คุณมีเวลาว่างสัก 2 -3 นาทีไหม? ไม่ได้กำลังจะชวนไปทำงานพิเศษอะไร แต่กำลังจะบอกว่าคุณสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเองได้แม้จะยังทำงานประจำอยู่ก็ตาม! ในตอนนี้แค่รายได้ทางเดียวไม่อาจพออีกต่อไป ต้องมีรายได้ทางที่ 2 หรือถ้ามีทางที่ 3 4 5 ก็จะถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด เพราะบางคนต่อให้วางแผนการเงินดีเท่าไหร่ หรือประหยัดแล้วประหยัดอีกแค่ไหนก็ทำได้แค่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือนไม่มีเงินเก็บ ดังนั้นการหารายได้เสริมควบคู่ไปกับการทำงานประจำนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ
.
วันนี้เลยจะพามาทำความรู้จัก Side Hustle เทคนิคการเพิ่มช่องทางรายรับในแบบต่างๆ โดยใช้เวลาว่างหรือนอกเวลาทำงานที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แถมบางคนยังทำออกมาจนกลายเป็นรายได้หลักก็มี
.
ก่อนอื่นขออธิบายให้เข้าใจก่อนว่า Side Hustle นั้นแตกต่างจากการทำงานพาร์ทไทม์ หรือรับจ๊อบเสริมทั่วไป เพราะเน้นไปที่ความสำเร็จต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบและต้องอาศัยความมีวินัยอย่าสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความมั่นคงได้ในระยะยาว รวมไปถึงการฝึนฝนและพัฒนาทักษะอยู่อย่างต่อเนื่อง เสมือนกับการทำธุรกิจอยู่จริงๆ เพียงแค่ทำมันควบคู่ไปกับงานประจำเท่านั้นเอง และอีก 1 ข้อสำคัญคือ เทคนิคนี้ไม่เน้นการลาออกจากงานประจำ แต่เน้นไปที่ความสำเร็จที่มาควบคู่กันมากกว่า แต่ถ้าหากทำได้ดีมากๆ มันอาจจะกลายเป็นรายได้หลักของคุณเลยก็ได้
.
ยกตัวอย่าง Wendi Weiner อดีตนักกฎหมาย ที่มีงานนักเขียนเป็นรายได้ที่ 2 ของเธอและมันสามารถสร้างรายได้ถึง 6 หลัก เพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 2 เท่า! โดยที่เธอเริ่มรับงานเขียนเป็นงานเสริมตั้งแต่เธอยังทำงานประจำอยู่ เก็บสะสมผลงานมาเรื่อยๆ จนเธอตกหลุมรักในงานนี้เข้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เธอชอบที่จะเขียนและช่วยเหลือคนอื่น เมื่อเธอเริ่มเชี่ยวชาญเธอก็หาคอร์สอบรมเพื่อให้ได้ใบรับรอง และรับงานเป็นที่ปรึกษา ในเรื่องของการเขียนเรซูเม่ เขียนบทความ หรือแม้แต่การทำแบรนด์ ทำการตลาด นอกจากนี้เธอก็ยังเรียนรู้ในการทำเว็บไซต์ด้วยตนเอง เพื่อเผยแพร่ความรู้ คำแนะนำ ให้กับคนอื่นๆ ซึ่งมันได้ผลตอบรับที่ดีอย่างมาก จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเพื่อทำรายได้เสริมที่ไม่ใช่แค่เสริมอย่างจริงจัง ซึ่งทั้งหมดนี้เธอบอกว่ามันมาจากความมีวินัยและความสม่ำเสมอในการตั้งใจทำอาชีพที่ 2 ที่เธอทำมันด้วยความชอบและมีความสุขที่จะทำ
.
