เงินสำรอง 6 เดือนยังพออยู่มั้ย?
.
ช่วงโควิดเชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็นความสำคัญของเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินกันมากขึ้น ทั้งที่โดยปกติต้องบอกเลยว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่เวลาพูดบรรยาย คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ
.
บ้างอาจคิดว่าโชคร้ายคงไม่เกิดกับตัวเอง คนอื่นที่โดนเพราะเขาซวย แต่เราเป็นคนโชคดี หรือในอีกมุมหนึ่ง ถ้าคนเราเก็บสะสมเงินได้ ก็อยากที่จะนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงๆ มากกว่าที่จะพักหรือกันไว้สำรองในทรัพย์สินที่สภาพคล่องสูง แต่ผลตอบแทนต่ำ พูดให้ง่ายคือ มีเท่าไหร่ลงทุนให้หมดดีกว่า ไม่อยากเผื่อเอาไว้ เสียดายผลตอบแทน
.
จนมาปี 2563 นี่แหละ ที่ทำคนส่วนใหญ่เริ่มเห็นความสำคัญของเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน เข้าทำนอง “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา”
.
“เงินสำรอง” กับ “ประกัน” นี่คล้ายกันตามหลักบริหารความเสี่ยงทางการเงินเลย ก็คือ เราไม่สามารถเตรียมมันตอนที่เกิดปัญหาแล้วได้ ไม่มีใครขายประกันให้เราตอนที่เราเกิดเรื่องไปแล้ว เงินสำรองก็เช่นกัน ถ้าไม่สะสมมาก่อน ก็ต้องรับแรงกระแทกทางการเงินกันไป
.
ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ว่ากัน คำถามคือ หลังจากโควิดครั้งนี้ผ่านพ้น (อยากให้ผ่านไปเร็วๆ จังวุ้ย) ชีวิตกลับมาตั้งหลักเป็นปกติกันได้ คนไทยเราจะเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินกันมั้ย และอีกข้อที่หลายคนสงสัยกันคือ จะต้องเก็บสะสมเผื่อฉุกเฉินไว้มากแค่ไหน เพราะโควิดครั้งนี้ยาวนานเหลือเกิน จนหลายคนเริ่มสงสัยว่า เงินสำรอง 6 เดือนตามตำรา จะยังเพียงพออยู่หรือเปล่า หรือเงินสำรองก็จะต้องนิวนอร์มัลลลลล ไปกับเขาด้วย
.
จากที่ได้พูดคุยกับลูกศิษย์ที่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด รายได้ถูกลด หรือบางคนถูกให้ออกจากงาน ในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ปี 2563 พบว่าหลายคนที่มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เดือน ยังสามารถเอาตัวรอดได้สบายครับ
.
ถ้าเป็นประเภทถูกลดรายได้ลง (บางคน 25-30%) อันนี้ผ่านได้สบายเลย เพราะคิดง่ายๆ ว่า ถ้าเรามีเงินสำรอง 6 เท่าของรายได้ การขาดหายไปของรายได้สัก 25% หรือ 1 ใน 4 จากของเดิม ก็จะมีเงินสำรองไว้เติมเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปในแต่ละเดือนได้ 24 เดือน ซึ่งถือว่ามีเวลาเพียงพอให้เราหยิบจับทำอะไรใหม่ๆ ได้ทันเวลา
.
แต่ถ้าเป็นกรณีรายได้หายไปทั้ง 100% เลย อันนี้ก็คิดง่ายๆ ว่าเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินที่เตรียมไว้ 6 เดือน ก็จะชดเชยรายได้ของเราไปได้ 6 เดือนพอดี จะว่าไปก็ไม่มาก แต่ถ้าตั้งใจสู้ ตั้งสติแล้วตั้งหลักกันใหม่จริงๆ ก็ถือว่า พอไหวอยู่นะ
.
หลายคนเข้าใจผิด คิดว่ามีเงินสำรองแล้วไม่ต้องทำอะไร ซึ่งไม่ถูกนะครับ ถ้าชีวิตของคุณพลิกผันไปจนถึงจุดที่คุณต้องแคะกระปุกเงินสำรองออกมากินใช้ แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะฉุกเฉินแล้ว เขาถึงเรียกเงินเก็บก้อนนี้ว่า Emergency Fund ยังไงหละ
.
ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งตกงานในช่วงล๊อคดาวน์มีนาคม 2563 ส่งข้อความมาเล่าถึงความโชคร้าย แต่ก็ยังสาธยายถึงความโชคดีอยู่บ้าง ที่เขามีเงินเก็บสำรองเผื่อฉุกเฉินพร้อมรับมือวิกฤตได้สบาย ไม่กังวลมาก
.
