คัดบทความมาให้อ่านค่ะ
ภาพแสดงให้เห็นถึง "พีระมิดทางสังคม"
หรือลำดับชั้นทางสังคมโดยแท้
ที่ซึ่งผู้ร่ำรวยมั่งคั่งอันเป็นชนส่วนน้อยอยู่ชั้นบนสุด
ในขณะที่ผู้ยากไร้อันเป็นชนส่วนมากอยู่ชั้นล่างสุด
ด้านบนสุดของยอดพีระมิดคือถุงเงิน
อันเป็นตัวแทนของ “ระบบทุนนิยม”
ถัดลงมาคือชั้นของเจ้านายเชื้อพระวงศ์
และบรรดาผู้นำของรัฐที่กล่าวว่า
"เราปกครองท่าน" (We rule you)
ถัดมาอีกคือชั้นของนักบวชที่กล่าวว่า
"เราหลอกลวงท่าน" (We fool you)
ตามมาด้วยชั้นของบรรดานายทหารที่กล่าวว่า
"เรายิงไปที่ท่าน" (We shoot at you)
และชั้นของบรรดากระฎุมพีที่กล่าวว่า
"เรารับประทานแทนท่าน" (We eat for you)
ส่วนชั้นล่างสุดของพีระมิดคือ
ชั้นของบรรดากรรมากรซึ่งกล่าวว่า
"เราทำงานให้ทุกคน... เราหล่อเลี้ยงทุกคน"
(We work for all... We feed all)
***ภาพวาดดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ อินดัสเตรียลเวิร์กเคอร์ (Industrial Worker) โดยบริษัท อินเทอร์เนชันแนลพบลิชชิง จำกัด ในคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ขององค์การแรงงานอุตสาหกรรมสากล (Industrial Workers of the World) วาดโดย "เนเดลยอโควิช บรัสซิช และคูฮาริช"
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過67萬的網紅Kim Property Live,也在其Youtube影片中提到,ชอบมาก และ อยากเลี้ยงกาแฟผม : https://ko-fi.com/kimpropertylive ★☆★ เรียนรู้เพิ่มเติม ★☆★ บทความอสังหา : http://www.properth.com/ รับความรู้ฟรี ทุกอาท...
「ระบบทุนนิยม」的推薦目錄:
- 關於ระบบทุนนิยม 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於ระบบทุนนิยม 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ระบบทุนนิยม 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ระบบทุนนิยม 在 Kim Property Live Youtube 的最讚貼文
- 關於ระบบทุนนิยม 在 TeamGarryMovieThai Youtube 的最佳解答
- 關於ระบบทุนนิยม 在 ทุนนิยม คืออะไร? [ ร่วมกด JOIN สนับสนุนเราหน่อยนะ ] - YouTube 的評價
- 關於ระบบทุนนิยม 在 Amarin HOW-TO - สรุป 15 ข้อ “โลกทุนนิยมที่ทุกคนเป็นเจ้าของ ... 的評價
ระบบทุนนิยม 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
British East India บริษัทที่เติบโต และล่มสลาย ใน 274 ปี / โดย ลงทุนแมน
ระบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจระดับประเทศ ว่าด้วยการที่บริษัทเอกชน
มีเสรีภาพที่จะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทั้งสินค้าและบริการ
และแน่นอนว่าบริษัทเหล่านี้ มีเป้าหมายตรงกันคือ “การแสวงหาผลกำไร”
หนึ่งในวิธีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบทุนนิยมคงไม่พ้นการศึกษาประวัติศาสตร์
วันนี้เรามารู้จักกับบริษัทที่เคยดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 274 ปี
และมีการพึ่งพาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม จนสามารถเติบโต
กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปในช่วงเวลาหนึ่ง
บริษัทนี้ มีชื่อว่า “British East India Company”
แล้วบริษัทแห่งนี้ ทำธุรกิจอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัท British East India ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างพ่อค้าและชนชั้นสูงในประเทศอังกฤษ
