เรื่องน่ารู้ ที่หลายคนอาจไม่รู้ กับ วิธีการอ่านฉลากอาหาร
ผมเป็นคนหนึ่งที่ก่อนจะเอาอะไรผ่านเข้าปากไปลงกระเพาะอาหาร ถ้าอาหารนั้นมีฉลากโภชนาการอยู่ อย่างน้อยต้องชายตามองสักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจซื้อมันมาครับ เดี๋ยววันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการอ่านฉลากอาหารแบบเข้าใจง่ายๆกันว่ามันมีประโยชน์ขนาดไหนครับ ยกตัวอย่างจากฉลากอาหารในภาพคือตัวอย่างอาหารชนิดหนึ่งที่ผมคิดว่าเห็นภาพเลย
ส่วนแรก คือ จำนวนหน่วยบริโภคต่อครั้ง และ ขนาดหนึ่งหน่วยบริโภคคือเท่าใด
อย่างในภาพคือ 1 หน่วยบริโภคเท่ากับ 310 ซีซี และ จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด = 1
นั่นแปลว่าฉลากอาหารที่เราจะเห็นในส่วนที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนั้น สามารถใช้อ้างอิงในการกิน 1 ครั้งจนหมดได้เลย
แต่ถ้าสมมติตัวเลขใหม่ จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด = 2 นั่นแปลว่า ฉลากโภชนาการในส่วนถัดไป ทุกอย่างต้องเอาไป "คูณสอง"ทั้งหมด อันนี้ระวัง tricky นิดนึง เพราะของกินหลายๆอย่างทำเป็นเหมือนจำนวนหน่วยบริโภคนั้นเยอะๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวโภชนาการในส่วนต่อไปดูเหมือนเป็นขนมที่ healthy ไป (ทั้งๆที่อาจจะไม่ใช่)
ส่วนที่ 2 คือ พลังงานทั้งหมด ต่อ 1 หน่วยบริโภค
อันนี้ตรงไปตรงมาครับ คือ คำนวณจากสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน เอามารวมกันว่ากี่แคลอรี่ โดยจะแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ พลังงานรวม และ พลังงานจากไขมัน
พลังงานรวม = คาร์โบไฮเดรต + โปรตีน + ไขมัน
ตัวอย่างในภาพ พลังงานรวม = 240 kcal แต่มีพลังงานจากไขมัน 120 kcal เท่ากับว่า เราจะได้พลังงานจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอีก 120 kcal โดยมีที่มาจากคำนวณ ดังนี้
โดยคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 kcal
โปรตีน 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 kcal
ไขมัน 1 กรัมจะให้พลังงาน 9 kcal
แล้วเราก็เอาตัวเลขของสารอาหารต่างๆไป คูณตามจำนวนกรัมที่มีนั่นเอง
ต่อมา ถามว่าทำไมต้องแยกพลังงานจากไขมันออกมาต่างหาก คำตอบก็คือ ค่าตัวเลขในส่วนนี้จะมีความจำเป็นมากสำหรับคนที่ทานอาหารเช่นกลุ่มคีโตจีนิค (ketogenic diet) ที่เน้นพลังงานจากไขมันมากกว่า 80% ของแหล่งอาหารทั้งที่ทานเข้าไป ถ้าเราไม่ได้สายคีโตก็ดูไว้ผ่านๆได้ครับ
ส่วนที่ 3 คือ คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนนี้สำคัญที่สุด
จะมีตัวเลขแยก 2 ฝั่ง คือ ฝั่งที่อยู่ติดกับชื่อ สารอาหาร (ฝั่งซ้าย) และ ตัวเลข % ทางฝั่งขวา
ตัวเลขฝั่งซ้าย หน่วยจะเป็น กรัม ที่ได้ ถ้าเราทานสิ่งนั้นเข้าไป 1 หน่วยบริโภค
