เมื่อคืนผมรับโทรศัพท์น้องทหารคนหนึ่ง
เขาตัดสินใจโทรมาหาผมเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องลาออก
(บ้าจริง ... กูยังไม่ได้ลาออก)
ผมตอบกลับแทบจะไม่ทันว่า ตอนนี้ผมยังรับราชการอยู่ ยังไม่ได้ลาออกไปไหน
ผมรู้ว่าเขาแปลกใจ เพราะคำถามแรกๆ ของเขาที่พุ่งเข้ามาคือ
"พี่เบนซ์ช่วยผมที ผมอยากลาออกไปทำแบบพี่"
.
ผมต้องจับน้องทหารคนนี้ปรับทัศนคติอยู่นาน
นานจนโทรศัพท์อุ่น
เพราะมันอยากลาออกด้วยเหตุผลเดียวคือ 'รายได้'
ทุกคำพูดที่ได้ยิน ผมนี่แทบอยากจะยื่นมือเข้าไปตบกบาลมันในโทรศัพท์
.
เขียนแบบนี้มันคงชอบใจ
เพราะไอ้นี่ชอบให้คนด่า
.
ไม่ว่ายังไงก็ตาม
ผมไม่รู้หรอกครับ และไม่สนใจด้วยว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะเชื่อคำแนะนำของผมหรือไม่
แต่ผมจะไม่ยอมให้ 'เงิน' เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจลาออกของมันเด็ดขาด
ถ้ามันยังไม่รู้จักความหมายที่แท้จริงของเงิน และไม่เข้าใจว่าเงินที่มากขึ้นเกิดจากบางสิ่งบางอย่างที่มันต้องทำเพิ่มขึ้นด้วย
.
ผมเคยเขียนเกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง "การทำงานประจำไปด้วย ทำธุรกิจไปด้วย" ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
โพสต์นั้น Hot โคตร คนแชร์ต่อกันเป็นพัน
แน่นอนครับ มีผู้ฉลาดมากบางส่วนไม่เห็นด้วย
โดยเฉพาะเรื่องสูตร 8-8-8 ที่คนฉลาดจริงๆ เห็นทันทีจะรู้เลยว่ามันเป็นแค่คอนเซปท์ที่บอกให้มึงแบ่งเวลาเป็น 3 ก้อน
ไม่ใช่ให้มึง นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ทำงานให้ครบ 8 ชั่วโมง แล้วก็มาสร้างชีวิตอีก 8 ชั่วโมง
บางคนถึงขนาดถามว่า "แล้วขี้ตอนไหนครับ?"
ผมนี่คันมือ อยากจะตอบกลับไปว่า "มึงรวมๆ ไว้ขี้ทีเดียวตอนสร้างชีวิตสำเร็จแล้วก็ได้ครับ" ใจจะขาด
แต่ก็ไม่อยากเสียเวลาพิมพ์
เพราะแค่ได้อ่านความเห็นเหล่านี้ก็รู้สึกเสียดายลมหายใจที่ใช้ไปกับมันแล้ว
.
อย่างที่บอกไป
"เมื่อผมยิ่งยิ่งเชื่อมั่น ผมยิ่งต้องช่างแม่ง"
คนฉลาดแกมโง่ ยังมีอยู่มาก
นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จจึงมีน้อยกว่าคนล้มเหลวอย่างเทียบไม่ได้
.
ผมไม่ได้ออกมาเป็นครู อาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไหน
สิ่งที่ผมทำคือการออกมาประกาศ 'ความเชื่อ' ของผมเท่านั้น
ใครเชื่อก็ตามมา
ใครไม่เชื่อก็ถอยไป
อย่าเกะกะ ...
ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องใจกว้างกับคนที่มีทัศนคติคับแคบ
.
.
"ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องลาออก"
ผมเชื่อมั่นแบบนี้เพราะว่าผมได้พิสูจน์สิ่งนี้ด้วยตัวเองมาแล้ว
และอย่างที่พวกเราเห็น ผมส่งต่อข้อพิสูจน์นี้ให้แก่คนรอบตัวทุกคนที่พร้อมรับ
ความเจ๋งก็คือ ทุกคนแม่งประสบความสำเร็จ มีรายได้หลักแสน (บางคนหลักล้าน) ทั้งๆ ที่ยังคงอยู่ในงานประจำกัน 100%
.
