นายกรัฐมนตรี ออกประกาศ “คืนอำนาจ” ตามกฎหมายรวม 31 ฉบับ กลับไปให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจัดการโควิด แต่หากหน่วยงานใดไม่ร่วมมือให้รายงานนายกฯ และครม.เป็นการด่วน ครับ …
#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง ยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ต่อมามีประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564 โอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีหรือผู้รักษาการตามกฎหมายรวม 31 ฉบับ มาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เพื่อให้การสั่งการและการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพนั้น
เพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายที่ได้โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่ อำนาจ และความรับผิดชอบปกติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564 ให้ยกเลิกประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564 อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานใดมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานงานหรือในการปฏิบัติหน้าที่ให้รายงานนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบเป็นการด่วน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
同時也有400部Youtube影片,追蹤數超過9萬的網紅ลุงอ้วน กินกะเที่ยว,也在其Youtube影片中提到,คลิปนี้ลุงไป collab กับน้องเพชร แห่งช่อง @Paidon ไปโดน น้องเพชรนี่เป็น blogger รุ่นใหม่ๆ ที่ชอบพาไปร้านเด็ดๆ หลากหลายแนว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารเกาหล...
มีนาคม2563 在 บัญชีอย่างง่าย เพื่อเจ้าของกิจการ Facebook 的最佳貼文
📍 [อัพเดตข่าว] สรรพากรชี้แจง เหตุออกหนังสือเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง พ่อค้า แม่ค้าที่ร่วมโครงการ “คนละครึ่ง”
โดยมีเนื้อหาดังนี้
1. ในการประกอบกิจการในปี พ.ศ. 2563 ผู้ประกอบกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะประกอบกิจการที่เข้าร่วมโครงการของรัฐ หรือไม่ หากผู้ประกอบการมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็มีหน้าที่ต้องนำรายได้มายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียเงินได้บุคคลธรรมดาภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2564 อย่างไรก็ดี กรมสรรพากรได้ขยายเวลาการยื่นแบบฯ จากวันที่ 31 มีนาคม 2564 ไปเป็นวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องของผู้ประกอบการ
2. กรมสรรพากรได้ทำการส่งจดหมายแจ้งเตือนผู้เงินได้ให้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่ให้หลงลืม เพื่อผู้ประกอบการจะได้ไม่มีภาระเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม กรณียื่นแบบภาษีเงินได้ล่าช้ากว่ากำหนด
3. การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการประเมินตนเองของผู้ประกอบการ ซึ่งมีหน้าที่นำรายได้ที่ได้รับจากการประกอบการกิจการมายื่นเสียภาษีตามข้อเท็จจริง ส่วนพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์การมีรายได้ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของการประกอบกิจการ เช่น ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีหลักฐาน การออกใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น สำหรับหลักฐานบัญชีเงินฝากธนาคาร เป็นเพียงข้อเท็จจริงหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการรับรู้ถึงรายได้ของตนเองเท่านั้น นอกจากนั้นกรมสรรพากรได้พัฒนากระบวนการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ในการจดทะเบียน ยื่นแบบภาษี ชำระภาษี และคืนภาษี ทุกขั้นตอนผ่านระบบ Tax from Home ซึ่งเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ผ่านทางเว็บไซด์กรมสรรพากร www.rd.go.th