ตัวเลขฝั่งขวา หน่วยจะเป็น % เพราะเขาจะเอาไปอิงกับสารอาหารนั้นๆที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยเทียบกับมาตรฐาน Thai RDI ที่คำนวณว่าคนไทยควรได้รับพลังงาน 2000 kcal ต่อวัน (โดยมาจาก คาร์โบไฮเดรต ทั้งหมด 300 กรัม / โปรตีน 50 กรัม /ไขมัน 65 กรัม)
แล้วคนไทยแต่ละคนต้องการพลังงาน 2000 kcal เท่ากันหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ใช่แน่ๆครับ ดังนั้นการดู % ในส่วนนี้ก็พอดูเป็นแนวทางได้ แต่ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ครับ คิดให้เห็นภาพง่ายๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ หนัก 45 กก. กับ ผู้ชายหนัก 90 กก. สัดส่วน % ไม่มีทางเท่ากันแน่นอน เพราะความต้องการพลังงานของสองคนนี้อาจจะอยู่ที่ 1800 กับ 2200 kcal ต่อวัน ตามลำดับ ประมาณนี้)
ดังนั้นแล้ว ให้สังเกตที่ตัวเลขทางฝั่งซ้ายนี้เป็นหลักครับ แต่ถ้าอยากรู้ว่าร่างกายเราต้องการพลังงานกี่ kcal ต่อวัน สามารถคำนวณได้จากสูตรที่ผมจะให้ไว้อีกทีครับ (สูตรนี้บอกก่อนว่ามีความไม่นิ่งพอสมควร แต่พอใช้เป็นแนวทางได้)
ต่อเนื่องกับส่วนที่ 3 คราวนี้เราต้องมาไล่ดูกันไปทีละตัวเลยครับ
ตัวแรก : ไขมัน
ไขมัน จะแสดงผลรวม ไขมันทั้งหมด และจะแยกย่อยอีกออกเป็น ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) ไขมันทรานส์ (Trans fat) และ คอเรสเตอรอล (Cholesterol) ผมมีทริคง่ายๆเลยเวลาดูฉลากไขมัน
• ไขมันทรานส์ (Trans fat) ไขมันทรานส์คือพวกของกลุ่มไขมันกลายร่างที่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่ากินแล้วจะทำให้ตายด้วยโรคหัวใจเร็วขึ้น อันนี้ควรต้องเป็น 0 g ศูนย์กรัม เท่านั้น ห้ามมีหลงมาอย่างเด็ดขาด
• คอเรสเตอรอล (Cholesterol) อันนี้ทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว ไม่มีไว้ก่อนดีที่สุดครับ คือ ศูนย์
• ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) คือ ไขมันที่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง จะพบได้เยอะในเช่น น้ำมันจากสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู และไขมันอิ่มตัวมักจะมากับอาหารที่คอเลสเตอรอลสูง ดูเผินๆเหมือนจะไม่ดี แต่จริงๆก็ต้องมีข้อยกเว้นไว้บางเช่น ในคนที่ทานน้ำมันมะพร้าวที่มีกรดไขมันอิ่มตัวบางชนิด เช่น กลุ่มของ MCT oil กลุ่มนี้จะเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีมากๆสำหรับสายคีโตจีนิก เพราะสมองจะนำไขมันอิ่มตัวชนิดนี้ไปใช้พลังงานได้อย่างรวดเร็ว
แต่ขอย้ำอีกครั้ง ถ้าอาหารนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะไปด้านคีโต ไขมันอิ่มตัวเยอะๆในฉลาก เราควรต้องให้ความระมัดระวังครับว่าอาหารนั้นมันคืออะไร แล้วก็สุดท้าย ไขมันอิ่มตัวจะบอกว่าแย่อีกก็ไม่ได้ เนื่องจากการที่มันทนความร้อนได้สูงมากพวกน้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันปาล์มจึงเป็นน้ำมันทีเหมาะกับมาทำอาหารผัดๆทอดๆแบบร้อนๆน้ำมันท่วมแบบอาหารไทยแบบนี้ครับ ดังนั้นเวลาดูต้องแยกกันว่า อาหารชนิดนั้นคืออะไร
• ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) คือ ไขมันที่ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ตรงกันข้ามกับอันเมื่อกี้ เรื่องของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นเรื่องใหญ่มาก ขอเล่าสั้นไว้ตรงนี้ก่อนครับ อันนี้ดูเผินๆ ก็เหมือนว่าถ้ามีเยอะก็จะดี เช่น การทานมะกอกจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ เพราะมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมาก แต่ในขณะเดียวอาหารบางอย่างมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมาก เช่น กลุ่มของ industrial seed oil กลับอาจจะไม่ดีมากเท่ากับในกรณีแรก เพราะว่ามีความแตกต่างของมันอยู่นั่นเอง เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า omega-3 หรือ omega-6 มานานแล้ว นั่นละครับ มันคืออันเดียวกันและมันก็อยู่ในกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัว และในฉลากอาหารส่วนมากจะไม่ได้บอกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวในนั้นเป็นชนิดไหน วิธีการที่จะรู้ได้อย่างเดียวคือ ต้องดูว่าอาหารนั้นเป็นอาหารอะไรประกอบด้วยครับ เรื่องนี้ผมขออธิบายละเอียดในคราวหน้า
• ถามว่าสัดส่วนไขมันควรทานวันละกี่กรัม ถ้ายึดตาม Thai RDI คือ ไขมันทั้งหมดต่อวันไม่เกิน 65 กรัม โดยต้องเป็นไขมันไม่อิ่มตัวอย่างน้อย 45 กรัม และ สัดส่วนนี้จะเปลี่ยนไปในกลุ่มของคนที่ทานคีโตครับ แต่คนทั่วไปอาจจะยึดตามแนวทางของ Thai RDI ไว้ก่อน บวกลบ เล็กน้อยตามพลังงานขั้นต่ำของร่างกายครับ ถ้าจะเอาให้เป๊ะขึ้น พลังงานจากไขมันควรเป็น 20 - 35% ของพลังงานรวมทั้งหมด และมีสัดส่วนของ กรดไขมันไม่อิ่มตัว : กรดไขมันอิ่มตัวคือ เท่ากับ 2.2 : 1 โดยคร่าวๆ (เริ่มเครียดเลย ทำไมยากจัง 55)
• ในฉลากส่วนใหญ่จะระบุเฉพาะปริมาณไขมันอิ่มตัว เราก็ต้องเอา ไขมันทั้งหมด - ไขมันอิ่มตัว จะได้เท่ากับปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวนั่นเองครับ (อย่าพึ่งงงนะครับ)
ตัวที่สอง : คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต สารอาหารหลักที่พวกเราชอบกัน ไม่ว่าจะเป็น แป้ง น้ำตาล เส้นพาสต้า ล้วนมีพลังงานหลักมาจากส่วนนี้ ในฉลากมักจะแยกออกไว้ 2 อย่าง
• ใยอาหาร หรือ Fiber ขั้นต่ำประมาณ 25 กรัมต่อวัน อาหารที่ไฟเบอร์สูง จะช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหารขับถ่าย และ ยังช่วยทำให้เราอิ่มได้นาน
• น้ำตาล (sugar) ต้องดูว่าน้ำตาลอันนั้นคือน้ำตาลตามธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร (natural sugar) เช่น น้ำตาลฟลุกโตสในผลไม้ หรือเป็น น้ำตาลที่ใส่เพิ่มเข้าไป (added sugar) เช่น น้ำอัดลม โดยเราจะสนใจหลักๆคือ น้ำตาล added sugar ไม่ควรมีหรือมีให้น้อยที่สุดจะเยี่ยมครับ คนเราไม่ควรได้น้ำตาลเกิน 24 กรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ อาหารในธรรมชาติที่มี natural sugar อยู่ ถ้าไม่นับผลไม้แล้วก็น่าจะหาได้ยากมาก
