ความรู้ๆ
Knowledge.Translated
ช้างศึก...ที่เมืองสยาม ตอนที่ ๑
โดยมากจะนิยมเลือกใช้ช้างพลายที่กำลังตกมัน ดุร้าย ก่อนออกทำสงครามจะกรอกเหล้าเพื่อให้ช้างเมา เกิดความฮึกเหิมเต็มที่โดยจะแต่งช้างให้พร้อมในการรบ เช่นใส่เกราะที่งวงหรืองาเพื่อรื้อทำลายค่ายคู่ของฝ่ายตรงข้าม เรียกว่า...
"ช้างกระทืบโรง"
หรือล่ามโซ่หรือหนามแหลมที่เท้าทั้งสี่ใช้ผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดตาช้างให้เห็นแต่เฉพาะด้านหน้าเพื่อไม่ให้ช้างตกใจและเสียสมาธิ เรียกว่า "ผ้าหน้าราหู" นักวิชาการที่ทำการศึกษาเรื่องช้างในประเทศไทยเชื่อว่า ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๓๑๐ ช้างต้นที่เป็นทั้ง ช้างศึกและช้างเผือกในพระราชวังน่าจะอพยพหนีมาอยู่ยังเขาอ่างฤๅไน
ซึ่งในสมัยโบราณช้างที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นช้างต้น จะอยู่ที่ดงพญาเย็นหรือ ดงพญาไฟ ในปัจจุบันนี้อยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไนจังหวัดฉะเชิงเทรานักวิชาการเชื่อว่า ช้างป่าที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้น่าจะสืบเชื้อสายมาจากช้างศึกหรือช้างเผือกในสมัยโบราณ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เจ้าหน้าที่ของอุทยาน สามารถบันทึกภาพช้างป่าตัวผู้ตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามลักษณะของช้างศึก และให้ชื่อช้างตัวนี้ว่า "รถถัง"และยังพบช้างป่าอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามลักษณะช้างศึกอีกเช่นกันอีกทั้งยังเป็นสถานที่พบช้างเผือกในรัชกาลปัจจุบันอีกด้วย
ลักษณะของช้างศึกในการทำสงคราม "ช้างศึก" ต้องเป็นช้างพลาย (ช้างเพศผู้) มีลักษณะตรงตามตำราคชลักษณ์คือ รูปร่างใหญ่โตกำยำ หัวกะโหลกหนาและใหญ่ แก้มเต็มสมบูรณ์ หน้าเชิดหลังต่ำงายาวใหญ่มีความโค้งและแหลมคมได้ที่โดยที่ช้างเชือกที่ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีและสามารถสู้เอาชนะช้างเชือกอื่นได้จะถูกเรียกว่า...
"ช้างชนะงา"
การรบบนหลังช้างนั้นมีตำราคชยุทธของไทยที่ลึกล้ำมากเป็นศาสตร์การรบในแบบไทยที่คนไทยควรภาคภูมิใจแต่ตำราเหล่านั้นถูกเผาสูญหายเกือบหมดเมื่อเสียกรุงครั้งที่ ๒ การรบบนหลังช้างเป็นศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของกลุ่มรบช้างศึกรวมเจ็ดคนด้วยกัน ได้แก่ตำแหน่งคอช้างจะเป็นผู้นั่งคร่อมคอช้าง ถือของ้าวไว้เป็นอาวุธตำแหน่งกลางช้างจะนั่งบนสัปคัป ยามปกติจะถือช่อขนนกยูงไว้สองกำกำละหนึ่งข้างหรืออาจถือธงสัญญานเพื่อให้สัญญาณกองรบทั้งหลาย หากช้างศึกเข้าสัปยุทธจะคอยส่งอาวุธให้กับคอช้างเพื่อใช้ โดยอาวุธจะเสียบเป็นแพไว้ด้านข้างสับคับประกอบด้วย ปืน ขอ โตมร หอก เป็นต้น อีกตำแหน่งหนึ่งคือท้ายช้างตำแหน่งมีความสำคัญในการบังคับการเคลื่อนที่ข้างช้างให้เร็ว ช้า หยุด เป็นต้น
อีกสี่ตำแหน่งเรียกว่า "จตุรงคบาท" เป็นทหารที่ฝึกมาให้เชี่ยวชาญด้านดาบ หมัดมวยเจนจบกระบวนยุทธเข้าขั้นครูโดยเฉพาะจตุรงเสนาของช้างพระคชาธารพระเจ้าอยู่หัวด้วยแล้วสี่คนนี้คือยอดฝีมือในเชิงยุทธที่สุดในกองทัพ เพราะต้องป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าทำร้ายเท้าของช้างได้
