สื่อจีนล้อเลียนการประชุม G-7 เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยภาพแต่งเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงจีนถูกประเทศเหล่านี้รุกรานกว่าร้อยปีที่แล้ว
“ครั้งสุดท้ายที่คนเหล่านี้รวมหัวกันกดขี่จีนคือปี 1900… เวลาผ่านไปแล้ว 120 ปีคนเหล่านี้ก็ยังฝันอยู่..”
นั่นคือช่วงเวลาที่กลุ่มประเทศที่เรียกว่าพันธมิตรแปดชาติ (Eight-Nation Alliance) ซึ่งเป็นชื่อเรียกพันธมิตรของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิเยอรมนี จักรวรรดิรัสเซีย จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ราชอาณาจักรอิตาลี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งรุกรานจีนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงสมัยซูสีไทเฮา
วันนี้อเมริกากำลังเป็นหัวหอกจับมือกับประเทศในกลุ่มนี้เล่นงานจีนด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการละเมิดกฎกติการะหว่างประเทศ ถึงแม้อินเดียไม่ได้เป็นสมาชิกของ G-7 แต่ก็ได้รับเชิญร่วมประชุมในฐานะแขกของเจ้าภาพอังกฤษ
ภาพดังกล่าวเป็นฝีมือของนักการ์ตูนนิสต์ชื่อดังของจีน Wuheqilin ที่ได้รับการแชร์อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียของจีน
(ภาพจาก The Global Times)
「จักรวรรดิออสเตรีย」的推薦目錄:
- 關於จักรวรรดิออสเตรีย 在 Facebook 的最佳解答
- 關於จักรวรรดิออสเตรีย 在 เจาะข่าวตื้น Facebook 的最佳貼文
- 關於จักรวรรดิออสเตรีย 在 เจาะข่าวตื้น Facebook 的最佳貼文
- 關於จักรวรรดิออสเตรีย 在 ประวัติจักรวรรดิออสเตรีย ฮังการี:100เรื่องเล่า|117| - YouTube 的評價
- 關於จักรวรรดิออสเตรีย 在 จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีปกครองพื้นที่ในยุโรปซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น ... 的評價
จักรวรรดิออสเตรีย 在 เจาะข่าวตื้น Facebook 的最佳貼文
เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ในสงครามโลกครั้งที่ 1
คู่กรณีในสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ แบ่งเป็นสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายไตรภาคีที่นำโดย อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และฝ่ายมหาอำนาจกลาง ที่นำโดย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และจักรวรรดิออตโตมัน
[เข้ากลุ่มคลังความรู้ : https://www.facebook.com/groups/490835395165541/]
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เป็นจักรวรรดิ์ที่เกิดขึ้นจากการจับมือรวมอำนาจของ 2 ราชวงศ์ นั่นก็คือ ราชวงศ์ออสเตรีย และ ราชวงศ์ฮังการี มีเนื้อที่ของจักรวรรดิใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากจักรวรรดิ์รัซเซีย แต่อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพทางการทหารก็ยังด้อยกว่าจักรวรรดิ์เยอรมันอยู่บ้าง แต่ทั้งสองจักรวรรดิ์เป็นพันธมิตรที่แน่นเหนียวต่อกัน
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ได้ผนวกดินแดนของบอสเนียเอาไว้ภายใต้จักรวรรดิ์ด้วย บอสเนียต้องการเอกราช จึงมีความขัดแย้งปะทุขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
เซอร์เบีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านแอบสนับสนุนบอสเนียอยู่ และเซอร์เบียก็เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย และรัสเซียก็เป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสและอังกฤษ ถ้ารบกับเซอร์เบีย ก็แปลว่าต้องรบกับอังกฤษ ฝรั่งเศส และ ที่น่ากลัวที่สุดคือรัสเซียด้วย