• ส่วนที่เหลือก็คือ แป้งที่เราเข้าใจกันนั่นเอง แต่เขาจะไม่ได้บอกตรงๆก็ต้องเอามาบวกลบกันออกมา
• พลังงานจากคารโบไฮเดรตต่อวัน ค่าเฉลี่ยโดยประมาณคือ 300 กรัมต่อวัน แล้วก็บวกลบเอาตามขนาดตัวครับ ถ้าไม่เคร่งก็ให้เน้นที่พลังงานมาจากแป้ง ที่ไม่ใช่น้ำตาล โดยมีไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้จริงๆแล้ว แป้งยังแยกเป็น คารโบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวหอมมะลิที่สีมาแล้วอย่างสวยงาม กับ ข้าวกล้องที่ยังไม่ผ่านการขัดสี (Complex carbohydrate) สองอย่างนี้ แคลอรีต่อกรัมเท่ากัน แต่ผลต่อร่างกายไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องดูชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่ทานด้วยครับ
ตัวที่สาม : โปรตีน
• ถ้าไม่ได้กินนมชนิดต่างๆแล้ว หรือกลุ่มของเวย์โปรตีน ผมว่าส่วนนี้เราน่าจะไม่เคยสังเกตมันบนฉลากแน่ๆครับ
• คนทั่วไปๆก็ทานโปรตีนประมาณ 0.8 – 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว ถ้าหัก 60 กก. ก็ทาน 60 กรัมโปรตีนนั่นเอง
• ไขขาว 1 ฟอง มีโปรตีนประมาณ 5 กรัม ลองกะดูครับ
• ถ้าคนเล่นกล้ามก็ต้องการมากกว่านี้อีกมาก เช่น 2-3 กรัมต่อน้ำหนักตัว
จากจุดนี้ก็น่าจะพอเข้าใจภาพได้เลยว่า ตัวเลข % อาจจะไม่มีผลอะไรกับการวางแผนอาหารในกลุ่มคนเฉพาะที่ต้องการผลลัพธ์ที่พิเศษ แต่สำหรับคนทั่วไปก็ใช้ตาม % อ้างอิงก็ไม่เสียหายครับ
ส่วนที่ 4 : โซเดียม
ไม่ควรเกิน 2300 มิลลิกรัมต่อวัน เรามักจะเจออาหารที่โซเดียมสูงๆในบรรดาจำพวกซอสและขนมขบเคี้ยวทั้งหมด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเอาแค่ 4 ส่วนนี้ก็ลายตามากแล้วครับ 555+ อันนี้ยังไม่นับถึงพวก วิตามิน เกลือแร่ หรือ ส่วนประกอบของอาหารที่เราต้องมาเพ่งพิจารณากันจริงๆเลยครับ
เอาตรงๆ มันดูเหมือนจะยากมากครับในครั้งแรก ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ แต่เชื่อผม มันยากแค่ครั้งแรกตอนที่เราหยิบมันขึ้นมา เพราะส่วนใหญ่เราก็กินอะไรไม่ได้ต่างจากเดิมมาหรอกครับในแต่ละวัน อ่านสักครั้งสองครั้งพอจำได้แล้ว เราก็จะหยิบมากินโดยที่ไม่ต้องดู เพราะว่าเราจำคุณค่าทางโภชนาการได้หมดแล้วนั่นเอง และการดูสัดส่วนโภชนาการผมคิดว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญมากชนิดหนึ่งในการดูแลสุขภาพร่างกายของเราเอง
ถ้ามีคำถามใดๆก็ฝากไว้ได้นะครับ ผมจะพยายามมาตอบให้ถ้าสามารถทำได้ครับ ขอบคุณอีกครั้งที่อ่านมาจนจบครับ 😊
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過7萬的網紅หิวแล้ว,也在其Youtube影片中提到,ของหวานก็มา เรื่องน้ำหนักอย่าไปกลัว #ฟักทองแกงบวด กินบ้างเป็นครั้งคราว เพียงแต่ว่าครั้งละเป็นหม้อๆเท่านั้นเอง เอิ๊กกกๆๆๆ ฝากกดติดตามด้วยค่ะ https://...
