#เรื่องเล่ายามดึก เวลาเห็นข่าวบริจาคเงินให้นร.ที่ขาดโอกาส เพราะไม่มีเงินเรียน ใจหนึ่งผมรู้สึกดีมากในความใจบุญและช่วยเหลือกันของคนไทย คือคนไทยไม่ทิ้งกันจริงๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ทำให้นึกถึงประสบการณ์ของตนเองในอดีต และอยากเล่าประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจกับคนอื่นๆที่อาจกำลังเจอปัญหาเช่นเดียวกับที่ผมเคยเจอ
.
ตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เกือบไม่ได้เรียนปริญญาตรี เพราะที่บ้านไม่มีเงิน
ตอนเข้าเรียนปี 1 เทอม 1 ที่บ้านหากู้เงินมาให้เรียน พอกำลังจะขึ้นเทอม 2 แม่โทรแจ้งว่า "ไม่มีเงินแล้ว ลาออกมาหางานทำเถอะ ไม่ต้องเรียนป.ตรี"
.
ต้องขอบคุณตนเองที่ตอนนั้นตัดสินใจ "ไม่ยอมแพ้ และต้องหาทางเรียนต่อจนจบให้ได้"
.
เมื่อเข้าไปเรียนเทอมแรก ผมยื่นกู้กยศ.ไม่ได้ ครับ เพราะทางคณะแจ้งว่าพ่อเป็นข้าราชการบำนาญ ควรเบิกได้ แต่พ่อผมบอกว่า พี่ 3คน เบิกแล้ว ผมจึงหมดโควตาตรงนี้ โดยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว พบว่า ทางกรมบัญชีกลางระบุเอาไว้ สิทธิเบิกของข้าราชการสำหรับบุตร คือ ไม่เกิน 3 คน จริงๆ
แม้แต่ "บัตรทอง"ในการใช้สิทธิรักษาพยาบาล ในตอนนั้นยื่นผ่านคณะ ผมก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกับข้างบน ผมจึงปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ก็ไม่ได้ คือยังเด็กด้วยแหล่ะ ไม่ได้ไปหาข้อมูลอะไรต่อ พอโตมาทำงาน ใช้สิทธิประกันสังคมแทน
.
ต่อมาผมจึงยื่นขอทุนทำงานของคณะ และนั่นแหล่ะครับ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ตอนสัมภาษณ์ทุน อ.ผู้เป็นกรรมการสัมภาษณ์แจ้งว่า
"มีคนน่าสงสารมากกว่าผม เขาร้องไห้หนักตอนสัมภาษณ์ ดังนั้นเขาจึงได้ทุน"
ยอมรับว่าอึ้งนะ นี่เรามันคงเป็น "คนไม่น่าสงสาร" สินะ (ถ้า ณ moment นั้น มีเพลง คนไม่น่าสงสาร ของแอน ธิติมา แล้วนะ คงเปิดกรอกหูไปหลายวัน :-P )
.
พอรู้ตัวว่าคงไม่มีเงินเรียนแน่ๆ เดินไปหาอาจารย์ในสาขา ทางสาขาก็เลยหาทุนมา support บางส่วน จำได้ว่า ราว 10,000 ต่อปี ก็พอค่าเทอมแต่ไม่ครบทั้งปี ดังนั้นก็ยังต้องหาเงินเพิ่มเพื่อเป็นค่าเทอมเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าหอพัก หาเงินช่วยเหลือทางบ้าน (ส่วนหนึ่งคือใช้หนี้ที่ทางบ้านกู้มาส่งผมเรียนเทอมแรก) และค่าจิปาถะอื่นๆ (ยอมรับว่าก็มีปาร์ตี้บ้างตามเด็กเกือบใจแตก ก็เลยต้องพึ่งลำแข้งตนเอง )
.
