#เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวระบบการศึกษาฟินแลนด์
#ชวนอ่านหนังสือ2เล่ม
#เรื่องที่ฟินแลนด์ไม่ได้กล่าว_แต่เราเขียนกันไปเอง
.
หลายครั้ง เวลาหมอไปบรรยาย
พ่อแม่ตอบหมอเสียงดังได้ว่า
ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดี คือ
ฟินแลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
แต่ที่ตอบเสียงดังที่สุด คือ ฟินแลนด์
หมอก็ยิ้มและก็คิด
ว่าพ่อแม่ยุคใหม่ติดตามข่าวสารนะเนี่ย
แต่ถ้าหมอถามใหม่ว่า "รู้ได้อย่างไร"
ว่าประเทศฟินแลนด์มีระบบการศึกษาดีที่สุด
เราเอาอะไรมาวัด....คำตอบก็จะเงียบๆลงไป
.
แล้วที่ผ่านมา
ที่เรารู้ว่าประเทศฟินแลนด์
เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดี
เพราะเรารับรู้ข้อมูลจากสื่อ...ใช่หรือไม่
เวลามีบทความชื่นชม
เรื่องทำไมเด็กประเทศฟินแลนด์ถึงได้เก่งและมีควาสุข
จะมีผู้คนสนใจ และแชร์บทความกันมาก
ยิ่งเป็นบทความเปรียบเทียบให้เห็นความต่าง(ที่สุดขั้ว)
ยิ่งกระตุ้นความรู้สึก และยิ่งได้รับความสนใจ
หมอก็เป็น คุณแม่คนหนึ่ง ที่ติดตามข่าวสาร
เรื่องระบบการศึกษาที่ดีจากหลายๆประเทศ
หมอก็ชื่นชอบ ชื่นชม ประเทศฟินแลนด์
หมอก็เลยติดตาม อ่านหนังสือ เข้าไปดูสารคดี
แล้วหมอก็พบว่า สิ่งที่เราคิดว่า ฟินแลนด์เป็น
บางเรื่องเป็นสิ่งที่เราคิดกันเอง...เขียนต่อๆกันไปเรื่อย
.
พอดีเพิ่งอ่านหนังสือ Teach like Finland จบ
เลยจะสรุปประเด็นรวมกับหนังสือ Finnish Lesson 2.0
ที่อ่านจบไปนานแล้ว เพื่อให้คนที่ผ่านมาอ่าน
ได้รู้ข้อเท็จจริง เพิ่มเติมบางประการ
สำหรับผู้ที่สนใจเชิญอ่านได้เลยค่ะ
(คงถูกติเรื่องยาวเหมือนเดิม ซึ่งชินแล้ว😅😅😅)
____________________________
1.#ทั้งโลกควรขอบคุณการสอบ_PISA
ที่หมอกล่าวเช่นนี้ เพราะในหนังสือหลายๆเล่ม
เกริ่นถึง ระบบการศึกษาของโลก
ที่เกิดจากนโยบายที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ
ต้องการจะแข่งขันกันในเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี
จึงกำหนดว่าเด็กต้องเรียนอะไร
และนับวันสิ่งที่ต้องเรียน
มีแต่จะเพิ่มขึ้น คือ ของเก่าไม่ทิ้ง ของใหม่ต้องรู้....
ส่งผลให้การศึกษา ตัดวิชา เช่นศิลปะ
คหกรรม วิชาการเรือน และอีกหลายๆอย่าง ทิ้งไป
แล้วมาเพิ่มเวลา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เนื้อหายากขึ้นๆและเอาไปใช้ประโยชน์มิได้
หมอเคยอ่าน วิทยาศาสตร์ ป.4 แล้วตกใจ
เรียนระบบร่างกายละเอียดเหมือนตอนหมอเรียนแพทย์
ออกข้อสอบให้ยากเข้าไว้ กางตำรา
เอาเนื้อหาเชิงลึกมาออก
อารามว่า ยิ่งเด็กจำเรื่องยากๆได้ นั่นแปลว่าเก่ง!
(ตอนเด็กๆหมอยังเรียน กพอ. สนุกสนานได้เย็บผ้า ทำกับข้าว ปักแผ่นเฟรม ถักโครเชต์ สนุกสนานอยู่เลย)
.