「ส่วนแรก」的推薦目錄:
- 關於ส่วนแรก 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的精選貼文
- 關於ส่วนแรก 在 Facebook 的精選貼文
- 關於ส่วนแรก 在 Facebook 的最佳解答
- 關於ส่วนแรก 在 หิวแล้ว Youtube 的精選貼文
- 關於ส่วนแรก 在 Nina GO Youtube 的最佳貼文
- 關於ส่วนแรก 在 ค่าเสียหายส่วนแรกคือ? excess deductible ต่างกันยังไง? - YouTube 的評價
- 關於ส่วนแรก 在 Sunday Thailand - 2. ค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ (Deductible ... 的評價
ส่วนแรก 在 Facebook 的精選貼文
เคล็ดลับ ที่ทำให้บริษัทน้องใหม่ขายสมาร์ทโฟนได้ 100 ล้านเครื่องภายใน 2 ปีกว่าๆ
แซงหน้า Apple และ Samsung 🔥
.
.
เร็วๆ นี้
ผมตามข่าวเกี่ยวกับแบรนด์มือถือชื่อ real me
(ที่ผมเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่า เขาเป็นเจ้าของเดียวกันกับ Oppo และ Vivo)
และได้ทราบว่า
ยอดขายของบริษัทนี้ เติบโตเป็นประวัติศาสตร์โลก
คือ 100 ล้านเครื่อง ได้ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปีครึ่ง
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ real me เติบโตได้ไวขนาดนี้นั้น
มีอยู่หลักๆ 2 ส่วน
.
ส่วนแรก คือ คุณภาพ
เนื่องจาก real me เจาะตลาดคนรุ่นใหม่
ฉะนั้นสเปคการผลิตจึงต้องล้ำ ใช้แล้วเท่
นอกจาก real me จะเป็นสมาร์ทโฟนแล้ว
ยังมีการผลิตสินค้า AIoT (Artificial Intelligence of Things) ต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกันกับ real me ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกมากมาย
เช่น หูฟัง นาฬิกาสมาร์ทวอช เครืองชั่งน้ำหนัก
หลอดไฟ แปรงสีฟัน ฯลฯ แม้กระทั่งเครื่องฟอกอากาศ
.
ส่วนที่สอง คือ กลยุทธ์การขาย
ไม่ใช่แค่ราคาที่จับต้องได้
แต่ “ความง่ายในการซื้อ” ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ real me ด้วย
real me ไม่เน้นขายผ่านชอป หรือสาขา
แต่จะเน้นสร้างขายผ่านคนธรรมดาที่อยากร่วมธุรกิจกับ real me
แม้เราจะสามารถซื้อ real me ผ่านร้านค้าออนไลน์ของเขาได้โดยตรง
แต่ในขณะเดียวกัน
เราก็สามารถซื้อผ่านตัวแทนออนไลน์ของ real me ได้เช่นกัน
ซึ่งตัวแทนแต่ละคนจะสามารถลด แลก แจก แถม
และสร้างสรรค์โปรโมชั่นของตัวเองในทุกช่องทางได้อย่างอิสระ
ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการไลฟ์ (ทั้งเฟสบุค ทั้ง ig และอื่นๆ)
หรือในช่องอื่นๆ ก็ตาม
ซึ่งความเข้าถึงง่ายแบบนี้เอง
ที่เป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้เกิดการกระจายตัวของสินค้า real me อย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้บริโภคด้วยกันเอง
และนำมาซึ่งยอดขาย 100 ล้านเครื่อง ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปีครึ่งได้ในที่สุด
.
สำหรับประเทศไทย
real me ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการบริโภคออนไลน์อย่างมีนัยยะสำคัญ
ทั้งยังเล็งเห็นถึงวัฒนธรรมการ “ไลฟ์ขายของ - การเอฟของ” ที่แฝงความคิดสร้างสรรค์ และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากคนชาติไหน
ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง
ที่การไลฟ์ขายของธรรมดาๆ กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพ่อค้าแม่ค้า พลิกชีวิต พลิกธุรกิจ สร้างการรับรู้ และสร้างตัวเลขในบัญชีได้ในชั่วข้ามคืน
(เช่นกรณี เจ๊นำ้ , พิมรี่พาย , บังฮาซาน ฯลฯ)
จึงไม่แปลก
ที่ real me จะร่วมกับบริษัท อัลติเมท ซัคเซส พาร์ทเนอร์ บริษัทฝึกอบรมการขายอันดับหนึ่งของประเทศไทย
จัดสัมมนาออนไลน์ขึ้นมาในวันพฤหัสที่ 26 สิงหาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 13.00-17.00 น.