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1600 ผ่านการพระราชทานตราตั้งบริษัท โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1
British East India มีลักษณะธุรกิจคือ การเดินเรือไปยังประเทศแถบตะวันออก
ซึ่งประเทศแรกก็คือ ประเทศอินเดีย โดยบริษัทแห่งนี้จะเข้าไปหาซื้อสินค้า
เพื่อนำกลับมาขายที่ประเทศอังกฤษ รวมถึงอีกหลายประเทศแถบยุโรป
อย่างไรก็ตาม British East India ไม่ได้เพียงแต่จะหาสินค้าเพื่อนำเข้ามาตีตลาดเท่านั้น
แต่บริษัทมีแนวคิดในการผูกขาดสินค้าต่าง ๆ เพื่อโอกาสที่จะสร้างกำไรสูงที่สุดให้กับบริษัทอีกด้วย
โดยการที่จะผูกขาดการค้าได้นั้น British East India ต้องควบคุมเส้นทางการค้าสำคัญให้ได้ก่อน
ในสมัยนั้นก็คือ “เส้นทางเดินเรือ”
รวมถึงต้องใช้อำนาจในการผลักดันสินค้าให้เป็นที่รู้จักของชาวตะวันตก
เพื่อให้สินค้าที่นำเข้ามาขายกลายเป็นสินค้าสามัญประจำบ้านที่คนทั่วไปขาดไม่ได้
ซึ่งบริษัทแห่งนี้ก็ทำได้ไม่ยาก เพราะได้รับการสนับสนุน และการอำนวยความสะดวกจากรัฐบาล
แล้ว British East India เดินเรือไปนำสินค้าอะไรกลับมาจากอินเดียบ้าง ?
บริษัทได้เริ่มเข้าไปล่าอาณานิคมบริเวณ “อนุทวีปอินเดีย” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ประเทศอินเดีย ไปจนถึงหมู่เกาะอินโดนีเซีย โดยอนุทวีปอินเดียแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำคัญ เช่น ผ้าฝ้ายอินเดีย เครื่องเทศ รวมถึงแรงงานทาสราคาถูก
และด้วยความที่ผ้าฝ้ายอินเดียมีลักษณะพิเศษ คือ มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดได้รวดเร็วและราคาถูก
บริษัท British East India จึงได้ไอเดียที่จะผลักดันให้คนอังกฤษหันมาใช้ผ้าฝ้ายอินเดีย
ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นสินค้าแปลกใหม่ และยังไม่เคยมีชาวอังกฤษคนไหนรู้จักมาก่อน
บริษัทใช้วิธีการโฆษณาเพื่อบ่งบอกถึงสรรพคุณ รวมถึงนำไปเปรียบเทียบกับสินค้าดั้งเดิมอย่าง
“ผ้าขนแกะ” ที่นิยมใช้กันที่ประเทศอังกฤษ โดยได้อ้างว่าผ้าฝ้ายจากอินเดียดีกว่า และถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ในขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอชาวอังกฤษว่า ผ้าฝ้ายอินเดียยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องแต่งกาย ผ้าเช็ดหน้า ไปจนถึงผ้าปูเตียง ซึ่งมีความหลากหลายในการนำไปประยุกต์ใช้
ทำให้หลังจากนั้นชาวอังกฤษเริ่มหันมาให้ความสนใจกับผ้าฝ้ายอินเดีย จนกระทั่งมันได้กลายมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในประเทศอังกฤษ
และด้วยความที่ British East India มีพันธมิตรเป็นรัฐบาล บริษัทจึงมีอำนาจการปกครองกองกำลังเรืออังกฤษภายในประเทศอินเดีย
นั่นหมายความว่าบริษัทสามารถกีดกัดบริษัทเดินเรือรายอื่นจนสามารถทำกำไรได้มหาศาลเพราะไร้คู่แข่ง และเรื่องนี้เองก็ได้นำมาสู่ความรุ่งเรืองของบริษัท จนในช่วงนั้น British East India ถือเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ต่อมา บริษัทก็ยังเฟ้นหาแหล่งผลิตสินค้าสามัญ ที่เหมือนกับผ้าฝ้ายอินเดีย
เพื่อนำไปขายทำกำไรต่อที่อังกฤษและประเทศแถบยุโรปตะวันตก
ยกตัวอย่างวัตถุดิบสำคัญเช่น เครื่องเทศ, ใบชาอินเดีย (ชาอัสสัม), สีย้อมผ้า, เกลือ และดินประสิว