ผลคือ ระบบการศึกษา
เหมือนเป็นระยะเวลาทรมาณเด็ก
เพราะการเรียนรู้ ไม่อิงตามพัฒนาการ และไม่มีอิสระ
#ที่เด็กอยากรู้ไม่ได้เรียน #ที่บังคับให้เรียนคือไม่อยาก
เป็นปัญหาไปทั่วโลก
มีกลุ่มประเทศชั้นนำเรียกว่า OECD จัดการประเมินผลนานาชาติขึ้นมา ชื่อว่า PISA
#ประเมินสมรรถนะการเรียนรู้
ในเด็กอายุ 15 ปี (สมรรถนะ ไม่ใช่ knowlege)
โดยการสอบ จะให้เด็กตอบคำถาม ประวัติส่วนตัว
และคำถามประเมินเชิงจิตวิทยาร่วมด้วย
นัยว่า การจัดลำดับนี้
จะได้รู้กันไปเลยว่าประเทศไหนแน่จริง😁
จะได้เอาระบบการศึกษาของประเทศนั้นมาวิเคราะห์
สอบ PISA ครั้งแรกเมื่อปี 2000
.
จะกล่าวถึงฟินแลนด์ ที่เป็นประเทศนอกสายตา
แต่ผู้นำมีวิสัยทัศน์ยาวไกลมาก
ตั้งแต่ปี 1960 รัฐของฟินแลนด์
ตั้งใจ ปฏิรูปการศึกษา สาระสำคัญอยู่ที่อิสระในการจัดการเรียนรู้ของครู โดย เพิ่มคุณภาพของครู และไว้ใจครูเหล่านั้น ว่าจะให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่นักเรียน
แต่ละโรงเรียนก็มีอิสระ แต่ทำงานประสานกัน
#ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดที่ถูกใจทุกคน
ตอนแรกของการปฏิรูปในประเทศฟินแลนด์
ก็ปั่นป่วนเหมือนกัน
“โรงเรียนที่รับเด็กตามเขตแบบประสม
ไม่คัดเลือก หรือแบ่งแยกโดยเกณฑ์ใดๆ
ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ 1970 ถูกแนวร่วมหลายฝ่ายในสังคมฟินแลนด์วิพากษ์วิจารณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยกล่าวหาโรงเรียนรูปแบบใหม่นี้ว่า กำลังทำให้ระดับความรู้และทักษะที่เด็กควรได้รับลดลง
นายจ้างผสมโรงเสริมว่า คนรุ่นใหม่(ฟินแลนด์)ถูกสอนให้แสวงหาความสบาย
และหลีกเลี่ยงงานหนัก” Pashi Sahlberg เขียนไว้ในบทนำ Teach like Finland
.
แต่เมื่อ ผลการสอบ PISA ครั้งแรกในปี 2001 ประกาศ!
ทำให้แนวความเชื่อเรื่องการศึกษาของโลก
เปลี่ยนไปทันที👍
เพราะประเทศฟินแลนด์ ที่ชม.เรียนน้อยกว่าประเทศอื่นๆ เกือบครึ่งได้อันดับ 1 ในทุกวิชาที่ประเมิน ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่านจับใจความ
.
จะไม่ให้พูดว่า เราเป็นหนี้บุญคุณการสอบ PISA ได้อย่างไร
ถ้าไม่มีการสอบ PISA
ประเทศฟินแลนด์ ก็คงไม่ได้รับการยกย่อง ยอมรับ
ถ้าโลกไม่หันไปมองฟินแลนด์
#ระบบการศึกษาเดิมๆก็คงไม่ถูกตั้งคำถาม
นักเรียนก็คงต้องเรียนเนื้อหายากขึ้น
แต่เอาไปใช้งานไม่ได้อยู่เช่นเดิม
.
