5G จะนำพาโลกธุรกิจเป็นไปในทิศทางไหน ผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?
.
ด้วยอานุภาพที่เหนือกว่า 4G หลายเท่า ทั้งความเร็วที่เพิ่มขึ้น 20 เท่า, ความหน่วงที่ต่ำ ตอบสนองได้ไวถึง 1 ส่วนพันวินาที, มีความถี่ให้เลือกใช้จนถึง 30GHz และรองรับจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 เท่า ส่งผลให้เทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย “5G” กลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ระดับโลกที่น่าจับตามอง เปรียบเสมือนคลื่นพลังสึนามิลูกใหญ่ที่พร้อมทำลายสิ่งเดิมๆ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงในด้านของ Digital Disruption หลายประเทศต่างเร่งผลักดันการนำ 5G มาใช้งานในธุรกิจด้านต่างๆ เช่นเดียวกับประเทศไทย ประเทศแรกในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ให้บริการ 5G เป็นครั้งแรก
.
แม้ในปี 2020 ที่ผ่านมา อาจยังไม่ค่อยเห็นการใช้งาน 5G อย่างเข้มข้นจากภาคธุรกิจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนหรือใช้จ่าย แต่ Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในระยะ 1-3 ปีข้างหน้าการใช้งาน 5G จะคึกคักขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC หรือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และจังหวัดต้นแบบของ Smart City
.
นอกจากนี้ ในด้านของลักษณะการใช้งาน คาดว่า 5G จะเข้ามาช่วยปลดล็อคข้อจำกัด ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในปัจจุบัน เกิดการพัฒนาให้ทรงพลังและถูกใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะส่วนสำคัญอย่าง AR/VR และ IoT (Internet of Things เทคโนโลยีที่จะทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับ Smart Living อย่าง Smart Home, Smart Car ในขณะที่ภาคธุรกิจก็จะก้าวสู่การเป็น Smart Business มากขึ้น
.
หากถามถึงประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากการนำ 5G มาปรับใช้ในธุรกิจ
ไม่เพียงแค่เป็นสัญญาณโทรคมนาคมที่ช่วยทำให้การสื่อสาร หรือเจรจาธุรกิจผ่านโทรศัพท์รวดเร็วและง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การนำ 5G มาช่วยในการนำ Big Data จาก IoT สามารถคำนวณและประมวลผลได้เร็ว เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีความเร็วแรงกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมในการปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น ตั้งแต่ด้านการผลิต โลจิสติกส์ รวมถึงยกระดับสินค้าและบริการของตนเองขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
.
ซึ่งในหลาย ๆ ธุรกิจ ต่างก็นำเทคโนโลยีนี้ มาพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ จนทำให้เกิดเป็น New Business Model ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ , VDO Streaming, รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ, แทรกเตอร์ไร้คนขับ, และตู้ทำอาหารอัตโนมัติ เป็นต้น
.
โดยธุรกิจที่น่าจะได้รับผลประโยชน์จากการเข้ามาของ 5G มากที่สุดได้แก่
.
#ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในด้านต่างๆ ได้มากขึ้น การมี 5G จะทำให้ระบบต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นนั้น มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
#ธุรกิจเกษตร จากเดิมที่เกษตรกรต้องเป็นคนดูแลจัดการทั้งหมดตั้งแต่การรดน้ำ พรวนดิน หว่านเมล็ด ใส่ปุ๋ย ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อแบ่งเบา เป็นเครื่องทุ่นแรง ช่วยลดเวลาการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น แทรกเตอร์ไร้คนขับ, การใช้โดรนรดน้ำ ใส่ปุ๋ย, ใช้แอปพลิเคชันควบคุมระบบการทำงานต่างๆ เช่น ระบบน้ำ ความชื้น วิเคราะห์สภาพน้ำและดิน เป็นต้น นอกจากจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพแล้ว ยังส่งผลให้เกษตรกรมีเวลาไปจัดการส่วนอื่นๆ และมีสุขภาพที่ดีขึ้น
.
