สัญญาณเตือนก่อนที่จะมีหนี้ท่วมหัว !!!
.
“หนี้ท่วมหัว” หรือ “มีหนี้เกินตัว” สองคำนี้มีความหมายรวมในแบบเดียวกัน นั่นคือ การมีรายได้แต่ละเดือนไม่พอผ่อนจ่ายภาระหนี้ที่มี
.
ว่ากันตามจริงสภาวะแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บ แต่เป็นสถานะการเงินสะสม ที่มีจุดเริ่มต้นจากการ “ผ่อนจ่ายหนี้แบบขั้นต่ำ” (Minimum Payment) แต่ก็ยังไม่หยุดสร้างหนี้เพิ่ม จนวันหนึ่งที่แม้ผ่อนขั้นต่ำทุกรายการก็ยังผ่อนไม่ไหว
.
ถ้าไม่อยากให้ชีวิตมีหนี้เกินตัว คนเราควรคอยสังเกตชีพจรการเงิน ผ่านตัวชี้วัดที่ชื่อว่า “อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้ต่อรายได้” (Debt Service Ratio, DSR) ซึ่งคำนวนโดยนำเงินผ่อนชำระหนี้ทุกรายการที่ต้องผ่อนมารวมกัน หารด้วยเงินรายได้ในแต่ละเดือน แล้วคูณด้วย 100
.
อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้ หรือ DSR ในระดับที่กำลังพอดี ก็คือ 40% แต่ทั้งนี้ในบางช่วงอาจยอมให้ถึงระดับ 50% ได้ โดยเฉพาะคนมีภาระผ่อนหนี้สินขนาดใหญ่อย่างเช่น บ้าน หรือรถยนต์ (แต่ต้องไม่เสียสภาพคล่องนะ)
.
หรือพูดให้ง่ายก็คือ ถ้าหาเงินได้ 100 บาท คนเราไม่ควรเหนื่อยกับการผ่อนชำระหนี้เกิน 40 บาท หรือยอมให้สูงสุดที่ 50 บาท มิฉะนั้นเงินสำหรับกินใช้ก็จะน้อยลง และใช้ไม่พอในที่สุด
.
ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเงินเดือน 20,000 บาท ผ่อนคอนโดเดือนละ 8,000 บาท ผ่อนบัตรเครดิต 2,000 บาท แบบนี้จะมีเงินผ่อนชำระหนี้ต่อรายได้เป็นเท่าไหร่?
.
ก็ให้เอาค่าผ่อนคอนโด 8,000 บาท บวกด้วยค่าผ่อนบัตรเครดิต 2,000 บาท (รวมเป็น 10,000) หารด้วยเงินเดือน 20,000 บาท คูณด้วย 100 ก็จะได้อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้เท่ากับ 50% ซึ่งจัดได้ว่า “ตึงมือได้ที่” แบบนี้เป็นต้น
.
[กรณีรูดบัตรเครดิตแล้วผ่อนชำระเต็มจำนวน ไม่มีภาระผ่อน ไม่มีภาระผูกผันต่อ ไม่มีดอกเบี้ย แบบนี้ไม่ต้องนับรวมเป็นเงิน “ผ่อน” ชำระหนี้ เพื่อคิดคำนวณ DSR นะครับ]
.
ยังไงลองนำวิธีการนี้ไปตรวจเช็คชีพจรทางการเงินของตัวเองดูนะครับ ถ้ากดเครื่องคิดเลขแล้วได้ตัวเลขที่มากเกิน 40-50% อันนี้ก็ต้องควบคุมการสร้างหนี้เพิ่ม รีไฟแนนซ์ แล้วทยอยผ่อนชำระคืนให้หนี้หมดโดยเร็ว แต่ถ้าหากตัวเลขน้อย อันนี้ก็ไม่ต้องไปเพิ่มนะครับ รักษาวินัยการเงินไว้ให้ดีก็พอ
#TheMoneyCoachTH
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過28萬的網紅Welldone Guarantee,也在其Youtube影片中提到,ความจริงด้านมืดญี่ปุ่น หลอกให้ทำงานเยี่ยงทาสจนตาย ทาสยุคใหม่ ไม่ต้องใช้โซ่ล่าม ใช้ของแพงๆ ชีวิตดีๆ หลอกให้เป็นหนี้จนไม่มีปัญญาใช้ ทำงานชั่วชีวิตก็ไม่ห...
