ผมแต่งทำนองเพลงนี้ให้เป็นภาคต่อของเพลง 'รัก'
คอร์ด และทำนองนั้นเกิดขึ้นมาจากการจับกีตาร์แล้วร้องฮูฮาตามภาษานายนภจอมมั่ว ทั้งยังนั่งเทียนแบ่งท่อนต่างๆออกเป็นลำนำตามสไตล์จนเรียบร้อย จากนั้นก็นำไปปรึกษาพี่บอยในทันทีเหมือนเช่นเคยในทุกครั้งที่ต้องแต่งเพลงที่มีความหมายเกินตัวผมเอง ชื่อเพลง ความสุข นั้นได้มาจากโจทย์ของเพลงที่จะต้องนำเพลงนี้ไปประกอบภาพยนตร์เรื่อง "ความสุขของกะทิ" โดยเนื้อหาใจความของเพลงที่เราอยากจะถ่ายทอดก็คือ อารมณ์ที่ผู้ใหญ่อยากจะบอกเล่าความเข้าใจในชีวิตแบบง่ายๆให้ลูกหลานได้ฟังแล้วเก็บไว้พิจารณาในเวลาที่พวกเค้าอาจจะต้องพบเจอกับอารมณ์ สุข เศร้า เหงา สมหวัง ผิดหวัง ในทุกๆวัน พี่บอยฟังทำนองแล้วสามารถเขียนรวดเดียวตั้งแต่เริ่มต้นจนจบในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พี่บอยถือโอกาสใช้ภาษาที่สละสลวยเหมือนร้อยกรองในเพลงนี้ ฟังดีๆจะเหมือนภาษาธรรมะที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบเพลงไทยสากล
มาถึงขั้นตอนการทำเพลง คนแรกที่ผมโทรไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือก็คือ อาจารย์โจ้ @Joe Darin ที่อยากให้มาร่วมกันทำ Original Soundtrack ประกอบภาพยนตร์ทั้งเรื่องนี้ด้วยกัน (ทำออกมาทั้งหมด 28 เพลง ถ้ามีโอกาสจะเอามาโชว์นะครับ) เริ่มต้นด้วย Piano Riff ที่เป็นเหมือนภาคต่อของเพลงรัก แต่เปลี่ยน Motif ไปนิดนึงให้มีความเด็กลงเหมือนเพลงกล่อมเด็ก แต่ไม่เด็กไป จากนั้นผมก็ใส่นู้นใส่นี้ร้องโน้นร้องนี้ลงไปประกอบกันจนเสร็จเป็นเดโมออกมา ซึ่งในเวอร์ชันแรกที่ทำสำเร็จออกมานั้นก็ยังไม่มี Orchestration Parts แต่อย่างใด
ผ่านมาวันนี้ก็ครบรอบ 12ปีไปแล้ว จึงได้นำกลับมาลงให้ฟังใหม่ในเวอร์ชันที่มีการเรียบเรียง Orchestration เพิ่มเติมโดย อ.คานธี @Gandhi Wasuvitchayagit มันทรงพลังและตอกย้ำความธรรมดาของชีวิตที่พวกเราต้องเจอกันอยู่ในทุกวันได้เป็นอย่างดีจริงๆครับ วันนี้เพลงนี้เวอร์ชันนี้น่าจะมีพลังงานเพียงพอส่งต่อสอนใจให้กับผู้ใหญ่อย่างพวกเราได้ด้วยไม่มากก็น้อย
ผมจึงอยากขอบคุณเบื้องหลังของเพลงนี้ตามรายนามด้านล่างนะครับ ผมเชื่อว่าหลายท่านคงลืมการทำงานสร้างผลงานเพลงชิ้นนี้กันไปหมดแล้วล่ะ กราบขอบพระคุณทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามาให้เราได้กลั่นกรองเพลงนี้ออกมาร่วมกันครับ
ความสุข - Happiness (Orchestration Mixed)
คำร้อง Boyd Kosiyabong
ทำนอง Nop Ponchamni
Produced by Dobe Music Production
Piano by Joe Darin
Bass by Notapol Srichomkwan
Acoustic Guitar by Montien Kaewgamnoed
Saxophone by Pey Saxes
Tapla by Kijjazz
Orchestration by Gandhi Wasuvitchayagit
All other instruments & Vocals by Nop Ponchamni
Project Coordinator Sutita Nina Panyayong
#NoppySinger
ความสุขของกะทิ 在 Facebook 的最佳解答
ความสุขของกะทิ🤎
@feelsogoodhome
#feelsogoodhome #Alexface
ความสุขของกะทิ 在 Money Coach Facebook 的最讚貼文