#ธุรกิจผู้ผลิต ที่ 5G จะเข้ามาผลักดันระบบโรงงานอัจฉริยะ และระบบการผลิตอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตของแต่ละธุรกิจให้รวดเร็วและมีคุณภาพยิ่งขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตนั้นลดลง
.
#ธุรกิจการแพทย์ ช่วยยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ โดยการควบคุมหุ่นยนต์ผ่านทางไกลเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในบางพื้นที่, การตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยผ่านกล้อง, การส่งข้อมูล X-ray ด้วยเครื่อง CT Scan เป็นต้น
.
#ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ กับระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับที่กำลังถูกพูดถึงในตอนนี้ เมื่อนำระบบไร้คนขับ มาพัฒนารวมกับระบบการขนส่งโดยรถบรรทุกสินค้า จะทำให้ธุรกิจสามารถคำนวณระยะเวลาในการขนส่งได้อย่างแม่นยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดต้นทุนค่าแรงได้อีกด้วย
.
#ธุรกิจค้าปลีก สิ่งที่ธุรกิจค้าปลีกจะได้รับประโยชน์จากการมาของ 5G คือ ระบบ AR/VR จะช่วยให้ธุรกิจและผู้บริโภคสามารถสื่อสารกันได้ง่ายและรวดเร็ว ผู้บริโภคเห็นและเข้าใจในตัวสินค้าหรือบริการของธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ผู้บริโภคนิยมการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งธุรกิจเองก็จะเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน
.
อย่างไรก็ตาม การมาของ 5G นั้น ล้วนแล้วแต่มาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตประจำวันของผู้คน รวมถึงการทำธุรกิจของผู้ประกอบการทั่วโลกที่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงควรเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี ร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและสนใจในเทคโนโลยีเดียวกัน รวมถึงวางระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย ซึ่งสำหรับธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันก็อาจมีผลกระทบในเชิงลบได้มากกว่าธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้เร็ว และลงมือทำก่อน
.
ที่มา : https://krungthai.com/Download/economyresources/EconomyResourcesDownload_4455G_26_03_63.pdf
https://www.uih.co.th/th/knowledge/5g
http://www.nbtc.go.th/getattachment/Services/quarter2560/%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2561/33173/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%9A.pdf.aspx
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#5G #เทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย #AR #VR #AI #IOT #MachineLearning
#Technology #Economy #Business #SmartBusiness #SmartCity #SmartHome #SmartCar
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過53萬的網紅วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB,也在其Youtube影片中提到,?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่ายๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.mon...
「ธุรกิจค้าปลีก คือ」的推薦目錄:
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的精選貼文
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的最佳貼文
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 บทที่ 2 ประเภทของธุรกิจค้าปลีก - YouTube 的評價
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 การจัดการธุรกิจค้าปลีก คืออะไร ไปทำความรู้จักกันคะ - Facebook 的評價
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 ธุรกิจค้าปลีกคืออะไร ทุกอย่างที่ควรรู้ของ ' ... 的評價
- 關於ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 PTT Oil and Retail Business Public Company Limited 的評價
ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ผู้สนับสนุน..