และเมื่ออำนาจทางกองเรือจักรวรรดิอังกฤษ ได้ขยายอาณาเขตเข้าไปสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัท British East India ก็ได้นำกองกำลังทหารเรืออังกฤษมาควบคุมเส้นทางเดินทะเลในอาณาเขตที่ขยายไปด้วยจนทำให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศล่าอาณานิคมอื่น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น การปะทะกันของกองเรืออังกฤษ กับกองเรือของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ของฝรั่งเศส
บนหมู่เกาะเครื่องเทศ ในปี ค.ศ. 1804 รวมถึงการยึดเกาะชวาจากเนเธอร์แลนด์ ในปี ค.ศ. 1811
ความสำเร็จจากอินเดีย ได้ทำให้ British East India มองไปยังเป้าหมายใหม่ ซึ่งจุดหมายปลายทางต่อไป ก็คือ ประเทศจีน
โดยสินค้าสำคัญที่บริษัทเล็งเห็นคือ ผ้าไหมดิบ, เครื่องกระเบื้อง และใบชาของจีน ซึ่งก็ถูกนำไปขายในทวีปยุโรปในเวลาต่อมา
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า British East India เป็นบริษัทที่มีส่วนสำคัญ
ที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมต่าง ๆ ในยุโรปหลายประเทศ ซึ่งสินค้าหลายตัวก็มีให้เราพบเห็นในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างเช่น ชาเอิร์ลเกรย์
ที่จริง ๆ แล้ว มีต้นกำเนิดมาจากชาดำเจิ้งซานเสียวจ่ง จากประเทศจีน
แต่ก็ได้ถูกชาวอังกฤษนำไปผสมกับน้ำมันมะกรูด
จนกลายมาเป็นชาเอิร์ลเกรย์ ที่เรารู้จักกันอยู่ในทุกวันนี้
นอกจากชาเอิร์ลเกรย์แล้ว ก็ยังมีเบียร์อินเดียเพลเอล (IPA) และเหล้าจินโทนิค จากประเทศอินเดีย อีกเช่นกัน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง British East India ก็ได้สร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม
โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย และประเทศขนาดเล็กอื่น ๆ ที่อยู่ใต้อาณานิคม
รวมไปถึงการผลักดันสินค้าอันตราย เพื่อหวังแต่การทำกำไร เช่น
การนำเข้ายาเสพติดประเภทฝิ่นในประเทศจีน และเอเชียตะวันออก
จนเป็นชนวนทำให้เกิดสงครามฝิ่น (Opium War) ระหว่างจีนกับอังกฤษในสมัยต่อมา
แล้ว British East India มีจุดจบอย่างไร ?
การที่บริษัท British East India ที่ใช้ระบบทุนนิยม แต่กลับต้องพึ่งพารัฐบาลจากอังกฤษมากเกินไป
จนไม่ต่างอะไรไปจากผู้ผูกขาด ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม
ในวันที่เศรษฐกิจของอังกฤษรุ่งเรือง ทุกอย่างก็ดีไปหมด
แต่ในวันที่ไม่เป็นแบบนั้น British East India ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
หลังจากที่บริษัทแห่งนี้ทำธุรกิจมาได้ยาวนานกว่า 200 ปี
เศรษฐกิจของจักรวรรดิอังกฤษก็เริ่มฝืดเคือง สืบเนื่องจากการเริ่มมีกลุ่มผู้ต่อต้านการขยายอำนาจของอาณานิคมอังกฤษ จนเกิดการกบฏอยู่หลายต่อหลายครั้ง
รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำสงครามต่าง ๆ ที่อังกฤษต้องเผชิญในช่วงนั้น
ยกตัวอย่างเช่น สงครามฝิ่นกับประเทศจีน หรือสงครามไครเมียกับจักรวรรดิรัสเซีย
นั่นจึงทำให้ประเทศอังกฤษต้องหันไปขูดรีดเหล่าประเทศที่อยู่ใต้อาณานิคม มากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยการเพิ่มภาษี ขึ้นราคาสินค้าสามัญที่ผูกขาด บังคับให้เกิดสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ
เหตุการณ์สำคัญต่อมา คือ การเกิดกลุ่มกบฏเพื่อเอกราชของอินเดียครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Mutiny)
ซึ่งเป็นการรวมตัวของ กลุ่มชาตินิยมของอินเดีย ที่เริ่มออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านบริษัท British East India และอาณานิคมอังกฤษ