「หนี้ท่วมหัว」的推薦目錄:
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 Money Coach Facebook 的精選貼文
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 KIM Property Live Facebook 的最佳解答
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 Money Coach Facebook 的最讚貼文
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 Welldone Guarantee Youtube 的最讚貼文
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 Aito LH Youtube 的最佳解答
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 MheeGamer Youtube 的最讚貼文
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 Money Coach - หนี้ท่วมหัวจะเคลียร์ยังไงดี? “หนี้ท่วมหัว”... 的評價
- 關於หนี้ท่วมหัว 在 หนี้ท่วมหัว เอาตัวออกมาอย่างไร? - YouTube 的評價
หนี้ท่วมหัว 在 KIM Property Live Facebook 的最佳解答
ดอกเบี้ยติดดิน หนี้ท่วมหัว เงินล้นโลก เจ้าของเหมืองบอกทอง 5,000$ อยู่ไม่ไกล
หลังจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้สร้างเสียงฮือฮาอีกครั้งด้วยการขายหุ้นเหมืองทองคำ Barrick Gold ที่พึ่งซื้อมาในไตรมาส 2 ออกไปกว่า 42% จากที่ถืออยู่ ทำเอาหลายคนที่ซื้อตามปู่ต้องหลังหักกันเป็นแถบ
ทาง Kitco News จึงไม่รอช้า โดยทำการเชิญบุคคลในวงการเหมืองแร่อย่าง Rob McEwen เจ้าของเหมือง McEwen Mining ที่มี Market Cap. ราว ๆ 4 แสนล้านดอลลาร์มาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทองคำ และทิศทางของอุตสาหกรรมเหมืองแร่
เริ่มต้นกันที่เรื่องการเลือกตั้งสหรัฐที่ Rob แอบแซวเล็กน้อยว่าน่าจะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่บรรดาทนายความทำเงินได้มากที่สุด ส่วนผลการเลือกตั้งที่ดูเหมือนว่าโจ ไบเดนจะเป็นผู้ชนะนั้น เขามองว่ามันแนวโน้มที่จะทำให้หนี้ของสหรัฐที่สูงอยู่แล้วนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะปกติแล้วพรรคเดโมแครตมักจะใช้จ่ายงบประมาณมากกว่ารีพับลิกันนั่นหมายถึงการขาดดุลงบประมาณจำนวนมากที่ตามมา
โดยตอนนี้หนี้สหรัฐกำลังพุ่งสูงขึ้นไปถึง 130%ต่อGDP ซึ่งจากงานวิจัยของ Grant Williams (นักกลยุทธ์คนหนึ่ง) นั้นพบว่าประเทศที่มีหนี้สูงกว่า 130%ต่อGDP จะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้มากถึง 98%
มันฟังดูตลกที่ประเทศอย่างสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ เพราะธนาคารกลาง (Fed) สามารถพิมพ์ดอลลาร์ได้อย่างไม่จำกัด แต่คุณรู้ไหมครับว่าประสิทธิภาพของการพิมพ์เงินมันลดลงขนาดไหน?