Central ตำนานค้าปลีก ที่อยู่คู่เมืองไทยมา 72 ปี / โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่าปีนี้ Central นั้นจะมีอายุครบ 72 ปีแล้ว
ซึ่งก็เรียกได้ว่าห้างสรรพสินค้า Central เป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน
และมีการพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
จนสามารถประสบความสำเร็จได้แบบทุกวันนี้
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของ คุณเตียง จิราธิวัฒน์ และภรรยา ที่ตัดสินใจเปิดร้านขายของชำในย่านฝั่งธนฯ สามารถขยายมาเป็นอาณาจักรค้าปลีกที่มีพื้นที่ขายสุทธิรวมมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 2.6 ล้านตารางเมตร (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2562)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เราคงมีโอกาสได้เห็นการเติบโตของกลุ่ม Central เช่น การเพิ่มบริการใหม่ๆ การขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อทำให้ประสบการณ์การชอปปิงนั้น สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
แต่แน่นอนว่า ธุรกิจหลักของกลุ่ม Central นั้นก็คือ ธุรกิจค้าปลีก ที่บริหารโดยบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “Central Retail” นั่นเอง
แบรนด์ค้าปลีกหลักของ Central Retail คือ ห้างสรรพสินค้า Central ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในหมวดห้างสรรพสินค้า 37% ในปี 2561 ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย เมื่อพิจารณาจากจำนวนพื้นที่ขาย (ไม่นับรวมห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บริษัทย่อยของ Central Retail ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดในหมวดห้างสรรพสินค้า 17% ในปี 2561) จากรายงานของ Euromonitor International และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ห้างสรรพสินค้า Central มีสาขาทั้งหมด 23 แห่งทั่วประเทศไทย
นอกจาก แบรนด์ค้าปลีกหลัก คือ ห้างสรรพสินค้า Central แล้ว Central Retail ยังมีแบรนด์ค้าปลีกหลักอะไรอีก?
คำตอบคือมีมากมายอย่างที่เราคิดไม่ถึง
เริ่มจากในประเทศไทย
(ข้อมูลส่วนแบ่งทางการตลาดจากรายงานของ Euromonitor International ปี 2561 และจำนวนร้านค้า ณ วันที่ 30 กันยายน 2562)
- ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 49 สาขา ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าอันดับ 2 (ส่วนแบ่งทางการตลาด 17% ในหมวดห้างสรรพสินค้า)
- ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 204 สาขา (จำนวนร้านค้า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562) โดยท็อปส์เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 (ส่วนแบ่งทางการตลาด 15.2% ในหมวดซูเปอร์มาร์เก็ต)
- แฟมิลี่มาร์ท 964 สาขา ร้านสะดวกซื้ออันดับ 3 (ส่วนแบ่งทางการตลาด 4.8% ในหมวดร้านสะดวกซื้อ)
- เพาเวอร์บาย 104 สาขา อันดับ 1 (ส่วนแบ่งทางการตลาด 6.8% ในหมวดผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะทาง)
- ซูเปอร์สปอร์ต 209 สาขา อันดับ 1 (ส่วนแบ่งทางการตลาด 35.8% ในหมวดร้านขายสินค้ากีฬา)
- ไทวัสดุ และ บ้าน แอนด์ บียอนด์ 55 สาขา โดยไทวัสดุเป็นอันดับ 3 (ส่วนแบ่งทางการตลาด 3.5% ในหมวดผู้ค้าปลีกสินค้าเฉพาะทางเกี่ยวกับบ้านและสวน)
- Central Marketing Group หรือ CMG ผู้แทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากต่างประเทศ ผ่านเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้า
นอกจากนั้น Central Retail ยังต่อยอดความสำเร็จในประเทศไทยโดยการขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนาม และประเทศอิตาลี
- บิ๊กซี / GO! ในประเทศเวียดนาม 37 สาขา เป็น Hypermarket อันดับ 1 ในประเทศเวียดนาม (เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาด จำนวนร้านค้า และพื้นที่ขาย)
- Nguyen Kim ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะทางในประเทศเวียดนาม 71 สาขา อันดับ 3 ในประเทศเวียดนามในหมวดผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะทาง
- Lanchi Mart ไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กถึงกลางในประเทศเวียดนาม 25 สาขา
- รีนาเซนเต ประเทศอิตาลี 9 สาขา ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์อันดับ 1 ในประเทศอิตาลี (เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาดในหมวดห้างสรรพสินค้า ซึ่งเท่ากับ 48.1%)
พอมาดูแบบนี้จะเห็นได้ว่า Central Retail นั้นก็ประกอบธุรกิจที่ใกล้ตัวเราอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
จากจุดเล็กๆ เมื่อ 72 ปีที่แล้ว มาวันนี้เราน่าจะเห็นแล้วว่าแบรนด์ต่างๆ ในปัจจุบันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน..