4. กรมสรรพากร ขอยืนยันว่า การที่กรมฯ ส่งหนังสือไปแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ไม่ได้มีเป้าหมายจะเรียกเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลโดยเฉพาะแต่อย่างใด แต่เป็นการแจ้งเตือนผู้ประกอบการว่าท่านมีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและมีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ เท่านั้น และไม่ได้เป็นการประเมินภาษีแต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจากสรรพากร
อ่านเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3yu3AXe
มีนาคม2563 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
กรณีศึกษา เฮงลิสซิ่ง ทำอย่างไร ถึงเติบโตเร็ว จนเตรียมพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
HENG X ลงทุนแมน
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีกลุ่มธุรกิจหนึ่งที่กำลังโตระเบิด
กลุ่มธุรกิจนั้นก็คือ “สินเชื่อที่มีหลักประกัน” ในกลุ่มบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ Non Bank
เหตุผลก็คือ มีคนไทยกว่า 60% ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
โดยสินเชื่อที่มีหลักประกันที่ได้รับความนิยมสูงก็มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ
(1) “สินเชื่อเช่าซื้อ” เป็นสินเชื่อสำหรับคนต้องการรถยนต์แต่ไม่มีเงินสด
และไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินรายใหญ่ได้ ก็เลยต้องพึ่งพาบริษัท Non Bank ในการซื้อ
โดยผู้ซื้อสามารถใช้รถได้ปกติ แต่กรรมสิทธิ์รถจะยังอยู่กับบริษัท Non Bank ผู้ที่ให้สินเชื่อ
จนกว่าเราจะผ่อนชำระค่างวดหมดนั่นเอง
(2) “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” ถ้าใครมีรถยนต์แต่ต้องการเงินสดแบบด่วน ๆ
ก็สามารถนำเอาทะเบียนรถไปจำนำกับบริษัท Non Bank เพื่อให้ได้เงินก้อน
โดยยังสามารถนำรถไปใช้งานได้ และยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถอยู่เหมือนเดิม
(3) สินเชื่อที่มีบ้านและที่ดินเป็นหลักประกัน เช่น หากเราต้องการเงินสด
ก็สามารถเอาโฉนดที่ดินเป็นหลักค้ำประกันในการขอสินเชื่อ
และเมื่อสินเชื่อที่มีหลักประกันมีความต้องการตลาดสูง
สิ่งที่ตามมาก็คือ ได้เกิดบริษัท ที่ให้บริการ “สินเชื่อที่มีหลักประกัน” ขึ้นมามากมาย
เพียงแต่บริษัทใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะมีสักกี่บริษัทที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
บริษัทที่ลงทุนแมนกำลังพูดถึงก็คือ บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“เฮงลิสซิ่ง”)
ที่มีสาขาถึง 402 แห่งทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564
และมีการปล่อยสินเชื่อรวมกัน 8,276 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดก็คือ บริษัทแห่งนี้กำลังเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อหุ้นว่า HENG จำนวนไม่เกิน 800,837,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ที่น่าสนใจคือ แม้เราจะรู้จักเฮงลิสซิ่งในภาพของบริษัทที่ทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีหลักประกัน
แต่รู้หรือไม่ว่า บริษัทแห่งนี้ยังมีธุรกิจสินเชื่อประเภทอื่น ๆ อีก ทั้งสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ที่ให้บริการลูกค้าทั่วไปที่มีรายได้สม่ำเสมอ รวมถึงมีเอกสารรับรองรายได้ และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ที่ให้บริการลูกค้ารายย่อยทั่วไป ที่มีความต้องการนำเงินไปใช้เพื่อประกอบอาชีพ แต่ไม่มีเอกสารรับรองรายได้ รวมถึงนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ที่ครอบคลุมให้บริการผลิตภัณฑ์ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยรถจักรยานยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ ซึ่งช่วยตอบโจทย์ด้านการเงินแก่คนในท้องถิ่นแบบครบวงจร
บริษัทแห่งนี้ดำเนินธุรกิจด้วยวิธีไหน ทำไมถึงสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
