EP4 : ‘กลับไปหาคำตอบที่ออสเตรเลีย ว่าฝรั่งไม่ได้เก่งกว่าเรา ทำไมรายได้มากกว่าเรา 10 เท่า’
เด็กรุ่นผม ใครจบนอก มันดูดี ..หางานง่าย ...แต่เอาตรงๆ ทุกวันนี้ไม่ใช่ละ ...เรื่องนี้ไม่ใช่แต้มต่ออีกต่อไป ...ยุคนี้ แต้มต่อ คือ ‘นิสัยแตกต่าง จากคนส่วนใหญ่’ นั่นแหละ แต้มต่อของคนทุกยุคทุกสมัย
ผมกลับไปออสเตรเลียอีกครั้ง เพื่อจะหาคำตอบ ครั้งนี้ผมไปในฐานะนักศึกษาปริญญาโท
...ผมยังคงใช้หลักการเดิม คือ
- เลือกมหาวิทยาลัยที่เข้าง่ายที่สุด จบเร็วที่สุด
- มีความยืดหยุ่นในการเรียน เพราะ เป้าหมายผมไม่ใช่การเรียน แต่ผมจะหางานทำ
ตอนที่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ ผมไม่ได้ทำงาน Part-time ก็เลยไม่รู้จักที่นี่จริงๆ
ใช่!! จะบอกว่า ‘ใครอยากรู้จักประเทศไหนแบบลึกซึ้ง ต้องลอง หาเงินจริงๆ ในประเทศนั้น ...คุณจะเข้าใจจริงๆ’
ท่ามกลางความสวยงามของออสเตรเลีย พอทำงานจริง ผมพบว่า เป็นประเทศที่โหดมาก
- กฏระเบียบในการเริ่มธุรกิจยากมาก ...มันไม่เหมือนบ้านเรา ที่ทุกคนสามารถเอาโต๊ะไปตั้งหน้าบ้านแล้วเริ่มขายก๋วยเตี๋ยว
- ผมเรียนรู้อันนี้แบบตรงๆ คือ ผมไปเช่าบ้าน ในแถวที่มีบ้านคนอยู่ แล้วเริ่มลองทำอาหาร Delivery ...ผลคือ มีคนไปแจ้งว่า คนเอเชีย มาทำสกปรก ต้องเลิกทำไปตามระเบียบ ...ครั้งนั้นเสียค่าเช่าบ้านฟรี , ซื้อรถเก่าๆ มาก็สอนให้ผมรู้ว่า รถมือสอง ค่าซ่อมแพงกว่าค่ารถ , อุปกรณ์ทำครัว ทำอาหาร หมดไปหลายหมื่น ขายไม่ได้เลย ...เฮ้ย!! ผมรู้เลยว่า ธุรกิจจริง กับ การมโน ของเด็ก มันห่างไกลกันมาก
- ถ้าจะเทียบ ผมก็คือ Start-Up ยุคนั้น แล้วมั่วชิบหาย อยู่คนเดียว ...โชคดีของ Start-Up ยุคนี้ คือ มีผู้ใหญ่ คอยสนับสนุน ให้เงิน ให้ประสบการณ์ ...แต่มันก็ไม่ง่ายอยู่ดี
- ผมไม่เข็ด ...คราวนี้ ผมไปหาว่า มีร้านอาหารไทยที่ไหนประกาศขายบ้าง ...ไปเจอร้านนึงขายถูกมาก ...แต่ผมไม่มีเงินพออยู่ดี ก็เลยไปคุยกับเจ้าของร้านว่า ผมขอเช่าร้านบางส่วนได้ไหม ? ...ตอนแรกก็คิดว่า คงไม่ได้ ...สรุปว่า ได้ครับ ...ผมเริ่มทำร้าน แบบที่แทบจะไม่ต้องลงทุนเลย เพราะ ของและอุปกรณ์ทำกับข้าว ผมมีแล้ว ....ลุย!!