ดังนั้น ที่บอกว่า ประเทศฟินแลนด์ มีระบบการศึกษาที่ดี
ก็มาจากการสอบวัดผล PISA นี่เองค่ะ
และทำให้ทั่วโลกตื่นตัว ว่าเรียนหนัก เนื้อหามากๆ
อาจจะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป
_________________________________________
2.ประเทศฟินแลนด์ ไม่มีโรงเรียนอนุบาล
เด็กๆเรียนหนังสือตอนอายุ 7 ปี แต่ยังเก่งได้
#ไม่จริงเลย
ความจริงคือ ประเทศฟินแลนด์
มีการศึกษาขั้นบังคับ เริ่มตอนเด็กอายุ 7 ปี
แต่ประเทศฟินแลนด์ ก็มีโรงเรียนอนุบาล
และเนิร์สเซอรี่ เหมือนประเทศอื่นๆนั่นแหละ
โครงสร้างในระบบการศึกษาของเค้า
ก็มีระบุเรื่องการศึกษาปฐมวัย
“ในประเทศฟินแลนด์ การศึกษาปฐมวัย หมายถึง การศึกษาและการดูแลเด็กๆก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาเมื่ออายุครบ 7 ปี เด็กทุกคนมีสิทธิ์จะได้รับการดูแล
ในศูนย์ดูแลเด็กเดย์แคร์ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดูแลเด็กที่บริหารโดยครอบครัว หรือในโรงเรียนอนุบาล
เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เข้าสถานศึกษาก่อนวัยเรียนตามความสมัครใจ” (จากหนังสือ Finnish Lesson 2.0)
ในหนังสือยังบอกว่าอีกว่า การดูแลเด็กเล็ก
เป็นหน้าที่ของรัฐที่จัดสวัสดิการให้ครอบครัว
(เงินเดือน วันลาของแม่ และพ่อ) เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลจากครอบครัวอย่างเต็มที่ในขวบปีแรกของชีวิต
หลังจากนั้นส่งลูกไปเดย์แคร์ได้ตามสะดวก
โดยแน่นอนเดย์แคร์เหล่านี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
“การจัดการศึกษาปฐมวัยของฟินแลนด์ มีวัตถุประสงค์หลักคือ ทำให้เด็กทุกคนมีสุขภาวะที่ดี” สาระสำคัญที่เขียนคือ
ให้เด็กมีความสุข นึกถึงผู้อื่น และเป็นผู้ตัดสินใจได้อย่างอิสระ
สถิติพบว่า เด็กฟินแลนด์อายุน้อยกว่า 2 ปี
เกือบ 50% ไปเดย์แคร์
3-5 ปี อยู่เดย์แคร์ 75% ซึ่งถ้าดูจากจำนวน ก็จะพบว่าเด็กก็เข้าสู่ระบบการศึกษาตั้งแต่เล็กๆ
เหมือนกันกับประเทศอื่น รวมทั้งประเทศไทย
แต่ก็มีสิ่งที่ต่าง คือ #คุณภาพของการดูแลเด็กปฐมวัยนั่นแหละค่ะ
______________________________________
3.โรงเรียนฟินแลนด์ ไม่มีการบ้าน ไม่มีการสอบ
#ไม่จริง
อันนี้จากทที่อ่านหนังสือ ก็ไม่จริงซะทีเดียว
เนื่องจากจุดเด่นของโรงเรียนที่ฟินแลนด์
คือ ให้ครูทำหน้าที่เหมือน วาทยากร
คือ คิดว่าจะสอนอย่างไรให้นักเรียนได้เรียนรู้และเนื้อหาได้ดีที่สุด
จะประเมินนักเรียนอย่างไร
ครูอาจจะให้การบ้านในปริมาณที่เหมาะสม
ให้นักเรียนทำด้วยตัวเอง
ส่วน การสอบ เป็นหนึ่งวิธีของการประเมินผล
(การประเมินการเรียนรู้ทำได้หลายวิธี เพียงแต่ประเทศเราเลือกวิธีสอบเป็นหลัก)
คุณครูอาจจะให้นักเรียนสอบ
เพื่อให้ประเมินการเรียนรู้ของตัวเอง
เป็นการสอบเพื่อการประเมินตัวเอง ไม่ใช่การจัดลำดับ
(จากหนังสือ teach like Finland)
________________________________________
4.ระบบการศึกษา ไม่ใช่นโยบายที่จะเลียนแบบกันได้
เพราะระบบการศึกษา #มีชีวิต กล่าวโดย Pasi Sahlberg
การศึกษา สร้างโดยมนุษย์
ดำเนินการโดยมนุษย์ มีกรอบของสังคม
ความเชื่อ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ดังนั้น เป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่นโยบายกระดาษ
Pasi Sahlberg ในเรื่องที่เค้ามองระบบการศึกษา
ที่ทำตามๆกัน ว่า GERM (แปลว่าเชื้อโรค)
เค้ามองว่าระบบการศึกษาของฟินแลนด์
เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
ให้ทุกประเทศเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้
แต่เราไม่สามารถ ถอดแบบระบบการศึกษาของฟินแลนด์
ไปใช้ที่ไหนก็ได้ในโลก...ประเทศไทยก็เช่นกัน
ส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบการศึกษาฟินแลนด์ประสบความสำเร็จ คือ เค้า focus ที่ “อยากให้เยาวชนทุกคนได้เกิดการเรียนรู้ที่ดีตามแบบของตัวเองไม่ว่าเด็กคนนั้นจะมีเศรษฐานะ หรือความต้องการพิเศษอย่างไร”
ไม่ได้ focus เรื่องการแข่งขัน
เมื่อไม่ focus ที่การแข่งขัน เค้าก็ชนะ
________________________________________
ท้ายที่สุด ระบบการศึกษาไทย
ขณะนี้เราก็กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลง
แต่มันคงไม่สามารถเปลี่ยนได้ในชั่วข้ามคืน
บทเรียนจากฟินแลนด์ทำให้เรารู้ว่า
#ความสุขในการเรียน (ในหนังสือใช้คำว่า สุขภาวะ)
#ความอยากเรียนรู้ของนักเรียน
#มีอิสระที่จะเลือกทำหรือเรียนสิ่งต่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
สำคัญกว่าเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในวิชาเรียน
ในเวลาที่ลูกๆของเรายังติดอยู่กับการศึกษาระบบเดิมๆ
ก็มีสิ่งที่เราทำได้...ก็คือ
อย่าไปยึดติดกับผลสอบจัดอันดับหรือวัดระดับให้มากนัก...
