะนำง่าย
เวลามันจะไปแนะนำเค้า
มันก็แค่บอกเพื่อนบอกญาติมัน
ให้มาตามเพจ
ให้มาทักเพจผม
เห็นไหมเนี่ยทำได้เลย
————
แล้วไงต่อ
สำรวจต่อดิ
มันมีfacebookกลุ่ม
สมาคมอะไรที่เค้าใช้สินค้าที่คุณขายไหม
เช่นผมตอนนั้น
เฮ้ยมันมีคลับคนใช้รถ
มีเวป หรือกลุ่ม facebook
ก็เข้าไปสิ
ไปเป็นไกด์ไปให้ไอเดีย
ไปช่วยเหลือ
ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคลับ
ตอนนั้นผมเลยได้รู้ว่า
คนใช้รถส่วนใหญ่ในคลับ
บางคนเค้าเก่งมาก
รู้ข้อมูลมากกว่าคนขายอีก
แต่ผมก็ไปช่วยในส่วนที่ผมช่วยได้
ช่วยอัพเดทรถรุ่นนั้นรุ่นนี้
จะเข้าไทยเมื่อไหร่
แล้วก็จะมีคนมือใหม่ๆ
ที่เค้าอยากได้ข้อมูล
ยังไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น
ผมก็ไปให้ไปแชร์ข้อมูลไง
ยังไงเรามีแคตตาลอคในมือ
เราก็เอาไปช่วยแนะนำ
เอาไปแจกเค้าก็ได้
เค้าติดอะไรอะไรยังไง
ก็ช่วยเหลือ
เวลามีงานอะไรก็ไป
ผมไปเป็นส่วนนึงของคลับ
เนี่ย ทำได้เลย
——————
ผมเคยแนะนำน้อง
ที่เป็นคนขายรถ ขายบ้าน
ขายสินค้า ขายเซอร์วิส
บอกเฮ้ย ทำธุรกิจอะไร
ฉีดปลวกเหรอ
มันมีคลับมีเวปคนรักบ้านอยู่ไหม
ไปช่วยเค้าได้ไหมล่ะ
ขายของเล่นหมาเหรอ?
มีคลับมีเวปอะไร
ที่คนรักหมาเค้าอยู่ไหมล่ะ
ไปช่วยเค้าได้ไหมล่ะ
———————
รุ่นน้องผมหลายคนเอาไปทำ
แล้วเค้ากลับมาบอกผมว่า
โหพี่
สูตรพี่เนี่ยไม่ได้เรื่องเลย!!!
ผมแม่งโดนเตะ
โดนแบนออกออกจากลุ่ม
ไม่เห็นเวิร์คเลย
ผมโดนด่าเละ
ผมถามไปทำอะไรมาล่ะ?
ก็ผมเอา แคมเแปญ
ไปPost แล้ว
ก็บอกสนใจติดต่อผม
พอpostทุกวันๆ
ก็ทยอยโดยไล่ออกมาทีละกลุ่มเนี่ย
ผมบอกไอ้บ้าเอ้ย!
เค้าอยู่กันดีๆ สงบสุข
เอ็งก็เอาใบปลิว
ไปแปะบ้านเค้าจนพรุนหมด
เอ็งไม่ได้ช่วยเหลือไง
เอ็งไปรบกวนเค้า
เป็นพี่ๆก็ไล่เอ็ง555
เอ็งลองคิดดูนะ
ระหว่างคนที่ไปเป็นไกด์
ไปเป็นส่วนนึง
ช่วยเหลือคนในสังคมในหมู่บ้าน
กับ
คนที่อยู่ดีๆวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านเอ็ง
เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แล้วดันเอาไปปลิวไปไล่แปะบ้านเค้า
กำแพงเค้า
จนเกะกะหน้ารำคาญไปหมด
เป็นเอ็งๆจะรู้สึกดีไหม?
นึกภาพตามแล้ว
ตอนนี้
เอ็งยังจะเอ็นดูเค้าไหม?
นั้นล่ะตัวนายในสายตา
ของคนในกลุ่มที่เอ็งทำเค้าไว้555
แต่ท้ายสุดเค้าก็เข้าใจ555
และก็เริ่มเปลี่ยน
———
เนี่ยตอนแรก
ผมทำแบบนี้ครับ
ไอ้แบบนี้คือแบบแรกนะ
(ไม่ใช่ไอ้แบบ
ที่ไปป่วนหมู่บ้านเค้านะ555)
พอผมทำแบบนี้
แล้วได้ผลดีมากๆ
ได้ทั้งเพื่อนได้ทั้งมิตรภาพ
เค้าจะซื้อเค้าก็นึกถึงผมก่อน
———
ข้อ
2.ที่เราทำได้คือ
ก็เหมือนร้านเสื้อยืดที่พูดไปตอนแรก
คือ....