เรื่องนี้จึงทำให้รัฐบาลอังกฤษ ต้องทำการลดทอนอำนาจของบริษัท British East India ลง
เพื่อเข้าไปบริหารธุรกิจและการปกครองในประเทศอินเดียเองทั้งหมด
ซึ่งนั่นทำให้ British East India ต้องถึงจุดล่มสลาย จากพระราชบัญญัติรัฐบาลอินเดีย ค.ศ. 1858 ที่ออกมาภายหลังกบฏอินเดีย ว่าด้วยอำนาจการปกครองอนุทวีปอินเดีย ให้บริษัท British East India มาขึ้นกับราชสำนักอังกฤษโดยตรง
หลังจากนั้น บริษัท British East India จึงได้ปิดตัวลง ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1874
และกลายเป็นกรณีศึกษาของบริษัทที่เติบโต และล่มสลาย ภายใน 274 ปี
ที่ก็เรียกได้ว่าเป็นรากฐานการวิวัฒนาการของระบบทุนนิยมในช่วงเริ่มต้น ให้เราได้ศึกษากัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-หนังสือ British East India Company โดยคุณปรีดี หงษ์สตัน
-บทความชุด “ความรุ่งเรืองและถดถอย ของ บริษัทบริติชอีสต์อินเดีย” เขียนโดย ดร.ทศพร มะหะหมัด
-https://www.matichon.co.th/columnists/news_1132417
-https://en.wikipedia.org/wiki/East_India_Company
-http://www.polsci-law.buu.ac.th/pegjournal/document/3-1/6.pdf
ระบบทุนนิยม 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
“โลกกำลังคลั่ง ระบบกำลังพัง” สรุปบทความล่าสุด จาก Ray Dalio / โดย ลงทุนแมน
[1 ในบทความที่นิยมสุดของลงทุนแมนในปี 2019]
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ลงทุนแมนเขียนเสร็จแล้วก็เกิดความวิตกกังวลมากสุดในรอบปี
เรย์ ดาลิโอ ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่สุดในโลก
ได้ออกมาเขียนบทความล่าสุดเรื่อง
“The World Has Gone Mad and the System Is Broken”
หรือแปลว่า โลกกำลังบ้าคลั่ง และ ระบบกำลังพังลง
ทำไม เรย์ ดาลิโอ ถึงให้ความเห็นแบบนั้น
แล้วมันน่ากังวลอย่างไร
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ถ้าไม่ได้อยู่ในแวดวงการลงทุน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก เรย์ ดาลิโอ
เขาคนนี้ คือ ผู้บริหารบริษัท Bridgewater Associates
เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่สุดในโลก ที่บริหารเงินกว่า 4.8 ล้านล้านบาท
และเป็นคนที่สรุปหนังสือเชิงปรัชญาชื่อดัง Principles
ล่าสุด เขาได้ออกมาเตือนผู้คนทั่วโลกผ่านบทความที่เขียนใน Linkedin ว่าระบบการเงินในโลกของเราใกล้จะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่..
เหตุผลข้อแรกก็เพราะว่า เงินกำลังเป็นของฟรีสำหรับคนที่มีเครดิตดี
สมัยนี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างก็เทเงินให้กับคนที่มีเครดิตดีเอาเงินไปใช้
ซึ่งคำว่า ฟรี ในที่นี้ก็เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยตอนนี้ต่ำมาก หรือ แทบจะติดลบในบางประเทศ
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนบางรายก็แทบไม่สนใจเงินที่เทลงไปด้วยซ้ำว่าจะได้คืนหรือไม่..
เพราะว่า พวกเขามีเงินอยู่ในหน้าตักมหาศาล
นอกจากนี้ ธนาคารกลางก็พยายามนำเงินเข้าระบบผ่านการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินคืน เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อเพิ่มปริมาณเงินในระบบ และหวังจะเพิ่มระดับเงินเฟ้อ
แต่แทนที่คนจะใช้จ่ายมากขึ้น
แต่คนกลับนำเงินไปลงทุน..