ผมหางานทำแทบทุกอย่างที่ทำได้ ควบคู่กับการเรียน ทั้งรับจ้างพิมพ์งาน รับเขียนโปรแกรม รับทำเว็บไซต์ เขียนบทความ เขียนหนังสือ หลายๆงานคือไม่เคยทำมาก่อน แต่อาศัยความหน้าด้าน ไปของานเขาเลย อย่างงานเขียนบทความ ผมของานจากหลายๆเว็บ หลายๆสำนักพิมพ์ทั้งในเชียงใหม่และกทม. โชคดีมากได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีหลายๆท่าน ให้ได้ลองทำ ลองฝึก จนรายได้จากหลักพัน เพิ่มเป็นหลักหมื่น จนเรียนจบป.ตรีได้
.
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ผมรักการเขียนบทความและการสอนหนังสือ เพราะต้องการแบ่งปันโอกาสแก่คนรุ่นใหม่ หลังจากที่ผมเคยได้รับมันมาในอดีต
.
ผมเชื่อนะว่า ถ้าเรามุ่งมั่น เราไม่ยอมแพ้ สุดท้ายมันจะมีทางให้เราไปต่อ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
และขอบคุณตัวผมเองและคนที่หยิบยื่นการเป็น "คนไม่น่าสงสาร" ในวันนั้น ให้กับผม
ขอบคุณครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
「บัตรทอง คือ」的推薦目錄:
- 關於บัตรทอง คือ 在 อ้ายจง Facebook 的最佳貼文
- 關於บัตรทอง คือ 在 Drama-addict Facebook 的最佳貼文
- 關於บัตรทอง คือ 在 Gluta Story Facebook 的最佳解答
- 關於บัตรทอง คือ 在 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ - 6 เรื่องที่ต้องรู้ สิทธิบัตรทอง ... 的評價
- 關於บัตรทอง คือ 在 สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) เป็นของทุกคน ... 的評價
- 關於บัตรทอง คือ 在 บัตรทอง vs ประกันสังคม เหมือน/ต่าง กันอย่างไร ? | เงินทองของจริง 的評價
- 關於บัตรทอง คือ 在 สิทธิบัตรทองใครใช้ได้บ้าง? และมีประโยชน์อย่างไร - YouTube 的評價
- 關於บัตรทอง คือ 在 บัตรทอง vs ประกันสังคม เหมือน/ต่าง กันอย่างไร - YouTube 的評價
บัตรทอง คือ 在 Drama-addict Facebook 的最佳貼文
พ่อแม่พี่น้องที่ตามข่าวหมอแลปแกออกรถไปตรวจ covid-19 แบบเชิงรุกในพื้นที่ชุมชนกับทาง กทม คงจะผ่านตากันมาบ้างว่าหมอแลปแกทำยังไง เมื่อวานไปนั่งชิลกินข้าวกับแกมา แกเม้ามอยให้ฟังว่า โปรเจคต่อไปที่แกจะต่อยอดจากเรื่องนี้ คือการทำบริการ ตรวจแลปที่บ้าน แม่งเลย
คือพ่อแม่พี่น้องที่มีคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านที่เป็นโรคเรื้อรังเบาหวานความดันไขมันในเลือด จะรู้ว่า เวลาพาไปหาหมอเพื่อติดตามอาการ เราเสียเวลากับการเจาะเลือด รอผลแลป ก่อนเจอหมอเยอะมาก เคยเห็น รพ ใหญ๋ๆ คนไข้มาจองคิวกันตีสี่ ได้ตรวจเกือบเที่ยงมั้ยครับ มันมีคอขวดอยู่หลายจุดน่ะ
แต่จะดีมั้ย ถ้าหลังจาก covid-19 ผ่านพ้นไป เราพัฒนาบริการตรวจแลปถึงบ้าน ไม่ต้องไปรอคิวกันที่ รพ พอตรวจเสร็จ ข้อมูลก็ออนไลน์ไปถึงมือหมอ พอหมอได้ข้อมูล ถ้าเคสที่ควรเจอหน้ากันเพื่อคุยและปรับยา ปรับวิถีชีวิตซึ่งหมอต้องแนะนำเยอะหน่อย ก็นัดมาเจอกันที่ รพ แต่ถ้าผลโอเค อาการดี อะไรก็ดี หมอก็นัดคุยกันผ่าน telemedicine ไม่ต้องมารอคิวยาวๆแออัดกันที่ รพ แล้วถ้าร่วมกับการรับยาใกล้บ้านแบบในข่าวนี้ แม่งคือการพลิกโฉมการให้บริการทางการแพทย์บ้านเราแบบครบวงจรสัสๆเลยนะเนี่ย
ตอนนี้หมอแลปแกกำลังลุยเรื่องนี้อยู่ เป็นกำลังใจให้แกกันด้วย ถ้าทำสำเร็จ มันจะพลิกรูปแบบการให้บริการทางการแพทย์บ้านเราแบบก้าวกระโดดไปไกลเล้ยยยย
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากเหนื่อยหน่ายกับการไปโรงพยาบาล ก็คือ “คนแน่น-รอนาน”
.