“ไปเป็นสปอนเซอ
ให้งานต่างๆ
หรือไปตามคลับ”
อย่างของผมก็คลับคนใช้รถ
คลับที่เค้าทำธุรกิจก็ได้นะ
เค้าก็มีแนวโน้มที่จะใช้รถเหมือนกัน
มันไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มเป๊ะๆแบบนั้น
ใช้ sense หน่อยๆ
ซึ่งข้อ2ข้อนี้
ผมดันพูดเกินไปหมดในข้อแรกแล้ว555
หวังว่าคงไม่เป็นไรนะ
ก็ข้อ2ก็คือไปอ่านข้อ1อะ
เรื่องที่เอาตัวเข้าไปอยู่ในคลับคนใช้รถ
หรือกลุ่มอื่นๆแม่ไม่ใช่เรื่องรถโดยตรง
(แต่มีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นว่าที่ลูกค้า)
แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ใช้เงิน
ผมก็เอาใจเอาแรง
เอาความรู้ไปช่วย
จนได้ใจเค้า
ซึ่งท้ายที่สุด
มันก็ดีพอที่จะทำให้
ผมขายดีบนOnline
————
สิ่งที่ทำได้
ข้อที่3.
ถ้าเทียบกับร้านเสื้อ
ก็คือ
จ้างคนไปแปะป้ายโฆษณา
แจกใบปลิว
“สำหรับการทำOnline
มันก็คือการยิงแอดไง”
adsมันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ
บางคนก็จะยึดติดว่า
ไม่อยากยิงแอด ยิงแอดไม่คุ้ม
ไม่อยากลงทุนเงิน
แล้วไอ้ข้อ1,2,3 ที่ใช้แรงลงทุนได้
มันก็ไม่ทำอีก
————
ก็ต้องกลับไปที่คำถามเดิม
“คุณจะเย็บเสื้ออยู่ในบ้านเงียบ”
แล้วหวังจะ
ให้คนมารู้จักคุณเองงั้นเหรอ?"
ตั้งใจอ่านปากนะ
“ไม่มีทาง”
555
————
กลับมาก่อน
“กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงก่อน”
การยิงแอดในโลกofflineมันก็คือ
ไอ้ร้านเย็บผ้าร้านนั้น
อยากให้คนรู้จักมันมากขึ้น
ก็เลยทำใบปลิว
แล้วจ้างคนให้ไปยืนแจกนั้นแหละ
ถ้าคุณไปแจกถูกกลุ่ม
แล้วร้านของคุณดูน่าเชื่อถือ
“คนก็ตัดสินใจง่าย”
คุณจ้างเด็กไปแจก200บาท
แต่คนมาใช้บริการคุณ
ซื้อเท่าไหร่ไม่รู้
กำไรเพิ่มขึ้นอีก500 หรือ1,000บาท
คุ้มไหม?
คำตอบคือคุ้มดิ
ถ้าเราไม่จ้างเค้าไปแจก
ไม่จ่าย200บาทนั้นไป
แต่มันก็ไม่ได้กำไร1,000 นั้น
เห็นไหม
————
ก่อนอื่น
คุณต้องเข้าใจก่อนว่าแอด
หรือเงินจ้างเด็กแจกใบปลิวเนี่ย
มันไม่ใช่การจ่ายเงินทิ้ง
แต่มันคือการลงทุน
ขยายตัวคุณ
เห็นภาพยัง?
—————
พีน้องใน1 yearClub
หลายคนติดเรื่องนี้
พอ ปลดล็อกเรื่องนี้ได้
โตกระฉูดเลย
ลองคิดดูดิ
คุณมีของดี
แล้วไม่มีคนรู้จักคุณ
ยังไม่มีใครเคยมากินมาใช้
แล้วประทับใจ
ไปคอยแนะนำคุณแบบปากต่อปาก
แต่คุณก็ไม่ทำข้อ1ข้อ2
แล้วก็ข้อ3
คือไม่ลงทุน
จ้างเด็กไปแจกใบปลิวอีก
ถามตรงๆนะ?
แล้วคนจะมาซื้อคุณได้ไง?
จะให้คนรู้จักคุณได้ไง?
เคลียไหมตรงนี้?