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
(ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงชีวิตเรา)
พอเรื่องเป็นแบบนี้ มูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินจึงปรับตัวสูงขึ้น
และทำให้เราคาดหวังผลตอบแทนในการลงทุนน้อยลง
ที่น่าสนใจคือ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับสินทรัพย์อื่น เช่น
หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (Equity)
หุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity)
บริษัทร่วมลงทุน (Venture Capital)
ด้วยลักษณะของผลตอบแทนของสินทรัพย์พวกนี้คาดการณ์ได้ไม่แน่นอนเหมือนพันธบัตรที่จ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆ จึงทำให้นักลงทุนจินตนาการเพ้อฝันไปไกลว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะให้ผลตอบแทนที่ดีขนาดไหน
นักลงทุนมีเงินล้น กำลังหลงใหลไปกับบริษัทสตาร์ตอัปที่มีเรื่องราวเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
ตอนนี้ บริษัทเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่ยุควิกฤตดอตคอมปี 2000
โดยที่บริษัทเหล่านี้ยังไม่มีแม้แต่แผนธุรกิจ หรือ ความสามารถในการทำกำไร
พวกเขาทำแค่อย่างเดียว คือ ขายความฝัน..
ถึงแม้ว่าบางบริษัทจะไม่ได้ต้องการเงิน เพราะมีเงินที่ระดมทุนได้มากพอแล้ว
แต่นักลงทุนก็ยังพยายามเทเงินลงไปให้อีก และบังคับให้บริษัทรับเงินไป
เพราะนักลงทุนเหล่านี้มีเงินล้นเกินไป จนมีเงินที่ไม่ได้ถูกใช้จำนวนมาก
แต่เขาจำเป็นต้องนำเงินไปลงทุนเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้า
และก็เพื่อเก็บค่าธรรมเนียมก้อนโต
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ตกอยู่ในภาวะขาดดุลอย่างหนัก
ทำให้รัฐต้องกู้เงินเพิ่มโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก
มากเสียจนพันธบัตรเหล่านี้ไม่สามารถขายหมดได้โดยวิธีปกติ หากไม่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้น่าดึงดูดพอ
แต่ถ้าต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงๆ ก็คงเป็นหายนะทางเศรษฐกิจ
เพราะตอนนี้โลกอยู่ในช่วงกู้เกินตัวมานาน
แล้วคำถามคือ โลกนี้จะเอาเงินจากที่ไหนมาซื้อพันธบัตรที่มากมาย และปิดการขาดดุลนี้?
คำตอบที่ได้เราอาจจะตกใจก็คือ
เงินพวกนั้นมาจาก ธนาคารกลางที่คอยพิมพ์ธนบัตรใหม่ เพื่อมาซื้อพันธบัตรนั่นเอง
สรุปง่ายๆ ที่ เรย์ ดาลิโอ กำลังจะสื่อก็คือ “รัฐกำลังพิมพ์แบงก์ เพื่อมาซื้อพันธบัตรของตัวเอง”
ซึ่งระบบที่ดูเหมือนจะพังลงนี้ ก็ยังคงดำเนินต่อไป
และกำลังเป็นอัตราเร่ง
โดยเฉพาะในประเทศที่สกุลเงินนั้นถูกนำมาใช้เป็นเงินสำรองของประเทศต่างๆ
เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ในรูปของเงิน ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และ เยน
อีกระบบที่กำลังจะพังลงในไม่ช้าก็คือ ระบบบำนาญ และประกันสุขภาพ
ระบบบำนาญกำลังจะครบกำหนดการจ่ายเงิน และไม่สามารถจ่ายเงินตามที่แจ้งไว้ได้
น่าตกใจที่กองทุนเหล่านี้ต้องทำผลตอบแทนให้ได้ปีละ 7% เพื่อให้จ่ายเงินได้ตามที่คาดการณ์ไว้ซึ่งอัตราผลตอบแทนขนาดนี้ มากกว่าผลตอบแทนของตลาดปัจจุบันเป็นอย่างมาก
คนที่จะโดนผลกระทบก็หนีไม่พ้น คุณครู พนักงานองค์กรรัฐต่างๆ ที่ในขณะเดียวกันก็ถูกบีบโดยการปรับลดงบประมาณ
ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นเรา ก็คงไม่ยอมที่จะได้รับสวัสดิการที่ลดลงอย่างแน่นอน
ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นกับสวัสดิการด้านสุขภาพเช่นกัน เพราะโครงสร้างประชากรกำลังเปลี่ยนไป ประชากรรุ่นใหม่ที่มีจำนวนน้อยกว่าต้องทำงานเพื่อสนับสนุนประชากรยุคเบบี้บูมเมอร์ที่มีจำนวนมาก และกำลังต้องการสวัสดิการทางสุขภาพ
แล้วทางออกของรัฐบาล มีอะไรบ้าง?
