“ทศพิศราชธรรมของกษัตริย์ในปรัชญากฎหมายไทย”
ทศพิศราชธรรม เป็นเสมือนหลักธรรมที่สำคัญในการใช้อำนาจการปกครองของกษัตริย์โดยชนชั้นปกครองทั้งหลายโดยที่ผู้ใช้อำนาจปกครองนี้ มิได้หมายเฉพาะกษัตริย์เท่านั้นแต่หมายถึงบุคคลทั้งหลายที่ใช้อำนาจในการปกครองด้วย ซึ่งจะเป็นการตีความในลักษณะของการขยายความให้เข้าสังคมปัจจุบัน ในยุคปัจจุบันเราจะนำมาใช้กับคนที่เป็น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือผู้ว่าราชการจังหวัดและแม้กระทั่งในระดับครอบครัว
ทศพิศราชธรรม ในฐานะความคิดทางศีลธรรมการเมืองมีรากฐานที่มาจากคัมภีร์ชาดกในพุทธศาสนา นับเนื่องมาจากที่พุทธศาสนาได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเมืองการปกครองสมัยพระยาลิไทย คติความคิดนี้ก็ย่อมได้รับการเผยแพร่โดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในงานเขียนหรือศิลาจารึก หลักธรรมอันสำคัญยิ่งสำหรับกษัตริย์หรือผู้ปกครองประกอบด้วยเนื้อหา10 ประการ ดังนี้คือ
1. ทาน หมายถึง การแจกวัตถุสิ่งของ การให้วิชาความรู้เพื่อเกื้อกูลผู้อื่นและการให้ประการอื่น ๆ เช่น กำลังกาย กำลังความคิดตลอดจนคำแนะนำ
2. ศีล หมายถึงการควบคุมพฤติทางกาย วาจา และใจ ให้เป็นปกติ
3. ปริจจาจะ หมายถึง การเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัวเพื่อระโยชน์สุขส่วนรวม
4. อาธชวะ หมายถึง ความซื่อตรง
5. มัทธวะ หมายถึง ความสุภาพอ่อนโยน
6. ตยะ หมายถึง ความเพียรพยายาม ในหน้าที่การงานจนกว่าจะสำเร็จโดยไม่ลดละ
7. อักโกธะ หมายถึง ความไม่แสดงการเกรี้ยวกราดโกรธแค้นต่อใคร ๆ
8. อวิหิงสา หมายถึง ความไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่เกิดทุกข์เดือดร้อน
9. ขันติ หมายถึงความอดทนต่อความยากลำบาก
10. อวิโรธะนะ หมายถึง ความไม่ประพฤติผิดไปจากทำนองคลองธรรม
หลักทั้ง 10 ประการ อาจสรุปให้เป็น 5 ประการ ได้ดังนี้คือ
1. การให้เสียสละ (ทาน และปริจจาจะ)
2. ความซื่อสัตย์สุจริต (ศีล และอาธชนะ)
3. ความมีไมตรีจิต (มัทธวะ และอักโกธะ)
4. ความอดทน ความเพียร (ตยะ และขันติ)
5. ความถูกต้องและยุติธรรม (อวิโรธนะ)
การตีความทศพิศราชธรรมให้เป็นดั่งหลักอุดมคติทางกฎหมายดังกล่าวอาจเทียบเคียงได้กับความในเชิงปรัชญากฎหมายธรรมในชาติของตะวันตก ในแง่ทศพิศราชธรรมอาจจัดให้มีค่าเสมือนรูปธรรมหนึ่งแห่งกฎหมายธรรมชาติตามแบบเสรีวิธีคิดของตะวันตก จริงอยู่ที่ในปรัชญากฎหมายของไทยเราไม่ถ้อยคำที่เรียกว่า “กฎหมายธรรมชาติ” (Notural Law) แบบตะวันตกในความของกฎหมาย ซึ่งกำหนดแยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิดและเป็นกฎหมายที่ได้รับอำนาจหรือความสมบูรณ์จากธรรมชาติมิได้เกิดจากอำนาจสร้างสรรค์ของมนุษย์ แต่หลักธรรมสำคัญทางพุทธศาสนาที่กำกับการใช้อำนาจรัฐทั้งในทางการเมืองและในทางกฎหมายของไทยก็จัดได้เป็นหลักธรรมที่มาจากธรรมชาติได้เช่นกัน เมื่อตีความผ่านการวิเคราะห์ รากศัพท์ คำว่า ธรรมะ ที่หมายรวมถึงธรรมชาติหรือกฎธรรมชาติ ดังที่เคยกล่าวมาแล้ว ในเมื่อธรรมะคือธรรมชาติหรือกฎธรรมชาติ ทศพิศราชธรรมในฐานะหลักธรรมทางการเมืองหรือกฎหมายก็ย่อมจักเข้าเป็นกฎธรรมชาติเช่นกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นธรรมะที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ มิได้เกิดจากการประดิษฐ์สร้างของมนุษย์ มนุษย์ (ผู้เป็นศาสดา) เป็นเพียงผู้ค้นพบธรรมนี้เท่านั้น แล้วประกาศธรรมนี้ให้แพร่หลายไปโดยเฉพาะหมู่ผู้ปกครองหรือราชาที่ต้องการ “ ทรง “ ทั้งอำนาจตนและสังคมที่ตนปกครองให้เป็นไปปกติสุข
「ความเพียร หมายถึง」的推薦目錄:
- 關於ความเพียร หมายถึง 在 sittikorn saksang Facebook 的精選貼文
- 關於ความเพียร หมายถึง 在 Capt.Benz Facebook 的最佳解答
- 關於ความเพียร หมายถึง 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
- 關於ความเพียร หมายถึง 在 ความเพียร คือ... - สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย - Facebook 的評價
- 關於ความเพียร หมายถึง 在 หลักธรรมแห่งความเพียรชอบ | พระราชวัชรธรรมภาณี - YouTube 的評價
ความเพียร หมายถึง 在 Capt.Benz Facebook 的最佳解答
:: "หัวใจเศรษฐี" กับความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตผม ::
.
.
ในหัวใจเศรษฐีหรือที่เรียกแบบเต็มยศว่า ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ทั้ง 4 ข้อ
คือ อุ อา กะ สะ
อุฏฐานะสัมปะทา - หาเงินได้
อารักขะสัมปะทา - ใช้เงินฉลาด
กัลยาณะมิตตะตา - สามารถเรื่องคน
สะมะชีวิตา - ดำรงตนสมฐานะ
ผมมีข้อเดียวคือ “อุ”
.
ว่าด้วยรากศัพท์
ทิฏฐ เป็นคำเดียวกันกับคำว่า ทิฏฐิ หรือ ความเห็น
ในที่นี้หมายถึง ความเห็นแจ้ง เห็นจริง ทัศนคติ
ไม่ได้หมายถึงความสามารถในการมองเห็นด้วยลูกตา
และไม่ได้หมายถึงความเห็น ในความหมายของการแสดงความคิดเห็นหรือ comment
มันคือการเห็นในลักษณะของวิสัยทัศน์ หรือ vision
ธัมมิก คือ ธรรมะ แปลว่า สิ่งที่…
อัตถะ แปลว่า ประโยชน์
จริงๆ แล้ว เราจะเรียก ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ว่า ทิฏฐธัมมิกัตถะ เฉยๆ ก็ได้
เพราะคำว่าอัตถะ แปลว่า ประโยชน์ อยู่แล้ว ไม่ต้องเขียนซ้อน
แต่ก็ช่างมันเถอะ จะเรียกยังไงก็ได้ ขอแค่รู้ว่ามันคืออะไรก็ใช้ได้
รวมความแล้ว ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ หมายถึง สิ่งที่ต้องมีความเห็นที่ถูกต้องเกี่ยวกับมัน ชีวิตถึงจะดีขึ้น
มันคือ standard ที่คุณต้องมีให้ครบทั้ง 4 ข้อ
ขาดข้อใดข้อหนึ่งไป ไม่สามารถทำให้คุณหลุดพ้นจากความตกต่ำได้
.
ทำไมผมถึงบอกว่าผมมี “อุ” ข้อเดียว
นั่นก็เพราะว่าผมหาเงินเก่งอย่างเดียวจริงๆ
แต่อีก 3 ข้อที่เหลือนี่แทบจะไม่มีเลย
และนั่นทำให้ผมไม่ได้เป็นคนที่มีอิสรภาพเรื่องเงินจริงๆ สักที
แม้ว่าจะตั้งใจทำธุรกิจ ทำได้ดี และสร้างเงินจากมันได้มาก
แต่วิกฤตเรื่องเงินก็วนเวียนเข้ามาเกิดกับผมอยู่เสมอ
.
ถ้าคุณเป็นคนที่หาเงินเก่ง แต่ไม่รวยซักที
ไม่ต้องห่วง คุณมีผมเป็นเพื่อน
.
.