เริ่มจาก ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ของ Central Retail ที่มีจุดเด่นเรื่องความหลากหลายของสินค้าจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดในไทยอีกด้วย
ต่อมาคือ เพาเวอร์บาย ก็เป็นร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากสุดในไทยเช่นกัน
นอกจากนี้ หลายคนน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศของ Central Retail ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในยุโรปและประเทศเพื่อนบ้าน
แล้วผลงานในส่วนของต่างประเทศนั้นปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง?
โดย Central Retail ได้เริ่มขยายไปยังเวียดนามตั้งแต่ปี 2015 และปัจจุบัน Big C ก็ถือเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ในประเทศเวียดนามเมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดในประเทศเวียดนาม
นอกจากนั้นแล้ว Central Retail ยังมีการขยายกิจการไปยังยุโรป โดย Central Retail เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในประเทศอิตาลี อย่างรีนาเซนเต
จะเห็นได้ว่า ผลงานที่ผ่านมาของ Central Retail นั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีกหลายประเภท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการจะเป็นอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งกลุ่ม Central ได้พิสูจน์ว่า ถึงแม้จะประกอบกิจการมาจนถึงรุ่นที่ 3 แล้ว แต่กลุ่ม Central ก็ยังมีแนวคิดการเติบโตและพัฒนามาโดยตลอด อย่างที่ คุณเตียง ผู้ก่อตั้งนั้นได้หวังไว้
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงที่ธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกกำลังถูก Disrupt ด้วยเทคโนโลยี แต่ Central Retail ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ดังกล่าวได้
แล้ว Central Retail ทำได้อย่างไร?
สิ่งสำคัญเลยก็คือการรู้จักลูกค้า และรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร
โดยการยึดเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ Central Retail สามารถนำเสนออะไรได้
ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน ทำให้ Central Retail นั้นสามารถหาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ อะไรที่มีคุณภาพ น่าสนใจ หรือกำลังเป็นที่ได้รับความนิยม Central Retail ก็จะมีการนำเสนอสินค้าดังกล่าวในพื้นที่ค้าปลีกของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ เรื่องของทีมการบริหาร ก็สำคัญเช่นกัน
Central Retail เอง ถึงแม้จะเป็นธุรกิจครอบครัว แต่ก็มีการดึงผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกจากที่อื่นมาช่วยในการบริหาร เมื่อรวมวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในครอบครัวจิราธิวัฒน์บวกกับผู้ที่มีประสบการณ์จากภายนอก ก็ยิ่งส่งเสริมกันและทำให้ Central Retail สามารถพัฒนาและเข้าใจผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ Central Retail สามารถประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งก็น่าติดตามว่าในอนาคตต่อไปจะมีการปรับตัวอย่างไร
การเข้ามาของเทคโนโลยีนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่ง Central Retail เองก็ได้เตรียมความพร้อมรับมือในด้านนี้ โดยการวางรากฐานและการพัฒนาการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม Omni-channel ที่จะทำให้ประสบการณ์ในการซื้อสินค้ากับร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกของ Central Retail มีความสะดวกและครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ซึ่งก็รวมไปถึง การสั่งซื้อมาส่งที่บ้าน ที่เน้นความสะดวกสบาย, การสั่งซื้อแล้วไปรับที่ร้าน เพื่อเพิ่มความมั่นใจในกรณีที่ลูกค้ากลัวของที่สั่งซื้อทางออนไลน์มีปัญหา, การไปดูสินค้าที่ร้านแล้วสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ เพื่อลดปัญหาไม่มีสินค้าที่ร้านหรือสินค้าหมด หรือ การที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าที่ต้องการนั้นอยู่ที่สาขาไหน ซึ่งก็จะเพิ่มความสามารถของการค้าปลีกไปได้อีกขั้นหนึ่ง
โดย Central Retail มุ่งหวังว่าแพลตฟอร์ม Omni-channel ซึ่งผสมผสานการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์เข้ากับการจำหน่ายสินค้าในร้านค้า จะสร้างประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่มีความเฉพาะตัวและครบวงจรให้แก่ลูกค้ารุ่นใหม่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนการเติบโตของ Central Retail ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
และอย่างที่หลายคนคงทราบกัน
ในเร็วๆ นี้ Central Retail อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผน IPO ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจค้าปลีกของ Central ที่ก่อตั้งมา 72 ปีแล้ว ซึ่งเคยเปลี่ยนแปลงจากธุรกิจครอบครัวมาเป็นการบริหารงานแบบผสมผสานระหว่างมืออาชีพและบุคคลในครอบครัวจิราธิวัฒน์ กำลังจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งมาเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งก็น่าติดตามว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะนำมาต่อยอดอะไรให้กับ Central Retail เพื่อครองความเป็นอันดับ 1 ในวงการค้าปลีกของประเทศไทยต่อไปในอนาคต..
ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
JD Sports ร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์ โตระเบิด / โดย ลงทุนแมน
บริษัท JD Sports
ปี 2014 มูลค่าบริษัท 34,000 ล้านบาท
ปี 2019 มูลค่าบริษัท 252,000 ล้านบาท
คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าในระยะเวลาเพียง 5 ปี
และ กำลังอยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัท..
แล้ว JD มีดีอะไร? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นมารู้จักกับ JD กันก่อน..
JD ในที่นี้ ไม่ใช่บริษัท E-Commerce จากประเทศจีน
แต่เป็นบริษัทค้าปลีกสนีกเกอร์ จากประเทศอังกฤษ
บริษัทนี้มีที่มาจากอักษรตัวแรก
ของคุณ John Wardle และ คุณ David Makin สองผู้ก่อตั้ง ..
JD เริ่มต้นทำธุรกิจเปิดร้านขายสนีกเกอร์เล็กๆ
ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ด้วยโมเดลธุรกิจที่ชัด คือ ทั้งร้านมีแต่อุปกรณ์กีฬา
เสื้อผ้ารองเท้าจากหลายแบรนด์อย่าง Nike และ Adidas
ทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และเติบโตได้ดี
ในที่สุด JD สามารถระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์กรุงลอนดอน (London Stock Exchange) ได้สำเร็จหลังทำธุรกิจมาเพียง 15 ปี..
แล้วโครงสร้างทางธุรกิจของ JD เป็นอย่างไร?
จริงๆ แล้ว ธุรกิจหลักของ JD ถือเป็นธุรกิจ ซื้อมา-ขายไป
โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก
ร้านค้าปลีก 80%
ร้านค้า Multi-Channel 16%
ร้านค้าส่ง 4%
อย่างไรก็ตาม JD ถือเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ขายสินค้าเฉพาะอย่าง..
หรือศัพท์ในวงการคือ Specialty Store
ยกตัวอย่างค้าปลีกเฉพาะอย่าง ในประเทศไทย
ร้านขายวัสดุก่อสร้าง เช่น โฮมโปร
ร้านขายเครื่องเขียน เช่น B2S หรือ สมใจ
ร้านขายสินค้าไอที เช่น BaNANA หรือ JIB
และ แฟชั่นกีฬา เช่น Carnival หรือ Seek นั่นเอง ..
หมายความว่า..
การเติบโตทางธุรกิจประเภทนี้จะเน้นไปที่การขยายสาขา เพื่อเพิ่มรายได้
และข้อตกลงสัญญาซื้อ-ขายกับแบรนด์ เพื่อวางโครงสร้างต้นทุนที่เหมาะสม
แล้วผลประกอบการ JD Sports เป็นอย่างไร?
บริษัท JD Sports Fashion Plc.
ปี 2017 รายได้ 97,800 ล้านบาท กำไร 7,400 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 130,000 ล้านบาท กำไร 9,500 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 194,000 ล้านบาท กำไร 10,800 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยของรายได้กว่า 41%
ทั้งๆ ที่ ธุรกิจ Specialty Store กำลังชะลอตัวลงกว่า 7.3% ในปีที่ผ่านมา ..