เฮงลิสซิ่งเกิดจากการร่วมทุนของ 4 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งประกอบธุรกิจสินเชื่อในภาคเหนือ ได้แก่ กลุ่มทวีเฮง กลุ่มพัฒนสิน กลุ่มมิตรเอื้ออารีย์ และกลุ่มสินปราณี ซึ่งแต่ละกลุ่มผู้ถือหุ้นต่างมีประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันที่แตกต่างกันในภาคเหนือ มากกว่า 20 ปี
ทีนี้ เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นที่มีมิตรภาพ และประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรมที่มีความสามารถ มารวมตัวกันเพื่อก่อตั้งเป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ เฮงลิสซิ่ง ก็เลยนำเอาความเชี่ยวชาญของแต่ละกลุ่มผู้ถือหุ้นมาผสานรวมกันเป็นจุดแข็งทางธุรกิจ เหตุผลนี้เองที่ทำให้เฮงลิสซิ่งมีจำนวนการปล่อยสินเชื่อที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยช่วงเริ่มต้น บริษัทฯ ก็จะปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกันในพื้นที่ภาคเหนือ
เพราะเป็นพื้นที่อันแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยการมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในแต่ละท้องถิ่น
จากนั้นไม่นานนัก ก็ขยายสาขาไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ พร้อมกับให้บริการสินเชื่อประเภทใหม่ ๆ ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายความต้องการ และยังคงจุดแข็งเรื่องสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในท้องถิ่น
ตรงนี้เอง ที่ทำให้ฐานลูกค้าที่ขอสินเชื่อกับทางบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2561 ฐานลูกค้ามีมูลค่าสินเชื่อรวมกัน 7,617 ล้านบาท
ในปี 2563 ฐานลูกค้ามีมูลค่าสินเชื่อรวมกัน 8,276 ล้านบาท
ระยะเวลา 2 ปีมูลค่าสินเชื่อเติบโต 8.65% โดยธุรกิจที่มีฐานลูกค้าใหญ่เป็นอันดับ 1
ก็คือธุรกิจ “สินเชื่อเช่าซื้อ” โดยคิดเป็น 65% จากมูลค่าการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด
รองลงมาก็คือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถคิดเป็น 23%
พอเป็นแบบนี้ก็ย่อมส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในปี 2561 มีรายได้ 1,238 ล้านบาท กำไรสุทธิ 151 ล้านบาท
ในปี 2563 มีรายได้ 1,450 ล้านบาท กำไรสุทธิ 318 ล้านบาท
ความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่ว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าตลาดสินเชื่อที่มีหลักประกัน
เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง มีทั้งกลุ่มธนาคาร จนถึงกลุ่ม Non-Bank ต่างเปิดเกมแย่งชิงลูกค้าอย่างไม่มีใครยอมใคร ซึ่งการจะเติบโตแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
คำถามก็คือแล้ว เฮงลิสซิ่งใช้วิธีไหนสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทตัวเอง
ก็ต้องมาดูกันว่า “จุดแข็ง” ที่บริษัทอื่น ๆ ไม่มี แต่เฮงลิสซิ่งมี มันคืออะไร
คำตอบก็คือ ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากความสัมพันธ์ที่ดีของผู้บริหารระดับสูงจนถึงพนักงานในแต่ละสาขา กับคนในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งพันธมิตรเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสอง และนายหน้ามากกว่า 5,100 ราย ทำให้เข้าใจในความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลยทำให้เฮงลิสซิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกค้าที่ขอสินเชื่อที่มีหลักประกัน คือต้องการ “อนุมัติง่าย ได้เงินไว” และ “รู้จริง รู้ใจ”
ก็เลยทำให้จุดเด่นของสินเชื่อที่มีหลักประกันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อที่มีบ้านและที่ดินเป็นหลักประกันจะอยู่บนพื้นฐานแนวคิดนี้
เช่น สมมติว่าเราไม่มีเอกสารหลักฐานทางการเงิน แต่มีงานทำที่แน่นอน บริษัทฯ ก็จะลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อพิจารณาทำเรื่องอนุมัติเงินกู้ให้เรา
หรือหากเรามีบ้าน มีที่ดิน แต่เดือดร้อนเรื่องเงินก็สามารถทำเรื่องกู้สินเชื่อกับทางบริษัทฯ ได้ โดยนำหลักทรัพย์นั้นมาใช้ค้ำประกันการกู้เงิน
และไม่ว่าจะกู้สินเชื่อแบบไหน ขั้นตอนก็จะง่ายไม่ยุ่งยาก รู้ผลอนุมัติรวดเร็ว