focus คุณสมบัติพื้นฐานของลูก
เค้ามีความมุ่งมั่นมั้ย
เค้ารับผิดชอบมั้ย
เค้าเป็นคนไฝ่รู้มั้ย
เพราะท้ายที่สุด
ไม่มีข้อสอบ หรือการประเมินผลใดในโลก
ที่เอามาตัดสินความเก่งของคนคนหนึ่งได้หรอก
.
หมอก็เป็นคนที่ต้องออกข้อสอบเหมือนกัน
หมอรู้ดี
.
หมอแพม
ยินดีด้วย สำหรับคนที่อ่านจบ
ท่านอ่านหนังสือเกินค่าเฉลี่ยของปีนี้แล้ว 😁😁😁
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,เปิดตัว ราคา All-New Isuzu D-MAX 2020 - 2021 อีซูซุ ดีแมคซ์ มาพร้อมระบบ IDAS รถกระบะปิกอัพที่ปลอดภัยที่สุดในคลาส เพิ่มรุ่นพิเศษ X-Terrain ในประเทศออสเ...
สมรรถนะ คือ 在 XO Autosport Facebook 的最佳貼文
SWIFTER ได้ฮือฮา!!
Suzuki Swift Extreme Stylish Contest 2019
ประกวดแต่งรถสองสไตล์ ชิงแพคเกจท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
> facebook.com/suzukiswiftclub
***สมัครได้ที่ All New Suzuki Swift Club Thailand
" Suzuki Swift Extreme Stylish Contest 2019 "
“แต่งให้ใช่ สไตล์คุณ”
***รูปแบบกิจกรรมประกวดการตกแต่งรถยนต์ All New Suzuki Swift 2018-2019***
การประกวดแต่งรถ All New Suzuki Swift แบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้
1.Custom Style
เน้นความสวยงาม บอดี้ ภายนอก ภายใน ห้องเครื่องยนต์ ความแรง สมรรถนะ ทันสมัย โฉบเฉี่ยว โดดเด่น สีสันสวยงาม ในสไตล์ต่างๆ เช่น VIP , JDM ( JAPAN DOMESTIC MARKET), USDM (UNITED STATED DOMESTIC MARKET),WIDE BODY
2.Street Used
รถแต่งจากโรงงาน หรือ แต่งจากศูนย์บริการ Showroom
และนำมาตกแต่งเพิ่มเติมนิดหน่อย เพื่อความสวยงาม ในสไตล์ที่เป็นตัวคุณ เน้นใช้งานในชีวิตประจำวัน
***ช่องทางการรับสมัครและวิธีสมัคร***
โพสต์สมัครร่วมแข่งขันการประกวดที่
Page : All New Suzuki Swift Club Thailand หรือลิ้งค์: https://is.gd/64Sisn
*ขั้นตอนดังนี้*
1.แนบรูปภาพรถที่สวยที่สุดของท่าน 1 รูป
2.แจ้งชื่อ-สกุล ผู้ครอบครองรถ และ แจ้งศูนย์บริการที่ซื้อรถ
3.แจ้งอุปกรณ์ตกแต่งและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวรถ
4.สามารถ Tag ผู้สนับสนุนได้ไม่เกิน 3 ชื่อ
5.สามารถวางลิ้งเพื่อโปรโมทได้ 1 ลิ้งค์(ลิ้งแนบรูปมากกว่า 1 รูป ต่อหนึ่งหัวข้อ แต่ทั้งหมดต้องไม่เกิน 6 รูป และ 1 vdo คลิป)
- รูปหน้าตรง
- รูปท้ายตรง
- รูปด้านข้าง
- ภายในห้องโดยสาร
- ภายในเครื่องยนต์
- บรรยายอุปกรณ์ที่ใช้ในการตกแต่งทุกจุด และแนวคิดในการตกแต่ง
- พร้อม Tag #suzukimotorthailand #Allnewsuzukiswifclubthailand #suzukiswiftextremestylishcontest2019
***ระยะเวลารับสมัคร***
ตั้งแตวันที่ 1ตุลาคม - 31ตุลาคม 2562
***ระยะเวลากดไลค์เพื่อเก็บคะแนน***
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม -14 พฤศจิกายน 2562 เวลา 18:00 น.