ปริมาณเงินที่ Fed พิมพ์ในเวลาเพียง 4 เดือน (มีนาคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา) เพื่อสู้กับวิกฤตโควิด19 นั้น เป็น 20 เท่าของปริมาณเงินที่ Fed พิมพ์ในระยะเวลา 18 เดือนเพื่อแก้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008-2009 และปัญหาดังกล่าวก็กำลังเกิดขึ้นกับประเทศสกุลเงินหลักได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย เช่นเดียวกัน
Rob บอกว่าตอนนี้ปัญหาเงินเฟ้อมันกำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้นและพันธบัตร ดูได้จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจนเข้าใกล้ 0% คุณลองย้อนไปเมื่อ 65 ปีที่แล้ว ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าสภาวะดอกเบี้ย 0% มันเป็นยังไง? บริษัทประกันและกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ต้องการผลตอบแทนประมาณ 5-6%ต่อปี จะอยู่รอดได้ยังไง?
พอมองไปที่ประวัติศาสตร์แล้ว เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกันได้แก่ 1. หนี้ท่วมโลก 2. เงินล้นโลก 3. ดอกเบี้ยต่ำ มันก็มักจะเกิดเรื่องร้าย ๆ เช่น ฟองสบู่แตกหรือการล้มละลายตามมาอยู่เสมอ
ทองคำคือคำตอบใช่ไหม? แม้ว่าโลกจะเลิกใช้ Gold Standard นานแล้วแต่ Rob บอกว่าตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ดูคล้ายระบบ Gold Standard นะ คือธนาคารกลางของประเทศในตะวันออกกลาง, รัสเซีย และจีน สะสมทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนำมาหนุนหลังสกุลเงินและแสดงให้ประเทศอื่น ๆ ได้รับรู้ว่าสกุลเงินของพวกเขามีความแข็งแกร่งมากเพียงใด
ทำให้ Rob มองว่าราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นในระยะยาว พร้อมกล่าวว่า “5,000 $/oz. ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม” เขาอธิบายต่อว่าตอนนี้ในสื่อโซเชียลนั้นเต็มไปด้วยกระแสเกี่ยวกับหุ้นเทคโนโลยีที่ใคร ๆ ก็พูดถึง แต่ทองคำไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ แต่ในวันนึงที่ผู้คนเริ่มหันกลับมามองทองคำและพูดเรื่องทองคำกันเป็นปกตินั่นแหละจะเป็นเวลาที่ราคาทองคำจะทะยาน
นอกจากทองคำแล้ว Rob บอกว่าแร่เงิน (Silver) ก็น่าสนใจ เขาอธิบายว่าราคาแร่เงินนั้นมักจะขึ้นรุนแรงกว่าราคาทองคำในช่วงที่ทองคำเป็นขาขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณกะจังหวะได้อย่างแม่นยำนั้นแร่เงินมักจะทำกำไรได้มากกว่า
ส่วนเรื่องสถานการณ์ของกิจการเหมืองแร่นั้น ในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงที่เหมืองต้องปิดทำการจากสถานการณ์การระบาด แต่ในตอนนี้การผลิตต่าง ๆ นั้นเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว โดย Rob พูดในฐานะเจ้าของเหมืองว่า การเปิดเหมืองมันสำคัญกับเหล่าพนักงานมาก เพราะแต่ละคนต่างก็มีครอบครัวต้องดูแล
ทิ้งท้ายด้วยประเด็นที่ตอนนี้มีหลายเหมืองแร่ได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะ AI มาใช้ในกระบวนการผลิตนั้น Rob ให้ความเห็นว่าสำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ คือมันเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ที่ค่อนข้างลงตัว
คุณอาจจะคิดว่า AI เข้ามาแย่งงานพนักงานของผม แต่มันไม่จริงเลย เพราะอุตสาหกรรมเหมืองแร่กำลังจะขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากจะมีคนเกษียณเป็นจำนวนมาก แต่มีคนเข้ามาใหม่จำนวนน้อย คุณลองไปถามเด็กนักเรียนตอนนี้ดูสิว่ามีใครอยากทำงานในเหมืองบ้าง? มันมีน้อยลงมาก ๆ ซึ่ง AI ก็จะเข้ามาเติมเต็มแรงงานส่วนนี้ที่หายไป
สรุป
ประเด็นหลักคือ Rob McEwen มองว่าทองคำจะเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่ เหตุผลเพราะในประวัติศาสตร์ เมื่อ 3 เหตุการณ์ได้แก่ 1. หนี้แต่ละประเทศสูงมาก 2. ปริมาณเงินขยายตัวเป็นอัตราเร่งและ 3. อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก เกิดขึ้นพร้อมกันแล้ว มักจะก่อให้เกิดหายนะต่อระบบการเงินส่งผลให้ทองคำมีมูลค่ามากขึ้น
แหม่... บัฟเฟตต์พึ่งขายเหมืองทองไป แต่ฝั่งเจ้าของเหมืองก็ยังมองทองคำเป็นขาขึ้น แล้วเพื่อน ๆ คิดเห็นอย่างไร เชื่อใครดีครับ?
