กรณีศึกษา Lalamove สตาร์ตอัป ขนส่งสินค้าจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (Hong Kong)
เขตปกครองพิเศษของจีน กำลังโตระเบิด
Lalamove x ลงทุนแมน
ในธุรกิจขนส่งพัสดุที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด “ความเร็ว” คือปัจจัยอันดับแรก ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกใช้บริการ รองลงมาคือ ราคา, การบริการ และจำนวนสาขาที่ทั่วถึง
แต่ “ความหลากหลาย” ในธุรกิจขนส่งสินค้า ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ ในการที่สามารถใช้บริการได้ครบจบในที่เดียว
และที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้ คือความต้องการด้านขนส่งสินค้า ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตของทุกคน เปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 ไปแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราทุกคนเคยสั่งอาหารมาทานที่บ้าน, เคยรับ-ส่งเอกสารด่วน, เคยส่งของไปให้คนที่เรารัก หรือในมุมของผู้ประกอบการ SME เช่น ร้านค้าออนไลน์ เคยจัดส่งสินค้าตามออร์เดอร์ของลูกค้า หรือร้านอาหาร ที่มีการสั่งวัตถุดิบเข้าร้าน
แต่จากพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยังคงมี Pain Point ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายสำหรับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น เวลาเลือกใช้บริการขนส่งสินค้า จากรถขนส่งทั่วไปที่ไม่มีแบรนด์ จะต้องสอบถามราคาตามความพอใจของคนขับ
รวมถึงอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ในกรณีที่ให้คนขับ ช่วยอำนวยความสะดวกยกสินค้าให้ โดยผู้ใช้ต้องต่อรองราคาเอง ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคนไม่ค่อยชอบนัก
และหนึ่งในธุรกิจขนส่งสินค้า ที่เข้ามาตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้ คือ Lalamove สตาร์ตอัปขนส่งสินค้า ที่มีต้นกำหนดจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ก่อตั้งมาแล้ว 8 ปี มีบริการขนส่งสินค้าที่ครอบคลุม เช่น ขนส่งแบบเร่งด่วน (On-demand) ที่มีประเภทรถให้บริการมากถึง 7 ประเภท ตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงรถกระบะโครงเหล็กสูง
หลายคนอาจสงสัยว่า ขนส่งแบบ On-demand แตกต่างจากขนส่งแบบ Same-day อย่างไร ?
บริการขนส่งเร่งด่วนหรือ On-demand หรือที่เรียกว่าขนส่ง Door-to-Door
คือการเรียกรถจัดส่งสินค้า โดยรถส่งของ จะเข้ารับสินค้าถึงที่ และจัดส่งไปยังปลายทางถึงที่ โดยขนส่งแบบทันที หรือออนดีมานด์ จะเหมาะกับร้านค้าออนไลน์ ที่ต้องจัดส่งสินค้าด่วนหรือเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือน้ำหนักมาก
บริการขนส่งเร่งด่วนหรือ On-demand แตกต่างกับบริการขนส่ง Same-day อย่างไร
การส่งของให้ถึงภายในวันเดียว แต่จะมีข้อแตกต่างตรงที่ จะมีเวลาในการ Cut-off สินค้า เช่น ผู้ส่งต้องเอาสินค้ามายังศูนย์กระจายสินค้า ภายในเที่ยงวัน ซึ่งขนส่งแบบ Same-day มักจะเน้นกลุ่มลูกค้าหลักไปที่ SME และแม่ค้าออนไลน์
นอกจากบริการที่หลากหลายของ Lalamove แล้ว ในด้านผลประกอบการ ก็เติบโตอย่างน่าสนใจ
Lalamove ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ลาลามูฟ อีซี่แวน (ประเทศไทย) จำกัด
โดยมีรายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 จนถึงปี พ.ศ. 2563 อยู่ที่ 156% ส่วนกำไรเติบโตถึง 630% (อ้างอิงข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์)
จากตัวเลขที่เกิดขึ้น ทำให้ Lalamove ในประเทศไทย เป็นบริษัทขนส่งสินค้าที่น่าจับตามองมากทีเดียว
แล้วโมเดลธุรกิจของ Lalamove เป็นอย่างไร ?