- 6 เดือนแรก ใช้ไปกับการฝึกงานร้านอาหาร ..อีก 3 เดือน ใช้ไปการมโน สร้างร้าน Delivery ...จากนั้น ก็ถึงเวลาเริ่มขายอาหารจริงๆ
- ทำไป 3 เดือน ปัญหาเกิด ...คือ มีปัญหากับ เจ้าของร้านเดิม ...ตอนนั้นผมรู้สึกเครียดมากเลย คิดว่า ทำไมเราต้องมาเจอเรื่อง เจอปัญหา แถมยังต้องเรียนหนักด้วย รถก็เสียประจำ บางครั้งเปิดร้านช้า (เปิดๆ ปิดๆ) กรูทำอะไรวะเนี่ย ? ...ร้านก็ขายไม่ดี (ถ้าดี เจ้าของเดิมจะประกาศขายถูกๆ ทำไมล่ะ?)
- ช่วงนั้นพยายามหาทางออก ไปเจอว่า มีร้านอีกแห่ง ประกาศขาย อยู่เมืองชายทะเล ที่ห่างจากที่ผมอยู่ประมาณ 6 ชั่วโมง ...เยี่ยม!! ผมว่า นั่นแหละ ต้องเป็นทางออกของชีวิต
- ผมตัดสินใจ ขับรถ ไปวันนั้นเลย 6 ชั่วโมง ไปถึงร้านนั้น ...เจ้าของร้านนี้ บอกว่า ถ้าอยากได้ ขอให้มัดจำก่อน เพราะ มีคนต่างชาติอีกคนมาดูแล้วสนใจมาก แต่เขาอยากขายผม ดูเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีไฟ ...เอา!! ผมตัดสินใจ เอาเงินค่าเทอม มามัดจำร้านใหม่ทันที
เรื่องบ้าๆ นี่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ตั้งแต่เหยียบขามาถึง ออสเตรเลีย ผมก็ทำเรื่องต่างๆ ไว้มากมาย อยู่ไม่ถึงปี แกว่งเท้าหาเสี้ยนได้ขนาดนี้เลยหรือ ?
ผมจดประสบการณ์ที่ได้ออกมาเป็นข้อๆ ก็พบว่า ‘ฝรั่งไม่ได้เก่งกว่าเรา แต่เขาได้เงินมากกว่าเรา 10 เท่า’
มันมี 2 ส่วน คือ หนึ่ง ปัจจัยภายนอก อันนี้คือ ส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ ก็ระบบของประเทศเขาเอื้อให้หาเงินได้เยอะกว่า เราทำอะไรไม่ได้ (เราเลยเห็นบางคนบินไปทำงานเก็บเงินต่างประเทศ แล้วมาเกษียณเมืองไทย ก็เพราะต้องการได้ประโยชน์ตรงนี้แหละ)
สอง ‘ปัจจัยภายใน’ (อันนี้ตัวเราล้วนๆ เราปรับปรุงได้) มีดังนี้
1. ‘คนที่ทำงานหาเงินเร็วกว่า จะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต ได้เร็วกว่า’
2. ‘ใส่ใจกับการเพิ่มความรู้และประสบการณ์ จะทำให้โอกาสหาเงินเรากว้างขึ้น’
3. ‘ไม่ดูถูกงาน’ ...งานที่ต่ำต้อย ส่วนใหญ่ คือ จุดเริ่มต้น หรือ ประตูไปสู่งานดีๆ โอกาสที่ยอดเยี่ยม ...ถ้าเราลดตัวต่ำไม่ได้ เราก็กระโดดสูงไม่ได้