ผ่านไปอีก 6 เดือน เข้าสู่เดือนกันยายน น้องคนนี้ส่งข้อความมาอีกครั้ง ถามว่าเงินสำรองจะหมดแล้วทำยังไงดี ผมก็เลยถามไปว่าแล้ว 5 เดือนที่ผ่านมาทำอะไรเพื่อหารายได้ให้กลับมาเท่าเดิมบ้าง สมัครงานใหม่มั้ย หาอาชีพเสริมหรือเปล่า หรือลองรับจ้างฟรีแลนซ์ หารายได้มาพยุงไม่ให้เงินสำรองร่อยหรอหรือเปล่า
.
น้องเขาตอบมาแล้วเหมือนตลกร้าย บอกไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะคิดว่ามีเงินสำรองแล้วน่าจะปลอดภัย
.
ในเวลาฉุกเฉินอย่างเช่นสงคราม ที่ต้องรบกันยาวไม่รู้จบเมื่อไหร่ เขายังต้องคุมเสบียง ควบคุมการกินการใช้ให้ได้นานที่สุด อีกทั้งยังต้องคิดหาเสบียงเพิ่มเพื่อรองรับการศึกที่อาจจะยืดเยื้อด้วย แต่นี่ชิลเลย กลายเป็นเบาสบายคลายกังวลไป 6 เดือน หลังจากนั้นโคตรเครียด
.
ที่ว่าตลกร้าย เพราะน้องมันก็สวนมาว่า “ก็โค้ชสอนแต่ให้เก็บเงินสำรอง แต่ไม่ได้สอนนี่ว่าพอเกิดฉุกเฉินจริงขึ้นมา ต้องบริหารยังไง?” (เออว่ะ ... ก็จริงของมัน)
.
อย่างไรก็ดี ถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าคนไทยในยุคโควิด-19 เห็นความสำคัญของ “เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน” หรือ Emergency Fund กันแล้ว และหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “สำรองไว้แค่ 6 เท่าของรายได้ จะเพียงพอหรือเปล่า” หลายที่เริ่มมีสอนกันแล้วว่าสมัยนี้ต้องสำรอง 12 เดือน 18 เดือน หรือไม่ก็ไปโน้นเลย 24 เดือน
.
โดยส่วนตัวผมยังคิดว่า เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เท่า (หรือ 6 เดือน) ยังเพียงพออยู่นะครับ ถ้าเราเข้าใจด้วยว่า เราต้องปรับตัวอย่างไรในสภาวะการเงินแบบฉุกเฉิน ประกอบกันไปด้วย
.
เช่น เมื่อถูกลดเงินเดือน โอที หรือคอมมิชชั่น จนทำให้ชีวิตต้องแคะกระปุกเงินสำรอง ผมว่าถ้าเราเป็นคนที่กระตือรือร้นพอ เราจะต้องไม่อยู่นิ่ง หรืออุ่นใจเกินไปกับเงินที่แม้จะลดไปเล็กน้อย หรือเพียงบางส่วน
.
ฟังดูเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายนะครับ โดยเฉพาะพนักงานประจำที่ติดกับ Comfort Zone อยู่นานๆ การขาดหายไปของรายได้บางส่วน จะยังไม่ทำให้คนบางคนขยับตัวทำอะไรเพิ่มมาก ยิ่งถ้ามีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอยู่ คนกลุ่มนี้จะเลือกแคะกระปุก มากกว่าตื่นตัวว่า "เฮ้ย! รายได้ลด หาอะไรทำเพิ่มดี”
.
หรือบางทีไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดกับเราหรอก แค่เพื่อนในบริษัทเดียวกัน แต่อยู่คนละแผนก ถูกลดเงินเดือน หรือถูกให้ออก แม้จะไม่โดนเรา แต่ผมว่าเราก็ควรคิดอะไรบ้างได้แล้ว อย่าไปอุ่นใจว่ามีเงินสำรองแล้วจะโอเค เพราะในโลกการเงิน สารตั้งต้นของสมการการเงิน คือ รายได้ ถ้ารายได้กระทบกระเทือนมันจะทำให้ระบบการเงินโดยรวมของเราพังทันที ดังนั้นแค่ได้ยินอะไรระแคะระคาย ก็ต้องขยับตัวได้แล้ว
.
หรือในอีกมุมหนึ่งที่ผมพูดเป็นประจำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ “หมดยุคของการมีรายได้ทางเดียวไปนานแล้ว” ดังนั้นหากเรามีแหล่งรายได้เสริม แถมยังมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้ด้วย แบบนี้สำรองแค่ 6 เดือน ก็ยังพาชีวิตไปรอดได้
.