แล้วรับเงินก้อนในทันที เพื่อให้ลูกค้าไปแก้ปัญหาทั้งด้านหนี้สินและการทำธุรกิจได้ทันเวลา
และนี่เองที่ทำให้เฮงลิสซิ่งกลายเป็นบริษัทที่ชนะใจคนในแต่ละท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จะเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ
แต่เฮงลิสซิ่งก็ไม่ได้ยึดติดแค่ธุรกิจเดียว เพราะรู้หรือไม่ว่าบริษัทแห่งนี้มีถึง 3 ธุรกิจหลัก ๆ
(1) ธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน อย่างเช่น สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อที่มีบ้านและที่ดิน เป็นหลักประกัน
(2) สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน แต่มีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป
(3) นายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
ซึ่งการเดินทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ เป้าหมายของบริษัทฯ แห่งนี้ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
รู้หรือไม่ว่า ภายในปี 2566 บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายสาขาถึง 830 สาขาทั่วประเทศ
พร้อมกับมีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อมากถึง 13,000 ล้านบาท
และหากทำสำเร็จก็จะทำให้เฮงลิสซิ่งกลายเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการการเงินแถวหน้าของเมืองไทย
ซึ่งนั่นแปลว่า เงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เฮงลิสซิ่งก็จะนำไปขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงขยายสาขาและลงทุนด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่าธุรกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จนล่าสุดคือเตรียมโลดแล่นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ความสำเร็จตรงนี้ก็น่าจะมาจากบริษัทฯ ที่เข้าใจว่าลูกค้าตัวเองต้องการอะไร ?
และเมื่อเข้าใจแล้วก็สร้างสินค้าและบริการที่ลูกค้ารู้สึกว่า
สินค้าและบริการนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตการเงินของเขาอย่างแท้จริง
เป็นวิธีคิดในการทำธุรกิจของเฮงลิสซิ่งเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นบริษัทการเงินที่เติบโตอย่างยั่งยืน…
References:
-https://www.thansettakij.com/tech/454218
-แบบแสดงรายการข้อมูล Filing เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) จากเว็บไซต์ สำนักงาน ก.ล.ต.
มีนาคม2563 在 ลุงอ้วน กินกะเที่ยว Youtube 的最佳解答
คลิปนี้ลุงไป collab กับน้องเพชร แห่งช่อง @Paidon ไปโดน
น้องเพชรนี่เป็น blogger รุ่นใหม่ๆ ที่ชอบพาไปร้านเด็ดๆ หลากหลายแนว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารเกาหลี!
ไหนๆ น้องเพชรพาลุงไปกินทั้งที ลุงก็ไปบุกถึงถิ่นของผู้เชี่ยวชาญ
"Korean Town" ศูนย์กลางคนเกาหลีใจกลางกรุงเทพฯ
เพื่อไปตามล่าหาร้าน "หมูเกาหลี" ที่อร่อยที่สุด!
ร้านนี้สำหรับลุง ถือว่าอร่อยเลยนะ มีคนมาปิ้งให้ ทำให้ทุกชิ้น สุกกำลังดี
มีเมนูแปลกๆ ที่ลุงไม่เคยกินเยอะเลย
ลุงจะพาเดินไปเที่ยวร้านไหนบ้าง ป็นร้านไหน รสชาติเป็นยังไง ลองไปชมกันครับ
** คลิปนี้ ถ่ายเมื่อ 15 มีนาคม 2563 **
มีนาคม2563 在 Walk Away หนีแม่เที่ยว Youtube 的最佳解答
คลิปบรรยากาศงานแต่งงานริมทะเล แพร & ตั้ม
วันที่ 7 มีนาคม 2563
@Huahin Marriott Resort & Spa
Recorded/Mastered : Note Studio
#TKMP6363
มีนาคม2563 在 BoomTharis Youtube 的精選貼文
ที่นี่คือ Soneva Kiri เป็นรีสอร์ทสุดหรูที่ตั้งอยู่บนเกาะกูด จังหวัดตราด ซึ่งผมคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นรีสอร์ทที่ให้ประสบการณ์ที่แปลก และแตกต่างที่สุดแห่งนึงที่ผมเคยพบเจอมา
เราเดินทางมาที่นี่ด้วยเครื่องบินส่วนตัว มาลงที่รันเวย์ของตัวรีสอร์ท ที่สร้างไว้เพื่อให้เครื่องบินลงจอดโดยเฉพาะ ในตัวรีสอร์ทมี Time Zone เป็นของตัวเองที่เร็วกว่าโลกภายนอก 1 ชั่วโมง และเมื่อมาถึงที่นี่เค้าจะให้เราถอดรองเท้า เดินเท้าเปล่าตลอดทั้งรีสอร์ท !?