.
แอดปุง
เเจ้งข่าว สัมมนารอบต่อไป
เริ่มต้นอาชีพนายหน้าอสังหาฯ รุ่นที่ 6
วันที่ 6 ธ.ค. 2563
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ในคอมเมนท์ครับ
หนี้ท่วมหัว 在 Money Coach Facebook 的最讚貼文
7 อุปนิสัยสู่ความยากจน
“หาเงินได้มากแค่ไหน ก็แก้นิสัยใช้จ่ายเกินตัวไม่ได้”
จากประสบการณ์ที่ได้พบเจอคนล้มเหลวทางการเงินจำนวนมาก ผมรวบรวมนิสัยการเงินที่พาชีวิตของพวกเขาไปสู่ปัญหา รวมเรียกมันว่า “7 อุปนิสัยสู่ความยากจน” ซึ่งผมอยากเล่าให้ทุกคนฟังกันในบทนี้ครับ
1) ใช้จ่ายไม่ยั้งคิด
หลายคนชอบเรียกนิสัยนี้ว่า ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ผมว่าไม่ใช่นะ เอาเข้าจริงคนเราสามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกันได้บ้าง จริงอยู่ที่ต้องหัดแยกว่าอะไรคือ “ความจำเป็น” (Need) และอะไรคือ “ความต้องการ” (Want) แต่จะให้เราใช้เงินเฉพาะกับในสิ่งที่จำเป็นอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ใครจะกินข้าวแกงได้ทุกมื้อ บางมื้อเราก็อยากกินชาบู กินสเต็ก กินพิซซ่า กันบ้างแหละ
ดังนั้น คนเราฟุ่มเฟือยได้บ้าง แต่สำคัญคือ ต้อง ไม่เกินตัว ครับ
ไม่เกินตัว คือ รู้กำลังตัวเองว่าจ่ายได้แค่ไหน ดังนั้นแต่ละคนจะมีระดับความเกินตัวที่ไม่เท่ากัน คนหารายได้ได้มาก เขาก็ฟุ่มเฟือยได้มากกว่า ตราบใดที่ยังไม่เกินตัว ตัวเลขการเงินแต่ละเดือนไม่ติดลบ จบเดือนยังมีเงินออม แบบนี้ก็ถือว่ายังไม่เกินตัว เกินความสามารถในการใช้จ่ายของเขา
แต่ถ้าเรารายได้น้อย แล้วยังใช้แบบจัดหนักจัดเต็ม สัปดาห์สุดท้ายก่อนรับเงินเดือน มีหยิบยืมเพื่อนหรือคนใกล้ตัวเป็นประจำ ส่วนเงินออมคือจินตนาการ (ฝันว่าจะออม ไม่ได้ออมสักที) แบบนี้กี่ปีก็ไม่มีทางดีขึ้น เพราะใช้จ่ายเกินกำลังตลอดเวลา
เรื่องใช้จ่ายไม่ยั้งคิด หรือใช้จ่ายเกินตัวนี้ พอจะจัดการให้เข้าที่เข้าทางได้ ด้วยการจัดทำงบการเงิน เพื่อช่วยวางแผนการใช้จ่าย และอีกเรื่อง คือ การตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน ที่เหลือก็คงเป็นเรื่อง “วินัย” ที่อันนี้ใครทำใครได้จริง ๆ ครับ
2) พาชีวิตจมกองหนี้
การใช้จ่ายเกินตัวถ้าไม่รีบปรับรีบแก้ มันจะพาชีวิตเราเข้าสู่ภาวะ “หนี้ท่วมหัว” เพราะเมื่อใช้ไม่พอ ก็ต้องหยิบต้องยืม และถ้าหยิบยืมหนี้ที่เป็นหนี้บริโภค อันได้แก่ หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ผ่อนของ แชร์ กู้เงินสหกรณ์มากินใช้ ไปยันหนี้นอกระบบ แบบนี้ชีวิตยิ่งจะออกจากปัญหาได้ยากขึ้น