บ่อน้ำแห่งความหวัง
“จะเจ็บจะจนแค่ไหน อย่าให้เงินกับทุกคนบนโลก จนลืมให้ตัวเอง”
ช่วงเวลาที่กัดฟันต่อสู้กับปัญหาหนี้ ผมพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้ตัวผมยืนหยัดต่อสู้กับหนี้ได้ ไม่ใช่เงิน แต่มันคือ “ความหวัง” และ “กำลังใจ”
ชีวิตในช่วงนั้น ผมทำงานประจำวันจันทร์-ศุกร์ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หลังเลิกงานก็ไปขายของบ้าง สอนพิเศษบ้าง ขายประกันบ้าง กว่าจะได้กลับมานอนก็เที่ยงคืน วันเสาร์อาทิตย์ ผมรับงานเป็นที่ปรึกษาโรงงาน ช่วงที่ไม่มีงานก็ขายของ หรือไม่ก็เป็นนายหน้าขายบ้าน
เป้าหมายเพียงอย่างเดียว คือ หาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อเอามาชำระหนี้เดือนนึงร่วมสองแสนบาท ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ด้วยหวังว่าจะให้มันหมดเร็วที่สุด จะได้พ้นทุกข์และเริ่มต้นชีวิตของตัวเองเสียที
แต่ที่แย่ก็คือ แม้ผมจะพยายามแค่ไหน รายได้ก็ได้แค่ 6-7 หมื่นบาท มีบางเดือนที่แตะหลักแสนได้บ้าง แต่ก็ไม่พอใช้หนี้ ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ใช้หนี้ไปเกือบหมด เหลือไว้กินนิดหน่อย ที่จ่ายไม่ได้ก็ผัดผ่อนเขาไปเรื่อย
เวลาผ่านไปเจ็ดปี หนี้ก็ลดลงไปพอสมควร แต่ที่แย่ก็คือ เหมือนพลังชีวิตของตัวเองหมด และอ่อนแรงลงไปด้วย
ก็จะไม่ให้หมดได้ยังไง ทำงานอาทิตย์ละ 7 วัน หาเงินได้เท่าไหร่ก็เอาไปใช้หนี้หมด มันแย่มากนะครับ ที่พอนึกขึ้นได้ว่า ขยันไปเท่าไหร่สุดท้าย ก็จะมีคนมารอเอาเงินเราไปแทบทุกบาททุกสตางค์ ถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกัน ในช่วงชีวิตเดียวกัน ผมหาเงินได้มากกว่าเพื่อน ๆ แต่สุดท้ายจบสิ้นเดือน ผมไม่เหลืออะไรเลย เงินเก็บหลักพันยังไม่มีกับเขาเลย
มันเหมือนพยายามตักน้ำด้วยถังที่รั่ว ยิ่งวิด ยิ่งตัก ก็ยิ่งเหนื่อย
สุดท้ายได้ค้นพบหลักคิดที่ใช้เป็นคำสอนตัวเองในช่วงเวลานั้นว่า “จะเจ็บจะจนแค่ไหน อย่าให้เงินกับทุกคนบนโลก จนลืมให้ตัวเอง” เพราะคนเรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง แม้วันจะเป็นเพียงความหวังเล็ก ๆ ก็ตาม
คิดดูสิ หาเงินมาได้ร่วมแสน ให้รัฐบาล (ภาษี) ให้ธนาคาร (เงินผ่อน) ให้เจ้าหนี้นอกระบบ (ดอกเบี้ย) ให้ร้านข้าว (ค่าข้าว) ให้ห้างสรรพสินค้า (ข้าวของเครื่องใช้) ฯลฯ ทุกคนได้เงินจากน้ำพักน้ำแรงเราหมด คนเดียวที่ไม่ได้ คือ คนออกแรง
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงเริ่มหักเงินที่หามาได้ สะสมทุกเดือน ๆ ละ 3,000 บาท (เงินไม่พอจ่ายเจ้าหนี้ ค่อยคิดหาวิธีเอา) ฝากใส่บัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน (สมัยนั้นยังไม่รู้จักกองทุนรวม) คิดแบบตื้น ๆ ว่า เดือนที่หนึ่งเอาเงินฝากเข้าไป เดือนที่สองและสามก็ฝากเข้าไป พอเดือนที่สี่ เงินที่ฝากเดือนแรกก็จะได้ดอกเบี้ย วนไปอย่างนี้เรื่อย ๆ แล้วก็ขยับอัพเดทสมุดบัญชีบ่อย ๆ เพราะอยากเห็นสมุดบัญชีเต็มไวไว (มีความโรคจิตนิด ๆ)