ผมเริ่มมีเงินมากขึ้นจากการทำสติ๊กเกอร์ไลน์ขาย
ทุกครั้งที่มีรายได้มากขึ้น
ผมจะมีความสามารถพิเศษในการมีรายจ่ายมากขึ้นตามไปด้วย
ย้ำว่า ทุกครั้ง
พูดอย่างไม่อาย
รายจ่ายพวกนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นรายจ่ายที่ผมพยายามหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายให้ตัวเองเชื่อว่ามันคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมี
มือถือใหม่ … จำเป็นเพราะมือถือเก่ามันตกรุ่น แม้ทุกอย่างยังใช้ได้ดีไม่มีอะไรพัง
แต่ … คือมันตกรุ่น ไม่ดีหรอก มันต้องเปลี่ยน
โนตบุคใหม่ … จำเป็นเพราะผมต้องวาดสติ๊กเกอร์ไลน์
มันไม่ได้วาดบนกระดาษ มันต้องวาดบนคอม มันต้องใช้คอมใหม่ที่แรงกว่า
คอมเครื่องเก่าที่เคยช่วยผมสร้างชีวิตนั้นแก่เกินไปแล้ว ถึงเวลาต้องพัก
ถามว่าความไม่แรงของมันรบกวนหรือเป็นอุปสรรคกับการทำงานเหรอ ก็ไม่
แต่ … คือมันตกรุ่น มันไม่ดีหรอก ต้องเปลี่ยน
รถคันใหม่ … จำเป็นมากๆ เพราะผมเป็นนายตำรวจ จะให้นั่งแต่รถบัสสวัสดิการของหน่วยมันไม่งาม
ไม่สมเกียรติ ไม่สมศักดิ์ศรีนายตำรวจจบจากโรงเรียนนายร้อย
ดาวเต็มบ่าแล้ว ต้องมีรถขับ
ซึ่งสิ่งที่บัดซบไปมากกว่านั้น ...
ความฉลาดมากทางการเงินของผมทำให้ผมซื้อทุกอย่างที่พูดถึงไป แบบ “ผ่อน” ทั้งหมด
อันไหน 0% 10 เดือนได้ ก็จัด
อันไหนที่มันต้องดาวน์ ก็เน้นดาวน์น้อยผ่อนนาน
ฉลาดจะตาย … แทนที่จะเสียเงินเป็นก้อนๆ
ค่อยๆ ผ่อนดีกว่า ยังไงก็มีรายได้จากสติ๊กเกอร์ไลน์เข้ามาทุกเดือนอยู่แล้ว
แถมมีเงินก้อนเอาไปใช้ทำ “สิ่งที่อยากทำ” อื่นๆ อีกด้วย
.
แน่นอนครับ สิ่งที่อยากทำอื่นๆ นั้นย่อมหนีไม่พ้นกิน ดื่ม เที่ยว เล่น
ช่วงที่ผมทำสติ๊กเกอร์ไลน์นั้นเป็นช่วงที่ผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่ค่อยได้ออกไปไหนไกลจากฐานมาก
ตู้เย็นของฐานจึงไม่เคยขาดเบียร์
นอกตู้เย็นก็มีรอแช่อยู่อีกหลายสิบถาด
ทำงานครบ 30 วัน ได้กลับบ้าน 10 วัน
ก็นั่งเครื่องแทนนั่งรถบัสหลวง
ช่วงพัก 10 วัน อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นเกม
ในเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อไอเท็มพิเศษเติมสิ จะมัวเก็บเลเวลอยู่ทำไม
.
หายนะมันมาเกิด
ก็ตอนที่รายได้จากสติ๊กเกอร์ไลน์ที่ผมคาดการณ์ไว้ มันไม่เป็นไปตามคาดนี่แหล่ะครับ
จะด้วยเพราะมีคนวาดสติ๊กเกอร์ไลน์ขายเยอะขึ้น คู่แข่งเยอะขึ้น ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น
หรือด้วยเพราะความลดลงของกระแส ก็ไม่อาจทราบได้
รายได้ของสติ๊กเกอร์ไลน์ที่ผมเคยทำได้เดือนละแสน มันค่อยๆลดลงมาเหลือแค่หลักหมื่น
และตกมาอยู่ในระดับเดือนละไม่กี่พันบาทราวๆ เดือนที่ 5-6 หน้าตาเฉย
ของที่ผ่อนไว้เป็นไงครับ?
ของกระจิ๊บยิบย่อยไม่เท่าไหร่
แต่รถนี่ ถึงขนาดต้องปล่อยให้ไฟแนนซ์มาเอาคืนไป
ดีที่ผมไม่ใช่คนขี้อวด
ไม่เคยโพสต์รูปรถลง Facebook
คนถึงไม่ค่อยรู้เรื่องนี้
.