ในชื่องาน “Social Selling เรียนรู้ทักษะการขายในโลกดิจิตอล
กับแบรนด์สมาร์ตโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก”
เพื่อให้แนวคิด วิธีการ
รวมถึงคัดเลือกผู้ค้าออนไลน์ ที่จะเข้าร่วมเป็น partner ของ real me อย่างเป็นทางการ
ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ องค์ความรู้ สิ่งสนับสนุนต่างๆ จาก real me โดยตรง
ทั้งยังได้เข้าอบรมความรู้ ทักษะ และอัพเดทข่าวสารต่างๆ จาก real me เป็นประจำอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
โดย real me จะเป็นผู้สนับสนุนค่าฝึกอบรมให้ทั้งหมด
.
สำหรับใครที่ต้องการเรียนรู้วิธีการขายของบน social media
ผ่านแนวคิด วิธีการ และประสบการณ์ของแบรนด์ระดับโลก
ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตมา
ซึ่งแน่นอนว่า
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าเรียนได้
อย่างที่บอกไป
realme จะออกค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดให้ทุกท่านที่เข้าร่วม
ดังนั้น จึงจำกัดผู้เข้าร่วมครั้งนี้ ไว้เพียงแค่ 1,000 คนเท่านั้น!
ซึ่งไม่ใช่แค่เพจนี้เพจเดียวที่ได้รับข้อมูลชุดนี้มาบอกต่อ
.
ฉะนั้นแล้ว
สำหรับท่านที่ต้องการเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วม
รีบคลิกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ ด่วนที่สุด เท่าที่จะด่วนได้ครับ
https://bit.ly/realmeregister
ฟรีทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ
.
ปรากฏการณ์แบบนี้
ผมเองก็ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน
และโดยส่วนตัว ก็ตั้งใจจะส่งทีมงานเข้าร่วมด้วย
ใครที่กำลังจะสมัคร
ถ้าเข้าไปเรียนแล้ว ได้ผลลัพธ์เป็นยังไง
กลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ 😊
.
#ผู้กองเบนซ์
ปล. รีบสมัคร แล้วบอกต่อนะครับ เดี๋ยวเต็มก่อน
ส่วนแรก 在 Facebook 的最佳解答
นอกจาก “รอเตียง” ยังมีคน “รอตรวจ” เชื่อว่า สนใจกันเยอะ ในภาวะนี้ บางจุดไปต่อคิวกันแน่น แต่เห็นว่าคิวไม่พอตรวจ
ศบค.ชี้แจงเรื่องการ “ตรวจคัดกรอง” ครับ …
ช่วงนี้ยังเน้นตรวจเฉพาะ 2 ส่วน เฉพาะกลุ่มเสี่ยง
1.ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ตามไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อที่ยืนยัน
2.พื้นที่กลุ่มก้อนที่มีการระบาด เช่น ตลาด , โรงงาน และน่าจะหมายถึงชุมชนด้วย
ส่วนผู้ที่ไม่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง อนาคตจะมี “วอล์คอินแล็บ” ที่นิมิบุตร ครับ …
#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
ศบค. เตรียมเปิด วอล์คอินแล็บ ที่อาคารนิมิบุตร ให้ประชาชนทั่วไปที่อยากตรวจโควิด-19
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงเรื่องที่ประชาชนร้องเรียนว่า ไม่สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด หรือถูกปฏิเสธการตรวจหาเชื้อโควิดในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) โดยระบุว่า ภาครัฐไม่ได้ห้ามไม่ให้ประชาชนที่สงสัย และต้องการเข้ารับการตรวจหาเชื้อ
ที่ประชุม (ศบค.ชุดเล็ก) ย้ำว่าเสมอว่า แล็บ ที่รับตรวจจะต้องมีมาตรฐาน ซึ่งแล็บส่วนใหญ่ได้มาตรฐานที่กำหนด แต่สำหรับการตรวจแบบ Rapid test หากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีเชื้อปริมาณมาก สามารถตรวจจับได้จริงว่าเป็นผลบวก แต่ก็พบว่า ความไวของการตรวจแบบ Rapid test ค่อนข้างต่ำ ซึ่งหมายความว่าบางคนผลออกมาลบ แต่คนๆ นั้นอาจเป็นผู้ติดเชื้อ