โมเดลธุรกิจหลักของ Lalamove ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือธุรกิจขนส่งสินค้าและธุรกิจ first mile to last miles ช่วยขนส่งสินค้าหลังร้าน หรือสินค้าที่มีจำนวนมาก รวมถึงสามารถส่งชิ้นปลีกแยกให้ถึงมือลูกค้าได้ จึงสะดวกสำหรับผู้ประกอบการ โดยจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าองค์กรและผู้ประกอบการ SME เป็นส่วนใหญ่
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ลูกค้าทั่วไปจะไม่สามารถใช้บริการได้ เพราะอย่าลืมว่า จุดเด่นของ Lalamove คือการมี Ecosystem ด้านธุรกิจขนส่งสินค้า มีประเภทรถที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ
โดยมีบริการเสริมต่าง ๆ อาทิ บริการส่งอาหาร เอกสาร วางบิล, บริการช่วยซื้อสินค้า หรือแม้กระทั่งบริการช่วยยกสินค้าโดยคนขับที่เหมะสำหรับย้ายบ้าน ขนเฟอร์นิเจอร์ ออกบูท ส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือจำนวนมาก ก็สามารถทำได้
นอกจากนั้น จุดเด่นที่ทำให้ Lalamove แตกต่างจากเจ้าอื่นคือ
1) ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม GP กับร้านค้าและพาร์ตเนอร์ (คิดค่าขนส่งสินค้าจริงตามระยะทาง)
2) มีขนส่งแบบเร่งด่วนหรือ On-demand ที่สามารถติดตามสถานะได้แบบ Real-time
3) คนขับมีความเป็นมืออาชีพ มีการอบรมและทำแบบทดสอบ ก่อนการรับงานขนส่งพัสดุ รวมถึงมาตรการป้องกันความปลอดภัย ที่เน้นย้ำเรื่องการส่วมใส่แมสทุกครั้งระหว่างการขนส่งสินค้า รวมถึงส่งสินค้าแบบเว้นระยะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
4) ส่งได้ไม่จำกัดขนาด ไม่จำกัดจำนวนสินค้า มีรถให้เลือกหลากหลายถึง 7 ประเภท เช่น มอเตอร์ไซค์, รถ 5 ประตู, รถกระบะ, รถกระบะตู้ทึบ, รถกระบะโครงเหล็กสูง
5) ราคาประหยัด
- รถมอเตอร์ไซค์, แมสเซนเจอร์ เริ่มต้นเพียง 33 บาท
- รถเก๋ง เริ่มต้นเพียง 79 บาท
- รถกระบะ เริ่มต้นเพียง 199 บาท
6) เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเรียกบริการล่วงหน้าได้มากถึง 30 วัน
7) สามารถตรวจสอบราคาได้ก่อนเรียกใช้งาน ทำให้ลูกค้าสามารถประเมินค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าได้
รวมถึงบริการเสริมต่าง ๆ ที่สามารถเลือกให้ตรงกับประเภทงานขนส่งสินค้า
โมเดลธุรกิจของ Lalamove คือวางตัวเป็น "คนกลาง" ระหว่าง Lalamove กับคนขับ ทำให้คนขับมีรายได้ที่ตรงต่อความต้องการโดยคำนวนระยะทางในการขนส่งสินค้า ไม่ใช่เพียงเหมาราคาต่องานขนส่ง จึงทำให้ธุรกิจก็เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
จากปัญหาที่เกิดขึ้นในโมเดลธุรกิจขนส่งสินค้า ที่มีคนขับเป็นเหมือนฟันเฟืองในการขับเคลื่อนธุรกิจ เราอาจกล่าวได้ว่า นอกจากความหลากหลายในด้านบริการของ Lalamove แล้ว
อีกมุมหนึ่งที่ Lalamove ให้ความสำคัญ คือ การแบ่งสัดส่วนรายได้ระหว่างบริษัทกับคนขับอย่างเป็นธรรม สะท้อนให้เห็นว่า Lalamove ดำเนินธุรกิจตามคติที่ว่า “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” นั่นเอง
ดังนั้น ธุรกิจของผู้ค้าขายก็ควรโฟกัสกับการวางแผนกลยุทธ์ การทำบัญชี และการทำการตลาด ส่วนเรื่องการจัดส่ง วางใจปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Lalamove ดูแล นั่นเอง..