เพื่อที่จะเดินทางไกลไปพบแพทย์และรับยา ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ตื่นก่อนฟ้าสาง หอบเอกสาร อาหาร และสัมภาระพะรุงพะรัง
.
กว่าจะเช็คสิทธิ ตรวจร่างกายเบื้องต้น รอพยาบาลเรียก กระทั่งพบแพทย์ และได้รับยาแบบเดิมกลับมาอีก 1 ชุด ก็ปาเข้าไปเกินครึ่งค่อนวัน
.
ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พยายามแก้ไข นำมาสู่การเข็นเทคโนโลยีจำนวนมากออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบคิวใน Smart Hospital ซึ่งล้อเลียนมาจากระบบคิวของธนาคาร-ร้านอาหาร หรือแม้แต่การคิดค้นแอปพลิเคชั่นสำหรับนัดหมายล่วงหน้า เรียกคิวแบบเรียลไทม์ ฯลฯ
.
แต่ทว่า ปัญหาก็ทุเลาลงได้เพียงระดับหนึ่ง
.
สำหรับชนวนที่ทำให้เกิดความแออัดในสถานพยาบาล บาปมักตกอยู่กับ “ระบบบัตรทอง” ซึ่งมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ดูแล
.
มีการพูดกันถึงขั้นว่า ... คนส่วนใหญ่เห็นแก่ของฟรี เมื่อบัตรทองรักษาฟรี คนจึงแห่กันมาโรงพยาบาลทั้งที่เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ
.
ตรรกะดังกล่าวตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับผลการวิจัยและผลสำรวจหลายต่อหลายชิ้น ที่บ่งชี้ตรงกันว่า “ไม่มีใครอยากไปโรงพยาบาล” เพราะการไปโรงพยาบาลย่อมหมายถึงเงิน เวลา แรงงาน และค่าเสียโอกาส
.
ยิ่งเป็นคนจนด้วยแล้ว ยิ่งตกระกำลำบากมากกว่าอีกหลายคำรบ เพราะสำหรับ “คนจน” แล้ว ความจริงของชีวิตมักจะจริงและรุนแรงเกินไปเสมอ
.
อย่างไรก็ดี แม้ว่าระยะแรก “ระบบบัตรทอง” จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนนอก หากแต่ข้อเท็จจริงในปัจจุบันได้หักล้างมลทินเหล่านั้นจนหมดสิ้น
.
มากไปกว่านั้นก็คือ ระบบบัตรทอง – สปสช. กลับเป็น “ฟันเฟือง” หรือ “ตัวจักร” สำคัญ ที่ช่วยคลี่คลายปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล
.
“โครงการรับยาใกล้บ้าน” หรือชื่อเต็มคือ โครงการผู้ป่วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) รับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ขย.1) เพื่อช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ ที่นำร่องมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 นับเป็นตัวอย่างที่ดี
.
หลักการง่ายๆ ของโครงการรับยาใกล้บ้าน ก็คือต้องเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ต้องป่วยด้วยโรคเรื้อรัง-จิตเวชแต่ดูแลตัวเองดีจนภาวะคงที่ ที่สุดแล้วต้องขึ้นอยู่กับวินิจฉัยแพทย์
.
สำหรับการรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน เดิมมีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. โรงพยาบาลจะจัดยาเป็นรายบุคคลส่งมารอไว้ที่ร้านยา 2. โรงพยาบาลสำรองยาไว้ที่ร้านยาและให้ร้านยาเป็นผู้จัดตามใบสั่งยา โดย สปสช.จะสนับสนุนงบประมาณให้โรงพยาบาลละ 3.3 หมื่นบาทต่อร้านยา และให้กับร้านยา 70 บาทต่อใบสั่งยา
.
ย้อนกลับไปตั้งแต่นำร่องโครงการ 1 ต.ค. 2562 จนถึงปัจจุบัน มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการแล้ว 130 แห่ง ร้านยา 1,033 แห่ง และมีผู้ป่วยที่รับยาที่ร้านยาใกล้บ้านไปแล้ว 14,391 ราย โดยมากกว่า 80% เป็นการรับยาในรูปแบบที่ 1 มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ทำในรูปแบบที่ 2 ด้วย
.
แม้ว่าทั้ง 2 รูปแบบนี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องไปกระจุกตัวแน่นที่ห้องยาในโรงพยาบาล แต่ก็ยัง “ไม่สามารถลดภาระงาน” ของโรงพยาบาลที่ยังต้องบริหารจัดการยาได้
.
สปสช. จึงเสนอรูปแบบที่ 3 คือ การให้ร้านยาจัดการแทนโรงพยาบาล ผ่านหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดหา
.
ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองด้านราคาให้กับร้านยา นั่นหมายความว่าร้านยามีโอกาสเข้าถึงยาที่ราคาถูกจากการซื้อล็อตใหญ่ได้
.
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. มั่นใจว่าแนวทางนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
“ภายในปี 2563 นี้ เราตั้งเป้าที่จะนำร่องการรับยาในรูปแบบที่ 3 ให้เกิดขึ้นจริงใน 6 โรงพยาบาลให้ได้ และหนึ่งในนั้นคือโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี” นพ.ศักดิ์ชัย ระบุ
.
สาเหตุที่ทำให้ นพ.ศักดิ์ชัย มั่นใจ เป็นเพราะโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี สามารถกระจายผู้ป่วยไปรับยาที่ร้านได้สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
.
“รพ.พระจอมเกล้า เป็นหนึ่งในหน่วยบริการที่มีศักยภาพในการนำร่องรูปแบบที่ 3 ได้ โดยมีร้านยาในพื้นที่ร่วมเป็นเครือข่าย 14 แห่งในช่วงแรก สปสช. จะสำรองเงินให้ร้านยาละ 8,000 บาทต่อปี เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนเริ่มต้น จากนั้นจะประเมินผลการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาต่อไป” นพ.ศักดิ์ชัย ระบุ
.
นพ.ชุมพล เดชะอำไพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี เล่าว่า โรงพยาบาลได้เริ่มดำเนินโครงการรับยาใกล้บ้านในรูปแบบที่ 1 ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2562 ช่วงแรกคนเข้าร่วมไม่มาก แต่จากการประชาสัมพันธ์เชิงรุกทำให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเดือนละ 140 ครั้ง เว้นแต่ช่วงโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นเป็น 598 ครั้ง ในเดือน เม.ย. 2563
.
“ขณะอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่รูปแบบที่ 3 รวมถึงการเตรียมระบบออนไลน์ที่รับ-ส่งข้อมูล ระหว่างโรงพยาบาลกับร้านยาได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะพร้อมได้ในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้” ผอ.โรงพยาบาลพระจอมเกล้า เล่าความคืบหน้า
.
