“วัว สีม่วง”
รู้ทันการตลาดOnlineยุคใหม่
เตรียมไว้ก่อนที่จะสายเกินแก้
“ทำตามแบบคนสำเร็จ”
“ทำไมไม่สำเร็จ?”
“ทำไมเห็นคนขายดี
เราทำบ้าง....
"กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?"
A
—
วันนี้ผมขอเจาะ
เข้าประเด็นด้วยการเล่าเรื่องนึง
“วัว สีม่วง”
เรื่องนี้มาจากเรื่องของนักการตลาด
ในอเมริกาท่านนึงท่านนึง
เค้าพูดถึงเหตุการณ์ทางจิตวิทยาเรื่องนึง
"เกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์"
ลองนึกเหตุการณ์....
เรากับครอบครัวกำลังเดินทางไป
ต่างประเทศ ไปอเมริกา
เรานั่งรถไปเรื่อยๆ
ไม่มีเหตุการณ์อะไร
มองชมวิวไปเรื่อยๆ...
จนสะดุดตาเห็น”วัว”อยู่ข้างทาง
สถานการณ์ในรถเริ่มเปลี่ยนไปทันที
ทุกตื่นเต้น สะกิด ตะโกนเรียก
"ให้ดูวัวตัวนั้น"
รถคันอื่นๆก็เช่นกัน
มีบางคันลงไปจอดถ่ายรูป
เพราะเพิ่งเคย เห็น
"วัว" อเมริกาครั้งแรก
ขับต่อไปเรื่อยๆอีก
เริ่มเห็นวัวตัวที่2,3,4
เห็นเป็นฝูง
ตื่นตาตื่นใจ
แต่สักพักผ่านไปชม.นึง
จนเห็นเป็น10
เป็น100
ทุกคนในรถเริ่มทำกิจกรรมอย่างอื่น
บางคนเล่นมือถือ
บางคนก็หลับ
และในที่สุด
แม้จะเห็นวัวเต็มข้างทางเต็มไปหมด
ก็ไม่มีใครที่คิดจะสนใจ
อยากจะหันไปมอง
"หรือพูดถึงมันอีก"
จนกระทั้ง...
มีเสียงตะโกนจากคนในรถ
ว่า
"เฮ้ย!"
“นั่นมันวัวสีม่วง”
“ทุกคนทิ้งสิ่งที่ทำ
แล้วก็หันมองทะลุกระจก
ตะโกน โวยวาย
ทุกคนก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
"ลงไปถ่ายรูป ส่งให้คนที่บ้าน"
แล้วก็ขับรถกันไปกันต่อ
ทุกครั้งที่เห็นก็ตื่นเต้นอีก
ชี้อีก
ผ่านไปเป็น ชม.
จนเห็นเป็น10
เป็น100
ทุกคนในรถเริ่มทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อ
บางคนเล่นมือถือ
บางคนก็หลับ
และในที่สุด
แม้จะเห็นวัวสีม่วงเต็มข้างทางไปหมด
ก็ไม่มีใครที่คิดจะสนใจ
อยากจะหันไปมอง
หรือพูดถึงมันอีก....
B
—
ถาม:
“เรื่องนี้สอนอะไรเรา?”
ตอบ:
ไม่ได้สอนอะไรเลย!!
ไม่ได้อะไรเลย!
เพราะกำลังคิดว่า...
วัวที่ไหนมันจะสีม่วง?(^_X)
555
"เอาเป็นว่าลองคิดว่ามันมีจริงละกัน"
จากเรื่อง”วัวสีม่วง”
ให้แง่คิดอะไร?
“มนุษย์จะสนใจตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆเสมอ”
“แต่เมื่อไหร่ที่เห็นซ้ำๆ ซ้ำซากจำเจบ่อยๆ”
“ก็จะไม่รู้สึกว่ามันมหัศจรรย์อะไรอีก”
“แม้ว่ามันจะเคยมหัศจรรย์ หรือเคย feverก็เหอะ”
C
------
"ในแง่การตลาด"
“เงินจะวิ่งเข้าหาวัวสีม่วง”
ผมจำได้ฟาร์มเจ้าแรกๆที่นำแกะเข้ามาในไทย
สร้างเทรนด์การดูแกะ
ผมจำได้ดีในตอนนั้นยังเรียนอยู่
"ทุกคนพูดถึงการไปดูแกะ"
แล้วฟาร์มนั้น
มีคนเข้าชมจนต้องต่อคิว
"จองคิวล่วงหน้า"
“เพื่อจะไปให้หาหารแกะ”
จำบรรยากาศที่ไทยมีแกะ
แรกๆได้ไหมครับ?
“นั่นคือวัวสีม่วงแห่งการท่องเที่ยวยุคนั้น”
ไม่ต้องพูดถึง
เรื่องรายได้ลองคิดเอาเอง
แทนที่คนจะไปเดินห้าง
จะไปเที่ยวทะเล
ไปที่อื่น
คนจำนวนมากเปลี่ยนFocus
เพื่อไปดูแกะ
"เงินเข้าหาวัวสีม่วงเสมอ"
หรืออย่างเมื่อก่อน
คนทำอาหารปกติ
ความต้องการอาหารคลีนในตลาดสูง
แต่ไม่มีใครทำ
วันนึงก็มีคนทำอาหารคลีนแช่แข็งขาย
อาหารคลีนแช่แข็งก็เป็นวัวสีม่วง
(เงินเข้าหาวัวสีม่วง)
เมื่อมีอาหารคลีนแช่แข็งขายแล้ว
วันนึงมีเยอะก็กลายเป็นเรื่องปกติ
(ไม่ม่วงอีก)
วันนึงมีอาหารคลีนผัดสดใหม่ส่งถึงบ้าน
(อาหารคลีนผัดสดใหม่เป็นวัวสีม่วงแทน)
เงินถล่มเข้าหา
“วัวสีม่วงตัวแรก”
D
——
“วัวสีม่วงตัวที่2”
“กลุ่มผู้นำ ที่ตามไว”
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
ช่วงนั้นฟาร์มไหนรู้เทรนด์กระแส
ที่เป็นกลุ่มผู้นำ
ที่เอาแกะเข้ามาบ้างเป็นกลุ่มแรกๆ
มีคนแวะไปมากมาย
"จนเติบโต"
"เงินเข้าหา เพราะตลาดต้องการ"
"ด้วยดีมานซ์ ตลาด
ที่ผู้นำสร้างไว้แล้ว"
(จริงๆแกะอาจจะไกลตัว
นักการตลาดมือใหม่)
ลองมองของเล็กๆ
อย่าง....