จน เจ็บ แต่อยากเห็นเงินในบัญชีโตขึ้นทุกเดือน บอกตัวเองว่า “ไม่ว่ายังไงจะไม่ถอนเงินจากบัญชีนี้ออกมาใช้จ่ายเด็ดขาด” ใครไม่เคยไม่รู้ ใครไม่เคยย่อมไม่เข้าใจ เวลาคนเราเห็นสมุดบัญชีตัวเองมีแต่เงินฝากเข้าบัญชี ไม่มีถอนออกมาเลย แถมยังมีดอกเบี้ยเข้าบัญชีทุก ๆ 3 เดือน มันสร้างความสุขและพลังให้กับชีวิตเรามากแค่ไหน (ใครเหนื่อยกับหนี้อยู่ ผมชวนให้คุณลองดูครับ)
แม้ดอกเบี้ยที่ได้รับจะไม่มากไม่มายอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีสิ่งที่เรียกว่า “ทรัพย์สิน” เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง หมดแรงหมดพลัง ก็หยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู เพื่อเตือนตัวเองว่า เรายังมี เรายังเหลือ เรายังไม่สิ้นเนื้อประดาตัว
ที่สำคัญ … คนเรานั้นพอสร้างความสำเร็จเล็ก ๆ ให้ชีวิตได้ ก็จะเริ่มเชื่อว่า ตัวเองสามารถสร้างความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นได้
พอเริ่มเก็บเงินหลักพันได้ ก็จะเชื่อว่า เงินหมื่นเป็นไปได้
พอเก็บเงินหลักหมื่นได้ ก็จะเชื่อว่า เงินแสนเป็นไปได้
และพอเก็บเงินหลักแสนได้ ก็จะเริ่มเชื่อว่า เงินล้านเป็นไปได้
ความเชื่อของคนเราสร้างกันแบบนี้ ไม่ใช่เสกหรือขอกันได้ แต่มันเชื่อเพราะเราค่อย ๆ สร้างความสำเร็จ ความภูมิใจให้กับตัวเองทีละน้อย
สุดท้ายจากเงินเก็บเงินเริ่มต้น 3,000 บาทในการเปิดบัญชีเงินฝากประจำครั้งแรก ทำแบบอัตโนมัติ ทำแบบไม่ต้องคิดอะไร สุดท้ายบัญชีเงินฝากดังกล่าว ก็กลายมาเป็นเงินดาวน์บ้านหลังที่ผมอยู่อาศัยจนถึงปัจจุบันนี้
ฟังเรื่องของผมมาเยอะแล้ว มาฟังเรื่องของลูกศิษย์ผมกันบ้าง
ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งเป็นชาวขอนแก่น เขาประสบปัญหาหนี้หนัก และได้มาศึกษาเรื่องการเงินกับผม ตัวเขาเองประกอบอาชีพค้าขาย แต่ละวันได้รายได้มา ก็จะทำตัวเลขรายรับรายจ่าย และจัดสรรกำไรส่วนหนึ่งลงทุนให้ตัวเอง
ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ขายของมีกำไร 749 พรุ่งนี้เช้าเขาจะแบ่ง 49 บาท ไปซื้อกองทุนรวมหุ้น SET50 วันถัดมามีกำไร 812 บาท ก็จะแบ่งลงทุน 12 บาท ทุกวันเขาจะแบ่งเงินกำไรหลักสิบไปลงทุนทุกวันไม่เคยขาด
เงินหลักสิบลงทุนผ่านกองทุน SET50 เหมือนซื้อหุ้น 50 ตัวด้วยเงินเพียงเล็กน้อย เก๋ดีเหมือนกันนะครับ
ผมถามเขาว่าลงทุนด้วยเศษเงินแบบนี้ อาจต้องใช้เวลานานหน่อยนะ กว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นกอบเป็นกำ สิ่งที่เขาตอบกลับมาน่าสนใจมาก เขาบอกกับผมว่า เขาไม่ได้หวังรวยจากเงินหลักสิบที่แบ่งไปลงทุนทุกวัน แต่เขาต้องการให้กำลังตัวเอง เพราะแต่ละวันที่ต่อสู้กับหนี้นั้นเหนื่อยมาก หันหลังกลับไปมองที่ไร แอบหมดแรงแอบท้อ แต่พอจบวัน เขาได้ลงทุนบ้าง ได้มองไปข้างหน้าบ้าง ก็รู้สึกดี รู้สึกว่าจบหนึ่งวัน เราได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง
คนเราขาดอะไรก็ขาดได้ แต่อย่าขาด “ความหวัง” และ “กำลังใจ”
ไม่ต้องรอให้หนี้หมด ก็เริ่มออมเริ่มลงทุนได้ทันที เริ่มเท่าไหร่ก็ได้ ขออย่างเดียวคือ ความสม่ำเสมอ