ดังนั้น จะเน้นตรวจด้วย Rapid test ใน 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่เตรียมการผ่าตัด การคลอดลูก ทำฟัน หรือจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เข้าห้องไอซียู และกลุ่มที่มีประวัติเสี่ยงสูง เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งการตรวจของโรงพยาบาลในสองกลุ่มนี้ ตัวเลขอยู่ที่ 300-400 รายต่อวัน ถือว่าเป็นภาระหน้างาน
ดังนั้น ถ้าประชาชนที่เข้าไปขอตรวจโดยไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องผ่าตัด หรือไม่ได้มีประวัติเสี่ยงสูงใดๆ โรงพยาบาลอาจจะขอให้สิทธิ์กับผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องตรวจก่อน
ที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก ได้หารือว่า การที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงตรวจ จะมี 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ถ้าเป็นผู้ป่วยเข้ามาขอตรวจเองด้วยประวัติสัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อที่ยืนยันก่อนหน้านี้ พบว่าในจำนวนตรวจ 100 คน มี 90 คนเป็นผลบวก ถือว่าแม่นยำ 90%
ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง กทม.รายงานว่ามีการติดเชื้อเป็น กลุ่มก้อนที่ตลาด โรงงาน เมื่อไปตั้งจุดตรวจตาม 6 กลุ่มเขต พบว่า อัตราการตรวจจับการระบาดในระบบเฝ้าระวัง พบผู้ติดเชื้อเพียง 10%
ดังนั้น กทม.จึงปรับระบบการตรวจโดยเน้นไปในการค้นหา 2 ส่วน คือส่วนของการระบาด (กลุ่มก้อน เช่น ตลาด , โรงงาน) และการตรวจตามไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ เพื่อติดตามว่าอาศัยอยู่ในครอบครัวกับใครบ้าง ทำงานสัมผัสเสี่ยงใกล้ชิดกับใครบ้าง
ส่วนประชาชนที่ไม่เข้าข่าย คือไม่ได้เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน แต่ต้องการตรวจเอง ในที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องนี้ว่า ในระยะอันใกล้นี้จะเปิด “ศูนย์วอล์คอินแล็บ” ที่อาคารนิมิบุตร เพื่อให้ไปตรวจได้ หากตรวจพบมีผลติดเชื้อก็จะมีการจัดการพิจารณาเป็นผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง ก็จัดสรรไปยังศูนย์พักคอย 17 จุดของ กทม. และยังจะมีเพิ่มขึ้นอีก ส่วนสีแดงก็หาเตียงรักษาในโรงพยาบาลต่อไป จึงขอให้ติดตามข้อมูลในระยะนี้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการตรวจหาเชื้อ และการจัดการเตียง หรือการแยกกักที่บ้าน ขอให้ติดตาม
ส่วนแรก 在 หิวแล้ว Youtube 的精選貼文
ของหวานก็มา เรื่องน้ำหนักอย่าไปกลัว #ฟักทองแกงบวด กินบ้างเป็นครั้งคราว เพียงแต่ว่าครั้งละเป็นหม้อๆเท่านั้นเอง เอิ๊กกกๆๆๆ
ฝากกดติดตามด้วยค่ะ
https://www.youtube.com/channel/UCfQRwbWz2ZuGWWg5VcY0Ytw?sub_confirmation=1
เพจFacebook
https://www.facebook.com/1831103717172099/videos/1208144006048553/?__xts__
#หิวแล้ว #สูตรอาหาร #วิธีทำอาหาร #อาหารไทย #แจกสูตรทำอาหาร #รสเด็ด #เครื่องปรุง #อร่อย
#ฟักทองแกงบวด
เครื่องปรุง
1.ฟักทอง 800 กรัม
2.กะทิ 1 กล่อง
3.น้ำตาลมะพร้าว 1.5 ปึก
4.น้ำตาลทราย 1.5 ชต.