ตุ๊กตาเฟอร์บี้
ครีม อาหารเสริม อาหารคลีน
หรือ โปเกม่อน
หรือ
"การขายOnlineมาใหม่ๆ"
ช่วงที่มีการเปิดตลาดแรกๆจากผู้นำเทรนด์แล้ว
“ความต้องการในตลาดสูงมาก”
นี่จะเป็นจังหวะนึงที่
“เปลี่ยนชีวิตคนๆนึงได้”
คนกลุ่มนี้ไม่ได้สร้างกระแส
ทุ่มเงิน สร้างเทรนด์เยอะแยะ
แต่เป็นนักเรียนรู้
ลงทุนในความรู้เสมอ
“รู้ทัน ลงมือทำไว “
อย่างช่วงแรกๆหลายปีก่อน
ปีที่อาหารเสริมผลิตเองมาใหม่ๆ
ตุ๊กตาเฟอร์บี้ มาใหม่ๆ
โปเกม่อน มาใหม่ๆ
อาหารคลีน
หรือเทรนด์การขายของ Online มาใหม่ๆ
คนกลุ่มนี้
เมื่อรู้เทรนด์มีคนนำแล้ว
เห็นแล้วว่าดีมานซ์สูง
ลงมือทำเร็ว
แล้วทำก่อนคนอื่น
“ขายก่อนคนอื่น”
“ปรับก่อนคนอื่น”
เพราะในขณะที่มี
ความต้องการจากผู้คนจำนวนมาก
และยังไม่ค่อยมีใครทำ
และจังหวะได้เปรียบตรงนี้
“สร้างเศรษฐีหน้าใหม่จำนวนมาก”
“ผู้คนเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนฐานะ เป็นจำนวนมาก”
“กลุ่มผู้นำ ที่ตามไว”
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
E
——
“ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งในการสร้างเทรนด์”
“แต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องเป็นนักเรียนรู้”
ผมมักพูดคำนี้เสมอ
ความคิด ไอเดียดีๆ
"ไม่ได้งอกจากกระบอกไม้ไผ่"
ผมตอบคำถามคนที่ถามแบบนี้เสมอ
"ว่าทำไมผมถึงมีไอเดียใหม่ๆ
และไว"
เคล็ดลับคือ...
หลายปีก่อน
ผมก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่คนสำเร็จชอบพูดว่า
“จงลงทุนในตนเอง”
“จงลงทุนในความรู้”
F
-----(ตรงนีเป็นเรื่องส่วนตัวผมนะครับ อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้)
“สุดยอดคลังไอเดีย ไม่ได้อยู่ในที่เดิมๆ”
“เอเท็น ”
ผมก็เริ่มเข้าใจตอนที่ทำสิ่งนี้
เริ่มจากหนังสือ
ไปสัมมนา
ซื้อคลาสต่างประเทศ
"แล้วก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต"
จนได้รู้ว่า...
อ่อ ไอ้ความรู้ ไอเดียพวกนี้
"คนมันไม่ได้พูดกันตามท้องถนนนี่หว่า"
เพื่อนเรา...
ครอบครัวเรา....
"เค้าไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย"
จุดเนี่ยแหละที่ทำให้เก็ท
และเริ่มแตกต่างขึ้นเรื่อยๆ
ทุกวันนี้ผมก็
"ยังลงทุนเรื่องนี้เป็นอันดับ1ในชีวิต"
ปีๆนึงลงทุนเรียน
กับมีเข้าคลับหลายคลับของต่างประเทศ
ปีนึงหลายล้านกับเรื่องนี้
ได้การตลาดที่มาใช้กับธุรกิจ
ได้รู้เทรนด์ล่วงหน้า
บางครั้งก็ได้จากการเจอคนในกลุ่ม
ที่พูดแชร์ข้อมูลไอเดียซึ่งเป็นคนที่พัฒนาตัวเอง
มันเลยมีไอเดียพวกนี้ครับ
มันเลยมั่นใจได้แนว
มันเลยโตธุรกิจได้
เห็นภาพใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้น...
เวลาที่บอกว่าเราไม่มีไอเดียเลย??
ไม่รู้จะทำอะไร??
"ผมก็เคยเป็นครับ"
ตอนผมขายรถที่โชว์รูม
ผมก็คิดไม่ออกไม่มีไอเดีย
ไม่รู้จะทำอะไร?
แต่มันไม่ได้แก้ด้วยการทำสิ่งเดิมต่อไป
ถ้าที่เดิมๆที่อยู่ทุกวัน
มันไม่ให้ความคิดสร้างสรรค์ไอเดียอะไร?
สิ่งที่เราต้องทำคือขยับตัว
ไปหาหนังสือดีๆสักเล่ม
ไปเจอคนสำเร็จ
ลงทุนเงิน เวลา ตัวเอง
ไปเข้าคลาส เข้าคลับ
เข้าสมาคมที่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนใจทำอยู่
สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้เราไปต่อได้
ที่จะทำให้เรามีไอเดีย
มีกลยุทธ์
รู้ข้อมูลวงใน
"รู้ล่วงหน้า"
“นี่คือจุดได้เปรียบ”
G
--
ตอนนั้น6-7ปีก่อนผมได้รู้
ว่าเทรนด์มันคือOnLine
ในขณะที่6-7ปีก่อน
คนอื่นหลับกับเรื่องนี้อยู่
มองOnlineเป็นของเล่น
"ที่เล่นก็ได้ ไม่เล่นก็ได้"
แต่วันนั้นผมลงทุนเรียนรู้
"จนได้รู้"
จากการไปเรียนพวกนี้
แล้วก็รู้ว่าต่างประเทศก็เป็นแบบนั้น
แทบทุกที่เป็นแบบนั้น
เฮ้ยมันไม่ใช่ของเล่นนี่!
“มันเป็นเทรนด์”
และในเมื่อมันเป็นเทรนด์
ที่มาแน่นอน
เราไม่สามารถหยุดเทรนด์ได้!
ตามกฏเปลี่ยนชีวิตคือ
ตามให้ทัน!
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
มันต้องเริ่มให้ไว
ละมันก็เป็นแบบนั้น
ผมเอาขึ้นมาขาย
ในจังหวะที่ไม่มีใครขาย
"มันก็ขายได้ทันที"
"เพราะไม่มีใครขายแข่งเลย"
และผมรู้พลังของมัน
และไม่เคยหยุดเรียนรู้
"และหยุดลงทุนให้เรื่องความรู้พวกนี้เลย"
จนตอนหลังที่ผมได้พูดไปใน
บทที่แล้วที่เตือนว่า..
พอเทรนด์มันเปลี่ยน
ต้องเข้าให้ไว!
บทที่แล้วผมพูดว่า....
ช่วงนั้น
เมื่อเราขายดี
คนก็มาตาม
และ....
คนก็ขึ้นมาขายรถเยอะแล้วบนOnline
ตอนนั้นเริ่มไม่เห็นความแตกต่างอีก
เริ่มตัดราคา
“””จากProduct Level3(ที่บริการเหนือกว่า)
"เราติดต่อให้ข้อมูลได้ทางonlineไม่มีใครทำ"
แต่วันนั้นคนเริ่มมาทำเยอะ
ก็กลายมาเป็นProduct Level1 อีกครั้ง
เป็นของที่ไม่มีจุดแตกต่าง
"""ตัดราคาเหมือนเดิม”””
H
———
“แทรก Product4 Level”
(เรื่องProduct4Level ผมไม่ลงลึกนะครับ
ถ้าชอบไปอ่านได้ในหลายบทที่แล้วหน้าเพจ)
Product4Level(ที่ผมเขียนไปวันก่อน ใครดูแล้วอ่านผ่านๆ)
Product Levelที่1 -
Productที่เหมือนกันๆ(ต้องแข่งราคาอย่างเดียว)
ProductLevelที่2-
Productที่ยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน(แตกต่างชัดเจน)
Product Levelที่3
-Product ที่เรามีserviceที่เหนือกว่า
(ของอาจเหมือนกัน
แต่ยังไม่มีใครเซิร์ฟบริการลูกค้าได้แบบนี้)
Product Levelที่4
-Product ที่แตกต่างที่ประสบการณ์
(ของอาจคล้ายกัน แต่ลูกค้าเลือกเพราะประสบการณ์ที่เค้าได้รับ)
“จำ4Level นี้ให้ขึ้นใจ”
“มันจะทำให้เราเช็คความเป็นวัวสีม่วงได้ตลอดเวลาในการทำธุรกิจ”
i
-------
“เทรนด์ใหม่ ในอนาคต”
เมื่อผมเรียนรู้ตลอดเลยได้กลิ่นไอใหม่
“ได้พบเทรนด์ใหม่ ในอนาคตตลอด”
เช่น...
