“เราจะทำสิ่งที่ประชาธิปไตยที่ผ่านมาทำไม่ได้” - #ประยุทธ์จันทร์โอชา 1 ส.ค. 2557
ช่วงเวลา 7 ปี คือเวลาที่ยาวนานมากสำหรับชีวิตทุกคน
ถ้าเพิ่งจบป.6 มันหมายความว่า ม.1 - ปี 1 คุณโตมาใน
สภาพแวดล้อมการเมืองบิดเบี้ยวที่เริ่มต้นจาก #รัฐประหาร
สำหรับโจ้มันคือเวลา 24.13% ของชีวิตที่เสียไป
‘เสีย’ ทั้งความฝัน ความหวัง อนาคต และคุณภาพชีวิต
ถ้า 7 ปีที่ผ่านมาไม่มีการปล้นอำนาจประชาชน
เราจะมีทุกสิ่งที่มีในวันนี้ ‘แต่มากกว่า และดีกว่านี้’
เราจะมีสิทธิเสรีภาพในการพูด เราจะมีสิทธิ์เลือก
เราจะมีสิทธิ์ตั้งคำถาม เราจะสามารถวิจารณ์
โดยไม่ต้อง ‘กลัว’ ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
‘ความกลัว’ ที่เรามี หลายคนลืมไปแล้วเพราะมัน
กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ชิวิตที่หลุด ‘โฟกัส’
ลืมไปแล้วว่าจริงๆ ‘ความฝัน’ และ ‘ความหวัง’
ที่เราเคยมีมันคืออะไร เพราะที่ผ่านมาใช้พลังทั้งหมด
ไปกับการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งชีวิตที่ ‘ไม่ติดลบ’ ถ้ากลับ
มาอยู่ที่ ‘0’ ได้ก็บุญแล้ว ไม่ต้องนับว่าชีวิต ‘บวก’ คืออะไร
เราโตมาในสังคมที่คนนับไม่ถ้วน ‘เห็นดีเห็นงาม’ กับการ
‘ปล้นอำนาจประชาชน’ แน่นอนว่าหลายคนไม่กล้าพูด
เพราะเชื่อว่าถ้าต่อต้าน อาจต้อง ‘สูญเสีย’ ทั้งที่ใจอยากพูด
แต่น่าแปลกที่เรามาจนถึงเวลานี้ ยังมีคนที่ไม่ต่อต้าน เพราะ
‘เห็นดีเห็นงาม’ กับระบอบที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสากลโลก
แต่เราจะไม่ท้อ เราจะยืนหยัดในความถูกต้อง
เราจะยืนสู้จนกว่าวันที่ระบอบ***นี้มันจะหมดไป
และได้ใช้ชีวิตในวันที่เราได้ ‘เลือกตั้ง’ ในแบบที่
สากลโลกให้การยอมรับอีกครั้งนึง วันที่ ‘คน’
จะเห็น ‘คนเท่ากัน’
#22พค #7ปีรัฐประหาร
ความฝัน คืออะไร 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
“ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb” การรวมกิจการ ที่กำลังเกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ
ttb X ลงทุนแมน
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ข่าวใหญ่ในแวดวงสถาบันการเงิน
คือการประกาศรวมกิจการของ ทีเอ็มบี และ ธนชาต
จาก 2 ธนาคารมาเป็นธนาคารเดียวกัน
เป็นเหตุการณ์ที่คนทั้งประเทศเฝ้าจับตามองว่าสุดท้ายแล้วการรวมกิจการครั้งนี้
รูปแบบการบริหารธุรกิจของธนาคาร จะเป็นอย่างไร
ล่าสุดข้อสงสัยเหล่านี้ ได้สิ้นสุดลง เมื่อทีมผู้บริหารออกมาเปิดเผยนโยบาย
หลังการรวมทีมของสองธนาคารได้เสร็จสมบูรณ์ 100%
พร้อมประกาศใช้ชื่อหลังรวมกิจการว่า “ทีเอ็มบีธนชาต” หรือชื่อย่อว่า ttb
t ตัวแรกย่อมาจาก TMB
t ตัวที่สองย่อมาจาก Thanachart
b ย่อมาจาก Bank หรือ ธนาคาร
โดยไอเดียมาจากอักษรตัว t สองตัวแทนตัวย่อของ 2 ธนาคารคือ ทีเอ็มบี และ ธนชาต
ส่วนอักษร b ตัวเดียวคือ การรวมกันเป็นหนึ่งธนาคาร นั่นเอง
คำถามก็คือต่อจากนี้ไป “ทีเอ็มบีธนชาต” หรือ ttb จะมีกลยุทธ์การบริหารอย่างไร
แล้วจะเปลี่ยนแปลงชีวิตทางการเงินของลูกค้าตัวเอง ด้วยวิธีไหน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่า การรวมของ 2 ธนาคารพร้อมกับเปลี่ยนชื่อมาเป็น ttb
ได้ทำให้โครงสร้างธนาคารแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว
โดยมีสินทรัพย์รวมกว่า 2 ล้านล้านบาท มีลูกค้าราว 10 ล้านราย
และมีพนักงานรวมมากกว่า 15,000 คน
ที่น่าสนใจก็คือพนักงานทั้งหมดจะขับเคลื่อนด้วยนโยบายบริหารเดียว
ONE DREAM, ONE TEAM, ONE GOAL หรือ 1 ความฝัน 1 ทีมขนาดใหญ่ เพื่อไปถึง 1 เป้าหมาย
คำถามก็คือแล้วเป้าหมายที่ “ทีเอ็มบีธนชาต” จะขับเคลื่อนให้เกิดเป็นภาพความจริงขึ้นมาคืออะไร
คำตอบก็คือ “การสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งในวันนี้ และในอนาคต เพื่อคนไทย”