จาก “อุ อา กะ สะ” ในย่อหน้าแรก
ที่ผมบอกไปว่ามีอย่างเดียวคือ “อุ” คุณคงจะเห็นภาพแล้ว
หาเงินได้ครับ
แต่ใช้เงินโง่บัดซบ
คนรอบตัวก็มีแต่นักรบ จน เครียด กินเหล้า
ของเก่าๆ ผมก็หาเรื่องซื้อใหม่เกือบทุกอย่าง
“อา กะ สะ” ที่ควรมาพร้อม “อุ” นี่ไม่มีเลย
.
.
มนุษย์ทุกคนปรารถนาจะพ้นทุกข์
และ “ทุกข์” คือจุดเริ่มต้นของทุกการพัฒนาตัวเอง
พระพุทธเจ้าทรงค้นพบอริยสัจ 4
และสิ่งแรกที่ทรงค้นพบก่อนก็คือ ทุกข์
โดยศัพท์แล้ว
"ทุกข์" แปลว่า ทนอยู่ไม่ได้
การที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
นั่นเป็นเพราะเรากำลังทนไม่ได้กับบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวเราและสิ่งรอบข้าง
พระพุทธองค์ทรงพ้นจากทุกข์
ด้วยการค้นหาสาเหตุของมัน บาลีเรียกการค้นหานี่ว่า สมุทัย
เมื่อค้นหาเจอแล้ว หากหยุดอยู่แค่นั้นจะหาประโยชน์อะไรไม่ได้
พระองค์จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ต่อไปให้ได้ว่า คู่ตรงข้ามกับทุกข์ที่ควรจะไปให้ถึงคืออะไร ความพ้นจากทุกข์ (นิโรธ) ที่ว่านั้นคืออะไร
และที่สำคัญที่สุด …
How to (มรรค) หรือวิธีการที่จะทำให้ไปถึงจุดที่เรียกว่าการพ้นทุกข์ได้จริงๆ นั้น
มี step ขั้นตอนแบบไหน ต้องเริ่มจากไหนและไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
.
การค้นพบหลักธรรมที่เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่นี้
ไม่ใช่แค่การค้นพบแล้วจบ
แต่พระองค์ได้แตกแยกจำแนกวิธีการหรือ How to ออกไปอีกเป็นจำนวนมาก
ไม่ใช่เพียงเพื่อให้คนพ้นทุกข์ในวิถีแห่งทางธรรม
แต่ยังช่วยให้ผู้คนพ้นทุกข์ในวิถีแห่งทางโลกด้วย
มรรค 8 คือ How to 8 ขั้นตอน
ที่ทรงแนะนำให้ทุกคนเริ่มแก้ปัญหาทุกอย่างจากความเห็นที่ถูกตรง (สัมมาทิฏฐิ)
ไปจนถึง Mindset ที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) และสิ้นสุดที่ความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา (สัมมาสมาธิ)
.
ผมเชื่อว่าท่านที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ล้วนแล้วแต่อยากประสบความสำเร็จ
ฉะนั้น หากทุกข์ของท่านคือความไม่สำเร็จ
หน้าที่แรกของท่านคือการยอมรับสาเหตุของความไม่สำเร็จนั้น ณ ตั้งแต่ตอนนี้
ยอมรับว่าท่านเคยโทษ บ่น อ้าง แต่ และรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่างไม่เต็มที่มาก่อน
ยอมรับว่าท่านเคยยึดติด คิดลบ กล่าวโทษ ขี้เกียจ เจ้าไอเดีย ลังเลและกลัวมาก่อน
ยอมรับความกระจอกที่เคยมีมาก่อนหน้า
แล้วรีบปล่อยวาง ให้อภัยตัวเองที่เคยผิดพลาดมาก่อนหน้านี้ซะ
อย่าไปจมกับสมุทัยของท่านนานเกิน มันไม่เกิดประโยชน์
.
ประโยชน์จะเริ่มเกิด เมื่อท่านเริ่มมองไปที่นิโรธ
ตั้งเป้าหมายที่จะถึงมัน
แล้วหามรรคที่เหมาะสมกับเรื่องนั้นๆ มาปฏิบัติตาม
.