5ปีก่อนผมได้รู้ว่า...
ธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับผู้คนจะอยู่ได้
"The Most Human Company Wins"
หรือธุรกิจที่มี”ฐานแฟน”
จะคงอยู่ได้ดี
และโตไว
จากการที่ได้ข้อมูลพวกนี้
อยู่ในกลุ่มคนที่ทำเรื่องเหล่านี้
และเฝ้าสังสังเกตุจนเห็นว่า
เออจริง!
CEOแบรนด์เมืองนอกทำกันเยอะแล้วโตไว
CEOใหญ่ในไทยก็ทำแล้วโตไว
ได้ความเชื่อถือ
เจ้าของธุรกิจแบรนด์เล็กๆ
ที่ไม่ได้รวยมาก่อน
ก็เริ่มทำแล้วโตจนเริ่มเห็นคนสำเร็จเยอะ
นี่มันไม่ใช่ไอเดียธรรมดาแล้ว
"แต่มันจะเป็นเทรนด์ยาวๆแน่นอน"
ผมปรับแนวทางทันที
จากขายอย่างเดียว
เป็นออกมาให้ความรู้
สร้างฐานแฟน มีปฏิสัมพันธ์
“นี่ก็เป็นอีกครั้งนึงที่เปลี่ยนชีวิตผม”
“นี่คือจุดได้เปรียบ”
“จงเป็นกลุ่มนำ ที่เรียนรู้เสมอ”
“และทำไว”
J
————
“กลับไปที่ เรื่อง วัวสีม่วง”
“ทำไมทำตามเค้า
แต่เราไม่รวยบ้าง?”
"อันนี้คือเรื่องที่น่ากังวลที่สุด"
ทำไมทำตามคน สำเร็จ
“แล้วไม่สำเร็จ”
มาขายOnlineตามเค้าแต่ขายไม่ดี
"ทั้งๆที่ทำเหมือนๆเค้าทุกอย่าง"
กลับไปที่เรื่อง"วัว"
เรื่อง
"แกะ"
ทำไมเค้าเลี้ยงแกะกัน
แล้วเค้ารายได้ดี?
จำได้ไหม?
เราเห็นวัวเห็นเห็นแกะตอนแรก
เราตื่นเต้นfever
"เป็นกระแส"
แต่จนวันที่เคยเห็นบ่อยๆ
นานเข้าๆ
"ก็ไม่ตื่นเต้นอะไรอีก"
เช่นกันคนที่ตามเทรนด์ทัน
มาทำOnlineคนแรกๆ
"เค้าก็ขายดีได้"
คนที่2,3,4,10,20,30
ก็ยังขายได้
เป็นวัวสีม่วงอยู่
เพราะวัวสีปกติคือคนขายoffline
"คุณแตกต่างเพราะไม่มีใครขายสิ่งนั้นบนonline"
แต่จนเข้าคนที่100ที่1,000
คนขายonline ของแบบเดียวกับคุณ
เพียบไปหมด
จนคนไม่สนใจแล้ว
เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว
"วัวสีม่วงก็กลายเป็นวัวธรรมดา"
"คุณธรรมดาจน...."
"คนเค้าก็ไม่สนใจคุณอีก"
"เจ็บปวดเนอะ"
K
----
แต่
คนที่ศึกษาเรียนรู้อัพเทรนด์ตลอดเวลา...
เค้าก็เจอเทรนด์ใหม่ๆ
แบบที่ผมเจอ
ว่าอยู่ดีๆจะมาเปิดเพจ
ยิงแอดขายทื่อๆอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะ
ต้องเป็นเป็นProduct Level2,3,4
ที่มีจุดแต่งต่างที่service/ประสบการณ์
ที่ไม่ต้องแข่งราคากับใคร
หรือ
ต้องปรับตัวเป็น....
ธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับผู้คน
"The Most Human Company Wins"
ธุรกิจที่มี”ฐานแฟน”
"มีจุดแต่งต่างตัวที่เรา"
"ความเข้าถึงได้ มีสัมพันธ์ของเรา"
"ถึงจะอยู่ได้ในยุคนี้"
“ที่ผมพูดพวกนี้นี่คือวัวสีใหม่ของยุคปัจจุบัน"
“และนี่คือคำตอบ
ว่าทำไมคนขึ้นมาทำการตลาดOnlineมือใหม่
หรือทำมานานแล้ว
แต่ไม่สำเร็จ หรือไม่โตเท่าที่ควร???”
“เพราะเค้าไม่มีข้อมูลตรงนี้
เลยทำให้ไม่รู้ว่าอะไรคือเทรนด์
อะไรคือสิ่งที่ต้องทำ
หรืออะไรคือสิ่งที่ควรจะพัฒนามัน!
สุดท้ายเทรนด์(เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้)
Online มันบังคับ
"ให้คนที่อยากเติบโตต้องทำ"
เทรนด์มันมาแบบนี้...
ทุกคนอยากทำ
แต่ถ้าเค้าไม่ได้ศึกษา
ไม่ได้รู้แบบที่เรารู้กันใน5นาทีนี้
ไม่รู้เรื่อง"วัวสีม่วง"
"เค้าก็ออกมาขายวัวธรรมดาบ้าง"
ในจังหวะที่
"มีวัวเต็มตลาด”
“เค้าเลยกลายเป็นฟาร์มวัวปกติ”
“ในขณะที่เทรนด์
มันนำคนแห่ไปดู
ไปซื้อกับวัวสีม่วงกันแล้ว”
"ตกเทรนด์"
“และคำถามคือ....
เมื่อคุณไม่ใช่วัวสีม่วง”
"ยังค้าขายแบบเดิม"
“เป็นonline level1”
“ไม่แตกต่างอะไรเลย”
นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุทึ่
ลูกค้าต้องหยุด
เพื่อสนใจดูคุณ
ในขณะที่คนอื่นทำได้ดีกว่า
ถูกไหม?
ส่วนคนที่ทำproduct 2,3,4อยู่
โดยไม่รู้ตัว
ถ้าเค้า
เค้าไม่รู้เรื่อง"product4Level"
และ"วัวสีม่วง"
เค้าก็จะไม่หมั่นปรับตัว
มีคนมาขายแข่งด้วยมาตฐานเท่าๆกัน
จนวันนึงก็กลายกลับไปเป็นLevel1
"ตัดราคากันเหมือนเดิม"
“การลงทุนในความรู้
การเสพข้อมูลเร็ว
และลงมือทำไวเป็นสิ่งสำคัญ”
L
-------
ทิ้งท้าย.....
"คนทำproduct Level2,3,4"
ถ้าวันนี้
"Product ของคุณเป็นproduct Level
2,3,4"
ดีใจด้วย คุณจะยังอยู่ได้ต่ออย่างดีในยุคนี้
แต่หมั่นหาความรู้ตลอดเวลา
อัพเดทเทรนด์ใหม่
อัพเดทธุรกิจให้ดีขึ้น
"พัฒนาเสมอ"
เพราะเมื่อคุณขายดี
จะมีคนอยากขายด้วยเสมอ
แล้วมาด้วยมาตรฐานใกล้กัน
จนเริ่มไม่แตกต่าง
เป็นมาตรฐาน
จนคุณก็กลายกลับไปเป็นLevel1อีกครั้ง
และอย่าลืม
"มันมีวัวสีม่วง"
เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
"จงสร้างฐานแฟนจริงจังได้แล้ว"
"The Most Human Company Wins"
ตรงนี้ทำให้คุณอยู่ได้ดี
โดยไม่ต้องถูกเปรียบเทียบ
M
---
ทิ้งท้าย.....