คิดง่ายๆว่าแหล่งรายได้แต่ละแหล่งเป็นเหมือนเครื่องยนต์ ถ้ามีเครื่องยนต์ตัวเดียว แล้วมันดันทะลึ่งดับขึ้นมา ชีวิตเราก็ไปไหนไม่ได้ แต่ถ้าเรามีเครื่องยนต์หลายตัว ดับไปบางตัว ก็อาจยังพอตะเกียกตะกายไป ไม่ต้องหยุด หรือปล่อยให้ชีวิตพังไปพร้อมเครื่องยนต์ที่ดับไป
.
กล่าวโดยสรุป เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เดือน ยังเพียงพออยู่ครับ ยังใช้เป็นเกณฑ์ในการสะสมเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ ส่วนที่เหลือออมเกิน 6 เดือน ก็สามารถจัดสรรไปลงทุนได้ตามเป้าหมายการเงินของตัวเอง
.
แต่ถ้าใครกังวลแล้วอยากสำรองไว้สัก 12, 18, 24 หรือแม้กระทั่ง 36 เดือน ก็ไม่ได้ผิดกติกาอะไร เพราะความรู้สึกปลอดภัยสบายใจของแต่ละคนนั้น ไม่เท่ากันครับ
.
สุดท้ายมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเผื่อไว้ ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรเป็นกันชน เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินให้กับเราเลย
.
ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ผมบรรยายเรื่องเงินฉุกเฉินแล้วมีคนฟังมากขึ้น
ผมเชื่ออย่างนั้นนะ
.
#โค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTH
ถูกลดเงินเดือน 在 TAS19 คำนวณผลประโยชน์พนักงาน โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ABS Facebook 的最佳貼文
JobThai เผยตลาดแรงงานครึ่งปีแรก โควิดกระทบ นักศึกษาจบใหม่ “ท่องเที่ยว-โรงแรม-การบิน” เตะฝุ่น
.
JobThai ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหางาน, สมัครงาน และหาบุคลากรออนไลน์
เปิดเผยถึงข้อมูลการหางาน, สมัครงาน จากการรวบรวมข้อมูลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564
พบว่า ในเดือนมกราคม - มิถุนายน 2564 มีผู้ต้องการหางาน สมัครงาน เพิ่มขึ้นกว่าปี 2563
โดยมีผู้ใช้งานสะสมมากกว่า 13 ล้านคน เติบโตขึ้น 17%
และมีการสมัครงาน 9.6 ล้านครั้ง เติบโตขึ้น 8%
ด้านองค์กร มีการเปิดรับพนักงานรวมทั้งหมด 772,145 อัตรา เพิ่มขึ้น 13.7%
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา หลายองค์กรมีการเปิดรับบุคลากรโดยสามารถทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) หรือทำงานทางไกล (Remote Working) 11,036 อัตรา เพิ่มขึ้น 18.7% จากไตรมาส 3 - 4 ปี 2563
นอกจากนี้ องค์กร ยังมีมาตรการลดการแพร่ระบาดของโควิด โดยเปลี่ยนมาสัมภาษณ์งานทางออนไลน์มากถึง 78,101 อัตรา เพิ่มขึ้น 208.1% จากไตรมาส 3 - 4 ปี 2563
.
โควิด กระทบการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่
ในแต่ละปี จะมีนักศึกษาจบใหม่ เข้ามาในตลาดแรงงาน ซึ่งในปีนี้นักศึกษาจบใหม่ ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิด
.
โดยใน JobThai มีบัญชีผู้ใช้งานที่เป็นนักศึกษาจบใหม่ 178,399 คน
คิดเป็น 17.14% ของจำนวนผู้สมัครงานทั้งหมดในแพลตฟอร์ม
ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
.
สายงานที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. งานขาย 35,031 อัตรา
2. งานช่างเทคนิค/อิเล็กทรอนิกส์ 14,074 อัตรา
3. งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 11,332 อัตรา
4. งานบริการ 8,777 อัตรา
5. งานวิศวกร 7,677 อัตรา
.
สายงานที่มีนักศึกษาจบใหม่สมัครมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. งานธุรการ/จัดซื้อ 60,780 คน
2. งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 47,137 คน
3. งานขาย 36,980 คน
4. งานวิศวกร 30,565 คน
5. งานขนส่ง-คลังสินค้า 28,344 คน
.
นักศึกษาจบใหม่ท่องเที่ยว / โรงแรม / การบิน เคว้ง
ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม หรือการบิน ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด โดยตรง
ทำให้องค์กรต่าง ๆ ไม่มีการจ้างงานในสายนี้เพิ่มมากนัก นักศึกษาจบใหม่ในสาขานี้ จึงได้รับผลกระทบไปด้วย
โดยข้อมูลจากกลุ่มบนเฟซบุ๊ก “JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน” ซึ่งมีสมาชิกภายในกลุ่มกว่า 200,000 คน
พบว่าประเด็นในการพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาของเด็กจบใหม่ ในสาขาดังกล่าว มีดังนี้
.