ราคาที่พักของที่นี่ไม่ธรรมดาเลย ช่วง High Season ที่นี่เริ่มต้นที่คืนละประมาณ 40,000 ไปจนถึงคืนละประมาณ 500,000 บาท! ซึ่งหลังจากที่ได้มาพักแล้ว ต้องบอกว่าประสบการณ์ที่ได้จากที่นี่ ไม่เหมือนที่อื่นจริงๆ
ในคลิปนี้มีรายละเอียดเยอะมากที่ผมอยากจะเล่าให้ฟัง จะเป็นยังไง ไปชมกัน!
- Discover Soneva: https://soneva.com
FOLLOW ME
on: https://www.facebook.com/BoomTharis/
on: https://www.instagram.com/BoomTharis/
on: https://twitter.com/BoomTharis/
-------------------------------------------
โปรโมชั่นล่าสุด Soneva Kiri แพ็คเกจ “Nature Speaks” 3 วัน 2 คืน ในราคาสุดพิเศษดังนี้:
- ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 23 ธันวาคม 2563 และ วันที่ 6 มกราคม - 25 มีนาคม 2564
ราคาเริ่มต้นที่ 99,000 บาทถ้วน สำหรับเบย์วิว พูล วิลล่า สวีท 1 ห้องนอน จำนวน 2 คืน รวมเครื่องบินรับ-ส่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ
- ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2563 - 05 มกราคม 2564
ราคาเริ่มต้นที่ 120,000 บาทถ้วน สำหรับเบย์วิว พูล วิลล่า สวีท 1 ห้องนอน จำนวน 2 คืน รวมเครื่องบินรับ-ส่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ
ในแพคเกจประกอบด้วย:
- อาหารเช้าและเย็นทุกวันระหว่างเข้าพัก จำนวน 2 ท่าน รวมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ระหว่างมื้ออาหาร
- รับประทานช็อกโกแลต และไอศกรีมจากห้องช็อกโกแลตและห้องไอศกรีมของรีสอร์ตได้ฟรีตลอดเวลาที่เข้าพัก
- ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่มในรีสอร์ต (ยกเว้นทรีพอด และมินิบาร์)
- มิสเตอร์และมิสฟรายเดย์ (บัตเลอร์) ส่วนตัวดูแลตลอดการเข้าพัก
- ฟรีอินเตอร์เนตไร้สาย
**สําหรับการเข้าพักช่วงวันที่ 30 – 31 ธันวาคม 2563 มีข้อกําหนดในการเข้าพักอย่างน้อย 3 คืนติดต่อกัน
**Compulsory Gala Dinner สําหรับท่านที่เข้าพักวันที่ 24 ธันวาคม 2563 และ 31 ธันวาคม 2563, ผู้ใหญ่ 15 ปีขึ้นไป 15,000 บาท ต่อท่าน, เด็กอายุ 7-14 ปี 7,500 บาท ต่อท่าน
หมายเหตุ:
- ข้อเสนอนี้สำหรับชาวไทยและผู้ที่พำนักอยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น!
- ข้อกำหนดอื่น ๆ เป็นไปตามที่รีสอร์ตกำหนด
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองห้องพักได้ที่:
- Email: reservations@soneva.com
- Skype: soneva.reservation
- Telephone: +91 124 4511000