หากผมจะเรียกการประสบความสำเร็จในทางโลกของท่านแบบง่ายๆ ว่า ความเป็นเศรษฐี
หัวใจเศรษฐี ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์" ก็เปรียบเสมือน "สัมมาทิฏฐิฝ่ายโลก"
เป็นจุดเริ่มต้นของมรรค หนทาง How to ที่จะพาท่านมายืนอยู่ ณ จุดปล่อยตัวที่ถูกต้อง
โปรดอย่าลืมว่า คำว่า ทิฏฐ มีความหมายเดียวกันกับคำว่า ทิฏฐิ
หัวใจเศรษฐีจึงคือความเห็นถูกเห็นตรง 4 ข้อแรก ที่ท่านจะต้องเริ่มน้อมนำเข้ามาใส่ตัวเสียตั้งแต่วันนี้
ปลูกฝังลงไปในตัวท่านเองให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้
เพื่อความเป็นเศรษฐี เพื่อความเป็นสุข เพื่อความอยู่ในสถานะที่พ้นทุกข์ตามวามหมายของชาวโลก
และที่สำคัญ … มันยั่งยืน
.
อย่าตั้งหน้าตั้งตาที่จะหาเงินให้มากๆ เพียงอย่างเดียว
เหมือนกับที่ผมเคยพลาดมาแล้ว
จงเรียนรู้ที่จะใช้เงินให้ฉลาดขึ้น
ตั้งสติในการคบคนให้มากขึ้น
และที่สำคัญ ใช้ชีวิตให้สมเหตุสมผลมากขึ้น
อ่านต่อ ได้ที่ https://2read.digital/book.php?id=172
.
#ผู้กองเบนซ์
ปล. มรรค 8 ประกอบด้วย
- สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก (Right Vision)
- สัมมาสังกัปปะ คือ ความคิดที่ถูก (Right Mindset)
- สัมมาวาจา คือ การสื่อสารที่ชัดเจน (Right Communication)
- สัมมากัมมันตะ คือ การลงมือทำ (Right Action)
- สัมมาอาชีวะ คือ การแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม (Right Exchange)
- สัมมาวายามะ คือ ความเพียร (Right Effort)
- สัมมาสติ คือ การสำรวจตรวจสอบ วิเคราะห์ วัดผล (Right Analysis)
- สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่น (Right Concentration)
ความเพียร หมายถึง 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
หลักพุทธธรรมนนิยมภายใต้ทศพิศราชธรรมและธรรมราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
หลักพุทธธรรมนนิยมภายใต้ทศพิศราชธรรมและธรรมราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 (พ.ศ. 2493- 2559) นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ต่อมาทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 และพระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” โดยคำว่า “ครองแผ่นดินโดยธรรม” หมายถึง “ครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม” ดังนี้
1. ทาน หรือการให้ หมายถึง การพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ การทรงเสียสละพระกำลังในการปกครองแผ่นดิน การพระราชทานพระราชดำริอันก่อให้เกิดสติปัญญาและพัฒนาชาติ การพระราชทานเสรีภาพอันเป็นหัวใจแห่งมนุษย์ นับแต่ปีพุทธศักราช 2493 หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบำเพ็ญทานบารมีมากมายจนเหลือที่จะพรรณนาได้สุดสิ้น คือ “ธรรมทาน” ซึ่งถือเป็นทานอันเลิศทางพระพุทธศาสนา สามารถแก้ความทุกข์ยากขาดแคลนทางจิตใจ ทำให้ใจเป็นสุขและตั้งอยู่ในความดีงาม โดยได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแฝงด้วยคติธรรมเป็นเครื่องเตือนใจในเรื่องต่าง ๆ แก่พสกนิกรตามสถานะและวาระโอวาทอยู่เสมอ ในท้องถิ่นที่ต้องการความรู้ ได้พระราชทานความรู้และตรัสแนะนำในสิ่งอันจะทำประโยชน์มาให้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่จะทรงช่วยดับทุกข์ความเดือดร้อนในจิตใจของประชาชนทั้งมวล