ด้าน นพ.เพชรฤกษ์ แทนสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี บอกว่า โครงการรับยาใกล้บ้านช่วยทั้งในเรื่องของการเพิ่มระยะห่าง และลดความแออัดของโรงพยาบาล คาดหวังว่าการดำเนินในรูปแบบที่ 3 นี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น ครอบคลุมไปถึงโรงพยาบาลทั้ง 8 แห่ง รวมไปถึงร้านยาอีก 102 ร้านในจังหวัด
------------------------------
#รับยาใกล้บ้าน #ร้านขายยา #โรงพยาบาลพระจอมเกล้า
บัตรทอง คือ 在 Gluta Story Facebook 的最佳解答
โพสต์นี้เป็นโพสต์ของลูกเพื่อนส้มเองค่ะ (เพื่อนที่เรียนที่คณะเดียวกัน
น้องป่วยเป็น” โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด “
หนทางรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิดให้หายขาด นั่นคือการใช้ สเต็มเชลล์ เพื่อปลูกถ่ายไขกระดูก วิธีการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรค
แต่ค่ารักษาน้องต้องใช้เงินจำนวนมาก
ส้มเลยอยากให้พี่ๆช่วยกันแชร์หรือบริจาคเพื่อให้น้องได้รับรักษาให้เร็วที่สุดค่ะ
ธ.ไทยพานิชย์ เลขบัญชี 577-2-36297-4
ชื่อบัญชี น.ส.จิตรลดา เอกประเสริฐกุล
พร้อมเพย์ : 0805712600
รายละเอียดอยู่ในโพสต์ของเพื่อน สามารถกดเข้าไปดูได้เลยนะคะ
ขอบคุณค่ะ🙏🏻
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นโมกับพี่นก และครอบครัว ขอขอบคุณทุกๆคนที่ส่งกำลังใจมาให้น้องเอเดนนะคะ หลังจากที่หมอได้บอกถึงอาการโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิดของน้องให้ฟังตั้งแต่ที่น้องอยู่ ICU เราสองคนก็เก็บความลับที่หมอบอกไว้อยู่ตลอดเวลา ยังไม่กล้าบอกความจริงกับใคร แม้กระทั่งคนในครอบครัว ว่าโอกาสรอดของน้องมีน้อยมาก เด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้ที่หมอเคยรักษาส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ถึง 2 ขวบ ให้พ่อกับแม่เตรียมใจไว้บ้าง เพราะน้องจะติดเชื้อรุนแรงกว่าเด็กทั่วๆ ไป เช่น ถ้าเด็กทั่วไปเป็นไข้หวัดธรรมดา น้องเอเดนจะเป็นปอดบวมเลย หากไม่ทำการรักษาให้หายขาด ก็จะเป็นเหมือนระเบิดเวลา รอวันระเบิด รอวันติดเชื้อ พ่อกับแม่ทำอะไรไม่ได้ ป้องกันไม่ได้ รอเวลาที่จะเสียลูกไป
“โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด” ที่น้องเอเดนเป็น(หมอบอกว่าการตรวจที่แม่นยำที่สุดคือการตรวจที่ระดับโครโมโซมว่าเป็นหรือเปล่า แต่จากอาการของน้องเอเดนตั้งแต่ที่เริ่มป่วย จนมาถึงตอนนี้หมอก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นโรคนี้แล้ว) เพราะจากการตรวจเลือดดูระดับภูมิคุ้มกันของน้องต่ำกว่าปกติมาก มีบางกลุ่มที่เป็นภูมิคุ้มกันป้องกันเชื้อไวรัสมีค่าเป็นศูนย์เลย หมอต้องให้ภูมิคุ้มกันเสริมที่ชื่อว่า IVIG ทุกๆ 2-3 สัปดาห์และต้องให้ไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันเชื่อแบคทีเรียและเชื้อรา แต่ป้องกันเชื้อไวรัสไม่ได้ ดังนั้นตามความเข้าใจของโมคือ น้องจะติดเชื้อไวรัสไม่ได้เด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงสูงที่อาการน้องจะแย่ลงมากๆ
หนทางรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิดให้หายขาด ก็พอมีอยู่เหมือนกัน นั่นคือการใช้ สเต็มเชลล์ เพื่อปลูกถ่ายไขกระดูก วิธีการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรค ยกตัวอย่างง่ายๆตามที่โมเข้าใจ(ถ้าผิดแย้งได้นะคะ) คือ สมมติว่าไขกระดูกของคนเรา เป็นโรงงานผลิตเม็ดเลือด สร้างเม็ดเลือดแดง สร้างเม็ดเลือดขาว สร้างภูมิคุ้มกัน แต่โรงงานนั้นพัง หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เจ้าของโรงงานต้องเจ็บป่วย ต้องขาดทุน วิธีแก้คือเจ้าของโรงงานก็ต้องรื้อเครื่องจักรชุดเดิมออกให้หมด แล้วเปลี่ยนเครื่องจักรชุดใหม่ที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพกว่า เพื่อผลิตเม็ดเลือดและภูมิคุ้มกันต่างๆได้อย่างเต็มที่ แต่การจะเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ทั้งชุด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ต้องอาศัยทั้งเงินทุน ทีมงาน ชิ้นส่วนวัตถุดิบ และผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเครื่องจักรเหล่านั้น ผู้เชี่ยวชาญในที่นี้คือคุณหมอนั่นเอง
ในประเทศไทยการปลูกถ่ายไขกระดูกมีโรงพยาบาลที่ทำได้ไม่กี่แห่ง และมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่สิทธิ สปสช.(บัตรทอง) ก็ครอบคลุมการรักษา และปลูกถ่ายไขกระดูกอยู่ แต่เนื่องจากการปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นการรักษาขั้นสุดท้ายของหลายๆโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว ภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ทำให้มีผู้ป่วยรอคิวในการปลูกถ่ายไขกระดูกตามโรงพยาบาลเหล่านี้จำนวนมาก เพราะโรคเหล่านี้มีผู้ป่วยจำนวนน้อย ทำให้การจัดสรรงบประมาณมาจากสิทธิบัตรทองเพื่อการปลูกถ่ายไขกระดูกยังไม่มากนัก ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของ สปสช. เพราะผู้ป่วยโรคอื่นๆ ก็สำคัญเหมือนกัน ดังนั้นในจำนวนผู้ที่รอคิวอยู่รอคิวปีนี้ อาจได้รักษาปีหน้า หรืออีกสองปีก็ได้ ส่วนใหญ่คนที่แข็งแรงพอที่จะรอไหวก็จะได้รับการรักษาและหายจากโรคได้ โมจึงถามหมอว่า อย่างน้องเอเดน มีโอกาสที่จะรอไหวถึง 2ปี หรืออย่างน้อย 1ปีหรือเปล่า หมอไม่พูด แต่หมอส่ายหน้า โมเลยนึกถึงคำพูดที่หมอเคยบอกตอนอยู่ icu ว่าคนไข้ที่ป่วยโรคนี้ของหมอ แทบไม่มีใครรอดเกิน 2 ปีเลย พ่อกับแม่ต้องเข้มแข็งไว้นะ หมอพูดเสริมมาว่า แต่ก็พอจะมีทางออกในการรักษา โดยไม่ต้องต่อคิวอยู่ แต่พ่อกับแม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดนะ พ่อกับแม่ต้องมีเงินอย่างน้อย 