ดังนั้น รัฐบาลออสเตรียฮังการี จึงรอสัญญาณการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมันก่อนที่จะทำอะไรลงไป เมื่อไคเซอร์ วิลเฮมที่ 2 กษัตริย์เยอรมันส่งสัญญาณลับมาว่า ถ้าจะเกิดสงครามเยอรมันพร้อมร่วมรบกับออสเตรียฮังการี่แน่นอน ออสเตรียฮังการีจึงเดินหน้าเต็มสตีม
โดยการยื่นคำขาด 10 ข้อให้รัฐบาลเซอร์เบียปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นคำขาด 10 ข้อที่แทบทำตามไม่ได้เลย จึงเป็นสัญญาณว่าอย่างไรก็ต้องรบอย่างแน่นอนภายในเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย เบลเยี่ยม เซอร์เบีย และ ออสเตรียฮังการี กับ เยอรมันก็พร้อมรบ
สำหรับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หลังจากรบกันไปได้สักระยะ เมื่อสองฝ่ายเริ่มจะทำอะไรกันไม่ได้จึงกลายเป็นรูปแบบของ สงครามสนามเพลาะ ซึ่งคือการขุดหลุมเป็นแนวยาวหลายแนวสลับซับซ้อนและมีลวดหนามป้องกันด้านหน้า พร้อมกับป้อมปราการต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา
โดยแต่ละฝ่ายจะสร้างแนวปราการสนามเพลาะที่ตึงขนานกันกินระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร และในสงครามครั้งนี้เอง ได้มีการนำเครื่องบินและรถถัง ระบบทางรถไฟ รวมถึงเรือดำน้ำ ถูกนำมาใช้ในสงครามอย่างจริงจัง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ได้มีสนามรบจำกัดแต่เพียงในยุโรปเท่านั้น เพราะในอาฟริกาเหนือซึ่งเป็นดินแดนอาณานิคมก็มีการรบกันอย่างดุเดือดด้วย ในทางทะเลมหาอำนาจกองทัพเรือคืออังกฤษและเยอรมันก็รบกันอย่างดุเดือด
เมื่อสงครามยืดเยื้อ ประชาชนในแต่ละประเทศก็เริ่มเหนื่อย เริ่มไม่พอใจ เพราะเศรษฐกิจก็ฝืดเคือง คนก็ตายเยอะ การจบลงของสงครามไม่ได้มาจากสนามรบ แต่มาจากภายในประเทศต่าง ๆ เอง เจ้าแรกที่ไปก่อนเลยคือรัสเซีย เกิดการปฎิวัติในรัสเซีย ระบอบกษัตริย์ล่มสลาย พรรคบอลเชวิค นำโดยวลาดิเมียร์ เลนิน เข้ายึดอำนาจการปกครอง รัสเซียถอนตัวออกจากสงครามไป
จักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งเข้าร่วมสงครามในปลายปี 1914 กับฝ่ายเยอรมัน แม้จะเป็นนักรบที่น่าเกรงขามแต่การเป็นจักรวรรดิ์ ซึ่งหมายความว่ามีการรวมคนหลาย ๆ เผ่าพันธุ์เข้ามาแบบหลวม ๆ ทำให้มีความเครียดคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำสงครามยาวนาน ก็เกิดกบฏและการเรียกร้องเอกราชกันภายใน เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมันก็ล่มสลาย
เช่นเดียวกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งก็สลายไปในรูปแบบคล้าย ๆ กัน มีเพียงเยอรมันเท่านั้นที่ยังคงมีพื้นที่เท่าเดิมแต่เปลี่ยนระบอบการปกครองโดยไคเซอร์วิลเฮมที่ 2 จำต้องลี้ภัยไปอยู่เนเธอร์แลนด์จนสิ้นพระชนม์และเยอรมันก็กลายเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีกษัตริย์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนสหรัฐอเมริกา ที่ตอนแรกไม่อยากเข้าร่วมสงคราม อยากจะค้าขายอย่างเดียวเพราะทำการค้ากับประเทศต่างๆ ในยุโรปเยอะ โดยเฉพาะกับอังกฤษ แต่โดนเยอรมันระเบิดเรือสินค้าและเรือโดยสารที่มีชาวอเมริกันโดยสารอยู่หลายครั้ง สุดท้ายประชาชนชาวอเมริกันก็เลยเปลี่ยนใจ หันมาสนับสนุนการส่งทหารเข้าร่วมรบด้วยในที่สุด
สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ มีทหารเสียชีวิตราว 9 ล้านนาย ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามมากที่สุดคือเยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งส่งประชากรชายของตัวเอง ในวัย 15 - 49 ปี เข้าสู่สมรภูมิรบถึง 80%
และสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ยังเป็นสงครามบนทวีปยุโรปครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามนโปเลียน อันเนื่องมาจากพลังทำลายล้างของอาวุธในยุคใหม่ที่มีความรุนแรงมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ สงครามครั้งนี้ยังนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางสังคมการเมืองอย่างรุนแรง ได้แก่ การล่มสลายของจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ถึง 4 จักรวรรดิ ได้แก่ เยอรมัน ออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และ ออตโตมัน
ผู้หญิงมีบทบาทนอกบ้านเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากผู้ชายโดนส่งไปรบเกือบหมดและสุดท้ายต้องทำงานแทนเพราะผู้ชายตายไปเยอะมาก
นอกจากนี้ยังเกิดโรคระบาดที่ร้ายแรงมากในระดับโลก คร่าชีวิตคนไป 30 - 50 ล้านคน ในปี 1918 โรคนั้นก็คือ ไข้หวัดสเปน ซึ่งเรารู้จักกันในปัจจุบันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ย่อยของ H1N1 นั่นเอง
สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงเมื่อเยอรมันยอมเซ็นสนธิสัญญาสงบศึก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918
ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มีการจัดตั้งองค์การระหว่างประเทศเพื่อสันติภาพขึ้น โดยเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ องค์การสันนิบาตชาติเพื่อป้องกันความขัดแย้งและสงครามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นไปที่การเจรจาทางการทูตเป็นหลัก และพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น
ทว่าองค์การสันนิบาตชาติกลับล้มเหลวในการปฏิบัติงานจริง ความล้มเหลวนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการบังคับให้เยอรมันยินยอมทำตามสนธิสัญญาแวร์ซาย ซึ่ง เป็นการโยนให้เยอรมันต้องรับผิดในฐานะผู้ก่อสงครามแต่เพียงผู้เดียว ต้องจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามถึงสามหมื่นกว่าล้านดอลล่าร์ ซึ่งเยอรมันต้องผ่อนจ่าย โดนจำกัดอาณาเขตและดินแดน มีการปลดอาวุธกองทัพด้วย
ข้อตกลงทั้งหมดนี้ก็นำไปสู่ความอดอยากแร้นแค้นและอดสูของชาวเยอรมัน เรียกว่าโดนกดดันจนกลายเป็นความเกลียดที่พร้อมจะระเบิดออกมาเมื่อถึงเวลา
ซึ่งในอีก 20 ปีต่อมา เมื่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ขึ้นสู่อำนาจและจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างความพินาศวายป่วงต่อมนุษยชาติอย่างสาหัสกว่าสงครามครั้งแรก
● ร่วมสนับสนุน SpokeDark ให้มีกำลังใจผลิตเนื้อหาความรู้สู่สังคมได้ที่ link นี้ครับ https://www.facebook.com/becomesupporter/296157880399391/
จักรวรรดิออสเตรีย 在 เจาะข่าวตื้น Facebook 的最佳貼文
เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ในสงครามโลกครั้งที่ 1
คู่กรณีในสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ แบ่งเป็นสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายไตรภาคีที่นำโดย อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และฝ่ายมหาอำนาจกลาง ที่นำโดย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และจักรวรรดิออตโตมัน
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เป็นจักรวรรดิ์ที่เกิดขึ้นจากการจับมือรวมอำนาจของ 2 ราชวงศ์ นั่นก็คือ ราชวงศ์ออสเตรีย และ ราชวงศ์ฮังการี มีเนื้อที่ของจักรวรรดิใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากจักรวรรดิ์รัซเซีย แต่อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพทางการทหารก็ยังด้อยกว่าจักรวรรดิ์เยอรมันอยู่บ้าง แต่ทั้งสองจักรวรรดิ์เป็นพันธมิตรที่แน่นเหนียวต่อกัน
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ได้ผนวกดินแดนของบอสเนียเอาไว้ภายใต้จักรวรรดิ์ด้วย บอสเนียต้องการเอกราช จึงมีความขัดแย้งปะทุขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