อะไรทำให้พวกเราใน Master Mind นี้สำเร็จ?
1. กลุ่มเรามีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงินและความร่ำรวย
- เงินไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย
มันเป็นแค่เรื่องของการแลกเปลี่ยนของคุณค่าที่เราได้สร้างให้แก่ใครบางคน
.
คุณลองคิดภาพ ...
ถ้าเศรษฐีคนหนึ่งใช้เงินสร้างบ้านราคา 30 ล้าน
คนคิดไม่เป็นจะออกแค่ โห แม่งรวย แม่งใช้เงินสิ้นเปลือง แม่งมีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เพราะโกงคนอื่นมา แม่ง แม่ง แม่ง ... สารพัด
.
แต่ความจริงแล้ว เศรษฐีกำลังทำอะไรตรงกันข้ามกับที่คนเหล่านี้คิดทั้งหมด
เงินของเศรษฐีกำลังเปลี่ยนมือไปสู่ผู้คนต่างๆ ตามคุณค่าที่พวกเขาได้มอบให้เศรษฐีต่างหาก
เจ้าของที่ สถาปนิก วิศวกร ร้านวัสดุ ร้านกระเบื้อง คนงาน คนสวน ... ทุกคนต่างได้รับส่วนแบ่งใน 30 ล้านนั้น
.
ไม่ต้องพูดเรื่องความสุข
คนที่ยากเข็ญตั้งแต่ความคิดมักพูดเสมอว่า "ความรวยซื้อความสุขไม่ได้"
ใช่ครับ ไม่เถียง แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่าถ้าเรารวย เราทุกข์น้อยกว่าแน่นอน
เอาตรงๆ ถ้าเลือกเกิดได้ ใครจะเลือกเกิดเป็นคนจนบ้าง?
.
เงียบไปเลยถ้าจะเถียงว่า ตายแล้วเอาไปไม่ได้สักบาท
เฮ่ย! เราต่างรู้ดีว่าท้ายที่สุดเราต้องตาย แต่ก่อนตายทำไมมึงต้องทนอยู่แบบลำบาก
ทุกคนต้องตาย แต่ผมและเพื่อนๆ ไม่ยอมตายจนๆ ให้คนเหยียดหยาม หามร่างเราไปเผาให้พอเป็นพิธี ไม่มีคำสรรเสริญว่าเราเกิดมาแล้วไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับผู้ใด หรือเรียกอีกนัยน์ว่า 'เสียชาติ' หรอกนะครับ
.
2. เราเห็นชุดตัวเลขของพนักงานประจำตามความเป็นจริง
- ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ตาม พวกเราต่างเลือกชีวิตที่รวย
พวกเราในกลุ่มได้เรียนรู้ว่างานประจำได้มอบชุดตัวเลขเดือนละไม่เกิน 30,000 บาท เอาไว้ให้
คำนวณแบบง่ายๆ กลมๆ
ถ้าเราลองเอา 'เงินล้านแรก' เป็นตัวตั้ง เราจะใช้เวลาเพียง 33 เดือน หรือแค่เกือบๆ 3 ปี ในการมีล้านแรก
แต่ถุยเถอะครับ ...
เงินเดือน เดือนละ 30,000 เหลือเก็บจริงๆ เดือนละกี่ร้อย (หรือไม่เหลือเลย?)
ต่อให้ทำตามสูตรของกูรูการเงินต่างๆ คือเหลือเก็บ 10% ต่อเดือน
เราก็ต้องใช้เวลานานถึง 27 ปี กว่าจะมีล้านแรก
เฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!
มีล้านแรกตอนอายุ 52 !!! (ผมเริ่มทำงานตอน 25 ปี) เอาล้านแรกไปซื้อหมากเหรอจ๊ะ
.
เฮ่ย! ผู้กอง
ทำงานไปเรื่อยๆ เงินเดือนมันก็ต้องขึ้นสิ
ถ้าผู้กองอยู่จนเป็นนายพล เงินเดือนเฉียด 50,000 - 60,000 เลยนะ!!