"คนที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดOnline"
ให้ลองเช็คสถานการณ์ว่าเป็นยังไง
"คุณเข้ามาเป็นวัวตัวที่เท่าไหร่ในท้องตลาด"
1,2,310,30,100,1000?
"วัวเต็มรึยัง?"
"ถ้าเต็มแล้ว"
"หรือจวนแล้ว?"
วางแผน..
ปรับทำให้มันเป็นวัวสีม่วงได้ไหม?
Upgradeเป็นLevel2,3,4ได้ไหม?
ให้แตกต่าง
จะด้วยservice
ประสบการณ์ได้ไหม
หรือเป็น1,2,3,4PLUS
ที่เอาตัวคุณออกมาแตกต่างแบบพี่น้องในOnline Take Over
หลายคนที่ผมยกตัวอย่างหน้าเพจ
ทำให้คนมีโอกาสเลือกเค้า
ได้มากกว่าคนที่ขายแบบเดียวกับเค้า
อีก100หรือ1,000เจ้า
เช่นกันถ้าคุณทำ
ตรงนี้ก็จะทำให้คนมีโอกาสเลือกคุณ
ได้มากกว่าคนที่ขายแบบเดียวกับคุณ
อีก100หรือ1,000เจ้า
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
โอกาสยังมีอีกเยอะ
ยังมีอีกเหลือเฟือ
ถ้าเรารู้ทัน และทำไว
ยังเป็นยุคที่ใช้ Online Take over
เปลี่ยนชีวิตได้
รีบทำก่อน ปรับก่อน
“รู้ทัน ลงมือทำไว ได้เปรียบ”
ใครอ่านจบแล้ว
ก็ทักทายกันหน่อยครับ^_
"วัวสีม่วง"
"Online Take Over"
ลุย!
A10(เอเท็น)
สังคมแห่งความเป็นไปได้
ลุย10x
Online Take Over 2021
1YearClub
“Thx Economy”
「จองคิวล่วงหน้า」的推薦目錄:
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳解答
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳貼文
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 Facebook 的精選貼文
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 จองคิวล่วงหน้าก่อนทำธุรกรรมที่สาขา... - ธกส BAAC Thailand 的評價
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 ลงทะเบียนขอรับบริการทำบัตรประชาชนล่วงหน้า 的評價
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 จองคิวล่วงหน้า กับ GSB Queue ของธนาคารออมสิน - YouTube 的評價
- 關於จองคิวล่วงหน้า 在 เงื่อนไขการจองคิวบัตรประชาชน - สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ 的評價
จองคิวล่วงหน้า 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳貼文
บางครั้งเราก็มักจะคิดว่า
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
A==========เคยได้ยินคำพวกนี้ไหมครับ?
เราต้องมีไอ้นั้นก่อน
ถึงจะมีไอ้นี้ได้
เราต้องมีแบบนั้นก่อน
ถึงจะเป็นแบบนี้ได้
เราต้องมีเงินซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายก่อน
ถึงจะลดน้ำหนักได้?
หรือเราต้องมีเงิน
มีคอนเนคชั่นก่อน
เราถึงจะมีธุรกิจได้?
และน่าเสียดายที่เพราะตอนนี้
เรายังไม่ได้มีแบบนั้น
เราเลยไม่สามารถที่จะเป็นแบบนี้
แบบที่ตั้งใจไว้ได้
แล้วเราก็ไม่ได้ทำมันในวันนั้น
และในที่สุด
เราก็แทบจะไม่ได้ทำมัน
B=========ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ
ตอนนั้นหมายศาล
มาแปะหน้าบ้านว่าบ้านกำลังจะถูกยึด
เป็นของขวัญก่อนวันรับปริญญา
เป้าหมายเดียวตอนนั้นคือ
เอาชีวิตกลับมาให้ได้
เอาบ้านกลับมา
คิดในหัวว่า
คำนวณตลอดว่า
“ถ้ามีเงินสัก1ล้าน”
มาโปะหนี้บ้านของครอบครัว
หรือถ้าไม่ทันก็
“เราอย่างน้อยไปเริ่มต้นอะไรใหม่ได้”
"ทุกอย่างเบาทันที"
C==========Key
ตอนนั้นช่วงเรียนจบแล้ว
ยังไม่มีงานทำรอรับปริญญา
ผมก็เลยคิดในหัวตลอดเลยว่า
1ล้านคือตัวเลขที่ต้องการ
เอาจริงๆตัวเองไม่เคยหาเงินได้
รู้ว่าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
แต่การได้อ่าน
ได้ฟัง
ได้ศึกษาเรื่องราวคนสำเร็จมาบ้าง
(จริงๆเรียกว่าอย่างหมกมุ่น)
และตอนนั้นไม่ค่อยได้เจอใคร
ไม่ได้มีใครมาวิจารณ์หรือถาม
ให้ต้องตอบอะไรที่ยังหาคำตอบไม่ได้
จุ่มตัวอยู่กับหลักฐานความเชื่อพวกนี้
ได้เห็นเรื่องราวคนสำเร็จ
“ที่เค้าก็ไม่ได้รวยก่อนที่จะรวย”
ก็เลยมีความเชื่อกับตัวเองลึกๆ
“ว่าเป็นไปได้”
D=======แต่มันมีช่วงนึงที่...
ต้องไปเจอเพื่อน
เจอสังคม
ก็เผลอพูดเป้าหมายไป
“ว่าคงไม่ได้ทำงานตามสาย”
“เพราะเป้าหมายคือ1ล้าน”
ผลคือ....
“ก็ได้เรื่องเลย”
มีคนบอกต้องเป็นไอ้นั้นก่อน
มันถึงจะได้เป้าหมายนี้
มันต้องมีอันนั้นก่อน
ไอ้นี้ถึงจะได้
ต้องจบสูงกว่านี้
หรือต้องทำงานไปสักระยะอายุ30เดี๋ยวก็ได้
หรือพ่อเค้า พี่เค้า ตัวเค้า
อายุเยอะกว่า เรียนสูงกว่า
มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า
ต้องใช้เวลาตั้งนาน
ถึงจะได้เป้าหมายนี้
ผมก็งงว่า
ผมแค่บอกเป้าหมาย
ทำไมeffectขนาดนี้
E======โชคดีที่ผมศึกษาเรื่อง
คนสำเร็จอยู่ตลอดเวลา
จุ่มตัวอยู่กับหลักฐานความเชื่อพวกนี้
ได้เห็นเรื่องราวคนสำเร็จ
“ที่เค้าก็ไม่ได้รวยก่อนที่จะรวย”
“เค้าก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย
ก่อนที่เค้าจะมี”
ผมเลยกลับคิดตรงข้าม
กับความเห็นที่โถมเข้ามา
ว่า....