ที่น่าสนใจคือ อัตรากำไรสุทธิร้าน JD อยู่ที่ 5.6% ไม่ต่างจากเจ้าของแบรนด์กีฬาอย่าง Nike 5.3% และ Adidas 7.8%
ปัจจุบัน ..
มูลค่าบริษัท Nike และ Adidas ทำ All-time high
JD บริษัทตัวแทนขาย Nike และ Adidas ก็ทำ All-time high ไปพร้อมๆ กัน ..
ปัจจุบัน JD มีสัดส่วนรายได้จาก
สหราชอาณาจักร 65%
ยุโรป 30%
ประเทศอื่นๆ 5%
โดย JD แตกไลน์ค้าปลีกอื่นๆ อีก เช่น size?, Footpatrol, Nicholas Deakins, Go Outdoors, Footasylum และอีกมากมายรวมๆ กันแล้วกว่า 2,420 สาขา ..
สำหรับใครที่บอกว่า ธุรกิจค้าปลีก กำลังจะตาย
อาจไม่ใช่เสียทีเดียว
ดูอย่าง JD ที่ทั้งร้านมีเพียงสนีกเกอร์
กับสินค้าประเภทกีฬา ยังสามารถเติบโตระดับ 252,000 ล้านบาท แถมยังขยายสาขาเพิ่มทุกปี..
เรื่องนี้เป็นอีกตัวอย่างที่ดีที่บอกเราว่า
ในทุกๆ ธุรกิจ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร จริงๆ แล้วมันมีโอกาสอยู่เสมอ
อยู่ที่เราจะมองมันอย่างไร ก็เท่านั้นเอง..
╔═══════════╗
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ blockdit.com
╚═══════════╝
Reference
-JD Sports Fashion 2018, 2019
ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的最佳貼文
?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่ายๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.moneyeasybook.com/
.
คุณคิดว่าการขายแบบไหนรวยเร็วที่สุดในยุคปัจจุบัน?
ขายปลีก หรือขายส่ง? เก็บคำตอบไว้ในใจนะครับ
เพราะยังมีอีกวิธีหนึ่งที่คุณคาดไม่ถึงในคลิปนี้ครับ
.
? พบกับวิดีโอใหม่ทุกวัน ? ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จและรวย "เร็วขึ้น"
จากประสบการณ์การทำธุรกิจไทย-จีน มาแล้ว 14 ธุรกิจของผม
? คลิกลิงก์แล้วกด “SUBSCRIBE - ติดตาม และกดกระดิ่งแจ้งเตือน ตอนนี้เลย!! ?
https://www.youtube.com/channel/UC6GkGouzOitA6vUzOEBEqwA?sub_confirmation=1
—
// ดูวิดีโอของ "วรัทภพ" ตามเพลย์ลิสต์
? คลิปใหม่ล่าสุด (มีคลิปใหม่ทุกวัน) https://bit.ly/2OCDdvb
========================
?ลงทุนอะไรดี https://bit.ly/2kH0Lm0
?วิธีขายของ LAZADA https://bit.ly/2TUxuRn
?วิธีขายของ SHOPEE https://bit.ly/2lJ5LHe
?วิธีสั่งสินค้าจากจีน https://bit.ly/2IERdmE
?วิธีส้รางรายได้บน YOUTUBE https://bit.ly/2NT8l8L
?การทำตลาดจีน และส่งออกจีน https://bit.ly/2GWdITq
?วิธีขายสินค้าแบบ ดรอปชิป https://bit.ly/2x2sOPf
?WARATTAPOB PODCAST https://bit.ly/2SBlrHR
?วิธีทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ https://bit.ly/2lRZuZn
?วิธีปลดหนี้ https://bit.ly/2PKNplE
========================
??VLOG IN CHINA ชีวิตในจีนของผม https://bit.ly/2AqaFNB
??VLOG IN THAILAND ชีวิตในไทยของผม https://bit.ly/2AUvnWf
========================
?แกะคำคม ข้อคิด นักปราชญ์ และนักธุรกิจ https://bit.ly/2SDzHjh
?5 นาที หาเงินแบบมหาเศรษฐี https://bit.ly/2k9oyuu
?รีวิวหนังสือที่ผมชอบ http://bit.ly/2lRZJnf
?วิธีเริ่มต้นธุรกิจ ในปัจจุบัน https://bit.ly/2ChCNT7
?ความรู้ หาเงิน เพิ่มรายได้ ที่จะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น https://bit.ly/2CR2Jqc
?เคล็ดลับ การตลาดและการขาย https://bit.ly/2M8P7cV
?ไอเดียธุรกิจเงินล้าน https://bit.ly/2TrY2IT
?พัฒนาตัวเอง เพื่อความสำเร็จในด้านที่ต้องการ https://bit.ly/2LTPms2
?แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต https://bit.ly/2TKQAbW
?รีวิว ธุรกิจจีนและเศรษฐกิจจีน https://bit.ly/2M8Phkx
?ความรู้ไทย-จีน อื่นๆ http://bit.ly/2kIZaMn
—
// วรัทภพ รชตนามวงษ์ คือ ใคร?