แล้วทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าอาชีพที่ 2 อันไหนที่เหมาะกับเรา? เริ่มต้นง่ายๆ เลยให้ทำการสำรวจตัวเองก่อนว่างานที่ทำหรือทักษะส่วนตัวที่มีนั้น สามารถแตกออกเป็นธุรกิจอะไรได้บ้าง โดยที่จะเพ้อฝันหรือเกินจริงก็ได้ ถ้าได้มากกว่า 10 อย่างยิ่งดี จากนั้นหยิบเอาหัวข้อที่คิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับการเป็นธุรกิจในยุคนี้ขึ้นมา จัดลำดับความยากง่าย หาข้อมูล วางแผน และลงมือทำได้เลย
.
โดยที่ Side Hustle สามารถแบ่งสายงานออกได้เป็น 4 สาย ที่สามารถสร้างรายได้ได้จริงๆ ดังนี้
.
1. ขายทักษะหรือบริการ
ให้นำเอาทักษะหรือความสามารถที่ตัวเองทำได้ดีปรับเอามาเป็นงานที่ 2 เช่น คนชอบถ่ายภาพก็อาจจะขายภาพออนไลน์หรือลองหาทางโชว์ผลงานตัวเองเช่น การเปิดเพจ หากผลงานเข้าตาก็อาจจะคนมาจ้างถ่ายภาพก็ได้ หรือใครชอบทำอาหาร ปลูกต้นไม้ หรืองานฝีมือต่างๆ ขอแค่อย่ามองข้ามความสามารถของตนเอง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่สามารถสร้างเป็นรายได้ได้ทั้งนั้น
.
2. ปล่อยเช่า
เหมาะสำหรับนักช้อปแต่ไม่ได้ใช้ เพียงแค่เอาของที่ตัวเองมีนั้นเอามาปล่อยเช่าดู เพราะบางครั้งสิ่งของบางอย่างคนก็ไม่ได้อยากซื้อเอามาเก็บ แต่แค่อยากใช้เป็นครั้งคราวก็เท่านั้น หรือจะลองหาข้อมูลว่ามีอะไรที่คนอื่นๆ เขามักจะเช่ากัน บางทีเราอาจจะมีของพวกนั้นอยู่แล้วก็ได้
.
3. ขายความรู้
คุณมีเรื่องอะไรที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษแบบที่ถ้าคนรอบข้างพูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องนึกถึงคุณไหม ถ้ามีก็ยินดีด้วยเพราะมันสามารถสร้างเป็นอาชีพได้ อันนี้ไม่เหมือนกับการเอาทักษะที่มีมาสร้างรายได้ แต่เป็นการขายความรู้ที่เรามีให้กับคนอื่นๆ เช่น การเขียนบล็อก ทำเพจ รวมไปถึงการทำ youtube/podcast ให้ความรู้ และต่อยอดเพื่อหาสปอนเซอร์หรือมีคนมาซื้อโฆษณากับคุณ หรือถ้าใครคิดว่ามันช้าไปก็ขายมันเสียเลย โดยการเปิดคอร์สติว คอร์สสอนออนไลน์ หรือไลฟ์สด ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน ยิ่งถ้าคุณไปอบรมได้ใบรับรองก็จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้คุณได้อีกมากเลยแหละ
.
4. ซื้อมาขายไป
สำคัญคนที่กำลังกังวลว่าตัวเองไม่มีทักษะพิเศษอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ก็อย่าพึ่งหมดหวังในช่วงนี้การซื้อของออนไลน์กำลังได้รับความนิยม ก็ลองหาข้อมูลดูว่าสินค้าตัวไหนน่าสนใจนำเอามาขายบ้าง ยิ่งถ้าสามารถรับมาในราคาที่ถูกและเอามาดัดแปลงเปลี่ยนแพ็คเกจการขายดูก็จะสามารถขายในราคาที่สูงได้รวมถึงกำไรก็จะตามมา แต่ถ้าใครอาจจะยังไม่มีเงินลงทุนมากนั้นก็อาจจะเริ่มจากการพรีออเดอร์มาขายก่อนก็ได้แต่แบบนี้ก็ต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับนึงด้วยนะ
.