“มันต้องไปหาคนที่เค้าทำได้ก่อนสิ “
ว่าเค้ามาได้ยังไง สำเร็จได้ยังไง
“ไม่ใช่คิดเอง เออเอง”
ผมไม่ชอบเปรียบเทียบ
แต่ถ้าจะเปรียบเทียบในทางดี
เราก็ควรจะเอาเวลาไป
หาหลักฐานที่เค้าสำเร็จ
ในแบบที่เค้าเริ่มได้
จากจุดที่เรายืน
(คล้ายจุดที่เรายืนอยู่)
แล้วใช้หลักฐานตรงนั้นคลำทางไป
ให้มันได้เริ่มต้นได้
ไม่ใช่ไปมองหลักฐานไกลๆ
ที่เค้ามีอะไรที่เราไม่มีเลย
แล้วก็เทียบกับเค้า
แล้วไปบอกกับตัวเองว่า
ก็เราไม่มีแบบนั้น
ไม่มีจุดเริ่มต้นแบบเค้า
“เราก็เลยเริ่มไม่ได้ซะที”
แล้วเราก็บ่นกับตัวเองว่า
“เราต้องมีเงินก่อน”
“เราต้องมีคอนเนคชั่นก่อน”
“ถึงจะเริ่มทำอะไรได้”
คำถามคือ...
แล้วมันจะไปมีก่อนได้ยังไง?
ก็ในเมื่อมันไม่มี
คิดแบบนี้=มันก็ไม่ได้เริ่มซะที
และมันก็จะกดให้เราไม่ได้ไปไหนเลย
F=======ตอนนั้นผมเลือกอย่างแรก
ผมเลยไปหาหลักฐาน
ไปหาความรู้จากคนที่ทำได้
ไปอยู่ในกลุ่มคนที่ทำได้
ไปช่วยงานเค้าไปคลุกคลี
และผมก็ได้รู้ว่า...
จริงๆ
เราก็เกือบเผลอคิดไปเองว่า
“1ล้านแรก
มันต้องใช้เงินลงทุน
มันต้องเป็นโน่นเป็นนี่มาก่อน”
ซึ่งจริงๆมันเป็นแค่ความเชื่อเดิมๆ
ผมไปเจอตัวอย่าง
หลายคนมาก
ที่เป็นลูกจ้างก็ทำได้
ยิ่งหายิ่งเจอ
ไปเป็นพนักงงานขาย...
ขายรถ
ขายบ้าน
ขายอะไรต่างๆนาๆ
ผมก็ค้นหาอยู่สักพัก
และเลือกขายรถ
เหตุผลเพราะตอนผมชอบรถ
และผมรู้ว่าผมเรียนรู้เรื่องนี้ได้เร็ว
เป็นข้อได้เปรียบ
และปีต่อมาเป้า1ล้าน
ผมก็ทำได้ในที่สุด
และมันก็ทำลายความเชื่อดั้งเดิม
ที่คนโยนเข้ามาใส่เลย
ไม่กังวลอีกเลย
G========ตอนที่ทำธุรกิจ
ถัดจากทำงานได้สักระยะ
ผมบอกว่าอยากเริ่มธุรกิจ
อยากจับเงินระดับ10ล้านได้บ้าง
เพื่อนผมรุ่นพี่ผมผม
บอกว่าเค้าก็อยากได้
แต่จะทำไงได้เค้าไม่ได้มีเงิน
ไว้หาเงินได้เยอะๆก่อน
ค่อยคิด
ผมเองตอนนั้นก็ไม่ได้มีเงินเยอะ
และช่วงนั้นเก็บเงินไม่เก่งด้วย
เหมือนคนเพิ่งมีเงินใหม่ๆ
ไม่เคยมีเงินขนาดนี้
ก็ถือว่าใช้เงินเก่งประมาณนึง
ผมก็คิดว่ามันต้องรอมีเงินแค่ไหนกันล่ะ
ถึงจะได้เริ่ม?
ตอนนั้นผมก็ทำงานขาย
ยุคนั้นมีsocialละ
ก็ได้เห็นคนรู้จัก
ได้เห็นลูกค้าที่ออกรถไป
แล้วก็เริ่มสังเกตุและคิดว่า
ทำไมเค้ารวยจัง
เค้าทำอะไรกัน
เมื่อก่อนบางคนเค้าก็เหมือนๆผม
แต่ทำไมเค้าทำเงินเป็น10ๆล้านได้
(สมัยนั้นจำนวนนี้เยอะมากสำหรับผม)
หลังเลิกงานผมก็ไปหาเค้า
ไปศึกษากับเค้า
ไปดูหลายๆคน
แล้วผมก็เจอหลักฐาน
เยอะมากๆ
คนที่ขายของออนไลน์
คนที่ซื้อมาขายไปของมือ2
“จับมาขายไป “
H======ผมก็เริ่มปิ๊งกับตัวเองว่า
เฮ้ย !
ไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่นี่หว่า
นี่ไงมีช่องทางที่ไม่ต้องใช้เงินก็มี
ตอนนั้นก็ได้คอนเซปต์ละ
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะจับอะไร
ก็หาอยู่สักพัก
เริ่มไปเจอร้านนั่งชิล
ที่เจ๊ง อยากขายของในร้าน
และก็เจอคนที่อยากเปิดร้านใหม่ๆ
ที่ไม่อยากลงทุนเยอะ
อยากหาของมือ2มาใส่ร้าน
“นี่ไง เงิน”
ไปหาร้านที่เจ๊ง
ไปหาร้านที่เปิดใหม่
10ล้านเกิดจากตรงนั้น
ตอนทำซื้อมาขายไป
เนี่ยถ้าไปเชื่อว่า
ต้องมีทุนเงินเยอะๆ
“ก็ไม่ได้ทำวันนั้น”
บางครั้งเราก็มักจะคิดว่า
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
i=======คราวนี้ลองตัวอย่างอื่นๆบ้าง
ที่เป็นพี่น้องเรา
อย่างพี่น้องที่อยู่ในคลาสOTO
Online Take Over
“เอ็มขายรถมือ2”. รถมือสอง ยูสไมล์คาร์ รถมือสองคุณภาพดี รถสวยสุราษฎร์ธานี ส่งฟรีทั่วประเทศ
“ขายอยู่ที่เต๊นท์ตัวเอง”
“ขายได้รอบๆบ้าน”
“เค้าอยากจะขยายยอดขาย”
“อยากให้คนไว้ใจมาซื้อกับเค้าเยอะขึ้น”
ลองคิดเล่นๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าเค้าไปปรึกษาใคร
ก็ต้องมีคนบอกเค้าว่า
“ต้องเปิดเต๊นท์ใหญ่ๆ”
“ลงทุนเงินเช่าที่ซื้อที่”
“ลงโฆษณาทีวี”
“วิทยุ”
“ลงให้เยอะๆ ซื้อสื่อเยอะๆ”
“คนจะได้เชื่อถือเดินทางมาซื้อ”
ถ้าไม่ทำยาก!
J=======แล้วความเป็นจริงๆคือ...
คนสร้างตัวทุกคน
ช่วงแรกๆ
เราไม่ได้มีเงินที่จะใช้ทุ่มใส่ขนาดนั้นได้
เมื่อเราได้รับความเห็นแบบนี้
ถ้าเราไม่มีภูมิคุ้มกัน
และเผลอเชื่อ
เราก็จะพูดกับตัวเองด้วยคำว่าอะไร?
เพราะเราไม่มีเงิน?
เรายังทำแบบนั้นไม่ได้!
ก็กลับไปที่ระบบเดิม
ที่พาดหัวPostในวันนี้คือ
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
K=======เฮ้ย!
แต่กลับกัน
เอ็มไม่ได้คิดแบบนั้นไง
รู้ว่ามันเป็นทางที่ดี
แต่อาจจะไม่เหมาะ
เอ็มเค้าก็ต้องคิดว่า
มันจะมีทางอื่นป่าว?