Lalamove พร้อมให้บริการทุกประเภทงานขนส่ง
ดาวน์โหลดแอป Lalamove ได้ที่ https://lalamove.app.link/Z61FUnsCzib
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,รีวิว พร้อมราคาของ 2018-2019 Chevrolet Colorado High Country Storm (เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี่ สตอร์ม) ใน 2 สีใหม่ ส้ม และเทาเข้ม เชฟโรเลตเผยโฉม Che...
รถกระบะ 2 ประตู ราคา 在 CarDebuts Youtube 的精選貼文
รีวิว พร้อมราคาของ 2018-2019 Chevrolet Colorado High Country Storm (เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี่ สตอร์ม) ใน 2 สีใหม่ ส้ม และเทาเข้ม
เชฟโรเลตเผยโฉม Chevrolet Colorado High Country Storm สีเทา Dark Shadow Metallic ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ที่ผ่านมา พร้อมจัดแสดง โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม สีส้ม “Orange Crush” หลังจากเปิดตัวไปก่อนหน้านี้
รถกระบะรุ่นสูงสุดที่โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยสีภายนอกใหม่ พร้อมเอาใจลูกค้ารถกระบะโคโรลาโด ด้วยการเปิดตัวชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถกระบะ “Thunder” ใหม่ล่าสุด และเพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบแอคทีฟล้ำสมัย ให้ครอบคลุมโคโลราโดอีกหลายรุ่น
เชฟโรเลตยังตกแต่งโคโลราโด สีส้ม Orange Crush พระเอกของงานให้โดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งพิเศษเพิ่มเติมจากชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” ชุดใหม่ ซึ่งประกอบด้วย
• ซุ้มล้อสีดำด้าน
• ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหน้า
• ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหลัง
• เบดไลเนอร์
• บันไดข้างสีดำแบบสปอร์ต
• กระจังหน้าสีดำ
• สติ๊กเกอร์สีดำด้าน พร้อมสัญลักษณ์โคโรลาโด สำหรับตกแต่งฝากระบะท้าย
• ฝาปิดถังน้ำมัน พร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ
• ฮูด สกู๊ป
นอกจากนี้ ยังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสารของโคโลราโด ที่ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ ดังนี้
• ชุดตกแต่งแผงคอนโซลหน้ากลางสีส้ม
• ชุดตกแต่งคันเกียร์สีบรอนซ์เงิน
• ชุดตกแต่งช่องแอร์สีบรอนซ์เงิน
• ชุดตกแต่งข้างประตูสีส้ม
ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” มีจำหน่ายแยก ไม่รวมอยู่ในชุดแต่งบนรถรุ่น ไฮ คันทรี สตอร์ม ซึ่งประกอบไปด้วยสปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สติกเกอร์บนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก้ High Country กระจกมองข้าง มือจับที่เปิดประตู มือจับทีเปิดฝาท้าย ขอบหน้าต่าง กันชนท้ายสีดำพร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง และสติกเกอร์สตอร์มตกแต่งข้างตัวรถ โดยชุดแต่งเป็นสีดำทั้งหมด
รถกระบะรุ่น Chevrolet Colorado High Country Storm ได้รับการออกแบบและพัฒนาเพื่อตลาดประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดรถกระบะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติ สมรรถนะ ความสะดวกสบาย ความปลอดภัยที่ล้ำสมัย และสไตล์การออกแบบอันบึกบึนแข็งแกร่ง