4. ‘เก็บเงินในรูปสินทรัพย์’ ...คนออสเตรเลียจะมีพอร์ตเกษียณ ที่สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ ทำให้คนของเขาพอเกษียณแล้วมักจะมีเงิน เพราะ สินทรัพย์เหล่านี้ มันโตขึ้นเรื่อยๆ ...บ้านเราจริงๆ ก็เริ่มมี RMF/LTF แต่น้อยคนที่ลงทุน เพราะ ไม่เข้าใจว่า มันคือ เคล็ดลับที่ทำให้รวยได้
5. ‘การย้ายที่อยู่เป็นเรื่องปกติ’ ...บางครั้ง การออกจากทางตันของชีวิต อาจจะเป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม การย้ายบ้าน ...ที่นั่น เป็นเรื่องปกติ และ ทำได้ง่าย
6. ‘ผู้ใหญ่ไม่อายที่จะกลับไปเรียนใหม่’ ...หลายๆ คนเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนงาน ก็กลับไปเรียนใหม่
7. ‘สังคมเขาเป็น DIY’ คือ ทำอะไรต่างๆ ด้วยตัวเองเยอะมาก ...ทำให้คนเขามีความรอบรู้ ...คนที่นั้นหลายๆ คนสร้างบ้านเอง ...ต่อเติมเอง ...สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินทรัพย์อย่างบ้าน ด้วยตัวเอง
8. ‘เรียนรู้การใช้เครื่องทุ่นแรง และ เทคโนโลยี’ ...ชัดๆ คือ ฝรั่งจะเรียนรู้การใช้เครื่องทุ่นแรงทุกรูปแบบ ...ตรงนี้มันเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงาน ...ดังนั้น การทำงานให้ผลลัพธ์ที่เท่ากัน ฝรั่งจะใช้ทั้งคน และ เวลาต่ำกว่าเรา
9. ‘มีการเปลี่ยนมือในอสังหาเยอะมาก’ ...ในออสเตรเลียจะมี Realestate Agent หรือ นายหน้าซื้อขายอสังหา เยอะกว่า 7-11 แปลว่า เขาเรียนรู้ที่จะซื้อขาย แล้วสร้างมูลค่าเพิ่มในอสังหา ซึ่งปกติเป็นสิ่งที่คนรวยเท่านั้นที่รู้ ....แต่ที่นั้น ใครๆ ก็รู้
10. ‘สังคมที่เรียนรู้เร็วจากข้อผิดพลาด’ ...คนเก่ง คือ คนที่ผิดพลาดเยอะๆ ...พ่อแม่ฝรั่งเขาให้ลูกออกไปสู้ชีวิตเองให้เร็ว ก็เพื่อการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดแล้วยืนได้ด้วยตัวเอง ให้เร็วที่สุด
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ภาววิทย์กลิ่นประทุม 在 นักคณิตศาสตร์ประกันภัย - ทอมมี่ แอคชัวรี Actuary Facebook 的最佳解答
อาชีพไหนก็รวยได้จริงเหรอ ?...ใช่รึเปล่า ?
เรื่องโดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
ถ้าใช่แปลว่า ทุกคนที่ขยัน สุดท้ายจะรวยใช่ไหม ? -- ฮึม!! ไม่ใช่ เพราะบางคนขยันมาก อดทนมาก ทำงานแทบไม่มีวันหยุดพัก แต่ก็ไม่รวยอยู่ดี ...อันนี้จะแก้ไขอย่างไร ?