เค้าก็หาหลักฐาน
ยุคนี้เรามีโอกาสได้เจอกับคนสำเร็จได้ทุกวัน
เพียงแค่เปิดSocial
เค้าก็เริ่มมองดูลู่ทาง
หาหลักฐาน
ผมก็มาเจอเค้าอยู่ในคลาสOTO
Online Take Over
ตอนนั้นผมเห็นเค้าจริงๆจังมาก
เค้าส่งการบ้านทุกวัน
แล้วช่วงเรียนๆเอ็มเค้าก็
เริ่มได้ไอเดีย
เค้าเห็นเคสเพื่อนๆในคลาส
เห็นเคสเจตน์
เจ้าของร้านกล้องติดรถยนต์. GROOVYGANG.NET
ที่คนยอมเดินทางไกล
บางคนข้ามจังหวัด
เพื่อมาติดกับเจตน์
ทั้งๆที่แถวบ้านพวกเค้า
หรือปากซอยบ้านเค้า
ก็มีร้านขายกล้องติดรถ
และทั้งๆที่ร้านเจตน์ออกจะเป็นร้าน
ที่ราคาสูงในท้องตลาดด้วย
L========เค้าเห็นไอเดียเพื่อนคนอื่นๆ
จากการใช้สูตร
80-15-5ในการทำเพจแบบOTO
อีกหลายคน
บางคนใช้เต็มสูตร
บางคนใช้แค่นิดๆหน่อยๆก็โตก้าวกระโดดแล้ว
เช่นอย่าง
“น้ำ เจ้าของร้านสักคิ้ว Bellezza Brows Expert ครูน้ำ สักคิ้วสระบุรี
อยู่ที่สระบุรี”
มีลูกค้าจาก จากต่างจังหวัด
จากกรุงเทพ จองคิวล่วงหน้า
ขับรถไป2-3ชม
เพื่อไปสักคิ้วกับน้ำ
และสักกับน้ำก็ไม่ได้ราคาถูก
ครั้งละหลักหมื่น-20,000 +
ทั้งๆที่ร้านที่ว่าของเค้า
ก็ไม่ได้เช่าที่อยู่ในห้างหรู
แต่ทำอยู่ในหมู่บ้านตัวเอง
โตก้าวกระโดดหลายเท่าตัว
เนี่ยหลักฐานมันเห็นกับตา
เอ็มหรือพี่น้องในOTOก็ต้องคิดละ
ได้ไอเดียละ
เฮ้ย แล้วถ้าเรารถมือ2
เราเป็นเต๊นท์
ถ้าคนรู้จักเราบนOnline
เราดังบนonlineได้แบบพี่น้องOTOเรา
เราอาจจะไม่ต้องขยายร้าน
ให้ทุ่มเงินก้อนใหญ่
สร้างความน่าเชื่อถือ
ก็ได้นี่น่า
นี่ไงอีกทาง
M=======และเอ็มก็เริ่มพิสูจน์
เค้าฝึกในOTOอย่างเข้มข้น
เป็นคนที่ทำการบ้านตลอด
แล้วก็เป็นคนมีสีสรรค์เลย
บวกสม่ำเสมอ เพื่อนๆในรุ่นเลยจำเค้าได้
เค้ารู้ว่า
การทำOnlineแบบยุคใหม่
หรือแบบอย่างคลาสOnline Take over
ไม่ใช่ง่ายๆ
ไม่ใช่ทำวัน2วัน
และไม่ใช่อะไรที่ฉาบฉวยเก็บกินวันนี้พรุ่งนี้
เหมือนปลูกต้นไม้ใหญ่ใช้เวลา
แต่เค้ารู้ว่าถ้ามันเริ่มติดเข้าสูตรเมื่อไหร่
ร้านเค้าจะหยุดไม่อยู่
แม้ว่าจะไม่ต้องประคบประหงมมาก
ก็โตออกดอกผลได้ เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่โตแล้ว
เดือนแรกๆที่เรียนไปเค้าจับทางได้
ผ่านไป3-6เดือนหลังจบคลาส
เค้าบอกว่า
“ลูกค้ามาเยอะขึ้น”
และผ่านไป1ปี
เค้าส่งข้อความมาบอกว่า
“ตอนนี้หลายที่วิกฤติ
แต่ธุรกิจเค้ากลับดีตรงข้ามเลย”
ลูกค้าวิ่งมาซื้อ
จากทั้งในจังหวัด
มาเป็นวงกว้าง
ไม่ใช่แต่รอบร้านเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
และปัจจุบันมา
จากทั่วภาคใต้เลย
ยะลาก็มี ปัตตานีก็มา
แถมหลายคน
ก็โทรมาสั่งจอง
โอนเงินก้อนซื้อรถเค้าจากOnlineเลย
โดยไม่ต้องเห็นรถ
เพราะเค้าเชื่อใจเอ็ม
“เนี่ยวันนี้ชีวิตเปลี่ยนเลย”
N=======ลองคิดดูนะครับ
ถ้าวันนั้นเค้าเกิด
เลือกใช้ความเชื่อเดิมๆ
ที่ใครส่งมาให้เค้า
พยากรณ์ตัวเองว่า
คิดว่า...
ต้องมีเงินลงทุนเยอะๆก่อน
เราถึงจะขายได้ดีๆ?
เราต้องมี”ไอ้นั้น!”ก่อน
ถึงจะได้”ไอ้นี้!”
วันนี้จะเป็นยังไงครับ?
จะมีเอ็มวันนี้ไหม?
O=====แต่คนที่ทำแบบเอ็ม
หรือเคสเอ็มเอง
เค้าเลือกที่จะออกจากมโนตรงนั้น
ไม่ได้ปิดความเชื่อตัวเอง
เปิดใจ....
มองโลกใหม่
หาหลักฐานที่ต้องการ
หาหลักฐานที่พอเป็นไปได้จากจุดที่เรายืนๆ
ดูว่ามีใครเค้าทำได้ไหมในทางอื่นๆไหม
P========เช่นวันนั้นเค้าเลือกหาหลักฐาน
เค้าเห็นเคสคนอื่น
หรือเค้าเห็นเคสเจตน์
เค้าเห็นเคสน้ำ
เค้าเห็นเคสเพื่อนๆในOTO
ที่แต่ละคน
“เค้าก็เริ่มจากจุดที่ตัวเองยืนทั้งนั้น”
แต่ละคน...
ก็ไม่ได้ต้องลงทุนสร้างร้านใหญ่โต
แต่ละคนร้านก็ไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง
แต่ละคนก็ไม่ได้ต้องไปเช่าที่แพง ๆ
โดยไม่จำเป้น
แต่ก็สามารถทำราคาPremium
สามารถทำให้ลูกค้าเชื่อใจไว้ใจ
เดินทางไกลไปหาได้?
ตรงนี้ก็ต้องเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า...
“แล้วทำไมเราจะทำแบบนั้นไม่ได้?”