*** ประกาศผล***
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 เวลา 18:00 น.
***หลักเกณฑ์การตัดสิน***
1.จากการโหวตผ่านช่องทาง Page : All New Suzuki
Swift Club Thailand โดยคะแนนจากการกด Like
1 Like = 1 คะแนน
2.จากคณะกรรมการ คะแนนรวม 2000 คะแนน
-ความคิดสร้างสรรค์ การพรีเซ็นต์ตัวรถ 500 คะแนน
-ความสวยงามและความลงตัวภายนอก 500 คะแนน
-ความสวยงามลงตัวภายใน ประยุกต์ใช้อุปกรณ์ตกแต่งได้
อย่างเหมาะสม 500 คะแนน
-ความชื่นชอบของคณะกรรมการ 500 คะแนน
***คณะกรรมกรรมการตัดสิน***
•ผู้ทรงคุณวุฒิในวงการยานยนต์ 3 ท่าน
•ประธานคลับ 1 ท่าน
***กติกาการตัดสิน***
*Custom Style*
1.การแต่งภายนอก สีของตัวรถให้ความโดดเด่นเวลาพบเห็น
ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง กันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์
ต้องสวยงาม ลงตัว และ กลมกลืนกันทั้งหมด อุปกรณ์ที่นำ
มาตกแต่งต้องมีเอกลักษณ์เป็นตัวเอง ซึ่งอุปกรณ์ตกแต่งจะ
มาจากภายในประเทศ หรือ ภายนอกประเทศก็ได้ แต่ต้อง
เป็นสไตล์ที่ชัดเจนเช่น JDM Style , USDM ,Wide Body
หรือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของรถเอง เป็นต้น
2.การแต่งภายในห้องโดยสาร ต้องเข้ากันและสอดคล้องกับ
ภายนอก สวยงามและลงตัว อุปกรณ์ที่นำมาตกแต่ง สวยงาม
ทันสมัย โดดเด่นและ มีประโยชน์ในการใช้งาน เช่น แผงแด
ชบอร์ดแท้ เครื่องเสียง ทีวิดิจิตอล เบาะ พรหม เกจ์วัดต่างๆ
เป็นต้น
3.รถมีมาตรฐานความปลอดภัย
4.ความคิดสร้างสรรค์
5.วิธีการนำเสนอ (ด้านข้อมูลการตกแต่ง รายละเอียดตัวรถ แนวคิดการตกแต่งรถ หรือ สามารถนำเสนอผ่าน Clip VDO)
***กติกาการตัดสิน***
*Street Use*
1.การแต่งภายนอก สามารถใช้อุปกรณ์ตกแต่งจาก
Showroom Suzuki เป็นหลัก นำมาปรับแต่งให้สวยงาม
ลงตัว และกลมกลืนกันทั้งคัน สีตัวรถสามารถใช้สติ๊กเกอร์
ในการตกแต่ง หรือ แร๊พสีรถทั้งคัน
2.การแต่งภายในห้องโดยสาร สามารถใช้อุปกรณ์ตกแต่งจาก
Showroom Suzuki เป็นหลัก นำมาเพิ่มเติมความสวยงาม
และลงตัวกับการตกแต่งภายนอก มีประโยชน์ในการใช้งาน
สามารถเป็นการทำในรูปแบบ DIY ด้วยตัวเอง แต่ต้องมี
ความปลอดภัยในการใช้งาน
3.รถต้องสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และ รถมี
มาตรฐานความปลอดภัย
4.ความคิดสร้างสรรค์
5.วิธีการนำเสนอ (ด้านข้อมูลการตกแต่ง รายละเอียดตัวรถ แนวคิดการตกแต่งรถ หรือ สามารถนำเสนอผ่าน Clip VDO)
***กติกาการรับสมัคร***
1.รถยนต์ทีใช้ในการเข้าการแข่งขันต้องเป็น All New Suzuki
Swift 2018-2019 เท่านั้น
2.ผู้สมัครจะต้องเป็นเจ้าของรถ หรือ ผู้ได้รับมอบหมายให้นำ
รถเข้าสมัครแข่งขัน
3.รถยนต์ที่เข้าสมัครสามารถสมัครได้เพียง 1 รุ่น คือ Custom
Style หรือ Street Used
***รางวัลชนะเลิศที่1ทั้ง 2 รุ่น Custom Style และ Street
Used***