ทางแก้ คือ มาทบทวนตัวเองจริงๆ จังๆ กับอาชีพที่ทำครับ โดยถามคำถามดังนี้ครับ
1. 'อาชีพที่เราทำเน้นที่เวลาของเรา หรือเน้นที่ผลงาน' ..ถ้าต้องตรอกบัตรเข้า ทำงานตามเวลา อันนี้แสดงว่า เราขายเวลาแลกเงิน (ทำงานแบบนี้ได้ประสบการณ์ ได้ทำงานเยอะ แต่รวยยากนะ แล้วก็โตยาก)
2. 'งานที่เราทำสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตของลูกค้าได้แค่ไหน' ..ถ้าน้อย แปลว่าบริษัทที่เราทำอยู่ อนาคตอาจไม่สดใส เพราะลูกค้าจะยอมจ่ายเงินให้สิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญในชีวิตเขาไหม
3. 'หน้าที่ที่ฉันทำ มีคู่แข่งหรือคนทำแทนได้เยอะไหม' ...ตรงนี้คือ มีใครมาแทนเราได้ไหม ถ้าใครๆก็แทนเราได้ แปลว่า หน้าที่นี้ไม่สำคัญในบริษัท เพราะเราออกไป ก็หาคนใหม่มาแทนง่ายๆ อันนี้รวยยากครับ
4. 'งานที่เราทำมีผลต่อรายได้โดยตรงของบริษัท' ...งานส่วนใหญ่ที่ได้เงินดี แล้วบริษัทเห็นค่า มักจะเป็นงานที่สร้างรายได้โดยตรงให้บริษัท หรือ ถ้าเป็นงานสนับสนุนก็ต้องประหยัดเงินให้บริษัทแบบชัดเจน
สรุปคือ ถ้าวันนี้เราทำงานหนักแต่รายได้ไม่สูง ต้องพิจารณา 4 ข้อ แล้วเริ่มปรับเปลี่ยนทันที เพราะมันแปลว่า
'เรากำลังหาอาหารในจุดที่มันไม่มีอาหาร !!' (ก็จุดนั้นมันไม่มีปลา คุณจะหาปลาได้ยังไงเล่า?)
ทางแก้ ดังนี้
1. 'ถ้างานเราขายเวลา' ให้เอาเวลาว่างหางานเสริม ใช้เวลาหลังเลิกงานทำอาชีพเสริม เริ่มจากเรียนรู้สิ่งที่อยากทำ เช่น ไปเรียนทำอาหาร , เรียนตัดเสื้อ , เรียนเล่นหุ้น , เรียนปลูกผัก , เรียนวิชาชีพอะไรก็ได้ ที่มันจะต่อ ยอดอาชีพเสริมให้เรา
2. 'งานเราไม่สำคัญต่อคนอื่น' ..ก็ทำให้มันสำคัญ เริ่มจากทำตัวเราให้มันสำคัญต่อคนรอบตัว ...ช่วยเหลือคนรอบด้าน โดยเฉพาะหัวหน้า ..ทำการบ้านว่า ตัวเราสามารถเสริมนายเราในด้านไหน ที่เขาจะเห็นคุณค่าเรา ..ในส่วนลูกค้า เราต้องคิดวิธีช่วยลูกค้า ให้ลูกค้ารักเรา เริ่มจาก 'ยิ้ม' (อย่างแรก เลิกทำหน้าตูดใส่คนรอบข้าง) แล้วค่อยๆ ต่อยอด
3. 'งานเราใครทำก็ได้' ..ต้องพยายามสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง ให้เป็นว่า แม้งานฉันใครทำก็ได้ แต่ตัวฉันไม่ใช่ใครจะเป็นได้ ..เช่น เป็นคนน่ารัก เป็นคนดี เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นคนช่วยเหลือคนอื่น เป็นจุดเชื่อม ...พยายามหาสิ่งพิเศษที่ให้เราแตกต่าง
4. 'งานเราไม่สร้างรายได้ตรงให้บริษัท' ..ต้องพยายามหาจุดที่ทำรายได้ โดยเริ่มจากศึกษาเรื่องนั้น แล้วเสนอตัวเข้าไปลองทำในจุดนั้น ...หรือ ถ้าที่บริษัทไม่มีโอกาสให้แสดงฝีมือ ก็ใช้เวลาว่าง สร้างอาชีพเสริมที่ทำรายได้
ลองพิจารณาแล้วปรับเปลี่ยนดูครับ ที่ผ่านมาไม่ใช่เราดวงไม่ดีหรอกที่ 'ทำงานหนักแต่เงินน้อย!!'