2. ศีล หรือการตั้งและทรงประพฤติพระราชจรรยานุวัตร พระกาย พระวาจา ให้ปราศจากโทษ ทั้งในการปกครอง อันได้แก่ กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนา อันได้แก่ เบญจศีลมาเสมอ ในด้านศีลในการปกครอง คือ การประพฤติตามกฎหมายและจารีตประเพณีอันดีงามนั้น ไม่เคยปรากฎเลยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงใช้พระราชอำนาจของพระองค์เหนือกฎหมาย และไม่เคยมีแม้แต่สักครั้งเดียวที่จะทรงละทิ้งจารีตประเพณีอันดีงามของชาติและของพระราชวงศ์ พระเกียรติคุณในข้อนี้เป็นที่ซึมซาบในใจของชาวไทยเป็นอย่างดี นับจากกาลเวลาที่ล่วงผ่านมาตราบจนถึงทุกวันนี้
3. บริจาค (ปริจจาจะ) ได้แก่ การที่ทรงสละสิ่งไม่เป็นประโยชน์หรือมีประโยชน์น้อยเพื่อสิ่งที่ดีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ วัตถุสิ่งของและที่ดินจำนวนมหาศาล รวมทั้งการที่ทรงเสียสละปฏิบัติพระราชภารกิจทั้งนอกและในประเทศ พระราชภารกิจในโครงการพระราชดำรินับพัน ๆ โครงการทั่วประเทศนี้ ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดในความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระองค์ ด้วยทรงเสียสละเวลา พระปรีชาสามารถ และความสำราญพระราชหฤทัยทั้งมวล ทรงยอมรับความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายทุกประการเพื่อพสกนิกร อย่างไม่มีประมุขประเทศใดในขณะนี้ จะเสียสละได้เทียบเท่าที่พระองค์ทรงเสียสละให้แก่พสกนิกรไทยมาเนิ่นนานไม่น้อยกว่า 70 ปี
4. ความซื่อตรง (อาชชวะ) ได้แก่ การที่ทรงซื่อตรงในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง ดำรงอยู่ในสัตย์สุจริต ซื่อตรงต่อ พระราชสัมพันธมิตร และอาณาประชาราษฎร นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493-2559 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นวันที่ทรงกระทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้มีพระปฐมบรมราชโองการแก่พสกนิกรทั่วประเทศว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” วันเวลาที่ล่วงผ่านไปเนิ่นนานจากวันนั้นถึงวันนี้ 41 ปีเศษแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรักษาสัจจะที่ได้พระราชทานให้แก่พสกนิกรทั้งสองประการ มาอย่างสมบูรณ์สม่ำเสมอ พระองค์ไม่เคยทรงทอดทิ้งพสกนิกร ด้วยทรงถือเอาความทุกข์เดือดร้อนของพสกนิกรเป็นความทุกข์เดือดร้อนของพระองค์เอง เหตุนี้เมื่อเกิดความเดือดร้อนหรือภัยพิบัติในส่วนใดของประเทศ พระองค์จะเสด็จฝ่าไป ไม่ว่าระยะทางจะใกล้ไกล ทุรกันดารเพียงใด แดดจะแผดกล้าร้อนแรง หนทางจะคดเคี้ยวข้ามขุนเขา พงไพรจะรกเรื้อแฉะชื้นเต็มไปด้วยตัวทาก ฝนจะตกกระหน่ำจนเหน็บหนาว น้ำจะท่วมเจิ่งนอง พระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อที่จะเสด็จไปประทับเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรผู้ทุกข์ยาก เพื่อทรงดับความเดือดร้อนให้กลับกลายเป็นความร่มเย็น
5. ความอ่อนโยน (มัททวะ) หรือเคารพในเหตุผลที่ควร ทรงมีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโสและอ่อนโยนต่อบุคคลที่ เสมอกันและต่ำกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชฐานะแห่งพระมหากษัตริยาธิราช ทรงมีสัมมาคารวะอ่อนน้อมแด่ผู้เจริญโดยวัยและเจริญโดยคุณ และมีพระราชอัธยาศัยอ่อนโยนต่อบุคคลที่เสมอพระองค์และต่ำกว่า ไม่เคยทรงดูหมิ่น การที่ทรงวางพระองค์เช่นนี้จึงก่อให้เกิดความสุขความเจริญแก่บ้านเมือง และความปิติศรัทธาแก่ชาวไทยอย่างไม่มีอะไรจะเปรียบ