ทางออกที่ 1 คือ ลดสวัสดิการลง
ทางออกที่ 2 คือ ขึ้นภาษี
ทางออกที่ 3 คือ พิมพ์เงินเพิ่มเข้ามาในระบบ
จากทางเลือกทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางออกไหนเข้าท่า
แถมมันอาจจะเป็นการเร่งให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม การพิมพ์เงินเพิ่มดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด และเป็นทางลัด
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า สัญญากู้ยืมเงินทั้งหมดบนโลกนี้มันระบุแค่ว่าต้องคืนเงินให้แก่เจ้าหนี้ตามจำนวนเงินในสัญญา แต่มันไม่ได้ห้ามพิมพ์เงินขึ้นมาใหม่ และไม่ได้ห้ามว่าเงินต้องด้อยค่าลง
ความเสี่ยงที่สำคัญคือ เรื่องนี้กำลังจะเป็นการทดสอบว่า เงินสกุลหลักที่ใช้เป็นเงินสำรองทั่วโลก 3 สกุล คือ ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน จะยังคงมีค่าในตัวมันเองอยู่หรือไม่
แต่ถ้ารัฐยังหาเงินมาจ่ายเงินบำนาญและประกันสุขภาพได้ไม่พอ ก็ต้องกลับไปย้อนดูทางออกที่ 1 และทางออกที่ 2 ซึ่งก็คือการดูว่า จะตัดสวัสดิการส่วนไหน และต้องเก็บภาษีมากขึ้นเท่าไหร่
ที่น่าสนใจคือ ไม่ว่าทางไหนมันก็จะกระทบทั้งคนรวยและคนจน
เช่น หากลดสวัสดิการก็ทำให้คนจนไม่พอใจ
แต่หากขึ้นภาษีก็จะทำให้คนรวยพากันย้ายไปอยู่ในที่อื่น
และในที่สุด ก็จะทำให้รัฐสูญเสียคนรวยที่เป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ของประเทศ
และก็มาถึงประเด็นข้อสุดท้าย..
ที่พูดมาทั้งหมด จริงๆ แล้ว เงินเป็นของฟรีก็เฉพาะสำหรับผู้ที่มีเครดิตเท่านั้น
ไม่ว่าโลกนี้จะมีเงินล้นมากเท่าไร
กลับเป็นของหายากสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินและไม่มีเครดิต
เมื่อรวมกับช่องว่างในอนาคต ที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
จนเครื่องจักรสามารถมาทำงานแทนมนุษย์ได้
กลับมาถามหัวใจสำคัญของ “ระบบทุนนิยม”
ระบบทุนนิยมเกิดขึ้นจากรากฐานความเชื่อว่า
ถ้านายทุนมีเงินเพื่อสร้างการผลิต
คนจน จะได้ประโยชน์เองจากตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้น
สุดท้ายภาพรวมจะดีขึ้นเอง
แต่มาวันนี้ ทฤษฎีนี้อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป
เพราะนายทุนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องจ้างมนุษย์..
เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้อาจแสดงให้เห็นว่า
“ระบบทุนนิยม” แบบเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่า
จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากในที่สุด
อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..
จากสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ยั่งยืนที่พร้อมจะแตกหัก
และมันไม่สามารถฝืนได้อีกต่อไป
เรื่องนี้จะเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นตอนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008
ซึ่งโลกนี้กำลังดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ในไม่ช้า..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
Reference
https://www.linkedin.com/…/world-has-gone-mad-system-broken…
ระบบทุนนิยม 在 Kim Property Live Youtube 的最讚貼文
ชอบมาก และ อยากเลี้ยงกาแฟผม : https://ko-fi.com/kimpropertylive
★☆★ เรียนรู้เพิ่มเติม ★☆★
บทความอสังหา : http://www.properth.com/
รับความรู้ฟรี ทุกอาทิตย์ ผ่าน LINE : http://line.me/ti/p/%40spc2852x หนทางรวย ของคนต้นทุนน้อย | ภาษาเศรษฐี ตอนที่ 2
เนื้อหา
1. ระบบทุนนิยม
2. ระบบคอมมิวนิสต์
3. การธนาคาร
4. ทุนน้อยสร้างตัว
5. ไม่มีทุนต้องทำอย่างไร
6. วิธีคิดเพื่อที่จะรวย
7. ไม่มีทุนเริ่มอย่างไร
วีดีโอชุดนี้ตั้งใจทำเพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจภาษาการเงิน เพื่อที่จะรับรู้สถานการณ์ต่างๆ เเละ สามารถปกป้องความมั่งคั่งของตัวเองได้
สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
ผมอยากให้ทุกคน มีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น
เเละ ความรู้ทางการเงิน จะทำให้คุณสามารถสร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองได้ครับ
ดูเเล้วชอบ อยากดูต่อ ติดตามด้วยเน้อ
ตรงนี้ ตรงนี้
https://goo.gl/segwTS
รับความรู้ฟรี
LINE : http://line.me/ti/p/%40spc2852x
Facebook FanPage : https://www.facebook.com/kim.properth/
สำหรับติดต่อ : kim.chatchawan[at]gmail.com
สนใจสัมมนา
LINE : http://line.me/ti/p/%40spc2852x #ความรู้การเงิน #การลงทุน
ระบบทุนนิยม 在 TeamGarryMovieThai Youtube 的最佳解答
PART 4 ► https://www.youtube.com/watch?v=8Z4egg33mJA
เป็นอีกนึงเกมส์ที่เรารอคอยนั้นคือเกมส์ Grand Theft Auto 5 ดูลุงพีเล่นได้ทั้งภาษาแล้วก็คำศัพท์ ใครที่อยากจะร่วมด้วยช่วยกัน ให้หาคำศัพท์ที่ลุงไม่ได้แปล หรือ แปลพลาด แล้ว comment บอกนะครับผม ลุงพีจะเอามาใส่ Description นี้จ้าาา
ศัพท์ -
Engine - เครื่องยนต์
invader ผู้รุกราน , บุกรุก
capitalism ระบบทุนนิยม
magnanimous - เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือ ใจกว้างก็ได้ครับ ( 0GTGameR0 )
Clearly = เห็นได้ชัด,คาหนังคาเขาครับ (Mama Tomyam)
►ติดตามได้อีกช่องทางนึง Google+ http://bit.ly/17RPgod
►ถามคำถามลุงพี หรือ อยากให้ลุงพีเล่นเกมส์ หรือ ถ่ายหนังจากเกมส์อะไร คลิกเข้าไปเลยจ้า!! http://bit.ly/AskingQuestion
#TeamGarryMovieThai
#ลุงพีจีทีเอ
#ลุงพีgtav
- Grand Theft Auto 5 Thai Let's Play By Lung P , ลุงพี GTA 5
ระบบทุนนิยม 在 Amarin HOW-TO - สรุป 15 ข้อ “โลกทุนนิยมที่ทุกคนเป็นเจ้าของ ... 的推薦與評價
สรุป 15 ข้อ “โลกทุนนิยมที่ทุกคนเป็นเจ้าของ Stakeholder Capitalism” . 1. เหนือกว่ากลยุทธ์ ยิ่งกว่านโยบาย เราจำเป็นต้องเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจาก... ... <看更多>
ระบบทุนนิยม 在 ทุนนิยม คืออะไร? [ ร่วมกด JOIN สนับสนุนเราหน่อยนะ ] - YouTube 的推薦與評價
[TH] การทำงานของ ระบบ เศรษฐกิจ กับ Ray Dalio ใน 30 นาที ... CLEAR เศรษฐกิจ. CLEAR เศรษฐกิจ ... 563K views 2 years ago ... ... <看更多>