เชฟโรเลตให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และความพึงพอใจของลูกค้า จึงนำระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟมาไว้ในโคโลราโด รุ่น 2 ประตู (X-Cab) LT Z71 และรุ่น 4 ประตู (C-Cab) LT Z71 (ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSC) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และระบบป้องกันการไหลของรถ เมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA)
รถกระบะ Chevrolet Colorado High Country Storm และไฮ คันทรี ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยแอคทีฟอื่นๆ ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
2018 Chevrolet Colorado High Country Storm เพียบพร้อมด้วยหลากหลายระบบอำนวยความสะดวก ได้แก่ กล้องมองหลัง ที่ช่วยให้การควบคุมรถในพื้นที่แคบทำได้ง่ายขึ้น เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีฟังค์ชั่นรีโมทสตาร์ทดีไซน์ใหม่สำหรับโคโลราโด รุ่นปี 2019 เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร ก่อนขึ้นรถ
รถกระบะรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ เชฟโรเลต มายลิงค์ เจนเนอเรชั่นล่าสุด ระบบควบคุมสั่งการด้วยเสียง สิริ อายส์ ฟรี ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และกระจกหน้าต่างคู่หน้า ที่เลื่อนลงเล็กน้อยอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการปิดประตู
สำหรับขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ความจุ 2,499 ซีซี รหัส XLDE25 LP2 คอมมอนเรลเทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,200 รอบต่อนาที ที่ผ่านมาตรฐานมลพิษไอเสียยูโร4 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
สำหรับราคาจำหน่าย Chevrolet Colorado High Country Storm รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ในช่วงแนะนำอยู่ที่ 1,028,000 บาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ อยู่ที่ 1,098,000 บาท
2019 Chevrolet Colorado High Country Storm มีสีภายนอกทั้งหมด 8 สี โดยมีสีใหม่ คือ สีส้ม Orange Crush และสีเทา Dark Shadow Metallic ส่วนสีอื่นๆได้แก่ สีน้ำเงิน Blue Me Away, สีแดง Pull Me Over Red, สีดำ Black Meet Kettle Metallic, สีขาว Summit White, สีเทา Satin Steel Grey Metallic,สีน้ำตาล Auburn Brown Metallic ทั้งนี้ลูกค้าสามารถสัมผัสรถกระบะโคโลราโด รุ่นปี 2019 ทุกรุ่น ได้ที่ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
รถกระบะ 2 ประตู ราคา 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
รีวิวรอบคัน The new 2018 Isuzu D-MAX X-Series โฉมใหม่ล่าสุด รุ่น Hi-Lander 1.9 Ddi Blue Power 4 ประตู Z DVD A/T ราคา 9.59 แสนบาท
ราคาจำหน่าย ISUZU D-MAX BLUE POWER X-Series รุ่นปี 2018 ทุกรุ่นย่อยมีดังนี้
ISUZU D-MAX BLUE POWER X-Series Hi-Lander
– 1.9 Ddi Blue Power 4 ประตู Z DVD A/T ราคา 959,000 บาท
– 1.9 Ddi Blue Power 4 ประตู Z DVD ราคา 934,000 บาท
– 1.9 Ddi Blue Power 2 ประตู Z DVD ราคา 835,000 บาท
สีขาวมุกเพิ่ม 7,000 บาท
ISUZU D-MAX BLUE POWER X-Series Speed
- 1.9 Ddi Blue Power Cab4 ราคา 836,000 บาท
- 1.9 Ddi Blue Power 2 ประตู ราคา 742,000 บาท
สีเมทาลิคเพิ่ม 7,000 บาท
อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น Hi-Lander เติมไลฟ์สไตล์สปอร์ตให้เต็มพลังด้วยความหรูหรา เท่แบบมีสไตล์ ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นเอกลัษณ์ ได้สะท้อนตัวตนสปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยความลงตัวระหว่างการขับขี่ในชีวิตประจำวัน กับความสปอร์ตเท่ที่หรูหรามีสไตล์แบบรถยนต์นั่ง
• ชุดแต่งดีไซน์ใหม่! ที่มาพร้อมกระจังหน้าสุดสปอร์ต ออกแบบลงตัวรับกับสเกิร์ตหน้าดีไซน์เท่ ทรงพลัง สะกดทุกสายตา ด้วยกันชนหน้าสีเทาดำ Front Bumper Garnish ที่ตัดรับกับเส้น Red Line สีแดงสุดสปอร์ต ดีไซน์ยาวต่อเนื่องรับกับไฟหน้าอย่างลงตัว มาพร้อมสติกเกอร์ดีไซน์เท่คาดหน้า-หลัง เติมความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร และสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง เสริมความสปอร์ตให้มีสไตล์
• ใหม่! ชุดไฟตัดหมอกสีเดียวกับตัวรถ พร้อมกรอบสีเทาดำ ดีไซน์ต่อเนื่องรับกับสเกิร์ตหน้า
• สปอร์ตบาร์ดีไซน์ใหม่! สีทูโทน เท่ สปอร์ต ดูโฉบเฉี่ยว
• ใหม่! ไฟหน้าแบบ Bi-LED เทคโนโลยีสุดล้ำ ให้พื้นที่ความสว่างมากขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง สามารถปรับความสูงต่ำได้ 4 ระดับ พร้อม Multifunctional Daylight แบบ Built-in ดีไซน์ใหม่ สปอร์ตลงตัว เป็นทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟหรี่เวลากลางคืน
• ใหม่! เสาข้างประตูสีดํา Blackout Film ให้ความต่อเนื่องสวยงาม เสริมความพรีเมี่ยมในรุ่น 4 ประตู
• บันไดข้างดีไซน์ใหม่ แบบชิ้นเดียว พร้อมตกแต่งด้วยขอบสีเงิน ดูสปอร์ตหรู
• ล้ออัลลอยทูโทนดีไซน์ใหม่! ขนาด 18 นิ้ว เท่สะดุดตา ในรุ่น 4 ประตู
• ใหม่! เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ดีไซน์หรูแบบ Double Layer เพิ่มมิติแห่งดีไซน์ เดินด้ายสีแดงดูสปอร์ตพรีเมี่ยม พร้อมสัญลักษณ์ X-SERIES ที่เบาะคู่หน้า
• ดีไซน์ห้องโดยสารใหม่! ด้วยชุดตกแต่งสีดำ Piano Black และผิวสัมผัสใหม่ Soft Touch เดินด้ายสีแดงสุดสปอร์ต หรูหราลงตัวกับชุดโครเมียมประดับช่องแอร์ และที่เปิดประตูด้านใน พร้อมสัญลักษณ์ X-SERIES ที่คอนโซลหน้า
หน้าปัด Super Vision ดีไซน์แบบ 3D Shape Point พร้อมหน้าจอ Color Display MID ฟังก์ชั่นครบครัน พวงมาลัย Multifunction หุ้มหนัง เดินด้ายแดง พร้อมสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง ควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการจากบนพวงมาลัย ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ โดยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ที่สุดของความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง จะมีเฉพาะในรุ่นท็อปสุดนี้เท่านั้น
Isuzu Media Solution หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 7 นิ้ว เชื่อมต่ออุปกรณ์บันเทิงได้หลากหลาย พร้อมระบบบลูทูธ กระหึ่มไปกับ ISUZU SURROUND SOUND SYSTEM ให้มิติเสียงสมจริงกระหึ่มรอบทิศทาง สูงสุดถึง 8 ลําโพง เติมมิติเสียงให้เต็มอารมณ์สปอร์ตยิ่งขึ้น ในรุ่น 4 ประตู
X-Series Hi-Lander มาพร้อมขีดสุดของสมรรถนะกับนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ขุมพลังสปอร์ตสไตล์เอ็กซ์ เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ความจุ 1898 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที และระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Rev Tronic พร้อมระบบคลัตช์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ที่จะมีเฉพาะในรุ่นท็อปสุดนี้เท่านั้น