หลายคนคงสงสัยต่อว่า แล้วนิยามของคำว่า “สร้างชีวิตการเงินที่ดี” คืออะไร
…
..
ช่วงการระบาดของโควิด 19 ทางธนาคารแห่งนี้มีนโยบายช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้ารายย่อย
SMEs รวมถึงลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ โดยที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือไปแล้วกว่า 750,000 ราย
ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนปรนชำระหนี้ จนถึงการมอบดอกเบี้ยสินเชื่อในอัตราพิเศษ
ซึ่งทาง ttb ก็เชื่อว่าหากลูกค้าทุกกลุ่ม สามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้
นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งแล้วนั้น ยังจะสามารถเติบโตไปอย่างยั่งยืนพร้อม ๆ กับธนาคารได้
ส่วนเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ก็คือการบริการลูกค้ารายย่อยกว่า 10 ล้านราย
ทำให้โจทย์ที่ธนาคารต้องคิดคือ ในชีวิตการเงินของคนหนึ่งคน เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
โดยแบ่งเป็น 4 เรื่องหลัก ๆ
1. ฉลาดออม ฉลาดใช้ : ผ่านผลิตภัณฑ์การออมทรัพย์ที่หลากหลาย
ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นจุดแข็งของทีเอ็มบีที่มีผลิตภัณฑ์การออมเงิน
ที่สร้างชื่อตอบโจทย์ลูกค้าด้วยความคุ้มค่า เช่น บัญชี ALL FREE และบัญชี NO FIXED
ซึ่งเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่กำลังก่อร่างสร้างตัว เพื่อล้านแรกในชีวิต
2. รอบรู้เรื่องกู้ยืม : ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลากหลายทั้งสินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์
ที่ธนชาต คือเบอร์หนึ่งในธุรกิจนี้มายาวนาน พร้อมกับมีพนักงานให้คำปรึกษา
เพื่อให้การกู้ยืมเกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว
3. ลงทุนเพื่ออนาคต : ผ่านผลิตภัณฑ์การเงินหลากหลายที่ตอบโจทย์การลงทุนครบวงจร
โดยจะมีทีมที่ปรึกษาระดับมืออาชีพคอยแนะนำ จับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการชีวิตมั่นคงหลังเกษียณ
4. ความคุ้มครองที่อุ่นใจ : ผ่านผลิตภัณฑ์หลากหลายทั้งประกันชีวิต, สุขภาพ, การวางแผนมรดก
เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เข้าสู่วัยเกษียณ
จะเห็นว่า “การรวมกิจการ” จาก 2 ธนาคารรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
คือการนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาผสานกันอย่างลงตัว
และในอนาคตต่อจากนี้ สิ่งที่น่าจะได้เห็นก็คือผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ ๆ ที่มอบข้อเสนอดี ๆ
เพื่อมาตอบโจทย์ชีวิตการเงินของคนในประเทศ
แล้วก็น่าจะทำให้ ttb มีจำนวนลูกค้าเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่า 10 ล้านราย
ในเวลาอันรวดเร็ว
ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับเราทุกคน
คนที่เป็นลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารนี้อยู่แล้ว ก็จะได้รับบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ที่พัฒนาดีขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่มากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของ ttb ก็จะมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เลือกที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น ๆ
สุดท้ายแล้ว แม้โลกการเงินจากอดีตจนถึงวันนี้จะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน
นับตั้งแต่ยุคธนาคารแอนะล็อกที่ “ทุกอย่าง” อยู่ที่สาขา
มาสู่ยุคดิจิทัลที่เกือบจะ “ทุกอย่าง” มาอยู่บนมือถือของเรา
แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไหนเลย นั่นก็คือ “ผู้บริโภค” นั่นเอง..
