#graphic_novel
#El_deafo
#Roller_girl
วันก่อน พูดคุยกันในวงนักอ่าน
รู้สึกดีใจที่วันนี้ คุณพ่อคุณแม่ เห็นความสำคัญของการอ่านมากขึ้น
ตลาดหนังสือเด็ก ได้รับความสนใจมากขึ้น
มีนักเขียน นักวาดเก่งๆ ของเราหลายคน ที่ผลงานดีระดับนานาชาติ
.
แต่พอพูดไปถึง...ถ้าเด็กเริ่มอ่านเองได้แล้ว
อยากจะอ่านเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น....เด็กไทยอ่านอะไรกัน
.
เงียบกันไปพักหนึ่ง
ก็นึกชื่อวรรณกรรมเยาวชน ขึ้นมาหลายเรื่อง
เกือบ 100% ก็เป็นหนังสือแปล และบางเรื่อง มันก็อาจจะหนัก
ไม่ว่าจะแง่เนื้อหา หรือ ความหนา😁😁
ซึ่ง สำหรับ เด็กๆที่เป็นนักอ่าน และเค้าจะข้ามจากหนังสือภาพ
ไปเป็นวรรณกรรม
ในต่างประเทศ จะมีหนังสือที่มีตัวอักษรมากขึ้นหน่อย แต่ก็มีภาพไม่ให้น่าเบื่อเกินไปนัก สำหรับ เป็นบันได ให้เด็กๆก้าวขึ้นไปอ่าน วรรณกรรม
คือ chapter books
ซึ่งพอให้นึกถึง chapter books สัญชาติไทย
ก็พบว่ามีน้อยเล่มจริงๆ
มะเหมี่ยว กับเรื่องสั้นชนะรางวัล แว่นแก้ว หรือ นายอินทร์ อวอร์ด
ที่เหลือ....นึกไม่ออกแล้วค่ะ
ซึ่ง ซื้อมาอ่านให้เด็กที่บ้านฟัง เค้าไม่อิน
(พวกความสุขของกะทิ เจ้าหงิญ เจ้าชายไม่พูด หรือเล่มดังอื่นๆ น่าจะเป็นวรรณกรรมเยาวชนแล้วรึเปล่าคะ ต้องถามผู้รู้?)
.
แต่ในระดับนานาชาติ chapter book ดังๆ มีเยอะมาก
มากจริงๆ เมื่อวันก่อน ที่หมอแนะนำเรื่อง Junie B Jones
ยังมี set my weird school และงานของ lauren child, Jacqueline, Judy bloom etc. เยอะมากจริงๆค่ะ
ลองไปเดินดูที่ร้าน kino จะมี ชั้นวาง 1 ฟาก เลยสำหรับ series ต่างๆ
ของ chapter book
เป็นหนังสือ ที่อ่านสนุกมาก ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรา ยังอ่านแล้วยิ้มตาม
เรื่องราว เป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวเด็ก ไม่ซับซ้อน แต่ก็ไม่น้อยเกินไป
มี ปม มี climax มี solution
.
และหนังสือ อีกประเภท ที่ได้รับความนิยม
ในเด็ก 8-12 ปีมากเช่นกัน คือ graphic novel
ซึ่งหมอก็ซื้อมาอ่านหลายเล่ม
ก็พบว่า
ใช้ภาพ แสดงความรู้สึก (มีช่องว่างให้เด็กเติม)
และมีเหตุการณ์ที่เด็กๆ อินได้ง่าย
เรื่องยอดฮิตของ graphic novel คือ ปมเรื่องเพื่อน ในเด็กประถม
ซึ่งคงเป็นเรื่องใหญ่ ในวัยนี้จริงๆ
หาตัวตน มีเพื่อนสนิท จะทำอย่างไรให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อน
ซึ่ง หมออ่านแล้ว นึกย้อนถึงตัวเอง ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
.