การคชยุทธนั้นหากเป็นการคชยุทธโดยการท้าทายระหว่างแม่ทัพใหญ่หรือกษัตริย์ด้วยกันเองนั้นจะเรียกว่า "ยุทธหัตถี" ซึ่งก็คือการรบด้วยช้างนั่นเองทหารราบห้ามเข้าทำร้ายนักรบและช้างศึกในขณะคชยุทธเป็นการดวลกันระหว่างแม่ทัพ โดยมากจะเกิดขึ้นกับศึกใหญ่เพราะศึกใหญ่ที่มีการนำพลออกสู้ศึกกันในที่กลางแจ้งแล้วเป็นช่วงที่แม่ทัพต่างก็อยู่ในสนามรบทั้งคู่ แสดงว่านั่นต้องเป็นทัพหลวงที่มีกำลังพลมากมายมหาศาลแน่นอน ดังนั้นการปล่อยให้กำลังพลมหาศาลขนาดนั้นเข้ารบตะลุมบอนกันย่อมเกิดความสูญเสียมากมายเหลือคณานับ ดังนั้นแม่ทัพใหญ่หรือกษัตริย์จะตัดสินกันด้วยการรบบนหลังช้างนี่เอง
อาวุธบนหลังช้างที่ใช้ในการทำสงคราม
๑. หอก
เป็นอาวุธที่มีปลายแหลมเป็นใบคล้ายใบโพธิ์ มีด้ามยาวใช้ถือเพื่อทิ่มแทงข้าศึกโดยกองทหารหอกนั้นเน้นเป็นแนวรับมากว่าจะเป็นพลจู่โจมเนื่องจากเป็นอาวุธที่ยาวและไม่เหมาะในการฟาดฟันเพื่อปลิดชีวิต แต่เหมาะกับการทิ่มแทง ดังนั้นมักจัดกองรบของหอกเพื่อตั้งขบวนรับ และเหมาะในการสกัดกับกองทหารม้าจู่โจมเป็นอย่างมาก เพราะความคมและด้ามยาวสามารถทิ่มแทงผ่านผิวหนังม้าได้ หรือแทงขึ้นไปยังคนบนหลังม้าได้โดยเมื่อจัดแถวรบแล้ว
แถวหน้าจะมีหน้าที่จัดการกับม้าและแถวสองจะแทงสวนยาวออกมาสังหารคนบนหลังม้า โดยมากทหารหอกจะเป็นทหารที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกในเพลงอาวุธพิเศษมากมายนัก จะเป็นพลเกณฑ์เสียมากเนื่องจากเป็นอาวุธที่ทำขึ้นได้ง่ายไม่ต้องลงทุนมากเพราะมีโลหะเพียงเล็กน้อยแค่ส่วนปลาย ด้ามมักเป็นไม้จึงเป็นอาวุธที่ใช้แพร่หลายมาก
๒.ดาบ
เป็นอาวุธที่แพร่หลายและนิยมใช้ที่สุดมีด้ามจับสั้นนิยมทำด้วยไม้ หรือในกรณีเป็นเครื่องศาสตราวุธของกษัตริย์หรือเป็นอาวุธประจำตำแหน่งเจ้าพระยา ส่วนตำแหน่งขุนก็จะหุ้มด้วยแผ่นทองลงลักษณ์ มีใบดาบยาวเป็นโลหะ หากเป็นดาบเบาที่จับมือเดียวด้ามจับจะสั้นขนาดที่ยาวกว่าความกว้างฝ่ามือเพียงเล็กน้อยแต่ถ้าเป็นดาบที่ใช้บนหลังม้า จะเป็นดาบที่หนักมากและใบดาบยาวมากโดยดาบไทยแท้ๆนั้นจะเป็นดาบที่ลับคมด้านเดียว และเป็นดาบโค้งเล็กน้อยส่วนใกล้ด้ามจับจะแคบกว่าส่วนปลายดาบที่โค้งแหลมไปทางด้านที่ไม่ได้ลับคมซึ่งจะกว้างกว่า
เนื่องจากภูมิปัญญาของชาวไทยสมัยโบราณทราบว่าการที่ทำให้ส่วนปลายใหญ่กว่าส่วนด้ามจะเป็นการเพิ่มมวลโลหะให้ส่วนปลายเมื่อเหวี่ยงโมเมนตัมของมวลจะอยู่ที่ส่วนปลายมากทำให้แรงเฉือนทะลุเครื่องป้องกันเข้าสู่ผิวหนังมีมากดาบไทยแท้ๆ จะใช้โลหะผสมที่เหนียวทนทานรับคมดาบได้กล่าวคือปะทะดาบกันได้โดยไม่ต้องกลัวหัก และนอกจากนี้ยังมีความบางและคมมาก
ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยังมีดาบอีกหลายประเภท เช่น คาตานะ ดาบญี่ปุ่น เป็นดาบลับคมด้านเดียว และโค้งเช่นของไทย แต่จะหนากว่ายาวกว่า และปลายเรียวกว่าส่วนใกล้ด้ามจับเล็กน้อย เปราะแต่คมกริบ เพราะใช้เทคนิคการตีดาบโดยนำโลหะมาตีเป็นแผ่นแล้วตีทบไปทบมาจนเป็นรูปดาบกองรบที่ใช้ดาบนั้นมักเรียกว่า "กองทะลวงฟัน" คือเป็นกองรบที่ตามต่อตีเพื่อทำลายกองรบของข้าศึกถึงวงในมุ่งหวังสังหารข้าศึกให้มากที่สุด
