เวลามีรายการมาขอสัมภาษณ์แม่ซี
ส่วนใหญ่มักจะถามคำถาม เดิมๆ คล้ายๆกัน
ว่า
" ทำไมถึงตัดสินใจใช้ชีวิต ซิงเกิ้ลมัม ? "
" ผ่านชีวิตช่วงที่แย่ที่สุดมาได้อย่างไร ? "
" มีแนวทางการใช้ชีวิตยังไงบ้าง ? "
ทุกครั้งซีก็จะตอบ เหมือนกัน แต่ มีอยู่ข้อนึงที่ซีจะทิ้งท้ายไว้เสมอ คือ .....
ถ้าหากซีย้อนเวลากลับไปได้ ซีก็จะเลือกทำแบบนี้อีก และไม่เคยคิดเสียใจเลย ที่ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพราะความสุขในวันนี้มันล้นจนไม่มีอะไรมาเทียบได้เลยค่ะ
เป็นความสุขที่.....เป็นตัวของเรา
เป็นความสุขที่.....ได้รัก และ ถูกรัก ด้วยรักบริสุทธิ์
หากในวันนั้น ไม่มีความกล้า คงไม่สุขเช่นนี้
และ สุดท้ายนี้
ซีอยากจะใช้ 3 คำถามนี้ ถามกลับกับคุณแม่ๆ ซิงเกิ้ลมัมทุกๆคนบ้างค่ะ
เชื่อว่าทุกคนที่ก้าวมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ ต้องมีของดีในตัวเอง ถ้าได้กลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือ คงต้องเป็นประสบการณ์ที่ดี ให้กับเพื่อนในโลกใบนี้มากๆเลย
#แม่ซี :)
ถูกรัก คือ 在 I Roam Alone Facebook 的最佳解答
เมื่อรัก ‘ปัก’ เท้า
“หากเปรียบการเดินกับความรักแล้ว ก้อนกรวดอันแหลมคมที่เท้าอันเปลือยเปล่าเหยียบลงไปแล้วทำให้รู้สึกเจ็บ ก็เหมือนกับรักไม่แท้ รักที่มาทำร้าย ทำให้เราเจ็บช้ำ แต่ในความเจ็บนี้มันมีความหมายที่งดงามซ่อนอยู่ ความเจ็บจากก้อนกรวดอันแหลมคมนี้จะทำให้เราเห็นคุณค่าของเม็ดทรายละเอียดในก้าวต่อๆไป ที่เมื่อเหยียบลงไปแล้วอ่อนนุ่ม สบายเท้า นั่นก็คือความรักที่แท้ ที่กำลังจะเดินทางมาหาในไม่ช้า”
เสียงของอ.ประมวล เพ็งจันทร์ดังขึ้นมาผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายวิดีโอการเดินเจริญสติที่สวนโมกข์ของเราสองคน วิดีโอที่ทีมงานเปิดให้ดูก่อนจะเข้าสู่การล้อมวงพูดคุยครั้งสุดท้าย
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 6 เดือนที่แล้ว ตอนที่ได้เจอกับ อ. ประมวลครั้งแรกในการทำสารคดีตื่นรู้ ครั้งนั้นได้มีโอกาสเดินจากกลางเมืองกรุงเทพกลับบ้านกับอาจารย์ และวันถัดไปก็ได้พูดคุยเรื่องการเดินทางภายใน ตอนนั้นจำได้ว่าหลายช่วงหลายตอนอาจารย์จะพูดเปรียบเปรยเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ ซึ่งตัวเองก็แปลกใจ เพราะเราไม่ได้ถามและไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ
จนมาวันนี้วันที่เพิ่งผ่านการเดินบนกรวดแหลม ถูกรัก ‘ปัก’ เท้ามาไม่นาน คำพูดของอาจารย์เมื่อ 6 เดือนที่แล้วที่ตัวเองไม่ได้สนใจ กลับดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในความคิด จำได้ว่าพอถึงบ้านเย็นนั้นก็รีบเล่าให้แม่ฟังเรื่อง ‘กรวดและทราย’
“ปัญหา คือ แกเห็นว่าเป็นกรวดตั้งแต่แรก ก็ยังไปหวังว่ามันจะนิ่มเหมือนทราย มั่นใจในตัวเอง คิดว่าจะเหยียบกรวดเป็นทรายได้ เป็นไงล่ะ เหยียบลงไปเต็มๆ เจ็บมั้ย พูดไปก็ไ่ม่เชื่อหรอก ต้องโดนเอง” แม่ส่ายหน้าเบาๆ แถมมีอมยิ้มมุมปากราวจะบอกว่า ‘เป็นไงล่ะ บอกแล้ว’
พอมานั่งนึกดูก็จริงอย่างที่แม่บอก หลายๆครั้งเราเห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่ทราย ที่เหยียบลงไปน่ะมันกรวดล้วนๆ แต่ก็หลอกตัวเองว่า เฮ้ย! มันทราย มันอาจจะนิ่ม บอกในใจว่า เอ้า! ลองดู หวังลึกๆว่าเราอาจจะเปลี่ยนกรวดเป็นทรายได้ แล้วก็หลับหูหลับตาเหยียบลงไป สุดท้ายก็ตามธรรมชาติ ต้องมากระโดดร้องโอ้ยๆทีหลัง
ไม่ใช่ความรักหรอกที่ทำให้ตาบอด ความมั่นใจยึดมั่นถือมั่นในตัวเองนั่นล่ะที่ทำ
“เหยียบกรวดบ่อยๆระวังเถอะ เท้ามันจะด้าน แล้วทีนี้ก็จะไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ว่าดีนะ” แม่ถอนหายใจ 1 ทีตบท้าย
ถ้าเท้าที่เหยียบกรวดแหลมบ่อยๆ ผิวหนังที่ผ่าเท้าก็จะด้านขึ้นมา เหมือนหัวใจที่ผ่านความเจ็บปวดมาหลายครั้ง เราก็จะสร้างสิ่งป้องกันหนาๆขึ้นมา
แต่เท้าที่ด้านมากๆก็ใช่ว่าดี เพราะในเวลาเดียวกับที่ฝ่าเท้าของเราด้านชาต่อความเจ็บปวด ฝ่าเท้าที่ด้านไปแล้วก็ยากที่จะรู้สึกถึงความนุ่มของเม็ดทราย เหมือนกันหัวใจที่ด้านชาไปแล้ว ก็จะไม่สามารถสัมผัสกับความรักที่สวยงามเช่นกัน
สิ่งที่แม่พยายามจะบอกก็คงเป็น ‘ดูแลหัวใจของเราให้ดี อย่าสมบุกสมบันกับมันมาก เพราะเมื่อวันที่รักแท้มาถึง เราคงไม่อยากให้หัวใจมันด้านชา...’