D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ ตีแผ่ด้านมืดในกองทัพเกาหลี ดูแล้วทั้งสลดทั้งหดหู่ แต่หนังแม่งดีมากจริงๆ!
รับชมได้ทาง Netflix .
ผมชื่อว่าเด็กผู้ชายบ้านเราเนี่ยค่อนข้างจะมีปมกับการที่จะต้องไปเป็นทหารเกณฑ์แหละ เพราะเอาจริงๆมันเสียเวลาชีวิตมากกับการที่จะต้องไปเสียเวลาไปเป็นทหาร แม้มันจะมีคำว่าหน้าที่หรือคำว่ารับใช้ชาติเข้ามาก็เถอะ D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ เนี่ยมันสะท้อนภาพแนวคิดของคนในกองทัพที่เป็นคนดูแลทหารเกณฑ์เลยนะว่าเค้าคิดและเค้าอยากจะทำอะไรกับคนกับผู้ชายกับชายหนุ่มที่ไปเอาเค้ามาเข้ากรมบางครั้งมันคือการทำเพื่อชาติหรือเป็นวัฒนธรรมในการพยายามสืบทอดอำนาจของรุ่นพี่ที่เคยโดนกระทำมาก่อนหรือเปล่า D.P ตีแผ่เรื่องมืดดำในกองทัพเกาหลีออกมาได้คมคายและสะเทือนจิตใจมากจริงๆครับ ขอสารภาพว่าผมดูตอนจบแล้วนั่งร้องไห้และก็อึ้งแบบพูดอะไรไม่ออก หดหู่อยู่เป็นชั่วโมงถึงได้เริ่มเขียนบทรีวิวหนังนี่แหละ
.
D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ เล่าเรื่องราวของ อันจุนโฮ(จองแฮอิน) ชายหนุ่มที่ยากจน ไม่ได้มีโอกาสในสังคมมากมายนัก ทำงานพาร์ทไทม์ก็มักโดนคนกดขี่โดนนายจ้างโกงค่าแรง เค้าเหมือนเป็นคนแอนตี้สังคมนิดๆ และก็ไม่สนสี่สนแปดใครใดๆ เค้าตัดสินใจเข้ากรมเพื่อมาเป็นทหาร ซึ่งถ้าใครทราบและรู้เรื่องเกี่ยวกับเกาหลีก็คือชายหนุ่มในประเทศเกาหลีจะต้องเข้ากรมเป็นทหารทุกคนไม่มียกเว้น ไม่มีนิ้วงอนิ้วพิการไม่มียกเว้นโรคร้าย ไม่มีหนังสือรับรองสัสดีหรือหมอทหารให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ อันจุนโฮ เนี่ยเข้าไปเป็นทหารแรกๆก็โดนรุ่นพี่รังแกตามปกติแหละ แต่จะด้วยหน่วยก้านหรือจังหวะก็ไม่รู้เค้าได้ไปมีโอกาสเข้าร่วมทีม D.P. (Deserter Pursuit หน่วยล่าทหารหนีทัพ) นั่นคือดูเหมือนว่าเค้าจะค่อนข้างโชคดีที่จะไม่ต้องประจำการอยู่ในหน่วยฝึก แต่เค้าจะได้แฝงตัวออกไปนอกหน่วยร่วมกับรุ่นพี่ สิบโทฮันโฮยอล ที่ค่อนข้างจะห่ามๆนิสัยแปลกๆกวนๆ คอยออกไปตามล่าทหารหนีทัพ ซึ่งในแต่ละตอนมันก็จะมีเคสของนายทหารหนีทัพต่างๆนาๆ แน่นอนว่าทหารที่หนีทัพทุกคนล้วนแต่มีบาดแผลในใจที่เกิดจากการกดทับของระบบการใช้อำนาจโดนกดขี่ โดนข่มขู่ โดนคุกคามทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงโดนคุกคามโดนทารุณกรรมทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นสั่งแก้ผ้า เอาไฟแช็กลนไข่ ในเกาหลีก็มี ดูแล้วบอกตรงๆว่าหดหู่ใจมาก ในแต่ละเคส อันจุนโฮ ก็จะพาเราไปพบกับเรื่องราวต่างๆของนายทหารแต่ละคน ปัญหาจิตใจ ปัญหาครอบครัว ก่อนจะพาเราไปพบกับเคสสุดท้ายของเรื่องที่น่าจะเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่นำเราไปพบกับเรื่องราวที่สุดแสนจะหดหู่...
.
หนังจะเล่าเรื่องออกไปในโทนหม่นหมองและไม่ได้เดินเรื่องแบบน่าติดตามแบบขนบซีรีส์เกาหลีที่เราคุ้นชิน แต่ดูแล้วผมว่าแนวทางมันออกไปในทางหนังตลกร้ายแบบหนังอินดี้เสียมากกว่า สิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากกกกกก็คือการแสดงของ จองแฮอิน ในบอกทหารเกณฑ์ที่หน้าตาเหมือนคนเบื่อโลกไม่มีสังคมนี่แหละ ความเป็นคนหน้าหล่อแต่ต้องมาแสดงแบบไม่ห่วงหล่อและเป็นคนที่ดูไม่น่าสนใจนี่แหละท้าทายความสามารถมาก เป็นคนเฉยๆเรียบๆไม่มีอะไรน่ามองเลย ผิดกับรุ่นพี่ สิบโทฮันโฮยอล ที่รับบทโดย คูคโยฮวาน ที่กวนและปล่อยลวดลายสุดแบบขโมยซีนมากๆ แต่ก็มาแบบพอดีๆไม่โอเว่อไม่โดดมาก
.
ตัวหนังเนี่ย มันปูพื้นให้เราได้เห็นด้านมืดในกองทัพเกาหลี ได้เห็นการใช้อำนาจกดทัพของนายทหารรุ่นพี่ นายทหารระดับผู้บังคับบัญชาที่กระทำต่อทหารเกณฑ์เหมือนไม่ใช่คน เด็กผู้ชายที่เติบโตเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นลูกของพ่อแม่ที่ได้รับการฟูมฟักมาอย่างทนุถนอม ลูกชายของแต่ละบ้านแต่ละครอบครัวที่ได้รับการใส่ใจมาอย่างดี แต่พอมาอยู่ในกรมทหารกลับต้องโดนทำร้ายทารุณทั้งร่างกานและจิตใจทำเหมือนไม่ใช่คน หลายๆคนที่ออกจากกรมไปก็ยังต้องพกพาฝันร้ายออกไปด้วย หลายๆคนที่โดนกดขี่ข่มเหงจนทนไม่ได้ก็ต้องหนีกองทัพออกไปแบบไม่สนใจอนาคตข้างหน้า แต่กองทัพในเรื่องก็ยังกระทำต่อทหารหนีทัพราวกับสุนัขที่เค้าบอกว่าเป็นสุนัขที่กัดเจ้าของมันก็เลี้ยงไม่เชื่อง นี่เหรอการกระทำของมนุษย์มันโหดร้ายและทำให้เราหดหู่มากเลยครับ
.
ซีรีส์เรื่องนี้จัดเป็นมินิซีรีส์ความยาวแค่ 6 ตอนๆละ 40 นาทีเองครับ ผมดูบ่ายๆตกเย็นก็ดูจบ ผมจัดให้ D.P เป็นซีรีส์ระดับคุณภาพที่เน้นและนำเสนอให้เรามีความสะเทือนอารมณ์เป็นอย่างมากครับ งานคุณภาพแบบนี้เปิดดูเถอะครับ ของมันดีครับ รับชมได้ทาง Netflix นะครับ