1 ล้านบาท ตลอดการรักษา เพราะการรักษามันเป็นกระบวนการต่อเนื่อง เหมือนการบังคับให้นับ 1-10 เมื่อเริ่มนับ 1 แล้วจะหยุดที่ 5 หรือ 6 ไม่ได้ ต้องไปต่อให้ถึง 10 ดังนั้น แต่ละโรงพยาบาลที่จะทำการปลูกถ่ายไขกระดูก ต้องมั่นใจว่า ญาติผู้ป่วยมีความพร้อมที่จะจ่ายเท่านั้น จึงจะเริ่มกระบวนการได้ หมอถามว่า พ่อกับแม่ไหวมั้ย เพราะถ้าไม่ไหวก็เป็นสิทธิที่โรงพยาบาลจะปฏิเสธการรักษา เพราะในกระบวนการมันมีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา ต้องเข้าใจทางโรงพยาบาลด้วย และหมอทุกคนที่ทำการรักษาก็อยากจะทำการรักษาให้จบกระบวนการทุกคนทั้งนั้น พี่นกบอกหมอว่า หมอครับ เอาตรงๆคือถ้าจะให้จ่ายเงินก้อนเดียว 1ล้านบาท ในเวลาจำกัด ในเร็วๆนี้ ผมคงหาไม่ทันแน่ ลูกผมคงตายก่อน ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีอยู่แค่ประมาณ 25% ของเงินล้านนั้น จะมีความเป็นไปได้มั๊ย ถ้าขอแบ่งจ่ายไปตามกระบวนการ ทีละกระบวนการ เช่นเริ่มจุดนี้จ่ายจุดนี้ก่อน ทีละจุดละจุดไป ระหว่างนี้ผมก็จะหาเงินมารักษาให้ลูกให้ได้ หมอก็บอกว่าถ้าจะทำ หมอจะพยายามคุยกับโรงพยาบาลที่รับเคสน้องให้ แต่หมอบอกก่อนเลยนะว่า อย่างน้อยทางโรงพยาบาลก็อยากเห็นความแน่นอน เพราะสมมติว่า ถ้าเริ่มไปแล้ว ถึงกลางทางเงินพ่อหมด พ่อหาไม่ได้ จะไปต่อยังไง และทุกอย่างที่เริ่มมาก็จะพังหมด
วันสองวันที่ผ่านมา มีคนใจดีหลายคนเสนอความช่วยเหลือมายังโมกับพี่นก ว่าอยากช่วยเหลือน้องตามกำลังที่มี ขอให้เราเปิดรับบริจาค วันแรกพี่นกบอกไม่ให้รับ พี่นกก็บอกกับโมว่า จริงๆแล้วคนที่ต้องการความช่วยเหลือ และรอรับการบริจาคยังมีอีกมาก เราเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่แค่ ณ วันนี้เรามีไม่พอที่จะรักษาชีวิตลูก พี่จะพยายามหาก่อน และถ้าเรารับบริจาคอยู่คนเดียว เราอาจจะตัดโอกาสคนอื่นๆก็ได้ โมเลยบอกพี่นกไปว่า แล้วลูกเราล่ะ เอเดนจะรอพี่หาเงินมาทันมั๊ย พี่นกเลยบอกว่า ถ้าเราจะรับบริจาคจริงๆ เราก็ควรจะตอบแทนพวกเขาด้วย พี่นกเลยเสนอว่า พี่นกจะทยอยทำคลิปให้ความรู้เกี่ยวกับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด สเต็มเซลล์ การบริจาคเลือด ฯลฯ และโรคอื่นๆ เท่าที่พี่นกจะหาข้อมูลได้ และมีความน่าเชื่อถือพียงพอ ผลิตลงในสื่อออนไลน์ เพื่ออย่างน้อยเป็นการให้ความรู้ หรือวิธีการดูแลสุขภาพให้กับคนที่ยังไม่รู้ (พี่นกทำงานในรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งผลิตวีดีโอให้ความรู้ เลยอยากใช้จุดนี้ตอบแทนคนที่อยากช่วยเอเดนด้วย)
ความจริงที่โหดร้ายอีกอย่างที่หมอเคยบอกกับโมและพี่นกคือ ไม่มีใครรู้ได้ว่าน้องเอเดนจะป่วยอีกเมื่อไหร่ จะจากไปวันไหน ต่อให้เลี้ยงดีแค่ไหน ก็มีโอกาสป่วยได้ ขนาดคนปกติแข็งแรงๆ ยังป่วยได้เลย นับประสาอะไรกับน้องเอเดนที่เค้าไม่มีภูมิคุ้มกัน การรับบริจาคเงินมาเพื่อรักษาเอเดนนั้น ต่อให้ได้เงินครบแล้ว ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าระหว่างการรักษา เอเดนจะไม่ป่วย เอเดนจะไม่จากพ่อกับแม่ไป ทุกอย่างมันพร้อมเกิดขึ้นได้เสมอ