แค่เราก็ต้องทำOnline
เข้าใจOnlineในแบบยุคใหม่
ที่ไม่ใช่ขายอย่างเดียว
ก็เรียนรู้ฝึกฝนมันก็แค่นั้น
ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นๆ
Q==========1ปีให้หลัง
สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นกับธุรกิจเอ็มที่
ไม่ต้องร้านใหญ่
ไม่ต้องอยู่ใจกลาง
ไ่มต้องเช่าที่แพงๆ
แต่ก็สามารถทำให้ลูกค้าเชื่อใจไว้ใจ
เดินทางไกลไปหาได้
“และยั่งยืน”
“เนี่ยคือศึกษา”
“หาหลักฐาน”
“เดินจากจุดที่ยืน”
ไม่ใช่มโน
ว่าต้องมีไอ้นั้นก่อน
ถึงจะมีไอ้นี้
R=====เนี่ยแหละคือแกปนิดเดียวเอง
อย่างตอนหลังๆ
ในOnline Take over
มีพี่น้องที่เข้ามาเยอะขึ้น
ที่เป็นเจ้าใหญ่ในตลาด
"บางคนคนเป็นเจ้าของคลีนิค"
"เป็นเจ้าของรีสอร์ท"
"เจ้าของกิจการ"
ก็เริ่มเห็นความสำคัญ
ยิ่งอันนี้ถ้ามีของดีมาแล้ว
มาเจอOTOก็ยิ่งทวีคูณเลย
หลายคนบอกว่า...
เมื่อก่อนคิดว่าต้องขยายสาขาอย่างเดียวเท่านั้น
ถึงจะโตได้
จนมาเห็นหลักฐาน
ได้Concept
กลายเป็นว่า
สาขาเท่าเดิม
แต่ลูกค้าวิ่งมามากขึ้น
รู้สึกว่า...
“เอ้อก็ดีเหมือนกัน”
เนี่ยคือศึกษาไม่ใช่มโน
S======Keyสำคัญ
“เวลาอยากได้อะไร”
“มีเป้าหมายอะไร”
“ผมไม่ได้พูดแค่เรื่องOnlineนะ”
“ผมหมายถึงทุกเรื่อง”
ที่บางครั้ง....
“เราอยากได้ไอ้นั้น”
เรามักคิดเองไปก่อนว่า...
“เราต้องมีไอ้นี้ก่อน “
ซึ่งจริงๆบางครั้ง
“ไอ้สิ่งที่คิด”
“มันมาจากความเชื่อเดิมอะ”
“เหมือนคนที่มาบอกผมว่า
1ล้าน มึงต้องทำทำธุรกิจ
หรือมีตำแหน่งใหญ่ๆ
ต้องอายุมากกว่านี้ก่อน”
“10ล้านมึงต้อง
มีเงินก้อนใหญ่ก่อน
มาทำธุรกิจ”
หรือ....
แบบเจตน์
แบบเอ็ม แบบน้ำ
“ที่เฮ้ยต้องมีเงินไปเปิดร้านใหญ่โต”
“ต้องขยายสาขาใหญ่โต
ถึงจะได้รับความเชื่อใจจากลูกค้าได้”
ซึ่งวันนี้เรารู้แล้วว่ามันคือมโนไง
มันคือความเห็นอะ
Okมันอาจจะเป็นความจริง
“หรือสิ่งที่ใครเค้าเคยเห็นมา”
“หรือรวมถึงตัวเราเองด้วย”
แต่รู้ได้ไงว่านั้นคือทางเดียวอะ?
รู้ได้ไง?
มันมีทางอื่นไหม?
มันมีคนทำได้ในรูปแบบอื่นไหม?
มันมีโลกที่เรายังไม่เคยเห็น
ที่เราเริ่มได้เลยไหม?
ลองค้นหาก่อนไหม?�
แล้วดูว่าเค้าทำยังไง?
ไปดู
ไปเรียนรู้ศึกษาก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?
ก่อนที่จะปิดโอกาสชีวิตตัวเอง
แล้วบอกว่า....
ฉันต้องมีไอ้นั้นก่อน
ฉันถึงจะมีไอ้นี้ได้
ซึ่งจริงๆแล้ว
“ฉันอาจจะไม่ต้องมีไอ้นั้นที่เราเคยคิดก่อนหน้าเลยก็ได้”
=========
ใครเคยเห็นเคยมีประสบการณ์แบบนี้
หรือ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้
ก็ทักทายกันหน่อยครับ
เช้านี้
สวัสดีครับพี่น้องทุกคน
A10(เอเท็น)
ลุย10X
OTO Online Take Over
จองคิวล่วงหน้า 在 Facebook 的精選貼文
แม่ส่งมาให้ !!!!
รายชื่อรพ.ในกรุงเทพและปริมณฑลที่ยังรับตรวจ covid-19 [update 27/4/2564 16.00น.]
อันนี้เป็นข้อมูลรายชื่อที่ได้มา และโทรไปคอนเฟิร์มข้อมูลให้แล้วนะคะ
1. รพ. สุขุมวิท 02-3910000
-จองคิวตรวจ online รับตรวจถึง 29/4 (รับทุกเคส จองให้ทันเถิด)
- คชจ 3,900 บาท
-รอผล 1-2 วัน
-มีเตียงแอดมิท หรือ hospitelที่ร่วม
2. รพ. ปิยะเวท 02-129-5555
-รับตรวจทุกเคส
-4,000 บาท
-รอผล 48hr.
-เตียงเต็ม ต้องรอคิวเตียง
3. รพ. กรุงเทพ 02-310-3000
-รับคนที่มีอาการเท่านั้น
-นัดคิวตรวจใน online ตอนนี้คิวถึง 2 พค. 64 (ข้อมูลเมื่อวันที่ 27/4)
-ตรวจปกติ 4,200 บาท
-ตรวจรวม xray ปอด 4'800 บาท
-รอคิวเตียงเพื่อแอดมิท
(ตอนนี้รออยู่ 100 คิว)
4. รพ.สินแพทย์-รามอินทรา 02-793-5000
-รับทุกเคส จองผ่านgoogledrive sheet บนfb page รพ.
-จองแล้วจะมีทีมประเมินอาการก่อนตรวจ
-3,500 บาท
-รอผล 48hr.
-รับแอดมิท แต่ส่วนใหญ่จะส่งต่อไปยัง รพ. อื่น
5. รพ. เกษมราษฏร์ international รัตนาธิเบศร์ 02-594-0020
-รับทุกเคส*
มีการตรวจ 3 แบบ
* แบบ drive true - 3,000 บาท พร้อมใบรับรองแพทย์
*แบบปกติ ลานจอดรถชั้นG ห้องกระจก ตึก ARI รับวันละ 110 คน/วัน -3,000 บาท พร้อมใบรับรองแพทย์
*แบบตรวจฟรี วันละ 100 เคส
รับจองคิวแรก 7.00 น.
ผู้ป่วยจะมาต่อคิวก่อนเวลา (ตี3 แน่ๆ เลยแม่)
-รอผล 2-3 วัน ทางsms
-ถ้าผลเป็นบวก จะมี จนท ให้ข้อมูลเรื่องแอดมิทอีกที
6. รพ จุฬารัตน์3 international 02-033-2900
-รับทุกเคส
-3,000
-3,500 พร้อมใบรับรอง
-รอผล 48-72hr
-รับแอดมิท
-จนท. จะให้ข้อมูลอีกทีถ้าผลเป็น+
7. รพ บำรุงราษฏร์ international
02-066-8888 (มีภาษาอาราบิก, อังกฤษ, ญี่ปุ่น พม่า)
-รับตรวจผู้ที่มีอาการ
-คิวตอนนี้อยู่ที่ 14 พค.