1.รางวัลชนะเลิศที่1 : แพคเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่น 2 ที่นั่ง พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท (สนับสนุน แพคเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่น 2 รางวรล 4 ที่นั่ง พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาทโดย ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด
2.รองชนะเลิศอันดับ 1- 4 :รางวัลน้ำมันเครื่องสำหรับ Suzuki Swift 1 แกลลอน และ รถโมเดล All New Suzuki Swift 1 คัน(สนับสนุนรางวัลโดย All New Suzuki Swift Club Thailand)
***เอกสารประกอบการสมัคร***
*ส่งเอกสารการสมัคทั้งหมดกับ แอดมิน ทาง IB เท่านั้น*
1.สำเนาบัตรประชาชน
2.สำเนาใบคู่มือจดทะเบียน (หน้ารายการจดทะเบียน และ
เจ้าของรถ)
3.หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
4.หนังสือยินยอมให้นำรถมาจัดแสดงในงาน @Motor
Expo 2019 ระหว่างวันที่ 28/11/62-9/12/62 กรณีได้รับ
รางวัลชนะเลิศที่1ทั้ง2รุ่น
***ข้อกำหนดสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบ***
1.รถต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกับภาพถ่ายที่เข้าร่วม
ประกวด และจะต้องส่งมอบรถยนต์ให้กับบริษัท ซูซูกิ
มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย
ของตัวรถ (หากไม่สามารถส่งมอบได้ถือว่าสละสิทธิ์)
2.รถยนต์ที่ผ่านการตรวจเช็คความเรียบร้อยแล้ว จะถูกนำไป
จัดแสดงที่งาน Motor Expo 2019 เมืองทองธานี ระหว่างวัน
ที่ 28 พฤศจิกายน - 9 ธันวาคม 2562
3.ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 2 ท่าน ต้องมาแสดงตนและรับเงิน
รางวัลพร้อมรับรถคืน
#suzukimotorthailand
#AllNewSuzukiSwiftClubThailand
#Swift2018
สมรรถนะ คือ 在 HR - The Next Gen Facebook 的最佳貼文
เวลาไปสัมภาษณ์งาน นอกเหนือจากความรู้ความสามารถ ทักษะ ในสายงานที่เราไปสมัคร ในภาษา HR คือ Functional Competency แล้ว บริษัทก็จะดูว่าเรามี Core Competency อย่างที่เค้าต้องการด้วยมั้ย
Core Competency เราจะรู้ได้ยังไง ง่ายที่สุดคือไปดูที่ website บริษัทว่า Core Value กับ Culture บอกอะไรไว้บ้าง ตรงนั้นแหละที่เราต้องมาตีความว่า อ๋อ ต้องเป็นคนประมาณนี้ มี mindset ประมาณนี้ใช่มั้ย ถึงจะใช่คนที่เค้าต้องการ
ส่วนใครที่อยากจะโตในองค์กร ก็อย่าลืมใส่ใจกับ Managerial Competency ด้วยนะครับ
ใครสนใจความรู้ HR ไปติดตามที่เพจ QGEN นะครับ
#HRTheNextGen
องค์กรจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ “คน” เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญ Competency เป็นหนึ่งเครื่องมือที่องค์กรต้องให้ความสนใจ และกำหนดให้สอดคล้องทิศทางที่องค์กรได้วางไว้
Competency คืออะไร ?