——————
เคลียไหมว่ามันคือ
การลงทุน
ผมขอเล่าเรื่องนึง
มันจะทำให้คุณจำเรื่องนี้ไปตลอด
เพื่อนสมัยเรียนผม
เค้า
อยากโตเพจ อยากขายดี
แต่ชอบบอกไม่อยากยิงแอด
แอดแพง
ผมก็บอกทำข้อ1,2สิ
มันก็บอกไม่มีเวลาไปทำแบบนั้น
แบบนั้น
มันใช้เวลานาน
เราอยากได้ตังเลย
ผมก็บอกทำ3สิ
ยิงแอด จ้างเด็กแจกใบปลิว
มันก็บบอกไม่อยากยิงแอด
แอดแพงแล้วก็ไม่ได้ผล
——
ผมถามที่มึงบอกไม่เวิค
นี่มึงเคยทำจริงจังเหรอ?
มันตอบฟังรุ่นพี่มาอีกที
ผมถามรุ่นพี่สำเร็จไหม?
มันตอบไม่?55
ผมก็บอก
อย่าไปแห่ตามกันดิ
รุ่นพี่คนนั้นเค้า
เข้าใจเรื่องพวกนี้
แบบที่เราพูดวันนี้รึเปล่า?
หรือกดยิงบนมือถือ100นึง 1,000นึง
แล้วเงียบ
แล้วก็พาลบอกคนอื่นว่า
ยิงแอดไม่ได้ผล
เคยไปศึกษาลึกๆไหม?
ไอที่
ยิงแอด หรือแจกใบปลิว
แจกถูกที่ไหม ถูกคนไหม?
ขายเสื้อวัยรุ่น
แต่ไปแจกใบปลิวผิดให้ผู้สูงอายุไหม?
ขายฟันปลอมแต่ไปแจกใบปลิว
ให้วัยรุ่นไหม?
เคยได้มานั่งวิเคราะห์จริงๆจังๆไหม?
หรือยิงๆไปงั้น?
ความรู้มีคนสอนเรื่องแอดเบื้องต้นฟรีๆ
เยอะมากในsocialเลยนะ
ได้ทำกัน ได้เรียนรู้กันไหม?
—————
แล้วได้ปรับเพจ หรือปรับร้านให้น่าเชื่อถือยัง
มึงอาจจะยิงแอดหรือ
เด็กแจกใบปลิวไปแจกได้ถูกคนแล้ว
แต่พอเค้ามาที่ร้านที่เพจแล้ว
มันได้เตรียมทำร้านทำเพจน่าเชื่อถือไหม?
เหมือนขายอาหาร
แต่ไปถึงร้าน ถึงเพจโอ่ดูไม่น่ากินเลย
ไม่สะอาดเลย
เค้าก็ไม่กิน
ได้คิดได้เตรียมเรื่องพวกนี้ไว้ไหม
คนเค้าให้ความสำคัญ
ลูกค้าให้ความสำคัญ
แล้วนายได้ให้ความสำคัญกับมันไหม?
เวลามีเป้าหมายอะไร
อย่าพูดแค่อยากดิ
แต่...
จงทำเพื่อมัน
จงทุ่มเทเพื่อมัน
เรื่องออนไลน์จุดเริ่มต้น
มันไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอก
แต่ใครจริงจังในการเรียนรู้
และลงมือทำมากกว่าแค่นั้นเอง
“อย่าแค่อยากได้มัน
จงพัฒนาตัวเองให้เหมาะสมกับมัน”
เรื่องเกี่ยวกับการสร้างเพจผมเคยพูดไว้หลายคลิป
ใครติดเรื่องนี้ลองไปดูคลิปทีมีชื่อว่า
5 ข้อผิดพลาดที่ทำให้เพจคุณขายไม่ดี
(ถ้าอยากขายดีทำตรงข้าม)
และอะให้อีกคลิป
4 กฏใหม่สร้างรายได้จาก
Facebook
ก็ลองไปดู2คลิปนี้
มันมีวิธีแก้ทั้งหมดในการทำเพจ
มีหลายคนสำเร็จโตได้จากคลิปนี้
————
พี่น้อง1yearClub ที่อยู่กับผมตลอดเวลา
เค้าปรับเรีองที่ผมพูดวันนี้
ทั้งวิธีการ1,2,3,4
ทั้งเรื่องของMindset
ไม่ว่าจะทัศนคติ
ต่อการยิงแอดที่เป้นการลงทุน
ไม่ใช่จ่ายเงินทิ้ง
และการหาลูกค้าปากต่อปาก
หรือไม่ว่าจะเรื่องการ
ทำให้ลูกค้าเก่าบอกต่อ
หลายคนที่ศึกษาเรียนรู้จริงจัง
โตขึ้นพรวดๆเลย
ช่วงที่ผ่านมาเลยเห็น
เพจบางคน