#ทีเอ็มบีและธนชาตเปลี่ยนเป็นทีทีบี #เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #TMBThanachart #ttb #MakeREALChange
ความฝัน คืออะไร 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
realme แบรนด์สมาร์ตโฟน ที่โตเร็วที่สุดในโลก
realme x ลงทุนแมน
หากพูดถึงแบรนด์สมาร์ตโฟนที่มาแรงที่สุดในตอนนี้
คงต้องขอยกตำแหน่งนี้ให้กับ “realme”
เพราะนี่คือแบรนด์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาได้เพียง 2 ปี
แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็น
Top 7 แบรนด์สมาร์ตโฟนที่ขายดีที่สุดในโลก
Top 4 แบรนด์สมาร์ตโฟน ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย
และที่สำคัญคือ เป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายสมาร์ตโฟนถึง 50 ล้านเครื่อง ภายในระยะเวลา 2 ปี
พร้อมก้าวขึ้นสู่ แบรนด์สมาร์ตโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
เบื้องหลังความร้อนแรงและความสำเร็จของแบรนด์ realme คืออะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้ไหมว่า แบรนด์ realme เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้เพียง 2 ปี เท่านั้น
โดยก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ปี 2018
โดย คุณ Sky Li และทีมงาน
และเพื่อตอบข้อสงสัยว่า ทำไมถึงยกให้ realme เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่โตเร็วที่สุดในโลก
เราลองมาดูข้อมูลจาก Counterpoint Research บริษัทวิจัยตลาดของสมาร์ตโฟน
ว่าสมาร์ตโฟนแบรนด์ไหน ที่ทำยอดขายถึง 50 ล้านชิ้น ได้เร็วที่สุด
- realme ใช้เวลา 9 ไตรมาส
- Samsung ใช้เวลา 10 ไตรมาส
- Xiaomi, Vivo ใช้เวลา 12 ไตรมาส
หมายความว่า เพียงแค่ประมาณ 2 ปี
realme สามารถขายสมาร์ตโฟนไปได้แล้วมากกว่า 50 ล้านเครื่อง
ซึ่งเป็นสถิติที่เร็วที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
และเพียงแค่ 2 ปี realme ก็ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับที่ 7 ของโลก
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงปีนี้ ที่มีการระบาดของโควิด 19
สมาร์ตโฟนของ realme สามารถทำยอดขายโตระเบิด
โดยเฉพาะ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ยอดขายสมาร์ตโฟนของ realme เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 132%
ซึ่งถือว่าโดดเด่นมากที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน
สำหรับในประเทศไทย เมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
realme ครองตำแหน่งแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ขายดีสุด เป็นอันดับ 4
ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า เคล็ดลับความสำเร็จของ realme คืออะไรบ้าง..