ที่จริงแล้วงานที่ 2 นั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้อกันกับงานประจำของคุณเลยก็ได้ หรืออาจจะไม่ต้องเป็นทักษะที่คุณเชี่ยวชาญ แค่เป็นสิ่งที่คุณสนใจ จะสุดแปลกแหวกแนวแค่ไหนก็ไม่เสียหาย หรือจะเป็นทักษะที่มีแต่ไม่มากแล้วลองไปเรียนรู้ ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มตรงส่วนนั้นๆ ก็ได้เหมือนกัน ขอแค่คุณลองดูว่า มันเป็นสิ่งที่คุณชอบและทำมันได้ดี รวมถึงเป็นสิ่งที่คุณรู้ว่าลูกค้าของคุณจะเป็นใคร และเป็นสิ่งที่คุณดูแล้วว่าลูกค้าเหล่านั้นพร้อมที่จะจ่ายเงินให้กับมัน เท่านี้ก็สามารถเกิดเป็นธุรกิจและรายได้ทางที่ 2 ของคุณได้แล้ว
.
สำหรับบางคนการออกมาทำธุรกิจส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องที่น่าท้ายทาย แต่สำหรับบางคนนั้นเป็นเรื่องที่อยู่บนเส้นด้าย เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าหากคุณสามารถทำงานที่ 2 หรือธุรกิจที่ 3 ควบคู่ไปกับการทำงานประจำได้นั้น ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อชีวิตของคุณ เพราะนอกจากจะมีความมั่นคงในงานประจำก็ยังมีรายได้เสริมเป็นเงินเก็บหรือเอาไปลงทุนต่อจากงานที่ 2 ได้ และถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันโดนปลดออกจากงานคุณก็ยังจะมีงานที่ 2 ซึ่งเป็นรายได้อีกทางรองรับอยู่
.
ดังนั้นในยุคนี้ที่รายได้ไม่ควรมีแค่ทางเดียว อยากให้ทุกท่านมองหารายได้ที่ 2 ที่เหมาะสมกับตัวเองเอาไว้ เพราะคนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้ตัวเองเกิดความเสี่ยงน้อยที่สุดและมีเวลาไปลงทุนทำอย่างอื่นเพื่อให้เงินที่มีอยู่นั้นงอกเงยขึ้นในทุกๆ วัน ไม่มีอะไรที่สายเกินไปเมื่อคิดแล้วต้องลงมือทำด้วยความมีวินัย และใครที่ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะทำอะไรก็สามารถติดตามไอเดียทางธุรกิจที่น่าสนใจ หรือเทคนิคการทำธุรกิจดีๆ ได้จากแฟนเพจ อายุน้อยร้อยล้านได้ทุกวัน แล้ววันนึงคุณอาจจะสามารถค้นพบ ธุรกิจที่ 2 รายได้ที่ 3 ของคุณเองก็ได้
.
ที่มา : https://cnb.cx/3at50HH
https://bit.ly/39GHyaE
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#sidehustle #business #ไอเดียธุรกิจ #อาชีพสร้าง #ธุรกิจ #มนุษย์เงินเดือน #พนักงานประจำรายได้ #ธุรกิจที่2 #รายได้เสริม
อาชีพสร้าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
Facebook จะแบ่งรายได้โฆษณาให้คน Live / โดย เพจลงทุนแมน
ตามที่ได้เขียนในบทความก่อนว่า Facebook จะเอาจริงแน่ในเรื่อง “วิดีโอ" ข่าวล่าสุด Facebook ประกาศว่าจะแบ่งรายได้ให้คนที่ Live Video แล้ว ส่วนเงื่อนไขเป็นอย่างไรมาดูกัน
- เจ้าของเพจ จะต้องมี follower 2,000 คนขึ้นไป และในการ live วิดีโอครั้งล่าสุดจะต้องมีคนดูพร้อมกัน 300 คนขึ้นไป
- เจ้าของเพจสามารถหยุดวิดีโอเพื่อใส่โฆษณาได้ ถ้ามีคนดูวิดีโอพร้อมกัน 300 คนขึ้นไป โดยการกด icon $ บนหน้าจอที่ตัวเอง Live