..เราดันไปตกปลา ในจุดที่ไม่มีปลา -- ก็ให้ตั้งสติ มองดูว่าฝูงปลาอยู่ที่ไหน แล้วค่อยๆ ขยับขยายไปจุดนั้นให้ได้
มาเรียนการลงทุนไหมครับ แถวนี้ปลาเยอะนะ แต่ต้องฝึกวิธีหาให้รู้จริงก่อน ..จัดไป 'ออมในหุ้น' (อันนี้เลือกปลา ให้มันหาเงินให้เรา..555)
ขอบคุณ #ภาววิทย์กลิ่นประทุม
#TopJobSecret
Share the knowledge 3
อาชีพไหนก็รวยได้จริงเหรอ ?...ใช่รึเปล่า ?
เรื่องโดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
ถ้าใช่แปลว่า ทุกคนที่ขยัน สุดท้ายจะรวยใช่ไหม ? -- ฮึม!! ไม่ใช่ เพราะบางคนขยันมาก อดทนมาก ทำงานแทบไม่มีวันหยุดพัก แต่ก็ไม่รวยอยู่ดี ...อันนี้จะแก้ไขอย่างไร ?
ทางแก้ คือ มาทบทวนตัวเองจริงๆ จังๆ กับอาชีพที่ทำครับ โดยถามคำถามดังนี้ครับ
1. 'อาชีพที่เราทำเน้นที่เวลาของเรา หรือเน้นที่ผลงาน' ..ถ้าต้องตรอกบัตรเข้า ทำงานตามเวลา อันนี้แสดงว่า เราขายเวลาแลกเงิน (ทำงานแบบนี้ได้ประสบการณ์ ได้ทำงานเยอะ แต่รวยยากนะ แล้วก็โตยาก)
2. 'งานที่เราทำสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตของลูกค้าได้แค่ไหน' ..ถ้าน้อย แปลว่าบริษัทที่เราทำอยู่ อนาคตอาจไม่สดใส เพราะลูกค้าจะยอมจ่ายเงินให้สิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญในชีวิตเขาไหม
3. 'หน้าที่ที่ฉันทำ มีคู่แข่งหรือคนทำแทนได้เยอะไหม' ...ตรงนี้คือ มีใครมาแทนเราได้ไหม ถ้าใครๆก็แทนเราได้ แปลว่า หน้าที่นี้ไม่สำคัญในบริษัท เพราะเราออกไป ก็หาคนใหม่มาแทนง่ายๆ อันนี้รวยยากครับ
4. 'งานที่เราทำมีผลต่อรายได้โดยตรงของบริษัท' ...งานส่วนใหญ่ที่ได้เงินดี แล้วบริษัทเห็นค่า มักจะเป็นงานที่สร้างรายได้โดยตรงให้บริษัท หรือ ถ้าเป็นงานสนับสนุนก็ต้องประหยัดเงินให้บริษัทแบบชัดเจน
สรุปคือ ถ้าวันนี้เราทำงานหนักแต่รายได้ไม่สูง ต้องพิจารณา 4 ข้อ แล้วเริ่มปรับเปลี่ยนทันที เพราะมันแปลว่า
'เรากำลังหาอาหารในจุดที่มันไม่มีอาหาร !!' (ก็จุดนั้นมันไม่มีปลา คุณจะหาปลาได้ยังไงเล่า?)