•การหางานด้านท่องเที่ยว โรงแรมยาก ทำให้ว่างงานนานขึ้น
•คนที่ทำงานด้านท่องเที่ยว โรงแรม เช่น ไกด์ พนักงานในโรงแรม พนักงานบริษัททัวร์ ถูกลดเงินเดือน ให้ลาไม่รับค่าจ้าง ตลอดจนถูกปลด เนื่องจากบริษัทต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราวหรือถาวร
•ต้องหางานข้ามสาย ซึ่งต้องแข่งขันกับคนที่จบมาตรงสาย
.
ด้านข้อมูลใน JobThai พบว่า 5 สายงานที่นักศึกษาจบใหม่ด้านท่องเที่ยว / โรงแรม สมัครมากที่สุด ได้แก่
1. งานธุรการ/จัดซื้อ 11,590 ครั้ง
2. งานบริการ 5,998 ครั้ง
3. งานขาย 5,682 ครั้ง
4. งานบุคคล/ฝึกอบรม 3,127 ครั้ง
5. งานการตลาด 2,633 ครั้ง
.
ในสถานการณ์นี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักศึกษาจบใหม่ในธุรกิจท่องเที่ยว / โรงแรม / การบิน ต้องเพิ่มโอกาสในการหางาน จนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัว โดยต้องนำทักษะที่มีไปต่อยอดใช้กับสายงานอื่น (Transferable Skills)
อย่างคนที่มีทักษะความสามารถทางภาษา อาจมองหาโอกาสในสายงานดูแลลูกค้าหรือบริการ ในธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบมาก หรือ งาน Account Executive ในเอเจนซี่ ซึ่งเป็นการใช้จุดแข็งทางด้านภาษาและการสื่อสารที่มีอยู่แล้ว
และเพิ่มคอร์สเรียนเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ รวมทั้งการใช้ Social Media ก็จะทำให้โปรไฟล์เข้าตา HR มากขึ้นได้
หรืออาชีพเสริมอื่น ๆ เช่น ติวเตอร์สอนภาษา เนื่องจากช่วงนี้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ ก็อาจเป็นโอกาสในการทำงานของเราได้
.
ข้อมูลจากเพจ: Market Think
ถูกลดเงินเดือน 在 เรียนเจ้านายที่เคารพ Facebook 的最佳貼文
ตกงานตอนนี้! ถูกลดเงินเดือน! มืดแปดด้าน ทางออกอยู่ที่ไหนเนี้ยยย 😭
ใครตกงานหรือถูกลดเงินเดือนอยู่ เงินไม่พอในสถานการณ์โควิดแบบนี้ มาทางนี้เลยจ้าาาา 🥳
เมื่อโควิดดับฝัน เรามาจุดไฟปรุงฝันกัน 🔥
กับโปรเจกต์ดีๆจากทาง KCG Corporation และ Bar B Q Plaza 😄
มีโอกาสดีๆให้กับคนตกงาน ที่ยังมีใจสู้แต่ยังหางานไม่ได้ มาสู้กันใหม่อีกสักอึดใจ
เผื่อชีวิตพลิกผัน ได้มาเป็นเจ้าของกิจการแบบไม่รู้ตัว
แจกสูตรเบเกอรี่ ฟรี! 📒
แจกวัตถุดิบ ฟรี! 🍞
แจกจำนวน 3,000 ชุดฟรี! 🎉
แจกเทคนิคการขาย ฟรี! 📒
ไม่มีอุปกรณ์พื้นฐานและมีเงินทุนจำกัด ก็ทำได้
ทำเสร็จแล้วส่งมาให้ชิมมั้งน้าาา😘
มาร่วมจุดไฟปรุงฝัน 🔥 สร้างอาชีพ 👨🍳 สร้างรายได้ 💸 ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน สู้ๆ!
ลงทะเบียนและเงื่อนไขการขอรับสินค้าฟรี โปรดดูรายละเอียดที่
Facebook : https://www.facebook.com/kcgcorporation
(ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2564 ถึง 12 มิถุนายน 2564 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด)
สมัครฟรี! เรียนรู้สตรเบเกอรีฟรี! เรียนรู้การขายออนไลน์ฟรี!
ได้เลยที่ https://forms.gle/c4W3gdQkmkXRB7NA6
#จุดไฟปรุงฝัน #KCGxBarBGon #ส่งมอบความสุขในทุกมื้ออร่อย #KCGCorporation #BarBQPlaza