สาระสำคัญเกี่ยวกับหลักนิติธรรม : ยุคโควิด 19
กฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐควบคุมคนในสังคมที่เกี่ยวพันในขอบของกฎหมายต้องสอดคล้องกับหลักนิติธรรม
เมื่อพิจารณาศึกษาถึงแนวคิดว่าด้วย หลักนิติธรรม (The Rule of Law) คำว่า “หลักนิติธรรม” หมายถึง การที่องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองจะปฏิบัติการใด ๆ ต้องอยู่ใต้การผูกมัดของ “กฎเกณฑ์” (Rule) ที่แน่นอนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันและได้ประกาศล่วงหน้าแล้ว โดยที่กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยให้สามารถคาดการณ์ได้และช่วยให้สามารถวางแผนกิจการต่าง ๆ ได้บนพื้นฐานของความรู้ดังกล่าว ความคิดเรื่องหลักนิติธรรมเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมายขององค์กรของรัฐฝ่ายบริหารกับฝ่ายตุลาการที่ผูกพันตนเองเอาไว้กับกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้ตราขึ้น แต่ไม่ได้หมายความเลยไปถึงการผูกมัดอำนาจนิติบัญญัติไว้กับกฎหมายดังเช่นประเทศที่ใช้หลักนิติรัฐโดยเฉพาะประเทศเยอรมนี ด้วยเหตุนี้ประเทศอังกฤษจึงถือ “หลักความมีอำนาจสูงสุดของรัฐสภา” (The Supremacy of Parliament) เป็นหลักใหญ่ในการจัดรูปแบบการปกครอง ซึ่ง เอ วี ไดซีย์ (A.V. Dicey) นักกฎหมายรัฐธรรมนูญชาวอังกฤษได้อธิบายสาระสำคัญของหลักนิติธรรมไว้ ดังนี้
1.1 องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองไม่มีอำนาจลงโทษบุคคลใดได้ตามอำเภอใจ
องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองไม่มีอำนาจลงโทษบุคคลใดได้ตามอำเภอใจ เว้นเพียงในกรณีที่มีการละเมิดกฎหมายโดยชัดแจ้งและการลงโทษที่อาจกระทำได้นั้นจะต้องกระทำตามกระบวนการปกติของกฎหมายต่อหน้าศาลปกติ (Ordinary Rights) ของแผ่นดิน กล่าวคือ องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองจะใช้อำนาจตามอำเภอใจในการบังคับใช้กฎหมายที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนไม่ได้ โดยที่รัฐสภาผู้ออกกฎหมายจะมอบให้องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองออกกฎหมายลำดับรองที่มีฐานะเป็น “กฎ” นั้นจะต้องเป็นกฎหมายที่มีการประกาศให้ทราบทั่วไปมีความเหมาะสม กฎหมายจะต้องประกาศใช้บังคับอย่างเปิดเผย ไม่มีผลบังคับย้อนหลัง หรือเรียกร้องให้บุคคลกระทำหรือปฏิบัติในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งองค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองในหลักนิติธรรมนี้ จะกล่าวถึง “องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครอง” ในฐานะ “ผู้ปกครองที่ใช้อำนาจรัฐฝ่ายบริหาร” เท่านั้น จะไม่ได้กล่าวถึง “ผู้ปกครองที่ใช้อำนาจรัฐฝ่ายนิติบัญญัติ” หรือ กล่าวถึง “ผู้ปกครองที่ใช้อำนาจรัฐฝ่ายตุลาการ” แสดงให้เห็นถึงผู้ปกครองที่ใช้อำนาจรัฐฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ รัฐสภาจะไม่มีอำนาจใดเข้าการตรวจสอบในการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติในการตรากฎหมาย
1.2 ไม่มีบุคคลใดอยู่เหนือกฎหมาย
ไม่มีบุคคลใดอยู่เหนือกฎหมายไม่ว่าบุคคลจะอยู่ในตำแหน่งหรือเงื่อนไขประการใด ไม่ว่าเป็นองค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจทางปกครองหรือบุคคลธรรมดาล้วนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและศาลเดียวกัน คือ ศาลยุติธรรม โดยใช้ “ระบบกล่าวหา” (Accusatorial System) ในการพิจารณาคดี กล่าวคือ “ระบบกล่าวหา” หมายถึง กระบวนการพิจารณาคดีที่มีการกล่าวอ้างพยานหลักฐานต่อศาล โดยถือว่าพยานหลักฐานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร หรือพยานวัตถุเป็นของคู่กรณี ซึ่งนำมาสู่ศาลโดยเฉพาะ และถือว่าเป็นพยานหลักฐานของฝ่ายที่นำส่งคู่กรณีที่อ้างพยานหลักฐานทั้งหลายนั้นต้องพิสูจน์ให้เจือสมและยืนยันข้อเท็จจริงแห่งคดี คู่กรณีซึ่งมิได้อ้างพยานจะสืบหักล้าง ทำให้พยานหลักฐาน นั้นไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเชื่อถือได้ การนำสืบพยานหลักฐานที่เป็นพยานบุคคล จะมีวิธีซักถาม คัดค้าน และถามติง ระบบกล่าวหานี้ประเทศไทยก็ใช้ในกระบวนการยุติธรรมของศาลไทย คือ ศาลสถิตยุติธรรม ซึ่งประเทศอังกฤษจะมีศาลเดียว คือ ศาลสถิตยุติธรรมทุกคดีจะฟ้องเดียวกัน