หยุดครับหยุด
ความคิดแบบนี้ตอแหลไป
มนุษย์มีความสามารถพิเศษในการเพิ่มรายจ่ายให้ทันกับรายได้เสมอแหละ
ตอนรายได้ 30,000 ขับ Vios ผ่อนเดือนละ 8,000
พอรายได้ 50,000 แถมเป็นนายพล มีเหรอจะไม่เปลี่ยนรถ!
ยังไม่นับเรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องลูกอีก!
.
เป็นไง?
นี่แค่ชุดตัวเลขของผมคนเดียวนะ ...
.
3. กลุ่มเราเชื่อว่าความสามารถที่ดูไร้ประโยชน์สำหรับงานประจำ มีแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนข้างนอก
- พวกเราต่างเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษ แต่งานประจำไม่ใช่เวทีแสดง
.
ผมเป็นตำรวจ แต่ผมเชื่อว่าผมมีความสามารถอื่นๆ อีกเพียบ ปล่อยเท่าไหร่ก็ไม่หมด โดยเฉพาะเรื่อง fb marketing และการสร้างพลังใจให้ลงมือทำ
นอตเป็นวิศวกร แต่นอตเชื่อว่าหลังเลิกงานเป็นเวลาทองของการแสดงความสามารถด้านฟิสิกส์ และความสามารถนั้นเป็นประโยชน์ต่อน้องๆ ม.ปลาย
เจเป็นพนักงานสนามบิน แต่เจเชื่อว่าเจเข้าใจผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสวยความงาม เจจึงเริ่มธุรกิจเครื่องสำอาง ซึ่งกำลังไปได้สวย
พี่ขวัญเป็นพนักงานบริษัท แต่พี่ขวัญเชื่อว่าตัวเธอมีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความคิดของมนุษย์ และความรู้นั้นเป็นประโยชน์ต่อผม นอต คนอื่นๆ ในทีม และประเทศชาติ
.
พวกเราต่างเชื่อใน 3 ข้อนี้
จึงตัดสินใจที่จะประเมินมูลค่าที่แท้จริงของตัวเองใหม่หมด!
และแน่นอน ... พวกเราต่างค้นพบ
มูลค่าที่แท้จริงของทุกคนไม่ต่ำกว่าเดือนละล้าน!!
แต่ความคิดของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
.
พวกเรามานั่งคุยกัน
เฮ่ย! พวกเรามีอะไรดีวะ ... นั่นดิ
พวกเรามีอะไรที่คนอื่นไม่มีวะ ... นั่นดิ
พวกเราเก่งมาจากไหนวะ ... นั่นดิ
เฮ่ย! พวกเราก็คนธรรมดานี่หว่า ... นั่นดิ
ถ้าคนอย่างพวกเรามีคุณค่ามากกว่าเดือนละล้าน
คนข้างนอกก็ไม่ต่างกันหรอก!!
.
เออ ... นั่นดิ!!
.
เราคนธรรมดานะ เจ็บได้ ร้องไห้เป็น ขี้เหม็นเหมือนกัน
เราทำได้ ทำไมคนอื่นจะทำไม่ได้
.
แล้วอะไรทำให้คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงไหนวะ
อะไรทำให้คนส่วนใหญ่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับชีวิตขนาดนั้น
อะไรทำให้คนส่วนใหญ่คิดแบบพวกเราไม่ออกวะ
.
สิ่งที่ค้นพบคือ เหมือนเดิม!!!
เหมือนที่เคยเขียนไว้ใน https://web.facebook.com/polcaptbenz/posts/656907667834906:0 ไม่มีผิด!!
.
1. โทษ
- พวกเขาเอาแต่โทษโชคชะตา โทษชาติกำเนิด โทษเศรษฐกิจ โทษรัฐบาล โทษพ่อแม่ โทษโอกาส โทษรถติด โทษน้ำมันแพง
โทษทุกอย่างเท่าที่จะโทษได้ ไม่เคยคิดรับผิดชอบชีวิตตัวเองด้วยตัวเอง
.