ดูยังไงว่าชีวิตคุณกำลังจะจมกองหนี้ สังเกตจากพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองทุก ๆ 30 วันก็ได้ว่า แต่ละเดือนคุณมีหยิบยืมเงินมากินใช้อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ ยังไงก็รอดยาก ถ้าไม่รีบแก้
การเป็นหนี้เหมือนตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่ และมันจะบ้ามาก ถ้าตัวคุณเองอยู่ในหลุม แล้วยังทะลึ่งก้มหน้าก้มตาขุดหลุมให้ลึกลงอยู่ทุกวัน หยุดขุดหลุมเสีย แล้วมาหาทางออกไปด้วยกันครับ
3) ไม่มีระเบียบทางการเงิน
คนที่การเงินแย่ มักปรากฏพฤติกรรมการเงินไร้ระเบียบ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
• ไม่ทำงบการเงิน (ไม่เห็นปัญหาการเงินตัวเอง)
• ไม่ติดตามการใช้จ่าย ไม่จดบัญชี
• ผิดนัดจ่ายบิล จ่ายหนี้ ถูกทวงถามอยู่บ่อย ๆ
• ไม่เก็บใบเสร็จ หรือสลิปบัตรเครดิต ไว้ตรวจสอบ
• หาเอกสารสำคัญทางการเงิน ไม่ค่อยเจอ (เช่น สัญญากู้เงิน กรมธรรม์ประกันชีวิต ฯลฯ)
• เงินหายเป็นประจำ จำไม่ได้ด้วยว่าเผลอใช้ไปหรือเปล่า
• เก็บออมเงินสะเปะสะปะ ไม่มีเป้าหมาย
• ฯลฯ
เงินจะอยู่กับคนที่ใส่ใจมัน และรั่วไหลจากคนที่ละเลย ถ้าอยากจัดการเงินให้ได้ เริ่มต้นง่าย ๆ จากระเบียบวินัยเล็ก ๆ เหล่านี้
4) ขาดเกินไม่เคยวางแผน
บริษัทที่มั่งคั่งมั่นคง ประกอบกิจการได้ยาวนานนับสิบปี ยังต้องวางแผนการเงินเป็นประจำทุกปี ทุกไตรมาส แล้วกับคนที่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องกับชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย จะไม่วางแผนการเงินได้อย่างไรกัน
การให้เงินควบคุมชีวิต กับการทำให้ชีวิตเราควบคุมเงินให้ได้นั้นต่างกันนะครับ คนที่ถูกเงินควบคุมชีวิต คือ คนที่ปล่อยให้เรื่องเงินเป็นไปตามยะถากรรม ไม่จัดสรร ไม่วางแผน ก้มหน้าก้มตาหาทางแก้ปัญหากันแบบเดือนต่อเดือน
แต่สำหรับคนที่ “วางแผน” เขาจะเห็นล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของเขา อาจจะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี แล้วมากำหนดเป็นสิ่งที่เขาต้องจัดการในวันนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในวันข้างหน้า
การมีแผนจัดการกับเงิน จะทำให้เงินอยู่ภายใต้ความควบคุมของคุณ การทำตัวเลขรายรับรายจ่ายล่วงหน้า จะทำให้เรารู้ก่อนแล้วว่า ในเดือนหน้าและเดือนถัด ๆ ไป เงินจะพอใช้หรือไม่ ขาดหรือเกิน ถ้าขาด ก็ต้องวางแผนลดรายจ่ายและหาเพิ่ม แต่ถ้าเกิน (หรือเหลือ) ก็จะได้วางแผนลงทุนเพื่อทำเงินให้งอกเงยต่อไป