Competency ที่เแปลเป็นภาษาไทยว่า สมรรถนะ ซึ่งหมายถึง ความรู้ความสามารถ (Knowledge) ทักษะ (Skill) ลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมเฉพาะบุคคล (Attribute) ที่จะนำพาองค์กรไปสู่จุดมุ่งหมายที่วางไว้
Competency แบ่งออกทั้งหมดเป็น 3 ประเภทคือ
1. Core Competency คือความรู้ความสามารถ ทักษะ ลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมหลัก ที่คนทุกคนในองค์จะต้องมีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดก็ตาม โดย Core Competency ส่วนใหญ่ถูกกำหนดขึ้นหรือประยุกต์ใช้จากวัฒนธรรมขององค์กร
2. Functional Competency คือความรู้ความสามารถ ทักษะ ลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจงไปในแต่ละวิชาชีพ หรือสายงาน โดยสายงานที่อยู่แตกต่างกันอาจจะมี Competency ที่แตกต่างกัน แต่บางสายงานที่อยู่ในกลุ่มงานเดียวกัน อาจจะมี Competency ที่อยู่ในชุดเดียวกันก็เป็นได้
3. Managerial Competency คือความรู้ความสามารถ ทักษะ ลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมที่จะบริหารงานตั้งแต่ระดับ Supervisor ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่าง CEO ซึ่ง Leadership skill ถือเป็นส่วนสำคัญใน Competency ประเภทนี้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ Compentency จึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการทำงานด้าน HR ทุก ๆ มิติ เช่น Recruitment, Learning and Development, Compensation and Benefits เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อพัฒนาคนภายในองค์กรให้มีความพร้อมที่จะพาองค์กรประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้
สามารถรับฟัง QGEN Podcast EP.11 แบบเต็มๆได้
SoundCloud : https://bit.ly/2lRJOp5
iTunes Podcast : https://apple.co/2ksj8Lo
Spotify Podcast : https://spoti.fi/2lQZIA2
หากใครอยากรับฟัง EP อื่นๆ
SoundCloud: https://bit.ly/2JsZRmz
iTunes Podcast: https://apple.co/2LgkR2h
Spotify Podcast: https://spoti.fi/2XH9qY3
สมรรถนะ คือ 在 CarDebuts Youtube 的最佳貼文
เปิดตัว ราคา All-New Isuzu D-MAX 2020 - 2021 อีซูซุ ดีแมคซ์ มาพร้อมระบบ IDAS รถกระบะปิกอัพที่ปลอดภัยที่สุดในคลาส เพิ่มรุ่นพิเศษ X-Terrain ในประเทศออสเตรเลีย
ในที่สุด Isuzu ก็ได้เปิดตัว All-New D-MAX โฉมใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 3 ในประเทศออสเตรเลีย ตลาดที่ 2 รองจากไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นการยกระดับ จาก D-MAX ที่จำหน่ายไปแล้วในเมืองไทย นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ให้มาใหม่ทั้งคัน
All-New Isuzu D-MAX เวอร์ชั่นออสเตรเลีย จะมีคุณสมบัติส่วนใหญ่ เหมือนกับรุ่นที่จำหน่ายในเมืองไทย โดยมีการแนะนำรุ่นพิเศษใหม่ คือ X-Terrain เข้ามาอยู่ในไลน์อัพ มีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ อย่างระบบความปลอดภัย ช่วยขับขี่อัจฉริยะ Intelligent Driver Assistance System หรือ IDAS ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญ ของ D-MAX รุ่นนี้ นอกจากนั้น ยังมีชุดแต่ง หรือ accessory มากกว่า 50 ชิ้นให้เลือกสรร ส่วนขุมพลัง จะมีเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ รหัส 4JJ3-TCX ความจุ 3.0 ลิตร เพียงบล็อคเดียวเท่านั้น ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า PS ที่ 3600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1600-2600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1400-3000 รอบ/นาที เป็นอ็อปชั่น ซึ่งถือว่าเป็นการตอบสนอง ได้ตรงกับความต้องการของตลาดอย่างออสเตรเลีย ที่ต้องการรถกระบะสมรรถนะสูง ที่สมบุกสมบัน และมีความโดดเด่นในด้านรูปโฉม
รายละเอียดเพิ่มเติม http://cardebuts.com/2020/08/all-new-isuzu-d-max-2020-2021-australia-prices-revealed-x-tarrain-idas-intelligent-driver-assistance-system/
สมรรถนะ คือ 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
รีวิว MG ZS EV 2019-2020 เอ็มจี แซดเอส อีวี รถยนต์ไฟฟ้า 100% เปิดตัวในไทย ราคา 1.19 ล้านบาท
เอ็มจี เปิดตัว The NEW MG ZS EV รถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า เพื่อการใช้ชีวิตที่ “ง่าย” ยิ่งขึ้น