ผม "วรัทภพ รชตนามวงษ์" เป็นคนไทย เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาแล้ว 14 ธุรกิจ
ทั้งในประเทศไทย และ จีน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบัน
ผมตั้งใจทำสื่อเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
ให้คนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตและรวย “เร็วขึ้น”
?คุณสามารถดูคลิปจากลิงก์ล่างนี้ ว่าผมมีประสบการณ์ธุรกิจอะไรบ้าง?
http://bit.ly/2kHDgt4
—
// ติดตาม วรัทภพ รชตนามวงษ์ เพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.warattapob.com
?SOCIAL
Instagram : https://www.instagram.com/warattapob_rachatanamwong
Facebook : https://fb.me/WarattapobRachatanamwong
YouTube: https://www.youtube.com/c/WarattapobRachatanamwong
Line official : http://line.me/ti/p/~@warattapob
Twitter : https://twitter.com/warattapob
Tiktok : https://www.tiktok.com/@warattapob
?PODCAST
--สำหรับ Android
Soundcloud : https://bit.ly/2QjfVYm
Spotify : https://spoti.fi/2Jcwh6Y
--สำหรับ iOS
Apple Podcast : https://apple.co/2QjW5fM
—
#WARATTAPOB #วิธีหาเงิน #วิธีหาเงินและทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
วิดีโอนี้เกี่ยวกับ ขายปลีก กับ ขายส่ง แบบไหนรวยกว่ากัน | วิธีหาเงินและทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ EP19
LINK https://youtu.be/Cd0rgZLdZYQ
LINK https://youtu.be/Cd0rgZLdZYQ
ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 การจัดการธุรกิจค้าปลีก คืออะไร ไปทำความรู้จักกันคะ - Facebook 的推薦與評價
โปรแกรมวิชาการจัดการ ธุรกิจค้าปลีก RMUTI OPENHOUSE 2022 สามารถเลือกเรียนได้ใน 2 เงื่อนไข คือ 1.เลือกรับทุนการศึกษา 70% ตลอดหลักสูตรจาก CP... ... <看更多>
ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 ธุรกิจค้าปลีกคืออะไร ทุกอย่างที่ควรรู้ของ ' ... 的推薦與評價
มีกี่ประเภทกันนะ ธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิมและธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ [Traditional Trade vs Modern Trade] หากสงสัย คลิกเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้าปลีกได้เลย ... ... <看更多>
ธุรกิจค้าปลีก คือ 在 บทที่ 2 ประเภทของธุรกิจค้าปลีก - YouTube 的推薦與評價
ธุรกิจค้าปลีก พิจารณาจากรูปแบบของร้านค้า ธุรกิจพิจารณาจากลักษณะของสินค้าและบริการ ... ◣32473◢ Module 04 : EP 1 เรื่อง การค้าปลีก คือ อะไร. ... <看更多>