เราสองคนโมกับพี่นกจึงตกลงกันว่า ถ้ารับบริจาคมาแล้ว จะได้ใช้รักษาเอเดน หรือไม่ทันได้ใช้ก็ตาม ถ้ามีส่วนที่เหลือเราจะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคที่คล้ายคลึงกับน้องเอเดนด้วย เพราะน้องเอเดนหรือเด็กเหล่านั้นไม่เคยทำผิดอะไร ไม่มีเหตุผลใดที่เค้าต้องมานั่งรอความตายเหมือนนักโทษประหารแบบนี้ เค้าเหล่านั้นพึ่งเกิดมา เค้าเหล่านั้นเป็นที่รักของพ่อแม่ญาติพี่น้อง เค้าเหล่านั้นรอวันที่จะเติบโต
เอเดนคะ หนูคือปาฏิหาริย์ของพ่อกับแม่ คือปาฏิหาริย์ของปู่ย่าตายาย ปาฏิหาริย์ของญาติพี่น้อง หนูทำให้รู้ว่าพวกเรารักกันแค่ไหน รักหนูแค่ไหน คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ทุกโรงพยาบาลที่มาช่วยหนู คือปาฏิหาริย์ของหนู ที่ทำให้หนูยังมีชีวิตอยู่กับพ่อแม่ ทุกๆคนที่คอยให้กำลังใจให้หนูเข้มแข็ง ให้พ่อกับแม่เข้มแข็ง คือปาฏิหาริย์ของเราสามคน ได้โปรดสร้างปาฏิหาริย์ให้กับตัวหนูเองได้มั๊ยคะ ปาฏิหาริย์ของความเข้มแข็งที่หนูเคยทำมาตลอดตอนอยู่ ICU พ่อกับแม่จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาหนูให้หายนะคะ ได้โปรดรอพ่อกับแม่นะ พ่อกับแม่รักหนูนะเอเดน
ปล.เบื้องต้นเรื่องการขอรับบริจาค โมขอใช้บัญชีโมก่อนแล้วกันนะคะ และโมจะอัพเดทยอดการบริจาคให้ทราบเรื่อยๆนะคะ
ปล.2 ตอนนี้เราได้ปิดรับบริจาคแล้วนะคะ ขออนุญาติลบเลขบัญชีออก และเงินบริจาคที่เหลือจากการใช้รักษาน้องได้ถูกส่งต่อไปยังผู้ป่วยอื่นๆ ของรพ.เด็กแล้วเช่นกันค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากๆนะคะ
บัตรทอง คือ 在 สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) เป็นของทุกคน ... 的推薦與評價
สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) เป็นของทุกคน และคุ้มครองตลอดชีวิต . หลายคนยังคงสงสัยว่าตัวเองมีสิทธิบัตรทองหรือไม่ แล้วบัตรทองนี้ใช้อย่างไร หรือใช้ที่ไหนได้บ้าง?? ... <看更多>
บัตรทอง คือ 在 บัตรทอง vs ประกันสังคม เหมือน/ต่าง กันอย่างไร ? | เงินทองของจริง 的推薦與評價
พูดถึงสวัสดิการที่เกี่ยวกับสุขภาพ บัตรทอง และ ประกันสังคม มีความเหมือนต่างกันอย่างไร ? ... ว่ามีความถี่ในการเจ็บป่วยบ่อยหรือไม่ และปัจจัยที่ 2 คือ การประกันมีต้นทุนเสมอ ... ... <看更多>
บัตรทอง คือ 在 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ - 6 เรื่องที่ต้องรู้ สิทธิบัตรทอง ... 的推薦與評價
“บัตรทอง” หรือ “สิทธิสปสช.” คือสิทธิรักษาพยาบาล ให้กับผู้ที่มีสัญชาติไทย มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอื่นใดที่รัฐจัดให้ ... <看更多>