6. ความเพียร (ตบะ) หรือความเพียรที่แผดเผาความเกียจคร้าน คือ การที่พระมหากษัตริย์ทรงตั้งพระราชอุตสาหะปฏิบัติพระราช กรณียกิจให้เป็นไปด้วยดี โดยปราศจากความเกียจคร้าน จะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบด้วยพระราชอุตสาหะวิริยภาพเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ไม่โปรดที่จะประทับอยู่เฉย ทรงพอพระราชหฤทัยในการเสด็จพระราชดำเนินออกทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในท้องถิ่นต่าง ๆ แม้ในถิ่นทุรกันดารและห่างไกล ขวางกั้นด้วยผืนน้ำกว้างใหญ่ ป่าทึบ หรือเขาสูงสุดสายตาเพียงเพื่อให้ทรงทราบถึงความทุกข์สุขของราษฎร ด้วยพระเนตรพระกรรณของพระองค์เอง เมื่อทรงทราบแล้วก็มิได้ทรงนิ่มนอนพระราชหฤทัย แต่ได้ทรงมีพระราชดำริริเริ่มสิ่งต่าง ๆ เพื่อขจัดความทุกข์เดือดร้อนของราษฎรทั้งในด้านการอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพอนามัย การศึกษาและอื่น ๆ ด้วยพระราชอุตสาหะ วิริยภาพเช่นนี้ พระองค์จึงทรงขจัดความขัดข้องความยากจนขัดสนทั้งหลายให้แก่ราษฎรได้โดยทั่วกัน
7. ความไม่โกรธ (อักโกธะ) หรือความไม่แสดงความโกรธให้ปรากฎ ไม่พยายามมุ่งร้ายผู้อื่นแม้จะลงโทษผู้ทำผิดก็ทำตามเหตุผล และสำหรับ พระมหากษัตริย์นั้นต้องทรงมีพระเมตตาไม่ทรงก่อเวรแก่ผู้ใด ไม่ทรงพระพิโรธโดยเหตุที่ไม่ควร และแม้จะทรงพระพิโรธ ก็ทรงข่มเสียให้สงบได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงบำเพ็ญอักโกธะบารมี หรือความไม่โกรธให้เป็นที่ประจักษ์ใจทั้งในหมู่ประชาชนชาวไทย และในนานาประเทศมาเป็นเวลาช้านาน แม้มีเหตุอันควรให้ทรงพระพิโรธยังทรงข่มพระทัยให้สงบได้โดยสิ้นเชิง อย่างที่ปุถุชนน้อยคนนักจะทำได้ ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2505 เป็นต้น ซึ่งยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ตามเสด็จทุกคน
วันนั้นวันที่ 27 สิงหาคม 2505 เป็นวันแรกที่ทรงย่างพระบาทสู่ดินแดนออสเตรเลีย พร้อมด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเสด็จเยือนมาสามประเทศแล้ว จากรถพระที่นั่งขณะเสด็จไปยังที่ประทับพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็น ชายคนหนึ่งชูป้ายเป็นภาษาไทยขับไล่พระองค์ แต่พระองค์ก็มิได้ทรงหวั่นไหวด้วยทรงพิจารณาว่าเป็นการกระทำของคนเพียงคนเดียว มิใช่ประชาชนทั้งประเทศ จึงทรงแย้มพระสรวลและโบกพระหัตถ์ให้แก่ประชาชนอื่น ๆ ที่โห่ร้องรับเสด็จไปตลอดทาง
ต่อมาที่นครซิคนีย์เหตุการณ์อย่างเดียวกันได้เกิดขึ้นอีก โดยกลุ่มคนที่ได้รับการสนับสนุนจากลัทธิการเมืองที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลไทย เริ่มจากการชูป้ายข้อความขับไล่ผู้เผด็จการเมืองไทย ในทันทีที่รถพระที่นั่งแล่นเข้าสู่ศาลากลางเทศบาล ซึ่งจัดไว้เพื่อรับเสด็จ ติดตามด้วยใบปลิวมีข้อความขับไล่ผู้เผด็จการเมืองไทย และกล่าวหารัฐบาลไทยว่าเป็นฆาตกรฆ่าผู้บริสุทธิ์ ใบปลิวนี้โปรยลงมารอบพระองค์ขณะที่ตรัสตอบขอบใจนายกเทศมนตรี และประชาชนกลางเวที แต่พระองค์ยังคงตรัสต่อไป เสมือนมิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น
8. ความไม่เบียดเบียน (อวิหิงสา) คือ ทรงมีพระราชอัธยาศัย กอปรด้วยพระมหากรุณา ไม่ทรงก่อทุกข์หรือเบียดเบียนผู้อื่น ทรงปกครอง ประชาชนดังบิดาปกครองบุตร จากอดีตเรื่อยมาจนกระทั่งถึง ปี พ.