วันนี้ มี graphic novel ระดับรางวัล มาชวนอ่านดู
❤เหมาะสำหรับ
- พ่อแม่ ที่อยากอ่าน และอยากเข้าใจจิตใจของลูกประถม และเป็นคนชอบอ่านการ์ตูนมาก่อน จะยิ่งใช่มาก😁
- เด็กที่อ่านภาษาอังกฤษได้เอง วัยสัก ป.4-6 น่าจะอ่านแล้วตรงกับช่วงวัย
- นักสะสม นักอ่าน (like me!!)
มี 2 เรื่อง
- El Deafo
- Roller girl
ได้รางวัล Newbery ทั้งคู่
❤เรื่องแรก El deafo เกี่ยวกับ เด็กหญิง อายุ 4 ขวบที่ติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง และเกิดผลตามมาคือ เส้นประสาทหูเสียหาย จนเธอต้องกลายเป็นคนหูหนวก
เธอต้องใช้เครื่องช่วยฟัง....โปรยมาแบบนี้ คงคิดว่าเรื่องเศร้า
ไม่เลยค่ะ! เรื่องดำเนินไปเรียบๆ จากมุมมองของเด็กหญิงคนนี้ ที่ก็เหมือนเด็กธรรมดา ช่างฝัน บางครั้งมีเรื่องตลกๆ แทรกมาให้ได้ยิ้มเป็นระยะ
ชื่อ El deafo มาจาก เธอได้ยินเพื่อนเรียกเธอว่า deaf และเธอรู้สึกว่าเธอมีพลังพิเศษ
จากเครื่องช่วยฟัง (ต้องลองไปอ่านดูว่าทำไม)
หมอชอบเรื่องนี้ ตรงที่ เสนอมุมมอง อย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับสิ่งที่คนธรรมดา คิดว่า คนหูหนวกเป็น
แต่มันไม่ใช่ เช่น พอเค้าหูหนวก(แม้จะใส่เครื่องช่วยฟัง) เราจะพูดช้าๆ ตะโกน ซึ่งเป็นการพูดที่ผิดธรรมชาติ ถ้าเค้าใส่เครื่องช่วยฟังแล้ว เราก็ไม่ต้องตะโกน เพราะเค้าจะสามารถอ่านรูปปากเราได้ดีกว่า (เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะ) และเรื่องที่ คนพยายามจะใช้ภาษามือ กับเธอ
ทั้งๆที่เธอ ไม่ได้หูหนวกแต่กำเนิด
คือเธอพูดกับคนอื่น เพียงแต่ต้องอาศัยเครื่องช่วยฟังเท่านั้น ในเรื่องมีปมเรื่องเพื่อนสนิท ตามประสาเด็กประถม อ่านได้เรื่อยๆ น่ารักดีค่ะ ชอบภาพวาดมาก
ท้ายเล่ม เห็นหน้าหนูน้อย ซึ่งกลายมาเป็นนักเขียน นักวาด น่าภูมิใจจัง❤
❤เรื่องถัดมา Roller girl พูดถึง เด็กหญิง ป.6
ในช่วงปิดเทอม กำลังจะขึ้นม.1
เธอเป็นเด็กเฮี้ยว ค่อนข้างทอมบอย ไม่ชอบใส่กระโปรง ไม่แต่งตัว
เธอมีเพื่อนสนิท ที่เธอคิดว่าเธอเข้าใจเพื่อนคนนี้ทุกอย่าง...แต่ไม่
แล้วก็มีเหตุการณ์ที่หนูน้อย Altrid
อยากไปเข้าค่ายฝึก Roller derby
(หมออ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจกติกา แต่ก็ดูน่าสนุกนะคะ) และพบว่า เพื่อนสนิท ไม่เข้าค่ายกับเธอ แต่กลับเลือกไปเข้าค่าย บัลเลต์ กับศัตรูของเธอ
ประสบการณ์ ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคตามลำพัง
(ฝึกในค่าย)
การจัดการอารมณ์ การเลือกโกหกแม่
ความรู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
(ย้อมผม เจาะหู เจาะจมูก)
เรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ ตอนแรกหมออ่าน ก็คิดว่า
อืม...ทำไมถึงได้รางวัลนะ
แต่พอถึงกลางเรื่องที่เป็น climax
มันเป็นฉากที่แม่จับได้ว่า Altrid โกหก
อารมณ์แม่ (หมออินจัด) และอารมณ์ของเด็กเอง
กินใจมากค่ะ(ถีงกับน้ำตาไหล)
.