และเป็นกองทัพที่ต้องได้รับการฝึกมาในระดับหนึ่ง หรืออาจเชี่ยวชาญเลยก็ได้เป็นอาวุธที่นักรบทุกคนต้องใช้เป็นตั้งแต่ระดับชาวบ้านไปจนถึงพระมหากษัตริย์ เป็นอาวุธที่มีเพลงอาวุธและตำรามากมาย ลึกล้ำเพลงดาบไทยเป็นเพลงดาบที่สวย เป็นเพลงดาบที่มีทั้งรุกและรับ จตุรงคบาทคือ ทหารพิเศษที่รักษาเช้าช้างก็ใช้ดาบเป็นอาวุธโดยมากผู้ใช้ดาบเป็นอาวุธขั้นสูงมักใช้ดาบสองมือ คือ มือละด้ามคล่องแคล่วเปรียบได้กับมีสองคนในคนคนเดียว " ข้างหนึ่งรับ ข้างหนึ่งรุกข้างหนึ่งหลอก ข้างหนึ่งจู่โจม"
๓.ดั้ง
อุปกรณ์ป้องกันที่มักใช้คู่กับอาวุธคล่องตัวเช่น ดาบ เป็นต้น ลักษณะของดั้งนั้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอกผ่าครื่งแล้วนำมาผูกประกบเข้ากับลำแขนด้านนอกทำจากไม้ไผ่หรือสานจากหวายที่ต้องผ่านกระบวนการทำให้เหนียว ส่วนมากนิยมเขียนยันต์เพื่อให้ขลังและเหนียวตามความเชื่อของคนไทยโบราณ ใช้ยกขึ้นบังอาวุธที่ซัดหรือฟาดเข้ามา เปรียบไปก็คล้ายๆ กับการสวมเกราะแขนนั่นเองเหมาะแก่การปัดป้องให้พ้นตัวมากกว่ารับอาวุธตรงๆ ผู้ใช้ดั้งจนชำนาญสามารถใช้ดั้งทำลายจังหวะการจู่โจมหรือสะท้อนการจู่โจมของข้าศึกได้
ติดตามต่อตอน ๒ https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=703535916429973&id=388723421244559&substory_index=0
เอกสารประกอบการเขียน
-ยุทธหัตถี.ฑิภากร บารเมษฐ์.พิมพ์ครั้งที่ ๑ .อยุทธยามหายุทธ.กรุงเทพฯ:กู๊ดมอร์นิ่ง
-http://thaigoodview.com/node/95761
ทำอย่างไรถึงจะได้รับข้อความที่ทางเพจโพสทุกครั้ง ... กดคำว่า “ถูกใจ” แล้ว ใต้ “ภาพหน้าปก” จะมีคำว่า “รับการแจ้งเตือน” ให้กดที่คำนี้ จนเห็นเครื่องหมาย ‘ถูก’ ปรากฎขึ้น เพียงเท่านี้ คุณก็จะไม่พลาดข้อความดีๆอีกต่อไป
fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://m.facebook.com/profile.php?id=388723421244559
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過19萬的網紅Muay Chaiya BaanKruPraeng,也在其Youtube影片中提到,ดาบอาทมาฏ นเรศวร เป็นวิชาดาบสายหนึ่งที่ ครูแปรง ได้เรียนจาก ครูมาโนทย์ บุญญมัด ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมอาวุธไทย รามคำแหง โดยครูแปรง ช่วงนั้นได้ฝึกฝนวิชา...
จตุรงคบาท 在 Muay Chaiya BaanKruPraeng Youtube 的精選貼文
ดาบอาทมาฏ นเรศวร เป็นวิชาดาบสายหนึ่งที่ ครูแปรง ได้เรียนจาก ครูมาโนทย์ บุญญมัด ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมอาวุธไทย รามคำแหง โดยครูแปรง ช่วงนั้นได้ฝึกฝนวิชาดาบเจ้าราม และ ครูมาโนทย์ ได้มาถ่ายทอด วิชาดาบ อาทมาฏ นเรศวร ให้ โดยได้ถ่ายทอด คลุมไตรภพ ตลบสิงขร ย้อนฟ้องสมุทร และ สลัดได รวมถึงไม้รำ 12 ท่า ครูแปรงจึงนับเป็นศิษย์คนแรกที่ได้เรียนวิชา ดาบอาทมาฏ กับครูมาโนทย์ และ ครูแปรงจึงนำมาฝึกฝนและผสมผสานกับวิชา มวยไชยา ที่ได้เรียนจากครูทอง อีกด้วย
ดาบอาทมาฏ นเรศวร เป็นหนึ่งในวิชาดาบพิชัยยุทธ์ ที่ฝึกสอนใน ศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรง คลิปนี้จะแสดงถึงท่าแม่ไม้หลัก 3 ท่าของ ดาบอาทมาฏ นเรศวร และ เทคนิคการใช้ลูกไม้ ของวิชาดาบไทย
--------------------------------------------------------------
Subscribe: http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=baankrupraeng
Website: http://muaychaiya.com
Facebook: http://Facebook.com/Muaythaichaiya
--------------------------------------------------------------