ศ. 2559 นับเป็นเวลาเนิ่นนานไม่น้อยกว่า 70 ปี ที่ทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินไทยได้รับความร่มเย็นมีความเป็นอยู่อย่างสุขสงบ ภายใต้เบื้องพระยุคลบาทแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระผู้ทรงบำเพ็ญอวิหิงสาบารมี คือ ไม่เบียดเบียนให้ผู้อื่นลำบาก ไม่ก่อทุกข์ยากให้แก่ผู้ใดแม้จนถึงสรรพสัตว์ ด้วยเห็นเป็นของสนุกเพราะอำนาจแห่งโมหะหรือความหลง ไม่ทำร้ายรังแกมนุษย์และสัตว์เล่นเพื่อความบันเทิงใจแห่งตน ดังเหตุการณ์อันเป็นที่เปิดเผยจากวงการตำรวจจราจรเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2530 ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง รัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริว่าตามปกติเวลาที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไป ณ ที่ใดเจ้าหน้าที่จราจรจะปิดถนนตลอดเส้นทางนั้นทุกครั้ง จึงทรงมีกระแสพระราชดำรัสว่า ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรเวลาเสด็จพระราชดำเนินไม่ว่าที่ใด หากการจราจรเกิดติดขัดก็มีพระมหากรุณาธิคุณที่จะทรงร่วมอยู่ในสภาวะแห่งการติดขัดนั้น เช่นเดียวกับพสกนิกรของพระองค์
9. ความอดทน (ขันติ) คือ การที่ทรงมีพระราชจริยานุวัตร อันอดทนต่อสิ่งทั้งปวง รักษาพระราชหฤทัย และพระอาการ พระกาย พระวาจา ให้เรียบร้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นพระมหากษัตริยาธิราช ผู้ทรงมีพระขันติธรรมเป็นยอดเยี่ยมอย่างหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ บางครั้งเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับพระองค์ที่จะทรงอดทนได้ แต่พระองค์ยังทรงอดทนรักษาพระราชหฤทัย พระวาจา พระวรกาย และพระอาการ ให้สงบเรียบร้อยงดงามได้ในทุกสถานการณ์ ทรงอดทนต่อโทสะ จากการเบียดเบียนหยามดูหมิ่น ดังเช่น การถูกขับไล่โดยกลุ่มชนที่ไม่หวังดีต่อเมืองไทย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เมื่อปี 2505 เป็นต้น
10. ความเที่ยงธรรม (อวิโรธนะ) คือ การที่ทรงตั้งอยู่ในขัตติยราชประเพณี ไม่ทรงประพฤติผิดจากพระราชจริยานุวัตร นิติศาสตร์ ราชศาสตร์ ไม่ทรงประพฤติให้คลาดจากความยุติธรรม ทรงอุปถัมภ์ยกย่องคนที่มีความชอบ ทรงบำราบคนที่มีความผิดโดย ปราศจากอำนาจอคติ 4 ประการ และไม่ทรงแสดงให้เห็นด้วยพระราชหฤทัยยินดียินร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระองค์ถูกต้องตามขัตติยราชประเพณีทุกประการ ไม่เคยทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานุวัตรนิติศาสตร์และราชศาสตร์ ทรงปฏิบัติพระองค์ได้อย่างงดงามไม่มีความบกพร่องให้เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศได้เลย
พระองค์ทรงรักษาพระราชหฤทัยได้บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสทั้งมวล จึงมิได้ทรงหวั่นไหวต่ออำนาจแห่งอคติใด ๆ อันมีความรัก ความชัง ความโกรธ ความกลัว และความหลง เป็นต้น จึงไม่มีอำนาจใดที่อาจน้อมพระองค์ให้ทรงประพฤติทรงปฏิบัติไปในทางที่มัวหมองไม่สมควร หรือคลาดเคลื่อนไปจากความยุติธรรม ทรงอุปถัมภ์ยกย่องผู้ควรอุปถัมภ์ยกย่อง ทรงบำราบคนมีความผิดควรบำราบโดยทรงที่เป็นธรรม และในพระราชฐานะแห่งองค์พระประมุขของชาติไทยในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต้องมีพรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน พระองค์ได้ทรงดำริอยู่ในความยุติธรรม ทรงเป็นหลักชัยของพรรคการเมืองทุกพรรค
ความเพียร หมายถึง 在 หลักธรรมแห่งความเพียรชอบ | พระราชวัชรธรรมภาณี - YouTube 的推薦與評價

วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ (วิ-ริ-เย-นะ-ทุก-ขะ-มัด-เจ-ติ) – คนล่วงทุกข์ได้เพราะ ความเพียร ” พุทธศาสนสุภาษิต คำว่า ทุกข์ หมายถึง ... ... <看更多>
ความเพียร หมายถึง 在 ความเพียร คือ... - สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย - Facebook 的推薦與評價
ความเพียร คือ องค์ประกอบสำคัญของความประสบความสำเร็จ. ... <看更多>