โตเพจหลักหลายหมื่นในเวลา1-2เดือน
และหลายคนทำรายได้
หรือทำกำไรทะลุ1ล้าน
หรือใกล้หลัก10ล้าน
เมื่อเข้าใจข้อนี้
———————
คนชอบคิดว่าตัวเอง
ไกลตัวจากการตลาด
ไม่จริงเลย
จริงๆการตลาดมันใกล้ตัวกว่าที่คิด
และถ้าคุณจะทำธุรกิจ ให้โต
คุณต้องทำการตลาดให้เป็น
เพราะฉะนั้น
ที่ผมแชร์เรื่องการตลาดในวันนี้
นี่คือเคล็ดลับที่คุณสามารถเริ่มได้เลย ณ ตอนนี้
หลายคนบอกอยากเจอผม
อยากอยู่ในกลุ่มพี่น้องไฟลุก ผลักดัน
แต่ยังไม่พร้อมเข้า1 Year
ยังไม่พร้อมเข้าOnline take over
ผมบอกไม่เป็นไรเลย
ไม่ต้องรู้สึกผิดตัวเอง
พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยมาลุยกัน
แต่คุณไม่ต้องรอวันนั้น
ไม่ต้องรอมาเรียนก่อนค่อยทำ
ไม่ต้องรอแบบนั้น
คุณเริ่มต้นได้ก่อนเลย
คุณสามารถดูคลิปที่ผมทำให้แบบวันนี้
แล้วไปเริ้มทำได้เลย
พวกคลิปหน้าเพจเนี่ย
ผมว่ามันดีพอที่คุณจะเริ่มต้น
แล้วโตได้นะ
แต่แค่คุณแค่ต้องขยันๆ
ผลักดันตัวเอง
หน่อยแค่นั้นเอง
okไหม
—————
Ok สรุป
4 วิธีโตเพจ ไว
โดยไม่ต้องใช้เงิน ยิง ads เลยสักบาทเดียว
ไม่ยิงแอดได้ไหม
โตเพจได้โดยไม่ต้องเสียค่าแอดได้ไหม?
คำตอบคือได้!
ก็เอา4ข้อนี้ไปทำ
ข้อ1.ทำการตลาดแบบปากต่อปาก
(นึกถึงเรื่องร้านเย็บผ้าที่บอกต่อคนแถวบ้าน
หรือเรื่องผมบอกต่อเพื่อนๆในfaceส่วนตัว)
ข้อ2.ไปเป็นสปอนเซอกับกลุ่มว่าที่ลูกค้า
(ก็ถ้าOfflineก็คิดถึงเคสเย็บเสื้อ
ถ้าOnline ก็คิดเรื่องผม
ไปเป็นส่วนนึงในคลับคนใช้รถ)
3.ยิงแอด(ด้วยMindsetแบบใหม่)
เปลี่ยนMindsetใหม่ไปเลย
เรื่องแอดมันคือการลงทุน ไม่ใช่เงินจ่ายทิ้ง
“นึกถึงเรื่องร้านเย็บเสื้อ
ที่เค้าจ่ายค่าเด็กแจกไป200
แล้วคนมาใช้บริการมากขึ้น
จนได้กำไร500-1,000”
เพราะถ้าไม่จ้างเด็ก
ก็ไม่ได้กำไรกลับมา
ถ้าคิดจริงๆแล้วเค้าไม่ได้เสียอะไรไปนะ
มันคือการลงทุน
4.ดูแลลูกค้าให้ดีจนมีลูกค้าประจำบอกต่อ
ถ้าคุณทำข้อ1,2,3ได้ดี
แล้วคุณดูและเค้าได้ดี
ข้อ4มันจะเกิด
คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทำการตลาดหนักๆอีกก็ได้
เพราะชื่อเสียงความดีของคุณ
เพราะเค้าบอกต่อคุณ
แถมอีกข้อ
ข้อ5.สร้างฐานแฟน
ถ้าคุณสร้างฐานแฟนได้
มีคนมารอดูคุณ
แบบพี่น้องOTO หมอหนึ่ง หมอปอ
กัปตัน บึ๋น หมอโต๋
และอีกหลายๆคน
ที่เค้าทำคอนเทนต์ดีๆ
และการที่ทำคอนเทนดีๆ
อย่างในOTO
ที่มีสูตร80-15-5
นี่ก็เป็นอีกข้อนึงที่
จะโตเพจคุณได้
และนี่คือ4+1ข้อที่จะทำให้
เพจของคุณเติบโต ขาย ดี
ไม่ว่าจะลงทุนยิงแอด
หรือไม่
ผมเชื่อว่า
มันจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องที่แน่นอน
เอาไปลุยกันครับ^-
A10(เอเท็น)