ประเด็นที่ 1 : เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุด เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี
realme เน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และรูปลักษณ์ดึงดูดใจ
ด้วยการโชว์จุดเด่นในเรื่อง “เทคโนโลยี” และ “สไตล์”
ในเรื่องของ เทคโนโลยี
realme เป็นเจ้าแรก ในการนำหลายเทคโนโลยีทรงประสิทธิภาพมาใช้
อย่างเช่น
- เปิดตัวสมาร์ตโฟนเป็น ที่มาพร้อมซิปเซ็ต Helio G85, Helio G95 รุ่นแรกของโลก
- เปิดตัว realme XT สมาร์ตโฟนเครื่องแรกของโลก ที่มีกล้องความละเอียดระดับ 64 ล้านพิกเซล
- เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 125W UltraDart Charge ชาร์จแบตเตอรี่เฉลี่ย 33% ภายใน 3 นาที
ในเรื่องของ สไตล์
realme ได้ร่วมมือกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำระดับโลก
เพื่อออกแบบสมาร์ตโฟน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
อย่างเช่น การร่วมมือกับดีไซเนอร์ระดับโลก คุณ Naoto Fukasawa
เพื่อออกแบบ “realme X2 Pro Master Edition”
และสามารถคว้ารางวัลการออกจากเวทีระดับโลกอย่าง Red Dot Design Award
ประเด็นที่ 2 : เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ และมีราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก
realme มีการจัดแคมเปญ ‘Empower The Next Gen’
ผ่านการชูสโลแกน “Dare to Leap”
เพื่อช่วยเสริมพลัง และสร้างแรงบัลดาลใจขับเคลื่อนคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ
อย่างเช่น การจัดกิจกรรม realme Fan Festival
ณ realme Service Center & Sale Experience Store สาขา เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9
โดยในงานมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง realme กับกลุ่มแฟนคลับ
เช่น แคมเปญ “Dare to Be realme”
ที่มีการแจกเสื้อยืดที่สกรีนประโยค “Dare to Be_____”
โดยผู้สวมใส่สามารถเขียนคำที่แสดงความเป็นตัวตนลงไปในช่องว่าง เพื่อสร้างเป้าหมาย ความฝัน และแรงบันดาลใจ
และนอกจากจะเด่นเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมแล้ว
realme ยังเด่นในเรื่องของ “ราคา” ที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่า
เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนจากแบรนด์อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน
ประเด็นที่ 3 : นำเสนอประสบการณ์ 5G สำหรับทุกคน
realme เน้นหนักในเรื่องการนำเสนอเทคโนโลยี 5G ในผลิตภัณฑ์ “ทุกช่วงระดับราคา”
โดยมีตั้งแต่ realme 7 5G สมาร์ตโฟนราคาไม่ถึงหมื่นบาท
ที่มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 800U และสเปกที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน
ไปจนถึงสมาร์ตโฟน 5G เรือธงรุ่นล่าสุด อย่าง realme X7 Pro 5G
ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge และดีไซน์ที่โดดเด่น บาง เบา
ประเด็นที่ 4 : สร้างระบบนิเวศให้ผลิตภัณฑ์ ด้วย AIoT & Accessories
realme ใช้กลยุทธ์ “Dual Drive Strategy” ในการสร้างระบบนิเวศให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
โดยการให้ AIoT & Accessories หรือก็คือ “Accessories Internet of Things” และ สมาร์ตโฟน มาส่งเสริมการใช้งานซึ่งกันและกัน ภายใต้กลยุทธ์ 1+4+N
“1” คือ “สมาร์ตโฟนของ realme” ที่จะเป็นศูนย์กลางหลักของระบบ AIoT ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานได้ ผ่าน realme Link ในสมาร์ตโฟน
“4” คือ “4 Smart Hubs” หรือผลิตภัณฑ์จะที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน
ซึ่งได้แก่ Smart Earphone, Smart Watch, Smart TV และ Smart Speaker
“N” คือ อุปกรณ์ Accessories อื่นๆ
ที่ realme ออกแบบมาเพื่อมาตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนตัว การใช้งานภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยว
เช่น เพาเวอร์ แบงก์, กระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับเดินทาง และกระเป๋าเดินทางล้อเลื่อน
ทั้งหมดนี้ ก็คือเคล็ดลับที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จ
ที่ทำให้แบรนด์สมาร์ตโฟน และอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ 2 ปี
สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลก
และสามารถเติบโตได้อย่างร้อนแรง
จนกลายมาเป็น แบรนด์สมาร์ตโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้สำเร็จ..