ถ้าใครมีคุณสมบัติดังที่กล่าว โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือ
อยากอ่านและพร้อมจ่าย
หามาอ่านได้ค่ะ หนังสือดีจริง
ให้ลูกฝึกอ่าน ภาษาได้ด้วยนะเออ
.
หมอแพม
อยากให้มีหนังสือ สำหรับเด็กที่อ่านด้วยตัวเองพวก chapter book และ graphic novel สัญชาติไทยเพิ่มขึ้นเยอะเลย
รองรับ ลูกๆของคนในเพจนี้ ที่ต้องเป็นนักอ่านแน่ๆ😉
「มะเหมี่ยว คือ」的推薦目錄:
มะเหมี่ยว คือ 在 ฉันกลัวที่แคบ Facebook 的最佳貼文
อยากให้รู้จักกันมากขึ้นนิดหน่อย กับ “20เรื่อง ของ ศศิและฉันกลัวที่แคบ”
.
1.ศศิ มาจากชื่อจริงของเรา คือ ศศิวิไล
.
2.ที่จริงแล้วชื่อเล่นเราไม่ได้ชื่อ ศศิ ซึ่งเรามีชื่อเล่นเยอะมากแล้วแต่คนจะเรียก แต่ชื่อเล่นที่มีคนเรียกมากที่สุด คือ แขก (เพราะเราหน้าเหมือนแขก) และ ตี้ (มาจากแขกตี้) ส่วนชื่อเล่นที่เราชอบมากที่สุด คือ มะเหมี่ยว
.
3.เราเป็นคนแพร่โดยกำเนิด เป็นสาวบ้านมณีวรรณซอย7 ตำบลป่าแมต อำเภอเมือง
.
4.เราเรียนนารีรัตน์ที่แพร่จนถึง ม.6 แล้วก็มาใช้ชีวิตเป็นสาวกรุงเทพ เรียนพยาบาลที่ศิริราช จนจบปริญญาโทการจัดการธุรกิจที่มหิดล รวมกับช่วงที่ทำงานมาทั้งหมด ตอนนี้ก็อยุ่กรุงเทพมา 10กว่าปีแล้ว
.
5.เราชอบกินหนมเส้น(ขนมจีน)มาก ให้กินทุกมื้อก็ได้ รองลงมาคืออาหารทุกชนิดที่เป็นเส้น
.
6.เรากินของดีๆแพงๆแปลกๆไม่ค่อยเป็น อย่างเช่น ปลาดิบก็เพิ่งมากินเป็นไม่กี่ปีนี่เอง
.
7.นอกจากแพร่บ้านเกิดแล้ว จังหวัดที่เราชอบที่สุด คือ เชียงใหม่ และจังหวัดที่ไม่ชอบที่สุด คือ กรุงเทพ
.
8.เราเปิดเพจ “ฉันกลัวที่แคบ” ตอน พฤษภาคมปีที่แล้ว จุดประสงค์ตอนแรกคือเอาไว้ลงรูปที่ไปเที่ยวมา แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าลงให้ใครดู
.
9.เราไม่ได้เป็น “โรคกลัวที่แคบ” แต่อย่างใด มันเป็นคำเปรียบเทียบน่ะว่า เราอยากออกไปดูโลกกว้าง
.
10.เราไม่ได้เที่ยวคนเดียว เราไม่เคยไปเที่ยวคนเดียว เพราะ เราเป็นคนขี้เหงา ขี้กลัว
.
11.รีวิวทริปแรกของเรา คือ ทริปสังขละบุรี ส่วนรีวิวที่เราภูมิใจที่สุด คือ ทริปเมืองแพร่
.
12.เราตัดสินใจลาออกจากการทำงานเป็นพยาบาล เมื่อปลายปีที่แล้ว
.
13.พยาบาลเป็นอาชีพที่เรารัก เป็นอาชีพที่มีเกียรติ แต่เราอยากลองทำตามความฝันตัวเองดู
.