เมื่อพิจารณาตัวบทกฎหมายที่มีฐานะสูงกว่ากฎหมายทั่วไปแล้ว ประเทศอังกฤษจะมีความแตกต่างจากประทศอื่น ๆ กล่าวคือ โดยทั่วไปประเทศที่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรจะกำหนดให้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่มีสถานะสูงสุดเหนือกว่ากฎหมายอื่นใดทั้งหมด แต่สำหรับประเทศอังกฤษกลับไม่ได้เป็นเช่นนี้ ประเทศอังกฤษถือว่า ฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา) เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุด ด้วยเหตุนี้กฎหมายที่เป็นรูปพระราชบัญญัติที่ฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา) ของประเทศอังกฤษตราขึ้น จึงมีฐานะที่สูงสุดกว่าสิ่งใดแม้จะมีค่าเป็นกฎหมาย จุดนี้ถือเป็นความแตกต่างที่สำคัญของประเทศอังกฤษกับประเทศอื่น ๆ ทั่วในโลก
1.3 สิทธิขั้นพื้นฐานจะถูกรับรับไว้ในคำพิพากษาของศาล
หลักทั่วไปของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญในเรื่อง “สิทธิขั้นพื้นฐาน” (Fundamental rights) ของประชาชนเป็นผลจากคำวินิจฉัยตัดสินของศาลหรือกฎหมายธรรมดา มิใช่เกิดขึ้นจากการรับรองค้ำประกันเป็นพิเศษโดยรัฐธรรมนูญ ดังนั้นคำพิพากษาของศาลในประเทศที่ใช้หลักนิติธรรม คือ กฎหมายเป็นบ่อเกิดของกฎหมายที่สำคัญที่สุดทั้งที่เป็นกฎหมายในระดับกฎหมายบัญญัติ หรือเป็นกฎหมายที่มอบให้องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจปกครองออกกฎหมายลำดับรองที่มีฐานะเป็น “กฎ” ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่ไม่มีคำพิพากษาของศาลเมื่อมีคดีพิพาทเกิดขึ้นจำเป็นต้องมีการตรากฎหมายลายลักษณ์อักษรโดยฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา) ขึ้นให้ฝ่ายบริหารนำไปใช้บังคับ ซึ่งการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ สามารถกฎหมายโดยที่ไม่มีการตรวจสอบการตรากฎหมายได้
จะเห็นได้ว่า หลักนิติธรรม (The Rule of Law) เน้นเรื่องการใช้อำนาจของรัฐบาลว่าต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสามัญของคอมมอนลอว์ (Common Law) ในฐานะแหล่งที่มาเดียวกันของกฎหมาย คือ คำพิพากษาของศาล ไม่มีการแบ่งแยกกฎหมายเอกชนกับกฎหมายมหาชนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันและใช้ระบบวิธีพิจารณาของศาลเดียวกัน กล่าวคือ ใช้ระบบวิธีพิจารณาในระบบกล่าวหาในศาลยุติธรรมมีศาลเดียว ซึ่งแตกต่างไปจากระบบกฎหมายภาคพื้นยุโรป เช่น ประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี เป็นต้น ที่ใช้ระบบกฎหมายซิวิลลอว์ (Civil Law) ใช้หลักนิติรัฐ (Legal State) ในการปกครองประเทศและมีแนวคิดการแบ่งแยกกฎหมายเอกชนกับกฎหมายมหาชนออกจากกันจึงใช้วิธีพิจารณาคดีและองค์กรพิจารณาคดีที่แตกต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ “การปกครองโดยกฎหมาย” และ “เป็นกฎหมายที่ไม่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนภายใต้หลักสมควรแก่เหตุ”
「สิทธิขั้นพื้นฐาน คือ」的推薦目錄:
สิทธิขั้นพื้นฐาน คือ 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
"วันนี้โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยคือ ทำไมชนชั้นกลางไม่เอาประชาธิปไตย"
งานประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ประจำปี 2559 มีการอภิปราย เรื่อง เดินหน้าประชาธิปไทย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 ศูนย์ประชุม สหประชาชาติ(ยูเอ็น) ถนนราชดำเนินนอก