คุณคุมเงิน หรือเงินคุมชีวิตคุณ รู้ได้ง่าย ๆ ด้วยคำถามที่ว่า จากนี้ล่วงหน้าไป 6 เดือน คุณรู้หรือไม่ว่าเงินที่เข้ากระเป๋ามา จะถูกจัดสรรไปใช้กับอะไรบ้าง แล้วมันพอใช่หรือไม่
5) ดูแคลนเงินออม
คนที่มีปัญหาเงินไม่ค่อยพอใช้มักคิดว่า รอแก้หนี้ให้หมดก่อน แล้วค่อยออมเงิน ซึ่งต้องบอกว่าวิธีคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะการเลื่อนการเริ่มต้นออมเงินออกไปเรื่อย ๆ มันคือ การเลื่อนโอกาสความมั่งคั่งของคุณออกไปด้วยเช่นกัน
คนเราเริ่มเหลือ ก็เริ่มรวย วันที่เงินน้อยก็เริ่มออมจากน้อย ๆ ได้ หรือต่อให้เป็นหนี้ไม่พอจ่ายเจ้าหนี้ทุกคน ยังไงก็ยังต้องออมอยู่ดี เพราะในอีกมุมหนึ่ง การออม คือ การจ่ายให้ตัวเอง หรือจัดการเงินเพื่อให้เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองบ้าง
คนที่ทำมาหากิน ได้เงินมา แล้วไม่เหลือให้ตัวเองเลย สุดท้ายคนกลุ่มนี้ก็จะหมดความเชื่อมั่นในตัวเอง และมองไม่เห็นหนทางที่จะรอดหรือทำให้ชีวิตการเงินตัวเองดีขึ้น ผิดกับคนที่แม้จะจน แม้จะเป็นหนี้ แต่ก็เริ่มสะสมทีละน้อย 200 หรือ 300 บาทต่อเดือน (เรื่องหนี้ก็แก้ไขกันไป)
คนเราพอเก็บออมหลักพันได้ สมองมันก็จะเชื่อว่าหลักหมื่นเป็นไปได้ พอเก็บออมหลักหมื่นได้ ก็เชื่อว่าเงินแสนเป็นไปได้ ทั้งหมดเริ่มต้นที่บาทแรกที่คุณออม บวกด้วยวินัยและความตั้งใจที่จะพาชีวิตให้พ้นปัญหา
“เริ่มเหลือ ก็เริ่มรวย” วันนี้ถ้ายังดูแคลนเงินออม ชาติหน้าก็คงไม่มีทางรวยหรอกครับ
6) ยอมให้ชีวิตขาดเป้าหมาย
พูดกันตรง ๆ คนที่ชีวิตการเงินสะเปะสะปะ ก็เพราะไม่มี “เป้าหมาย” นี่แหละครับ
เป้าหมายการเงินเป็นสิ่งผูกพันกับเป้าหมายชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะแทบทุกอย่างในชีวิตคนเรานั้น ใช้เงินสนับสนุนแทบทั้งนั้น ลองตั้งโจทย์ถามตัวเองดูสิว่า ในอีก 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี จากวันนี้ คุณต้องการมีชีวิตอย่างไร แล้วลองคิดต่อดูว่า เป้าหมายที่อยากได้ใช้เงินแค่ไหน
บางคนอาจมีเป้าหมายเป็นการครอบครอง เช่น อยากมีบ้าน มีรถ เรียนต่อ เก็บเงินเที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ ในขณะที่บางคน เป้าหมายอาจหมายถึงการทำชีวิตการเงินให้ดีขึ้น เช่น ปิดหนี้บัตรเครดิต 2 ใบ หรือเก็บออมเงิน 100,000 บาทแรกให้ได้ ฯลฯ
ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายอะไร หากเราจริงจังอยากได้มันจริง ๆ เป้าหมายจะนำไปสู่แผนการ หรือวิธีการ ที่จะทำมันให้สำเร็จ และยิ่งหากเป้าหมายนั้นคือสิ่งที่เราต้องการได้มันมากจริง ๆ มันจะคอยควบคุม “วินัย” ของเรา เหมือนเป็นเข็มทิศพาเราไปสู่ผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น
เรือที่ถูกปล่อยลอยอยู่กลางทะเล ไร้ทิศทางที่จะไป ไร้การควบคุม ไม่สามารถเคลื่อนไปสู่จุดหมายได้ฉันท์ใด ชีวิตคนเราที่ไร้จุดหมาย ก็มีผลลัพธ์ไม่ต่างกัน เริ่มต้นตั้งเป้าหมาย และอย่าไปกลัวว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ชีวิตเราพอมีเวลาอยู่ วันนี้ทำไม่ได้ แต่ถ้ายังทำต่อไป ยังไงก็ถึงเป้าหมายได้อยู่ดี
7) ไม่ใส่ใจความรู้การเงิน
คนที่มีปัญหาทางการเงินหลายคน มักมีความเชื่อว่า หาเงินให้ได้เยอะๆ เถอะน่า เดี๋ยวอะไรก็จะดีเอง ซึ่งในความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย
“เงิน” มีเรื่องให้เราจัดการกับมันอยู่ 4 เรื่องใหญ่ ๆ นั่นคือ หา ใช้ ออม และลงทุน
จากประสบการณ์ทำงานเรื่องเงินมานาน ผมพบว่า ไม่จริงเลยที่คนหารายได้ได้น้อยจะต้องมีปัญหาการเงิน และก็ไม่จริงอีกเช่นกัน ที่คนหาเงินได้เยอะ แล้วจะไม่มีปัญหา และถ้าถามว่า การหารายได้ การใช้จ่าย การออม และการลงทุน เรื่องไหนสำคัญที่สุด แน่นอนว่าทุกเรื่องสำคัญ แต่เรื่องที่หากจัดการได้ดี แล้วจะส่งผลกระทบทางบวกต่อชีวิตได้เร็วกว่าเรื่องอื่น ก็คือ “การควบคุมการใช้จ่าย” ครับ
เพราะหากรายได้พอไหวพอเลี้ยงตัวได้ การจัดการค่าใช้จ่ายที่ดีจะเป็นประตูสู่การมีเงินออม และเมื่อมีเงินออม คนเราก็จะเปลี่ยนรูปแบบปัญหาจากเงินไม่พอ มาเป็นมีเงินเหลือทำยังไงให้งอกเงยโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีหลายคนที่จัดการค่าใช้จ่ายได้ดี ออมเก่ง แต่พอเอาเงินออมไปลงทุนทีไร เจ๊ง หรือขาดทุนทุกที เพราะคิดว่าการลงทุนนั้นง่าย แค่เอาเงินไปวางไว้ในที่ ๆ เราคิดว่าจะทำเงิน แค่นี้ก็เรียกลงทุนแล้ว สุดท้ายก็เสียหาย และน่าเสียดายเงินที่สะสมมา
บางคนหนักกว่า ออมมาตั้งนาน กะจะลงทุนสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองเพิ่ม สุดท้ายไปโดนแชร์ลูกโซ่หลอกหมดเนื้อหมดตัว เสียเงินเก็บ บางครั้งติดหนี้เพิ่มด้วยเพราะกู้เงินมาลงทุน ชีวิตพังพินาศทั้ง ๆ ที่เริ่มมาดี