14.ตอนนี้หลายคนอาจจะคิดว่าเราลาออกมาเที่ยวอย่างเดียว … มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ หลักๆตอนนี้เราทำผ้ามัดย้อมขายเป็นแบรนด์ของเราเอง และรายได้อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการเขียนบทความจากการเดินทางของเรา
.
15.ขอย้ำเลยจ้ะว่า เราไม่ได้รวย และ เราไม่ได้เที่ยวอย่างเดียว เราแค่ลาออกจากงานประจำ มาทำอาชีพส่วนตัวในสิ่งที่เราอยากทำ
.
16.ส่วนความฝัน ไม่สิขอเรียกว่าเป้าหมายดีกว่า… ส่วนเป้าหมายหลักตอนนี้ของเรา คือ การเปิดโฮสเทล มีร้านอาหาร และร้านขายผ้ามัดย้อมเป็นของตัวเอง
.
17.อีกเป้าหมายหนึ่งที่ไม่เคยบอกใคร คือ เราตั้งใจจะมีหนังสือ Pocket Book เกี่ยวกับการเดินทางของเราเอง
.
18.ตอนนี้รายได้น้อยกว่าตอนที่ทำงานประจำครึ่งหนึ่งเลยล่ะ แต่ความสุขมันล้นกว่าเยอะเลย เราไม่กลัวเช้าวันจันทร์อีกต่อไปแล้ว
.
19.เราคอยบอกตัวเราเองตลอดว่า “ไม่ต้องมีครบก็ได้ แต่เราต้องมีความสุข”
.
20.ดีใจที่ตัดสินใจทำเพจ ดีใจที่ออกเดินทาง ดีใจที่ตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะทั้งหมดทำให้เราได้เจอสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆ มิตรภาพดีๆ และเพื่อนใหม่ที่แสนดี ที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่
.
ขอบคุณจริงๆนะคะ ขอบคุณจากใจ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา
.
ศศิ / แขก / ตี้ / มะเหมี่ยว
มะเหมี่ยว คือ 在 ฉันกลัวที่แคบ Facebook 的最讚貼文
วันนี้ว่างๆ อยากให้รู้จักกันมากขึ้นหน่อย “20เรื่อง ของ ศศิและฉันกลัวที่แคบ”
.
1.ศศิ มาจากชื่อจริงของเรา คือ ศศิวิไล
.
2.ที่จริงแล้วชื่อเล่นเราไม่ได้ชื่อ ศศิ ซึ่งเรามีชื่อเล่นเยอะมากแล้วแต่คนจะเรียก แต่ชื่อเล่นที่มีคนเรียกมากที่สุด คือ แขก (เพราะเราหน้าเหมือนแขก) และ ตี้ (มาจากแขกตี้) ส่วนชื่อเล่นที่เราชอบมากที่สุด คือ มะเหมี่ยว
.
3.เราเป็นคนแพร่โดยกำเนิด เป็นสาวบ้านมณีวรรณซอย7 ตำบลป่าแมต อำเภอเมือง
.
4.เราเรียนนารีรัตน์ที่แพร่จนถึง ม.6 แล้วก็มาใช้ชีวิตเป็นสาวกรุงเทพ เรียนพยาบาลที่ศิริราช จนจบปริญญาโทการจัดการธุรกิจที่มหิดล รวมกับช่วงที่ทำงานมาทั้งหมด ตอนนี้ก็อยุ่กรุงเทพมา 10กว่าปีแล้ว
.
5.เราชอบกินหนมเส้น(ขนมจีน)มาก ให้กินทุกมื้อก็ได้ รองลงมาคืออาหารทุกชนิดที่เป็นเส้น
.
6.เรากินของดีๆแพงๆแปลกๆไม่ค่อยเป็น อย่างเช่น ปลาดิบก็เพิ่งมากินเป็นไม่กี่ปีนี่เอง
.
7.นอกจากแพร่บ้านเกิดแล้ว จังหวัดที่เราชอบที่สุด คือ เชียงใหม่ และจังหวัดที่ไม่ชอบที่สุด คือ กรุงเทพ
.