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เร่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดตัว “NEW MG ZS EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของเอ็มจีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยียนตรกรรม ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า เพื่อการใช้ชีวิตที่ “ง่าย” ยิ่งขึ้น พร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วน สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จครอบคลุมทุกโชว์รูม โดยเปิดรับจองอย่างเป็นทางการ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ที่โชว์รูมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เอ็มจีได้มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในทุกมิติ ตามพันธสัญญา ที่เคยให้ไว้ และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ในการดำเนินธุรกิจของเอสเอไอซี คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจี ที่กำหนดแนวของทางการพัฒนารถยนต์ ภายใต้ 4 แกนหลัก คือ มีความอัจฉริยะในการเชื่อมต่อ (Intelligent Connectivity) การใช้พลังงานทางเลือก (Electrification) เป็นทรัพยากรที่สามารถใช้ร่วมกันได้ (Sharing) และมีความเป็นสากล (Globalization)
ทั้งนี้ การแนะนำ “NEW MG ZS EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของเอ็มจีในวันนี้ นอกจากสะท้อนให้เห็นการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งของเอ็มจี ตามแนวทางดังกล่าวแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญ ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือก ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้พลังงานทดแทน ตามนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
NEW MG ZS EV มาพร้อมความโดดเด่น ทั้งในด้านคุณภาพ สมรรถนะ ความอัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดของเอ็มจี ในการที่จะสร้าง และส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่จะทำให้การใช้งานรถไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ “ง่าย” สำหรับทุกคน”
รายละเอียดเพิ่มเติม http://cardebuts.com/2019/06/the-new-mg-zs-ev-2019-thailand-debut-price/
สมรรถนะ คือ 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
ต้นแบบ All-New Ford Ranger รุ่นปี 2020 - 2021 ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่ เจนเนอเรชั่นล่าสุด มันคือ Ford F-250 Super Duty King Ranch 2020
หลังจากที่มีภาพถ่ายที่คาดว่าเป็นรถต้นแบบดินน้ำมันของ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์ ) เจนเนอเรชั่นใหม่หลุดออกมา ซึ่งพบว่าดีไซน์ของรถกระบะปิกอัพขนาด 1 ตันนี้ ใกล้เคียงกับรถกระบะ full size รุ่นพี่ อย่าง F-250 Super Duty โฉมใหม่ รุ่นปี 2020 ที่เพิ่งเผยโฉมไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แตกต่างกันก็เพียงในรายละเอียด แต่การวางตำแหน่งและดีไซน์โดยรวม จะไม่หนีกันมากนัก
โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากโคมไฟหน้าเดิมไปเป็นแบบใหม่ รูปตัว C ราวกับว่า Ford พยายามใส่ DNA ของรถกระบะ full size เข้าไปใน Ranger โฉมใหม่นี้ เพื่อใช้ความได้เปรียบในเรื่องของภาพลักษณ์ ตามแบบรถกระบะ full size มาดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมาย ที่อาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสรถกระบะขนาดใหญ่ ได้มีทางเลือกที่ใกล้เคียง อย่างน้อยก็ในเรื่องของรูปโฉม
แม้ว่าเรื่องรูปลักษณ์จะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ความเป็นรถกระบะขนาดใหญ่ เรื่องของขุมพลังที่ใช้ ต้องบอกว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะ F-Series Super Duty ใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 SOHC ความจุ 6.2 ลิตร สำหรับรุ่นเริ่มต้น ที่ให้กำลังสูงสุด 385 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตร
รวมถึงอีก 2 รุ่นเครื่องยนต์ใหม่ คือ เครื่องยนต์ดีเซล Power Stroke V8 ความจุ 6.7 ลิตร เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งได้รับการอัพเกรดดัวยระบบหัวฉีดใหม่ ให้กำลังสูงสุด 450 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1268 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 7.3 ลิตร ใหม่ล่าสุดแบบ all-new ที่ Ford ยังไม่เปิดเผยตัวเลขด้านสามรรถนะ โดยทุกรุ่นจะมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ TorqShift 10 สปีด ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุด และรองรับการทำงานในแบบ heavy duty
สิ่งที่ทำให้รถกระบะ full size แตกต่างไปจากรถกระบะขนาด 1 ตันในบ้านเราก็คือ การติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆมาให้แบบจัดเต็ม คือ เหนือชั้นในทุกด้าน ทั้งประสิทธิภาพการขับขี่ สมรรถนะ ความปลอดภัย รวมถึงความสะดวกสบาย
อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาอีก 2-3 ปี กว่าที่ Ford จะเปิดตัว All-New Ranger โฉมใหม่ ถึงตอนนั้น Ford ก็อาจจะส่งมอบความเหนือชั้นจากรถกระบะรุ่นพี่อย่าง F-Series มาให้กับรุ่นน้องอย่าง Ranger ไม่มากก็น้อย