เซอร์เบีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านแอบสนับสนุนบอสเนียอยู่ และเซอร์เบียก็เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย และรัสเซียก็เป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสและอังกฤษ ถ้ารบกับเซอร์เบีย ก็แปลว่าต้องรบกับอังกฤษ ฝรั่งเศส และ ที่น่ากลัวที่สุดคือรัสเซียด้วย
ดังนั้น รัฐบาลออสเตรียฮังการี จึงรอสัญญาณการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมันก่อนที่จะทำอะไรลงไป เมื่อไคเซอร์ วิลเฮมที่ 2 กษัตริย์เยอรมันส่งสัญญาณลับมาว่า ถ้าจะเกิดสงครามเยอรมันพร้อมร่วมรบกับออสเตรียฮังการี่แน่นอน ออสเตรียฮังการีจึงเดินหน้าเต็มสตีม
โดยการยื่นคำขาด 10 ข้อให้รัฐบาลเซอร์เบียปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นคำขาด 10 ข้อที่แทบทำตามไม่ได้เลย จึงเป็นสัญญาณว่าอย่างไรก็ต้องรบอย่างแน่นอน ภายในเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย เบลเยี่ยม เซอร์เบีย และ ออสเตรียฮังการี กับ เยอรมันก็พร้อมรบ
สำหรับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หลังจากรบกันไปได้สักระยะ เมื่อสองฝ่ายเริ่มจะทำอะไรกันไม่ได้จึงกลายเป็นรูปแบบของ สงครามสนามเพลาะ ซึ่งคือการขุดหลุมเป็นแนวยาวหลายแนวสลับซับซ้อนและมีลวดหนามป้องกันด้านหน้า พร้อมกับป้อมปราการต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา
โดยแต่ละฝ่ายจะสร้างแนวปราการสนามเพลาะที่ตึงขนานกันกินระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร และในสงครามครั้งนี้เอง ได้มีการนำเครื่องบินและรถถัง ระบบทางรถไฟ รวมถึงเรือดำน้ำ ถูกนำมาใช้ในสงครามอย่างจริงจัง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ได้มีสนามรบจำกัดแต่เพียงในยุโรปเท่านั้น เพราะในอาฟริกาเหนือซึ่งเป็นดินแดนอาณานิคมก็มีการรบกันอย่างดุเดือดด้วย ในทางทะเลมหาอำนาจกองทัพเรือคืออังกฤษและเยอรมันก็รบกันอย่างดุเดือด
เมื่อสงครามยืดเยื้อ ประชาชนในแต่ละประเทศก็เริ่มเหนื่อย เริ่มไม่พอใจ เพราะเศรษฐกิจก็ฝืดเคือง คนก็ตายเยอะ การจบลงของสงครามไม่ได้มาจากสนามรบ แต่มาจากภายในประเทศต่าง ๆ เอง เจ้าแรกที่ไปก่อนเลยคือรัสเซีย เกิดการปฎิวัติในรัสเซีย ระบอบกษัตริย์ล่มสลาย พรรคบอลเชวิค นำโดยวลาดิเมียร์ เลนิน เข้ายึดอำนาจการปกครอง รัสเซียถอนตัวออกจากสงครามไป
จักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งเข้าร่วมสงครามในปลายปี 1914 กับฝ่ายเยอรมัน แม้จะเป็นนักรบที่น่าเกรงขามแต่การเป็นจักรวรรดิ์ ซึ่งหมายความว่ามีการรวมคนหลาย ๆ เผ่าพันธุ์เข้ามาแบบหลวม ๆ ทำให้มีความเครียดคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำสงครามยาวนาน ก็เกิดกบฏและการเรียกร้องเอกราชกันภายใน เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมันก็ล่มสลาย
เช่นเดียวกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งก็สลายไปในรูปแบบคล้าย ๆ กัน มีเพียงเยอรมันเท่านั้นที่ยังคงมีพื้นที่เท่าเดิมแต่เปลี่ยนระบอบการปกครองโดยไคเซอร์วิลเฮมที่ 2 จำต้องลี้ภัยไปอยู่เนเธอร์แลนด์จนสิ้นพระชนม์และเยอรมันก็กลายเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีกษัตริย์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนสหรัฐอเมริกา ที่ตอนแรกไม่อยากเข้าร่วมสงคราม อยากจะค้าขายอย่างเดียวเพราะทำการค้ากับประเทศต่างๆ ในยุโรปเยอะ โดยเฉพาะกับอังกฤษ แต่โดนเยอรมันระเบิดเรือสินค้าและเรือโดยสารที่มีชาวอเมริกันโดยสารอยู่หลายครั้ง สุดท้ายประชาชนชาวอเมริกันก็เลยเปลี่ยนใจ หันมาสนับสนุนการส่งทหารเข้าร่วมรบด้วยในที่สุด
สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ มีทหารเสียชีวิตราว 9 ล้านนาย ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามมากที่สุดคือเยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งส่งประชากรชายของตัวเอง ในวัย 15 - 49 ปี เข้าสู่สมรภูมิรบถึง 80%
และสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ยังเป็นสงครามบนทวีปยุโรปครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามนโปเลียน อันเนื่องมาจากพลังทำลายล้างของอาวุธในยุคใหม่ที่มีความรุนแรงมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ สงครามครั้งนี้ยังนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางสังคมการเมืองอย่างรุนแรง ได้แก่ การล่มสลายของจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ถึง 4 จักรวรรดิ ได้แก่ เยอรมัน ออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และ ออตโตมัน
ผู้หญิงมีบทบาทนอกบ้านเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากผู้ชายโดนส่งไปรบเกือบหมดและสุดท้ายต้องทำงานแทนเพราะผู้ชายตายไปเยอะมาก
นอกจากนี้ยังเกิดโรคระบาดที่ร้ายแรงมากในระดับโลก คร่าชีวิตคนไป 30 - 50 ล้านคน ในปี 1918 โรคนั้นก็คือ ไข้หวัดสเปน ซึ่งเรารู้จักกันในปัจจุบันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ย่อยของ H1N1 นั่นเอง
สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงเมื่อเยอรมันยอมเซ็นสนธิสัญญาสงบศึก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918
ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มีการจัดตั้งองค์การระหว่างประเทศเพื่อสันติภาพขึ้น โดยเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ องค์การสันนิบาตชาติเพื่อป้องกันความขัดแย้งและสงครามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นไปที่การเจรจาทางการทูตเป็นหลัก และพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น
ทว่าองค์การสันนิบาตชาติกลับล้มเหลวในการปฏิบัติงานจริง ความล้มเหลวนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการบังคับให้เยอรมันยินยอมทำตามสนธิสัญญาแวร์ซาย ซึ่ง เป็นการโยนให้เยอรมันต้องรับผิดในฐานะผู้ก่อสงครามแต่เพียงผู้เดียว ต้องจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามถึงสามหมื่นกว่าล้านดอลล่าร์ ซึ่งเยอรมันต้องผ่อนจ่าย โดนจำกัดอาณาเขตและดินแดน มีการปลดอาวุธกองทัพด้วย
ข้อตกลงทั้งหมดนี้ก็นำไปสู่ความอดอยากแร้นแค้นและอดสูของชาวเยอรมัน เรียกว่าโดนกดดันจนกลายเป็นความเกลียดที่พร้อมจะระเบิดออกมาเมื่อถึงเวลา
ซึ่งในอีก 20 ปีต่อมา เมื่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ขึ้นสู่อำนาจและจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างความพินาศวายป่วงต่อมนุษยชาติอย่างสาหัสกว่าสงครามครั้งแรก
จักรวรรดิออสเตรีย 在 จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีปกครองพื้นที่ในยุโรปซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น ... 的推薦與評價
จักรวรรดิออสเตรีย - ฮังการีปกครองพื้นที่ในยุโรปซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 12 ประเทศที่รวมไปถึงบางส่วนของอิตาลี สโลวีเนีย โครเอเชีย และยูเครน ... <看更多>
จักรวรรดิออสเตรีย 在 ประวัติจักรวรรดิออสเตรีย ฮังการี:100เรื่องเล่า|117| - YouTube 的推薦與評價
รายการ 100เรื่องเล่า เป็นรายการที่จะมาเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ ทั้งประวัติศาสตร์ นิยาย วรรณกรรม จะนำมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันนะค่ะ ... ... <看更多>