-ค่าตรวจ 5,500 พร้อมใบรับรอง
-หากมาตรวจ 07.00-11.00น. ผลออก 17.00น. เอกสารได้ 20.00น.วันเดียวกัน
-มาตรวจหลัง 11.00น. ผลออกวันถัดไป
-เตียงเต็ม
8. รพ สินแพทย์ ศรีนครินทร์ 02-006-8888
-รับตรวจผู้ที่อายุ 15-50 ปี
-จองคิวล่วงหน้า1 วันทางfb page รพ
ก่อน 19.00น. จะมีsms ยืนยันคิว
-3,500 บาท
-4,000 พร้อมใบรับรอง
-รอผล 2-3 วัน
-แอดมิท hospitel
9. สถาบันบำราศนราดูร
02-9511176
-รับจองคิว 6.30-7.00น. Walk in
รับ 300 เคส/วัน
-รับตรวจเคสที่มีอาการหรือเสี่ยงสูงเท่านั้น
-ตรวจฟรี
-รอผล 24-48hrs.
-รพ.ที่รับตรวจในเคสนั้นๆ จะต้องรับรักษา
10. ศูนย์ตรวจสุขถาพไปต่างประเทศ รพ. รามาธิบดี
091-774-6463
-รับเคสที่ไม่มีอาการเท่านั้น ตรวจเพื่อไปต่างประเทศ หรือตรวจเพื่อเข้าทำงานในประเทศ ไม่จำเป็นต้องมีไฟท์บิน
-walk in 8.00-14.00น.
-รับผล 12.00 น. วันถัดไป
-2,800 บาท
11. รพ.กล้วยน้ำไทย พระราม4
02-769-2000
-walk in 8.00-15.00น.
-รับเฉพาะประกันสังคม รพ กล้วยน้ำไท พระราม4
-3,500 บาท
-รอผล 48hrs.
-ทาง รพ. จะประสานเรื่องเตียงอีกทีหากผลเป็นบวก
12. รพ.รามคำแหง 02-743-9999
-รับตรวจ 150เคส/วัน
-ลงทะเบียนหลัง 15.00น. หน้าเพจfb รพ. รอ sms ยืนยันคิว
-3,500 บาท
-รอผล 6-8 hrs.
-แอดมิท รพ.รามคำแหง, ส่ง รพ.อื่น หรือ hospitel
13. รพ. นครธน 02-450-9999
-ตรวจแบบDrive true (walk in150 เคส/วัน)
-เวลา 8.00-15.00น.
-4,500 บาท ไม่มีใบรับรองแพทย์
-รอผล 48 hrs.
-แบบพบแพทย์ (ไม่จำกัดเคส/วัน)
-เวลา 8.00-19.00น.
-5,000 พร้อมใบรับรองแพทย์
-รอผล 48 hrs.
-รับรักษา แอดมิทได้เลยมีเตียง **
14.รพ.ลาดพร้าว 02-530-2556
-walk in รับคิวแรก 7.00น. (10 เคส/วัน)
-คัดกรองก่อนตรวจ
-3,500 พร้อมใบรับรองแพทย์
-รอผล 48 hrs.
-รพ.จะประสานเรื่องเตียงกับรพ.รัฐส่วนกลาง
15. รพ.มหาชัย2 //02-431-0054
-ตรวจแบบ drive true จ่ายตรง ลงทะเบียนหน้าเพจ รพ.มหาชัย2 จะมีเจ้าหน้าที่โทรคอนเฟิร์มคิว
-4,600 บาท
-รอผล48hrs.
แบบdrive true ประกันสังคม
-3,300 บาท
-รอผล 48hrs.
-รพ. รับรักษาเฉพาะประกันสังคม รพ.มหาชัย2
-มีเตียง
16.รพ.มหาชัย3 // 034-429-111
-รับตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการและใช้ประกันสังคมของ รพ.มหาชัย3 เท่านั้น
17. รพ. มงกุฏวัฒนะ 02-574-5000
-รับตรวจ 8.00-16.00น. Walk in(ไม่จำกัดเคสต่อวัน)
-3,500 พร้อมใบรับรองแพทย์
-รอผล 2-3 วัน
-เตียงเต็ม รอคิวเตียง
18. รพ.พรินซ์สุวรรณภูมิ 02-080-5999
ตรวจแบบ drive tru
-รับตรวจคิวแรก 8.00น.
-รับบัตรคิว 06.00น. (300เคส/วัน)
-3,800
-รอผล 24-48hrs.
-เตียงเต็ม รอคิวเตียง
19. World medical hospital
02-836-9999
-ตรวจแบบdrive tru walk in (300เคส/วัน)
-เวลา 8.00-17.00น. (คิวสุดท้ายควรมาก่อน 16.00น.)
-3,000 สัญชาติไทย
-3,500 ชาวต่างชาติ
-รอผล 3 วัน หรือ 72hrs.
-หากผลเป็นบวกจะมี จนท. ประสานงานหา รพ.ให้
20. รพ.คามีเลี่ยน 02-185-1444
-ตรวจแบบ drive tru
-ลงทะเบียนผ่านหน้า websiteรพ.
-4,000
-รอผล 1 วัน
-มีเตียงแอดมิท**
ทางรพ. จะชี้แจงเรื่องค่าใช้จ่ายค่ารักษาก่อน หากผู้ป่วยโอเค ก็รักษาได้เลย 🙃🙃
21.รพ อินทรารัตน์02-481-5555
-แบบDrive true
-ลงทะเบียนผ่านไลน์แอด รพ./ fb page รพ. รับตรวจ 50เคส/วัน
-4,500 (กรณีมาตรวจ 1-3คน)
-3,800(กรณีมาตรวจ 4คนขึ้นไป)
-ค่าใบรับรองแพทย์จ่ายเพิ่ม 500/คน
-รอผล 48-72hrs.
-มีเตียงแอดมิท**
22.สมิติเวช สุขุมวิท 02-022-2222
-จองคิวผ่าน call center รพ.
-จะมีจนท. คัดกรองอาการก่อน
**หากไม่มีอาการให้ตรวจแบบ drive true
**หากมีอาการให้ตรวจ ที่ ARI คลีนิก
-4,500 พร้อมใบรับรองแพทย์
-รอผล 48 ชม.
-ไม่รับแอดมิท
รายชื่อรพ.หรือสถานบริการที่ไม่พร้อมตรวจ (ข้อมูล27เมษายน2564)
1.รพ. วิภาราม-ชัยปราการ
2.รพ. สินธุ์แพทย์-เสรีรักษ์
3.รพ. ธนบุรี1
4.รพ.เครือเปาโล
5.รพ.บางประกอก 9 international
6. รพ.พระราม9
7.รพ. มหาชัย
8.รพ.เวชธานี
9.รพ.นวเวช
10. รพ.นนทเวช
11. รพ.วิภาวดี 02-561-1111
-ปิดให้บริการตรวจโควิด จะเปิดเร็วๆ นี้
จองคิวล่วงหน้า 在 ลงทะเบียนขอรับบริการทำบัตรประชาชนล่วงหน้า 的推薦與評價
ในการจองคิวเพื่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชนล่วงหน้า (แบบออนไลน์) ที่ ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จจังหวัดปทุมธานี ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต (ชั้น 3 ... ... <看更多>
จองคิวล่วงหน้า 在 จองคิวล่วงหน้า กับ GSB Queue ของธนาคารออมสิน - YouTube 的推薦與評價

สอนวิธี จองคิวล่วงหน้า ของธนาคารออมสิน. ... <看更多>
จองคิวล่วงหน้า 在 จองคิวล่วงหน้าก่อนทำธุรกรรมที่สาขา... - ธกส BAAC Thailand 的推薦與評價
จองคิวล่วงหน้า ก่อนทำธุรกรรมที่สาขา สะดวก ประหยัดเวลา ลดความแออัด จองคิวได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ผ่านระบบ “Aคิว” ทั้ง 2 ช่องทาง ดังนี้ สแกนผ่านทาง QR code... ... <看更多>