5.เกลือทะเล 2.5 ชช.
6.น้ำเปล่า 2.5 ถ้วยตวง
7.น้ำปูนใส
วิธีทำ
1.ปอกเปลือกฟักทอง ล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นนำลงแช่ในน้ำปูนใสนานครึ่งชม. รินน้ำปูนใสออก ล้างน้ำเปล่าอีก 1 รอบ ใส่ตะแกรงพักไว้
2.แบ่งกะทิกล่องเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 1/4 ถ้วยเพื่อเป็นหัวกะทิ ส่วนที่เหลือผสมน้ำเปล่าเป็นหางกะทิ ตั้งไฟอ่อนๆ
3.ใส่น้ำตามมะพร้าว น้ำตาลทราย เกลือทะเล ใช้ช้อนคนให้น้ำตาลละลาย ชิมรสตรมชอบแต่อย่าให้หวานนำมากนัก เริ่มร้อนใส่ฟักทองลงไปต้มจนสุก
**ระวังอย่าให้กะทิแตกมันเด็ดขาด
4.ฟักทองสุกดีแล้ว เติมหัวกะทิที่แบ่งไว้ลงไป รอเดือดอีกรอบปิดไฟได้
ส่วนแรก 在 Nina GO Youtube 的最佳貼文
#เทควันโด #สอบเลื่อนสาย #สายดำ
ในทุกทุก 3 เดือน ยิม The Kick Taekwondo ศรีนครินทร์
จะมีการสอบเลื่อนสาย ครั้งนี้เป็นการสอบเก็บคะแนนสำหรับนีน่า
นีน่าอยู่ระดับสายดำดั้ง 2 ต้องมีการสอบเก็บคะแนนทั้งหมด 7 ครั้ง
ครั้งที่ 8 จึงจะเป็นการสอบเลื่อนขึ้นสายดำดั้ง 3
สำหรับในการสอบครั้งนี้ นีน่าสอบเก็บคะแนนสำหรับ
สายดำดั้ง 2 เป็นครั้งที่ 3
การสอบครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรก
เป็นการสอบท่ารำพุมเซ่ ซึ่งในระดับสายดำดั้ง 2
เป็นท่ารำที่ชื่อว่า คึมกัง (Keumgang Poomsae)
ส่วนที่ 2
เป็นการเตะไม้ มีการเตะไม้ 3 ครั้งต่อเนื่อง
และจบด้วยการตีลังกาแอเรียล
ส่วนที่ 3
เป็นการดูความแข็งแรง วัดด้วยการซิทอัพ
วันนี้นีน่าจะทำสอบได้ดีหรือไม่ เอาใจช่วยกันค่ะ ^_^
ส่วนแรก 在 Sunday Thailand - 2. ค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ (Deductible ... 的推薦與評價
2. ค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ (Deductible) . หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่า “ค่าดีดั๊ก” คือ ค่าใช้จ่ายที่คุณซึ่งเป็นคนซื้อประกันยินยอมชำระโดยสมัครใจ... ... <看更多>
ส่วนแรก 在 ค่าเสียหายส่วนแรกคือ? excess deductible ต่างกันยังไง? - YouTube 的推薦與評價
1:35 ประเภทของค่าเสียหาย ส่วนแรก (Excess และ Deductible) 2:10 ค่า excess ... #ค่าเสียหาย ส่วนแรก #ค่าexcessคืออะไร #เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ... ... <看更多>