ศาสตราจารย์สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
"คำนิยามประชาธิปไตยในประเทศไทย คงต้องมองให้ขาดว่าเราอยู่ในระยะไหน มีคนมองว่าไทยกำลังอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน แต่ตนมองว่าในทุกวันนี้ไม่ได้อยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน รัฐประหารไม่ใช่การเปลี่ยนผ่าน เพื่อสร้างประชาธิปไตย แต่รัฐประหารคือรัฐประหาร ในหลายปีที่ผ่านมา โลกกำลังก้าวเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านทางการเมือง หลายประเทศประสบความสำเร็จ หลายประเทศไม่ประสบความสำเร็จ และหลายประเทศอยู่ระหว่างการครึ่งๆ กลางๆ ไทยกำลังอยู่ระหว่างครึ่งๆ กลางๆ มีการเลือกตั้ง มีการยึดอำนาจ ในลักษณะเดินหน้าถอยหลังแบบเพลงสาละวันเตี้ยลง
การเมืองไทยยังก้าวไม่พ้นพื้นที่สีเทา หรือเกรย์โซน หมายความว่าการเปลี่ยนผ่านการเมืองไทยกำลังการสร้างระบอบการปกครองแบบพันธุ์ทาง หรือไฮบริด มีนัยยะเพราะการเปลี่ยนผ่านไม่ได้ก้าวไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และไม่ได้ถอยไปสู่การปกครองแบบเก่า ในอนาคตการเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นระบอบไฮบริดหรือพันธุ์ทางแบบไทยนั้นจะค่อนไปยังประชาธิปไตย หรือไปทางอำนาจนิยม ตรงนี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่การเมืองไทย และเป็นคำถามหลังการเลือกตั้งในอนาคต เพราะเรายังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดเมื่อไหร่ รัฐบาลใหม่จะหน้าตาเป็นอย่างไร
การเดินหน้าประชาธิปไตยทำอย่างไรให้ยอมรับจากต่างประเทศ เวลาพูดเรื่องประชาธิปไตยจะตัดเรื่องต่างประเทศไม่ได้ เพราะบรรทัดฐานระหว่างประเทศ มีการนำเอาประชาธิปไตยมาชี้วัด ถ้าถอยจากประชาธิปไตยเคพีไอ หรือดัชนีชี้วัด หล่นทันที ในรอบ10 ปี พบว่าไทยเป็นเพียง 1 ในมี 3 ประเทศในโลกที่มีรัฐประหารซ้ำ
ไม่เชื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ว่าจะไม่มีปัญหา แต่ประชาธิปไตยทำให้เราได้เลือกตั้ง และตัดสินใจเลือกผู้บริหารประเทศเอง ตรงนี้ต่างหากที่เป็นหลักประกัน ถ้าหลักประกันไม่มีอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ถามจริงๆ ระบอบการเมืองไหนสร้างสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ แม้ระบบการเมืองไทยจะชำรุดไปบ้าง สามารถช่วยการซ่อมได้ ถ้าร่วมมือกัน
ซึ่งเกณฑ์ที่ประชาธิปไตยควรมี ขอใช้สูตร 7+7 คือ
สิทธิขั้นพื้นฐาน 7 ประการต้องมี คือสิทธิการออกเสียง สิทธิในการตั้งพรรคการเมือง การสิทธิการแข่งขันเลือกตั้ง สิทธิในการควบคุมตัวแทนของประชาชน สิทธิในการพูดในที่สาธารณะ สิทธิในการประท้วงอย่างสันติ สิทธิของชนกลุ่มน้อย แม้สิทธิไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งเป็นการค้ำประกันสิทธิเหล่านี้ อีกส่วนคือ
หลักการพื้นฐานใน 7 ประการ คือ หลักนิติธรรมนิติรัฐต้องเกิด ระบบตุลาการต้องเป็นอิสระ ธรรมาภิบาลต้องมี การควบคุมโดยพลเรือนหรือการควบคุมทหารโดยพลเรือน การตรวจสอบและถ่วงดุล การกระจายอำนาจ การสร้างความเข้มแข็งของประชาสังคม
วันนี้โจทย์ใหญ่คือทำไมชนชั้นกลางไม่เอาประชาธิปไตย วันนี้อย่าฝันเกินจริง ด้วยอุดมคติที่สุดโต่งว่าจะสามารถสร้างประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบได้ ต้องเป็นช่างซ่อม ถ้าซ่อมได้จะช่วยสร้างอนาคตให้ประเทศไทย
การต่อต้านประชาธิปไตย คือประกาศจุดยืนต่อต้านประเทศในตะวันตก ประเทศที่มีประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้จะเห็นว่าการรัฐประหารล่าสุดประเทศบางประเทศไม่วิจารณ์รัฐประหารที่กรุงเทพเลย หลังจากนั้นเริ่มเห็นการเมืองไทยใกล้ชิดกับประเทศที่ไม่วิจารณ์รัฐประหารในไทย ถ้าเป็นแบบนี้ประเทศไทยจะเปลี่ยนค่ายการเมืองระหว่างประเทศ และเปลี่ยนพันธมิตรด้านการเมืองและความมั่นคงทั้งหมด