ดังนั้น ถ้าอยากเก่งการเงิน อยากประสบความสำเร็จทางการเงิน คนเราควรเรียนรู้ทั้ง 4 มิติของความรู้ทางการเงิน และปฏิบัติให้เก่ง ให้เชี่ยวชาญ เพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จทางการเงินในแบบที่คุณมุ่งหวังและตั้งใจ
บทความจากหนังสือ #เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน ฉบับปรับปรุงใหม่ โดยโค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTH
สั่งซื้อได้ทาง https://www.liverich.co.th/product/debtfree_revised/
หนี้ท่วมหัว 在 Welldone Guarantee Youtube 的最讚貼文
ความจริงด้านมืดญี่ปุ่น หลอกให้ทำงานเยี่ยงทาสจนตาย
ทาสยุคใหม่ ไม่ต้องใช้โซ่ล่าม ใช้ของแพงๆ ชีวิตดีๆ
หลอกให้เป็นหนี้จนไม่มีปัญญาใช้ ทำงานชั่วชีวิตก็ไม่หมด
ใช้ชีวิตคุณภาพต่ำ แถมมีสัญญาข้อตกลงไว้แบล็คเมล์
ลองติดตามชมกัน
ความตั้งใจของช่องนี้ เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบทำอะไรตามคนส่วนใหญ่ และใช้ชีวิตโลดโผนมา จึงอยากมาบอกเล่าประสบการณ์ มุมมอง
ของสิ่งที่เคยเจอ ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆฟังกัน ดังนั้นจะมีครบทั้ง
ความเฮีย หื่น ฮา และได้คุณค่า ขอให้มันส์กับการใช้ชีวิตในแบบตัวเองหว่ะ
ติดตามคลิปเฮฮา ได้ที่
https://goo.gl/qVSMef
ติดตามเพจใหม่!!
Welldone Guarantee
ติตามของใช้ไอเดีย
FB: https://www.facebook.com/welivingup/
https://www.welivingup.com/
หนี้ท่วมหัว 在 Aito LH Youtube 的最佳解答
จะรอดไหมนิ งิงิ ขอบคุณที่รับชมงับ
Fanpage ( https://www.facebook.com/Aito8523 )
Facebook ( https://www.facebook.com/TOONATION )
Ookbeecomics ( http://beta.ookbeecomics.com/authors-and-artists/Aito/detail-page/9766)
ซาวข้าว ( https://soundcloud.com/aitochan )
หนี้ท่วมหัว 在 MheeGamer Youtube 的最讚貼文
ต่อจากพาทที่แล้วครับดูต่อเลยสำหรับเกมเพลย์ซิมซิตี้ครับผม
หนี้ท่วมหัว 在 หนี้ท่วมหัว เอาตัวออกมาอย่างไร? - YouTube 的推薦與評價
223 views 1 year ago #โค้ชหนุ่ม #MoneyCoach #กรุงเทพธุรกิจ. Show less. “คนมี หนี้ มักไม่เชื่อว่าตัวเองจะผ่านปัญหานี้ไปได้ ... ... <看更多>
หนี้ท่วมหัว 在 Money Coach - หนี้ท่วมหัวจะเคลียร์ยังไงดี? “หนี้ท่วมหัว”... 的推薦與評價
“หนี้ท่วมหัว” ปัญหาที่หลายคนต้องเจอ ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ายังใช้จ่ายเกินตัว ไม่รู้จักเก็บออม และขาดวินัยทางการเงินอย่างรุนแรง อาจทำให้เงินหมดตัว ... <看更多>