- เจ้าของเพจจะโฆษณาได้ก็ต่อเมื่อ Live ผ่านไปแล้ว 4 นาที และสามารถใส่โฆษณาครั้งต่อไปได้อีกทุกๆ 5 นาทีถัดไป
- โฆษณาแต่ละครั้งจะนานประมาณ 20 วินาที
และนอกจากนั้นยังสามารถใส่โฆษณาในวิดีโอที่เราจะ upload ให้คนอื่นดูในภายหลังได้อีกด้วย แปลว่าถึงเราจะ Live เสร็จไปแล้ว แต่คนอื่นมาดูทีหลังเราก็จะได้ส่วนแบ่งรายได้โฆษณาเหมือนกัน
โดยการแบ่งรายได้ของการ Live นี้จะเริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก่อน และจะค่อยๆขยายไปประเทศอื่นทีหลัง ซึ่งวันก่อนผมได้ดูรายการของวูดดี้ได้พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แปลว่าก็คงจะมีเข้ามาในประเทศไทยเร็วๆนี้
จะเห็นได้ว่า Facebook ต้องการวิดีโอที่นานขึ้น วิดีโอที่มีคุณภาพมากขึ้น การที่จะเป็นแบบนั้นได้ต้องมีแรงจูงใจให้แก่ผู้สร้าง content นั่นก็คือการแบ่งรายได้โฆษณาให้คล้ายกับที่ผู้สร้าง content ใน Youtube ที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า ผู้ถ่าย live Facebook แต่เดิมจะเป็นแบบคลิปสั้นๆสมัครเล่น แต่ในอนาคตจะเปลี่ยนไป เพราะจากข่าว Facebook จะแบ่งรายได้ให้เราถึง 55% ของค่าโฆษณา ซึ่งไม่แพ้ Youtube
อย่างไรก็ตามวิดีโอเปลืองพื้นที่ในการเก็บข้อมูลมาก เพราะวิดีโอก็เหมือนการเอารูปเป็นร้อยๆรูปมาเรียงต่อกันเป็นภาพเคลื่อนไหว ดังนั้นวิดีโอที่คมชัดจะต้องการเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมากกว่าในรูปแบบเดิมที่เป็นภาพนิ่งและตัวอักษรมาก
ดังนั้น Facebook จึงตั้งงบประมาณ 200,000 ล้านบาทในปี 2017 จะจ่ายเพื่อสร้าง infrastructure เพื่อรองรับวิดีโอ ทั้ง data center, server และ network มูลค่าขนาดนี้ ประเทศไทยสามารถสร้างรถไฟฟ้าได้หลายสายซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้าง แต่ Facebook จะจ่ายเงินทั้งหมดนี้ภายในปีเดียว! และปีหน้าก็คาดว่าจะมีงบลงทุนที่มากกว่านี้อีก
ต่อไปคนสร้าง content จะมีคุณค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้จากข่าวว่าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประกาศรับพนักงานเงินเดือน 1 ล้านบาทเพื่อมาสร้าง content ใน Facebook โดยเฉพาะ และในอนาคตในมหาวิทยาลัยก็น่าจะมีหลักสูตรนี้ที่สอนเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง อาชีพที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของทุกองค์กรในยุคต่อไปคงปฏิเสธไม่ได้ว่าจะเป็น “อาชีพสร้าง content” ซึ่งจะสำคัญมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ เพราะเกี่ยวข้องกับยอดขายโดยตรง
อาชีพสร้าง content ต้องการ skill อะไรบ้าง ก็น่าจะต้องมี skill หลายๆด้านผสมกัน เช่น การตลาด การวิเคราะห์จุดเด่นของสินค้า การวิเคราะห์ลูกค้า กราฟฟิกดีไซน์ การเล่าเรื่อง การเขียน รวมไปถึงการพูดจา และบุคลิกภาพ ถ้าเป็นการ Live
ที่มาบทความ http://longtunman.com/339