8.เราเปิดเพจ “ฉันกลัวที่แคบ” ตอน พฤษภาคมปีที่แล้ว จุดประสงค์ตอนแรกคือเอาไว้ลงรูปที่ไปเที่ยวมา แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าลงให้ใครดู
.
9.เราไม่ได้เป็น “โรคกลัวที่แคบ” แต่อย่างใด มันเป็นคำเปรียบเทียบน่ะว่า เราอยากออกไปดูโลกกว้าง
.
10.เราไม่ได้เที่ยวคนเดียว เราไม่เคยไปเที่ยวคนเดียว เพราะ เราเป็นคนขี้เหงา ขี้กลัว
.
11.รีวิวทริปแรกของเรา คือ ทริปสังขละบุรี ส่วนรีวิวที่เราภูมิใจที่สุด คือ ทริปเมืองแพร่
.
12.เราตัดสินใจลาออกจากการทำงานเป็นพยาบาล เมื่อปลายปีที่แล้ว
.
13.พยาบาลเป็นอาชีพที่เรารัก เป็นอาชีพที่มีเกียรติ แต่เราอยากลองทำตามความฝันตัวเองดู
.
14.ตอนนี้หลายคนอาจจะคิดว่าเราลาออกมาเที่ยวอย่างเดียว … มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ หลักๆตอนนี้เราทำผ้ามัดย้อมขายเป็นแบรนด์ของเราเอง และรายได้อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการเขียนบทความจากการเดินทางของเรา
.
15.ขอย้ำเลยจ้ะว่า เราไม่ได้รวย และ เราไม่ได้เที่ยวอย่างเดียว เราแค่ลาออกจากงานประจำ มาทำอาชีพส่วนตัวในสิ่งที่เราอยากทำ
.
16.ส่วนความฝัน ไม่สิขอเรียกว่าเป้าหมายดีกว่า… ส่วนเป้าหมายหลักตอนนี้ของเรา คือ การเปิดโฮสเทล มีร้านอาหาร และร้านขายผ้ามัดย้อมเป็นของตัวเอง
.
17.อีกเป้าหมายหนึ่งที่ไม่เคยบอกใคร คือ เราตั้งใจจะมีหนังสือ Pocket Book เกี่ยวกับการเดินทางของเราเอง
.
18.ตอนนี้รายได้น้อยกว่าตอนที่ทำงานประจำครึ่งหนึ่งเลยล่ะ แต่ความสุขมันล้นกว่าเยอะเลย เราไม่กลัวเช้าวันจันทร์อีกต่อไปแล้ว
.
19.เราคอยบอกตัวเราเองตลอดว่า “ไม่ต้องมีครบก็ได้ แต่เราต้องมีความสุข”
.
20.ดีใจที่ตัดสินใจทำเพจ ดีใจที่ออกเดินทาง ดีใจที่ตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะทั้งหมดทำให้เราได้เจอสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆ มิตรภาพดีๆ และเพื่อนใหม่ที่แสนดี ที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่
.
ขอบคุณจริงๆนะคะ ขอบคุณจากใจ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา
.
ศศิ / แขก / ตี้ / มะเหมี่ยว
30.06.2016
มะเหมี่ยว คือ 在 ชมพู่มะเหมี่ยว มีสรรพคุณทางยามากมาย 的推薦與評價
อาอิ๋งพาเพื่อนๆท่านพู้ชม มารู้จักชมพุู๋มะเหมี่ยว.เขาเป็นผลไม้โบว์ราณข้อนข้างหายากในสมัยนี้ และมีสรรพคุณทางยา กินแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย มาศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกันนะคะ ... ... <看更多>
มะเหมี่ยว คือ 在 เกษตรกรก้าวหน้า - "ชมพู่มะเหมี่ยว" ประโยชน์เปรี้ยวอมหวาน... 的推薦與評價
"ชมพู่มะเหมี่ยว" มีลักษณะผลคล้ายลูกแอปเปิ้ล และมีกลิ่นหอมคล้ายๆ กลิ่นดอกกุหลาบ มีทั้งวิตามินเอและวิตามินซีสูง ป้องกันโรคหวัด เลือดออกตามไรฟัน มีแคลเซียม ... ... <看更多>