ทางแก้ ดังนี้
1. 'ถ้างานเราขายเวลา' ให้เอาเวลาว่างหางานเสริม ใช้เวลาหลังเลิกงานทำอาชีพเสริม เริ่มจากเรียนรู้สิ่งที่อยากทำ เช่น ไปเรียนทำอาหาร , เรียนตัดเสื้อ , เรียนเล่นหุ้น , เรียนปลูกผัก , เรียนวิชาชีพอะไรก็ได้ ที่มันจะต่อ ยอดอาชีพเสริมให้เรา
2. 'งานเราไม่สำคัญต่อคนอื่น' ..ก็ทำให้มันสำคัญ เริ่มจากทำตัวเราให้มันสำคัญต่อคนรอบตัว ...ช่วยเหลือคนรอบด้าน โดยเฉพาะหัวหน้า ..ทำการบ้านว่า ตัวเราสามารถเสริมนายเราในด้านไหน ที่เขาจะเห็นคุณค่าเรา ..ในส่วนลูกค้า เราต้องคิดวิธีช่วยลูกค้า ให้ลูกค้ารักเรา เริ่มจาก 'ยิ้ม' (อย่างแรก เลิกทำหน้าตูดใส่คนรอบข้าง) แล้วค่อยๆ ต่อยอด
3. 'งานเราใครทำก็ได้' ..ต้องพยายามสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง ให้เป็นว่า แม้งานฉันใครทำก็ได้ แต่ตัวฉันไม่ใช่ใครจะเป็นได้ ..เช่น เป็นคนน่ารัก เป็นคนดี เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นคนช่วยเหลือคนอื่น เป็นจุดเชื่อม ...พยายามหาสิ่งพิเศษที่ให้เราแตกต่าง
4. 'งานเราไม่สร้างรายได้ตรงให้บริษัท' ..ต้องพยายามหาจุดที่ทำรายได้ โดยเริ่มจากศึกษาเรื่องนั้น แล้วเสนอตัวเข้าไปลองทำในจุดนั้น ...หรือ ถ้าที่บริษัทไม่มีโอกาสให้แสดงฝีมือ ก็ใช้เวลาว่าง สร้างอาชีพเสริมที่ทำรายได้
ลองพิจารณาแล้วปรับเปลี่ยนดูครับ ที่ผ่านมาไม่ใช่เราดวงไม่ดีหรอกที่ 'ทำงานหนักแต่เงินน้อย!!'
..เราดันไปตกปลา ในจุดที่ไม่มีปลา -- ก็ให้ตั้งสติ มองดูว่าฝูงปลาอยู่ที่ไหน แล้วค่อยๆ ขยับขยายไปจุดนั้นให้ได้
มาเรียนการลงทุนไหมครับ แถวนี้ปลาเยอะนะ แต่ต้องฝึกวิธีหาให้รู้จริงก่อน ..จัดไป 'ออมในหุ้น' (อันนี้เลือกปลา ให้มันหาเงินให้เรา..555)
ขอบคุณ #ภาววิทย์กลิ่นประทุม
-----------
Unilever
ที่ที่ คุณสามารถสร้างรายได้ 24 ชม.จากทุกประเทศทั่วโลก(ในเครือข่าย)
ยูนิลีเวอร์ ขยายธุรกิจ O2O สู่ตลาด ASEAN
ด้วยโครงการ Omni Connect O2O by Unet
เรากำลังมองหาผู้สนใจเป็นคู่ค้า
เพื่อขยายตลาดสินค้ากลุ่มพรีเมียม
ในตลาดอาเซียนและจีน
สร้าง Passive Income กับมูลค่าตลาดใน ASIA
นี่คือเวลาที่ดีที่สุด…! Connect ตัวเองในอาเซียนและเอเชียด้วย FB Marketing ในแบบเฉพาะของเรา
---------
สนใจติดต่อรับข้อมูลเพิ่มที่
กำพลCall&Line 0863110019
Are you ready to join me for Success?
http://www.omniconnectbiz.com/kampon/
ภาววิทย์กลิ่นประทุม 在 Pawawit Stock Comment | Bangkok - Facebook 的推薦與評價
ขอให้ความปรารถนากลับสู่ทุกท่านเป็นทวีคูณ · #ภาววิทย์กลิ่นประทุม .. ปีนี้ผมอายุครบ 43 ปี …เข้าสู่วัย ' ... ... <看更多>