2. อ้าง
- พวกเขามีข้ออ้างสารพัดไม่ให้ลุกขึ้นมาหาอะไรทำเพิ่ม ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า ตัวเองหมดเวลาไปกับสิ่งไร้สาระในแต่ละวันมากขนาดไหน
แค่เปลี่ยนเวลาเหล่านั้น มาพัฒนาตัวเองบ้าง
พวกเขามีตัวอย่างและวิธีดีๆ รอบตัวมากมายที่ถ้าเพียงแค่ทำตามแล้ว ชีวิตน่าจะดีขึ้น ... แต่ก็ไม่ทำ
เอาแต่ก่นด่าวันจันทร์ บากบั่นวันอังคาร ดักดานวันพุธ เศร้าสุดวันพฤหัส คึกจัดวันศุกร์ สนุกวันเสาร์ แล้วกลับมานั่งเศร้าวันอาทิตย์ เพื่อที่กลับไปจบชีวิตที่วันจันทร์อีกรอบ
.
3. ปฏิเสธ
- ไม่ยอมรับความจริงว่าผลลัพธ์ชีวิตที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนเป็นผลรวมของการตัดสินใจหันหลังให้กับความรับผิดชอบ
พวกเขาซ่อนตัวจากจากโอกาส
พวกเขาไม่เชื่อมั่นความสามารถของตัวเอง
ก้มหัวให้ระบบอุตสาหกรรมที่หลอกหลอนว่าจงทำงานประจำอย่าภักดีเพื่อองค์กรที่ดีจะเลี้ยงดูคุณอย่างดีไปจนตาย
มันมีด้วยเหรอ? เคยเห็นเหรอ?
อย่างมากก็ทำงานจนแก่ใกล้ตาย แล้วก็รับเงินก้อนสุดท้ายเอาไว้ใช้จ่ายไปกับการดูแลร่างกายที่ทรุดโทรม
.
กลับมายอมรับความจริงเถอะครับ
เราต้องรู้คุณค่าและมูลค่าที่แท้จริงของตัวเอง
ใช้เวลาว่างๆ ประเมินตัวเองบ้าง
ว่าเราเจ๋งแค่ไหน
แล้วงานประจำที่เราทำอยู่นี้ เราได้ใช้ความเจ๋งพอแล้วหรือไม่
.
ถ้าพอแล้ว อยู่กับมัน ฝากชีวิตกับมันไว้
คุณมีคุณค่า และมูลค่า เท่าที่สายตาของ HR มองเห็น
.
แต่ถ้างานประจำที่ทำอยู่ ความสามารถทั้งหมดในชีวิตของคุณมันยังใช้ได้ไม่สุด
ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาอะไรทำเพิ่ม!!
.
.
ก่อนจบบทความ
ผมขอบอกความลับอะไรบางอย่างด้วยความจริงใจ
"คนสำเร็จ ไม่เคยมองว่าความสามารถของตัวเองมีจำกัดหรอกนะครับ"
.
ข้างนอกนั่นมีเงินแสนเงินล้านอยู่มากมาย
เอาคุณค่าที่คุณมีไปแลกมันมาครับ
.
.
#รับผิดชอบชีวิตตัวเอง
----------------------------------------------
- ผู้กองเบนซ์ -
Thailand Transformation Leader
สถาปนิก เงินเดือน 在 สถาปนิก บ้าน บ้าน - เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่? #ออกแบบ ... 的推薦與評價
เงินเดือน เท่านี้ กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่? #ออกแบบคุณภาพชีวิตดีๆไปกับ สถาปนิก บ้าน บ้าน . หลาย ๆ คนที่เพิ่งเริ่มทำงานเก็บเงิน... ... <看更多>
สถาปนิก เงินเดือน 在 สถาปนิก รวยมั้ย? - YouTube 的推薦與評價
รวบรวมหลากหลายคำถามจากน้องๆ ที่(น่าจะ)กำลังสนใจจะเข้ามาเรียนในสายวิชาชีพสถาปัตยกรรม หรือเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน และเกิดคำถาม ถึงอนาคตข้างหน้า. ... <看更多>