ข้อดีที่ได้จากการแบ่งเงินมาออมหรือลงทุน ในช่วงที่ยังเป็นหนี้ นอกเหนือไปจากความหวังเล็ก ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า ก็คือ การสะสมนิสัยการออม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของคนรวย (วันนี้ยังไม่รวย ก็ซ้อมรวยไปก่อน)
หลายคนอาจคิดต่างว่า ถ้าพอจะเก็บออมได้บ้าง ทำไมไม่เอาไปใช้หนี้ การออมอย่างมากก็ให้ดอกเบี้ยแค่ 1-2% หรืออย่างกองทุน SET50 ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวก็แค่ 7-8% สู้เอาเงินไปชำระหนี้ก่อนดีกว่ามั้ย เพราะดอกเบี้ยจากหนี้สูงถึง 18-28% เลย
อย่างที่บอกไปครับ ใครไม่เคยมีชีวิตจมกองหนี้หนัก ๆ ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร เราตัดเงินเล็กน้อยมาออมมาลงทุน เพื่อความหวัง เพื่อกำลังใจ และที่สำคัญ เพื่อเรียกความมั่นใจและความภาคภูมิใจในชีวิตกลับคืนมา ไม่ใช่เพื่ออัตราผลตอบแทน
ก็แล้วทำไมคนที่ผิดพลาดต้องมองแต่อดีตเล่า เราแก้ปัญหาในอดีตไปพร้อมกันกับการสร้างอนาคตควบคู่กันไปไม่ได้เหรอ คนเราเวลาขับรถ ใครเขามองกันแต่กระจกมองหลังกันเล่า เขามองไปข้างหน้า มองผ่านกระจกมองหน้า กระจกมองหลังเขาใช้มองเป็นครั้งคราว รถมันถึงเคลื่อนไปได้ไม่ใช่เหรอ
ดังนั้น โฟกัสให้ถูก โฟกัสให้ดี ว่าชีวิตเราควรมองทางไหน ยังไง
วันนี้ใครเจ็บใครจนอยู่ อย่าลืมสร้างอนาคตไปพร้อมกันกับการแก้ไขอดีต เริ่มต้นสร้าง บ่อน้ำแห่งความหวัง ตั้งแต่วันนี้ จำไว้ว่า ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง เป็นหนี้มากแค่ไหน ก็เริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งในอนาคตไปพร้อม ๆ กัน กับการปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ครับ
ที่มา: หนังสือ “เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน” เขียนโดย โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์
ปล. 1: ภาพ “บ่อน้ำแห่งความหวัง” เขียนโดย ศิลปิน-นักวาดภาพ ออร์แกนิค เจ้าของผลงานวาดภาพประกอบวรรณกรรม “ความสุขของกะทิ” เธอมอบภาพนี้ไว้ให้ผม เมื่อพฤศจิกายน ปี 2562 ปัจจุบันเธอจากโลกนี้ไปแล้ว ผมสัญญาว่าจะเก็บภาพนี้ไว้ตลอดไปครับ
ปล. 2: กองทุนรวม SET50 คือ กองทุนที่รวมเงินผู้ลงทุนไปลงทุนในหุ้นใหญ่และมีสภาพคล่องสูง 50 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบันมีบางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ให้ลงทุนในกองทุน SET50 ได้ แบบไม่มีขึ้นต่ำ
ปล. 3: การลงทุนในกองทุน SET50 เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจ เรื่องความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
ความสุขของกะทิ 在 แพรวสำนักพิมพ์ - #ความสุขของกะทิ ผลงานสุดคลาสสิกจาก นักเขียน ... 的推薦與評價
ความสุขของกะทิ ผลงานสุดคลาสสิกจาก นักเขียนรางวัลซีไรต์ . ถูกขายลิขสิทธิ์ไปแล้ว 11 ประเทศทั่วโลก และ #แพรวสำนักพิมพ์ ขอแนะนำให้ทุกคนอ่านสุด ๆ . .... ... <看更多>